ตระกูลเจียงสายหลักและสายรองในเมืองหลวง กำลังต่อสู้กันอยู่อย่างเงียบ ๆ มีเพียงคนที่เป็สหายเท่านั้น ที่รับรู้ว่าสองพี่น้องต่างแม่เกลียดกันมาั้แ่เด็ก ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรคนที่เป็ฝ่ายชนะมักจะเป็แม่ทัพใหญ่อยู่เสมอ
ทางด้านเมืองเฉียนโจวนายกองจั๋วได้เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือเวลาอีกหนึ่งวันฟู่หลงเหยียนจะนำตัวนักโทษออกเดินทางเสียที แต่ในต้นยามเฉินฟู่หลงเหยียนก็ได้รับจดหมายจากจิ้งโม่
“นายน้อยขอรับจดหมายจากจิ้งโม่น่าเพิ่งจะมาถึง คงเกี่ยวกับเื่ของคุณหนูอวี้จิ่นนะขอรับ” เฉินอิ่นนำจดหมายออกจากขานกพิราบที่บินมาจากเมืองหลวงมอบให้เ้านายของเขา
“อืม ขอบใจ”
ฟู่หลงเหยียนรับจดหมายมาเปิดอ่านที่เขียนมาสั้น ๆ แต่สามารถเข้าใจความหมายที่จิ้งโม่บอกมาเป็อย่างดี
‘ตระกูลเจียงคาดว่าทารกถูกสับเปลี่ยนและเป็แผนร้ายของตระกูลสายรอง สหายของนายน้อยกำลังเดินทางไปสมทบ’
“หึ นางเป็บุตรสาวของตระกูลนี้จริง ๆ สินะ”
“เอ่อ นายน้อยข่าวของจิ้งโม่ว่าอย่างไรบ้างหรือขอรับ เจอตระกูลครอบครัวของคุณหนูอวี้จิ่นหรือไม่ขอรับ” ตงลู่เป็หน่วยกล้าตายเอ่ยถามเื่อวีจิ้นกับฟู่หลงเหยียน
“อืม จิ้งโม่สืบได้แล้วว่าตระกูลที่ยังใช้หยกทำกุญแจอายุยืน มีเพียงตระกูลเจียงของแม่ทัพใหญ่เจียงซือกุ่ยเท่านั้น” ฟู่หลงเหยียนไม่จำเป็ต้องปิดบังเื่นี้กับคนสนิท
“ห๊ะ!!/ตระกูลเจียง!!/แม่ทัพใหญ่!!” คนสนิททั้งสามใกับตระกูลของอวี้จิ่นนั่นทำให้รู้สึกว่าเ้านายของตนกำลังอยากได้ลูกเสือ
“นะ นะ นายน้อยขอรับหากส่งคุณหนูเข้าจวนตระกูลเจียงแล้ว นั่นหมายความว่าท่านส่งลูกเสือให้พ่อเสือกับพี่ชาย ที่น่าจะหวงคุณหนูเอาเื่อยู่ไม่น้อยเชียวนะขอรับ หากจะพบเจอตัวอย่างทุกวันนี้คงไม่ง่ายอีกแล้ว” เฉินอิ่นกล้าพูดได้เต็มปากว่าแม่ทัพใหญ่เจียงและบุตรชาย เป็เสือที่ดุและหวงอาณาเขตของตนเป็อย่างยิ่ง
“หึ ๆ ๆ แล้วอย่างไรในเมื่อข้าจับจองนางเอาไว้แล้ว หากนางอยู่ในความดูแลของแม่ทัพใหญ่และเจียงหยวน ข้าเชื่อว่าจิ่นเอ๋อร์ไม่มีวันได้รับสมรสพระราชทานอย่างแน่นอน” ฟู่หลงเหยียนพูดอย่างมั่นใจเพราะในมือของแม่ทัพใหญ่ มีราชโองการจากฮ่องเต้เื่การเลือกคู่ครองไม่ว่าจะเป็บุตรชายหรือบุตรสาว
“อ้อ บ่าวเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนายน้อยถึงไม่กลัดกลุ้มเช่นนี้ หากมีตระกูลขุนนางที่แบ่งพรรคแบ่งพวกอยู่กับองค์ชายทั้งหลาย คิดจะสู่ขอนางไปเป็สะใภ้ละก็ฮ่องเต้ย่อมเพ่งเล็กพวกเขาทันที เพราะแม่ทัพใหญ่ควบคุมทหารอยู่ในมือหลายแสนนาย แต่นายน้อยย่อมเข้าออกจวนนั้นได้เนื่องจากท่านเป็สหายกับรองแม่ทัพเจียงนี่เอง” คำพูดนี้ถือว่าถูกต้อง
ขณะที่กลางห้องรับแขกบุรุษร่างสูงใหญ่ทั้งสี่กำลังพูดคุยเื่เกี่ยวกับอวี้จิ่น ไม่ทันไรเสียงของเ้าของชื่อก็ดังอยู่ด้านหลังจนพวกตงลู่ยังใ ยกเว้นฟู่หลงเหยียนที่ชอบฟังเสียงของอวี้จิ่นมากกว่าใคร
“เฮ้!! นี่พวกท่านน่ะ!!”
“เฮือก!!”
“แอบมานั่งคุยกันอยู่ที่นี่เองข้าเรียกหาอยู่ตั้งนาน แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงตกลงพวกท่านจะทานข้าวหรือไม่ หากไม่ทานข้าจะเอาไปแจกจ่ายให้ขอทานแล้วนะเ้าคะ ฮึ่ย!” อวี้จิ่นทำอาหารเสร็จไปหลายจานพอเรียกหาคนช่วยยกอาหาร กลับไม่มีใครตอบรับนางเลยสักคนจึงเดินตามหามาถึงที่นี่
“อย่า ๆ ๆ ทำเช่นนั้นเลยนะขอรับคุณหนูอวี้จิ่น พวกข้าขออภัยที่มาอยู่ในห้องนี้จนลืมไปว่าท่านกำลังทำอาหารอยู่ เชิญท่านมานั่งพักให้หายเหนื่อยจะดีกว่าเื่ยกอาหาร ปล่อยให้เป็หน้าที่ของพวกข้าสามคนเองขอรับ” ตงลู่ไม่มีทางยอมให้อวี้จิ่นทำเช่นที่พูดแน่ เขารีบขอโทษก่อนใครและยังอาสาชวนสหายไปจัดการเื่อาหาร
"จิ่นเอ๋อร์มานั่งเถิดที่เหลือให้ทั้งสามคนจัดการแทนเ้าเอง ตื่นมาทำอาหารมากมายั้แ่เช้าเพียงลำพัง ตัวหรือก็แค่นี้แต่กลับมีแรงเยอะเสียจริงนะ” ฟู่หลงเหยียนเรียกอวิ้จิ่นให้มานั่งกับตน ส่วนสายตาหันไปออกคำสั่งให้คนสนิทรีบไปยกอาหาร เมื่อเจอสายตาดุร้ายของเ้านายทั้งสามคนจึ่งแย่งกันวิ่งออกไปจากห้องรับแขกอยากรวดเร็ว
“เฮ้อ รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันนะเ้าคะข้าไม่เคยเดินทางไกลมาก่อน ยิ่งเป็เมืองหลวงที่มีฮ่องเต้กับพวกขุนนางใหญ่ ๆ แล้วจวนของพี่ชายฟู่อยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่เ้าคะ” อวี้จิ่นรู้แค่ว่าฟู่หลงเหยียนเป็ขุนนางแต่ยังไม่รู้ว่าเขามีครอบครัวอยู่ที่ไหน
“อืม จวนตระกูลฟู่ย่อมอยู่ในเมืองหลวงที่กว้างใหญ่ เื่ที่เ้าจะเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อตามหาครอบครัวนั้น หากไปถึงที่นั่นเ้ามีแผนการจะตามหาพวกเขาเช่นไรหรือจิ่นเอ๋อร์ ที่พี่ถามเ้ามิได้มีเจตนาอื่นแต่ในเมืองหลวงคนชั่วในคราบของคนดีมีอยู่มาก พี่แค่ไม่อยากให้เ้าถูกหลอกใช้เป็เครื่องมือเท่านั้น” ฟู่หลงเหยียนยังไม่พูดถึงเื่ตระกูลเจียง
“วิธีตามหาไม่มีหรอกเ้าค่ะเพราะมีเพียงจวนของตระกูลเจียง ที่ข้าต้องไปพบเ้าของจวนแห่งนั้นให้ได้และยังมีเื่ต้องสะสางอีกเล็กน้อย แต่การที่ข้ารู้ว่าต้องไปที่ตระกูลเจียงได้อย่างไรคงต้องขอปิดไว้ก่อนนะ ไม่ทราบว่าพี่ชายฟู่ถามเื่นี้ไปทำไมหรือเ้าคะ” อวี้จิ่นรู้ั้แ่เห็นภาพนิมิตทั้งหมดจากยายเฒ่าลิ่วแล้ว นางแค่ยังไม่แน่ใจว่าคนในครอบครัวยัง้านางอยู่หรือไม่
“ถ้าพี่บอกกับจิ่นเอ๋อร์ว่าเื่ของเ้ารู้ถึงหูของทุกคนแล้ว ยามนี้พี่ชายของเ้ากำลังเร่งเดินทางมาเพื่อพบกับเ้าล่ะ เพราะพี่เป็สหายกับพี่ชายของเ้าเองเชื่อที่พี่พูดมาหรือไม่เล่า” เมื่ออวี้จิ่นพูดถึงเพียงนี้เขาไม่จำเป็ต้องปกปิดอันใดอีก มิสู้บอกเล่าให้นางได้รู้และเตรียมตัวเตรียมใจพบเจอคนในครอบครัวไว้แต่เนิ่น ๆ มิดีกว่าหรือ
“ท่านว่าอะไรนะ!! พวกเขารู้การมีอยู่ของข้าแล้วงั้นหรือมิหนำซ้ำพี่ชายของข้ากำลังเร่งเดินทางมาพบกับพวกเรา หากเป็เช่นที่พี่ชายฟู่พูดมาก็หมายความว่าพวกเขาดีใจ และยินดีต้อนรับบุตรสาวคนนี้กลับเข้าตระกูลใช่ไหมเ้าคะ” อวี้จิ่นไม่คิดว่าฟู่หลงเหยียนจะส่งข่าวเื่ของนางไปเมืองหลวงตั้งนานแล้ว
“แน่นอนว่าทุกคนย่อมยินดีและรอคอยต้อนรับเ้า ต่อไปเ้าก็มีแซ่ให้ใช้เหมือนคนอื่นแล้วนะจิ่นเอ๋อร์ แต่แซ่ของเ้าอาจเรียกความสนใจจากเชื้อพระวงศ์ หรือพวกขุนนางที่อยากได้เ้าไปเป็สะใภ้ของตระกูล เพื่อหวังอำนาจทางการทหารของบิดาเ้าอย่างแม่ทัพใหญ่เจียงซือกุ่ย” เขาจำไม่ได้แล้วว่าชื่อของนางที่เจียงหยวนเคยพูดถึงคือชื่ออะไร
“เย้ ๆ ๆ ถ้าพวกเขายินดีต้อนรับข้านั่นถือเป็ข่าวดีที่สุดเลยเ้าค่ะ และแล้วก็ไม่ต้องเป็เด็กกำพร้าอีกต่อไป ส่วนเื่ขุนนางหรือว่าเชื้อพระวงศ์อะไรนั่นข้าไม่สนใจหรอกเ้าค่ะพี่ชายฟู่ เื่ชีวิตส่วนตัวของข้าใครก็ไม่มีสิทธิ์มากำหนดได้ ถ้ามีใครกล้ามาวุ่นวายเื่นี้ละก็จะให้ท่านพ่อสั่งสอนเสียให้เข็ด หรือหากมีคนคิดจะมารังแกข้าพี่ชายฟู่จะช่วยจัดการหน่อยไม่ได้หรือเ้าคะ”
แรก ๆ ก็ดูห้าวหาญอยู่หรอกแต่ตอนท้ายหันไปทำตัวน่าสงสารกับฟู่หลงเหยียนอีก นางช่างไม่รู้อะไรเสียแล้วถึงนางจะไม่พูดฟู่หลงเหยียน จะยอมปล่อยคนพวกนั้นทำให้นางขุ่นเคืองใจได้อย่างไร ยิ่งหน้าตาท่าทางออดอ้อนของนางทำให้ใจของฟู่หลงเหยียนละลายไปหมดแล้วยามนี้
“จิ่นเอ๋อร์อย่าห่วงเลยคนที่คิดไม่ดีกับเ้าพี่จะจัดการพวกมันเอง”
“ขอบคุณพี่ชายฟู่นะเ้าคะข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านไม่มีทางปล่อยคนชั่วไว้แน่ อ้อ ท่านบอกว่าท่านเป็สหายกับพี่ชายของข้าใช่ไหมเ้าคะ” อวี้จิ่นไม่ได้คิดว่าคำพูดของฟู่หลงเหยียนนั้นคือการกำจัดทุกคนที่คิดไม่ดีกับนางต่างหาก มิใช่การผดุงความยุติธรรมกำจัดคนชั่วตามกฎหมายเสียเมื่อไหร่กัน
“ใช่พี่กับเจียงหยวนเป็สหายกันมาั้แ่เด็ก จิ่นเอ๋อร์ถามถึงเื่นี้เ้าอยากรู้อะไรก็ถามมาเถิด พี่ย่อมตอบคำถามของเ้าทุกข้ออยู่แล้ว”
แต่ก่อนที่อวี้จิ่นจะตอบตงลู่ได้ส่งเสียงเพื่อเชิญทั้งสองคน ไปรับอาหารเช้ายังห้องด้านข้างดังขึ้นเสียก่อนจึงต้องหยุดเื่ที่คุยไว้เพียงแค่นั้น
“ก๊อก ๆ ๆ นายน้อยขอรับคุณหนูอวี้จิ่น อาหารถูกยกขึ้นโต๊ะพร้อมแล้วเชิญรับอาหารเช้าเถิดขอรับ”
“ขอบคุณเ้าค่ะน้าตงลู่ พี่ชายฟู่ไปทานอาหารกันเถิดเ้าค่ะเื่พี่ชายไว้ท่านค่อยเล่าให้ฟังระหว่างเดินทางก็ได้ เพราะข้าอยากรู้เกี่ยวกับทุกคนในครอบครัวมิใช่แค่พี่ชายเพียงคนเดียวเ้าค่ะ” ยังมีเวลาอีกมากที่นางจะทำความเข้าใจกับนิสัยของคนในครอบครัว
“ได้สิพี่แล้วแต่จิ่นเอ๋อร์” เมื่ออวี้จิ่นอยากรู้เื่คนในครอบครัวฟู่หลงเหยียนย่อมเล่าให้ฟัง ถือว่านี่เป็การใช้เวลากับนางอีกรูปแบบหนึ่ง
ปลายยามโหย่วของวันต่อมาก็ถึงวันต้องออกเดินทางกันแล้ว อวี้จิ่นฉวยโอกาสตื่นก่อนทุกคนในยามอิ๋นเพื่อจะเอาซาลาเปาออกมา โดยนางจะบอกกับฟู่หลงเหยียนว่าทำไว้เป็มื้อเช้า เผื่อว่ามีใครรู้สึกหิวระหว่างทางจะได้มีเ้าซาลาเปาไว้กินรองท้อง ที่สำคัญนางเตรียมไว้เยอะพอสมควรเพราะคำนวณจากรูปร่างของพวกเขา แค่สองลูกคงไม่อิ่มจึงหยิบออกมาจนลืมนับว่ามีจำนวนกี่ลูก
ตงลู่และอู๋จิ้งเดินตามกลิ่นหอมของเนื้อในซาลาเปามาถึงห้องครัว ยังไม่ทันจะเอ่ยถามทั้งสองคนก็ถูกอวี้จิ่นไหว้วานเก็บซาลาเปาที่นึ่งเสร็จ ใส่กล่องไม้และนำผ้ามาคลุมไว้ก่อนจะปิดฝาให้มิดชิด ก่อนจะยกออกไปด้านหน้าจวนที่ยามนี้ฟู่หลงเหยียนกำลังตรวจดูรถม้าขนาดกลาง เขาเตรียมมันไว้ให้กับอวี้จิ่นด้านในยังสั่งให้ปูฟูกหนา เผื่อว่านางเกิดง่วงนอนก็สามารถนอนพักได้ทันที ความเอาใจใส่นี้ทำให้อวี้จิ่นยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มร่างสูงขึ้นไปอีก
ส่วนขบวนนักโทษและทรัพย์สินที่ยึดมาทั้งหมด นายกองจั๋วจัดการได้เรียบร้อยพร้อมคัดเลือกทหารฝีมือดี ติดตามคุ้มกันขบวนจนกว่าจะถึงเมืองหลวงเนื่องจากทรัพย์สินมีมากเหลือเกิน
“ขอบใจนายกองจั๋วมากที่ช่วยจัดการได้เป็อย่างดี รวมถึงกำลังทหารบางส่วนที่ต้องติดตามข้าไปเมืองหลวง อย่างไรเสียทางนี้จะขาดคนดูแลไม่ได้รบกวนฝากเมืองเฉียนโจวและชาวบ้านทุกคน ให้นายกองจั๋วดูแลไปก่อนระหว่างรอการแต่งตั้งเ้าเมืองคนใหม่ก็แล้วกัน”
“ใต้เท้าฟู่โปรดวางใจทางนี้ข้าน้อยจะดูแลทุกคนให้อยู่ในกฎหมาย หากมีการแต่งตั้งเ้าเมืองคนใหม่ขอเพียงเป็คนดีและซื่อสัตย์นะขอรับ” หากเป็เหมือนเดิมเขาคงทนไม่ไหวอีกแน่
“อืม ครั้งนี้ข้าจะเป็คนเสนอต่อฝ่าาเองนายกองจั๋ววางใจเถิด เอาล่ะข้าต้องออกเดินทางแล้วไม่อาจเสียเวลาไปมากกว่านี้ขอตัวก่อน” ฟู่หลงเหยียนต้องเร่งเดินทางเพราะกังวลทั้งเื่นักโทษและเงินทองที่มากมายนั่น
“ขอให้ใต้เท้าและทุกคนเดินทางปลอดภัยขอรับ” นายกองจั๋วได้แต่ภาวนาขอให้คนที่ฟู่หลงเหยียนส่งมา อย่าเป็อย่างคนเก่าอีกเลยไม่เช่นนั้นตัวเขาเองคงต้องลาออกกลับบ้านเดิมแทน
“ออกเดินทางได้”
เมื่อขบวนเดินทางเคลื่อนตัวออกจากเมืองเฉียนโจว สองข้าทางมีชาวบ้านมากมายที่ในมือมีทั้งผักเน่า แม้แต่ก้อนหินก็ยังมีพวกเขาปาไปยังนักโทษทั้งหลาย ที่ไม่อาจปัดป้องสิ่งที่ปามาจึงาเ็กันไปเล็กน้อย ถึงจะพ้นประตูเมืองมาแล้วยังไม่วายมีเสียงสาปแช่งตามมาไม่ขาด
ระหว่างเดินทางฟู่หลงเหยียนไม่ลืมเล่าเื่ตระกูลเจียง ตามที่ได้รับปากกับอวี้จิ่นเอาไว้ทุกครั้งที่แวะพักค้างแรมกลางป่าเขา นอกจากอาหารที่นางเตรียมไว้สำหรับคนแล้วยังมีผักให้เสี่ยวเฟิง ซึ่งฟู่หลงเหยียนรู้สึกว่าม้าของตนจะถูกใจผักของอวี้จิ่นเป็พิเศษ ถึงกับคิดว่าเ้าเสี่ยวเฟิงกำลังอยากจะเปลี่ยนเ้านายไปเป็อวี้จิ่นแทนตนเสียแล้ว
หลังจากเดินทางมาผ่านมาได้สองเมืองใช้เกือบยี่สิบวัน เนื่องจากเป็ขบวนใหญ่จึงฝืนใช้ความเร็วมากไม่ได้ มิเช่นนั้นสัตว์ที่เทียมเกวียนอย่างวัวคงจะตายก่อนเป็แน่ จนกระทั่งมาถึงเมืองซวนเหอซึ่งที่เมืองนี้อวี้จิ่นอยากจะเข้าไปเดินเล่น หลังจากนั่งอยู่ในรถม้ามาตลอดทางจนเบื่อ
“พี่ชายฟู่เ้าคะเรามาถึงเขตเมืองซวนเหอและต้องพักที่นี่ ท่านช่วยพาข้าเข้าไปในเมืองได้หรือไม่เ้าคะ” อวี้จิ่นที่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าอยากหาของขวัญที่เหมาะกับคนในครอบครัวติดมือไปด้วยสักเล็กน้อย จึงอยากไปดูที่ร้านเครื่องประดับเผื่อจะมีลายใหม่ ๆ มาขายบ้าง
“เ้าคงจะเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่ในรถม้าใช่หรือไม่เล่า ยังพอมีเวลาอีกมากพี่จะพาจิ่นเอ๋อร์ไปเดินเล่นในเมืองก็แล้วกัน แต่พวกเราคงต้องขี่เ้าเสี่ยวเฟิงไปจะได้ถึงที่นั่นเร็วกว่านั่งรถม้านะ” ฟู่หลงเหยียนพูดเหมือนไม่มีอะไรแต่คนสนิทคิดไปไกลแล้ว เพราะรู้สึกว่าเ้านายจะชื่นชอบยามมีอวี้จิ่นอยู่ใกล้ ๆ
“เ้าค่ะเสี่ยวเฟิงพาข้าไปในเมืองหน่อยนะแล้วจะมีผักแสนอร่อยเป็รางวัลให้เ้าเยอะ ๆ เลย”
“ฮี้ ๆ ๆ”
“ไปกันเถิด เฉินอิ่นเ้าตามข้ากับจิ่นเอ๋อร์เข้าเมืองส่วนพวกเ้าสองคน คอยดูแลจัดการที่นี่ให้ดีข้าไปในเมืองไม่นานแล้วจะรีบกลับมา” ฟู่หลงเหยียนไม่ลืมกำชับเื่งานกับคนสนิทอีกสองคนอย่างตงลู่กับอู๋จิ้ง
“ขอรับนายน้อย”
“ท่านน้าทั้งสองทำงานให้ดีเล่าไว้ข้าจะซื้อของกินอร่อย ๆ จากในเมืองมาฝากนะเ้าคะ”
“ขอบคุณหนูอวี้จิ่นขอรับ” ทั้งสองคนรับคำเสียงอ่อยเพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่ชินเสียที เมื่อคำว่าน้าออกมาจากปากของอวี้จิ่นมันช่างทำให้จิตใจห่อเหี่ยวพาลคิดว่าตนเองเป็คนมีอายุไปเสียแล้ว
แต่อวี้จิ่นยังไม่รู้ว่าในเมืองซวนเหอแห่งนี้มีเหตุการณ์บางอย่าง ที่จะทำให้นางโมโหจนลงมือทุบตีทำร้ายร่างกายคน เพราะไม่สามารถรับเื่ที่ะเืใจเช่นนั้นได้ แม้แต่ฟู่หลงเหยียนและเฉินอิ่นยังรั้งตัวนางไว้ไม่ทัน จากเหตุการณ์นี้อวี้จิ่นได้ใช้ความสามารถพิเศษของตน จัดการเ้าเมืองที่เห็นแก่เงินสินบนเพิ่มอีกหนึ่งคน รวมถึงเศรษฐีแก่จิตใจวิปริตที่ต้องสูญเสียเงินทองมากมาย เพื่อจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวของเด็กที่ตายอย่างทรมาน
