อวิ๋นฉี่เยว่เองก็สอบถามถึงเื่ที่พวกเขาไปเมืองจิ่วเจียง ฟางซื่อจึงเล่าเื่ราวที่พวกเขาพบเจออย่างไม่ละเอียดนัก
“...โชคดีที่มีเซ่าชิง อ้อ ก็คือเจิ้นหย่วนโหว ฉู่อี้ ไม่เช่นนั้นพวกเราก็แย่แน่” ในเขตโรคระบาด แม้ว่าครอบครัวของนางจะมีวิธีหลบหนีได้ แต่ระหว่างทางย่อมเต็มไปด้วยอันตราย เมื่อนึกถึงเื่ราวในตอนนั้น ฟางซื่อก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่เลย
เซ่าชิงอย่างนั้นหรือ เหตุใดท่านแม่ถึงเรียกเขาสนิทสนมเช่นนั้น? ดวงตาของอวิ๋นฉี่เยว่หม่นลงเล็กน้อย
ความรู้สึกไม่สบายใจในใจของเขาก็จางหายไปในชั่วพริบตาถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกห่วงใย แม้ว่าฟางซื่อจะเล่าเื่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เขาก็ยังคงจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์ที่น่าตึงเครียดนั้นได้
เอาเถิด เซ่าชิง... ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์ไม่พอใจกับความกระตือรือร้นและความสนิทสนมที่มารดาและน้องสาวแสดงออกต่อเด็กหนุ่มคนนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะคว้ามือของอวิ๋นเจียวมาจับไว้แน่นโดยไม่พูดอะไร
อวิ๋นเจียวรู้ดีว่าพี่ใหญ่กังวลจึงเอียงหัวมองเขา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่ใหญ่ พวกเรากลับมาอย่างปลอดภัยแล้วไม่ใช่หรือเ้าคะ การเดินทางครั้งนี้ผ่านพ้นอันตรายมาได้ แต่พี่รองที่อยู่ที่บ้านกลับต้องเคราะห์ร้าย เกือบจะ...”
เกือบเอาชีวิตไม่รอด! สีหน้าของอวิ๋นฉี่เยว่มืดครึ้มลงอีกครั้ง ตอนที่เขาไปส่งท่านอาจารย์ เขาก็ได้ยินเื่ของฉี่ซานมาบ้างแล้ว ล้วนเป็ฝีมือของคนจากบ้านตระกูลอวิ๋นเก่าที่ก่อปัญหา
“ครั้งนี้พวกเราจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ไม่ได้แล้ว”
“เจียวเอ๋อร์... อ๊ะ พี่สามก็กลับมาแล้วหรือเ้าคะ?” อวิ๋นฉี่เยว่เพิ่งพูดจบ ก็มีใครคนหนึ่งโผล่หน้าเข้ามาจากนอกประตูห้องโถง เป็อวิ๋นหลานเอ๋อร์
อวิ๋นเจียวรีบเอ่ยทัก “พี่หลานเอ๋อร์ เชิญเข้ามาเร็วเข้าเ้าค่ะ”
อวิ๋นหลานเอ๋อร์ไม่ได้เข้ามา เพียงแต่โบกมือเรียกอยู่ด้านนอก “เร็วเข้า ไปบ้านหลังเก่ากันเถอะ ท่านลุงรองเชิญทั้งผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าตระกูลและผู้าุโหลายคนของตระกูลอวิ๋นมารวมตัวกันเต็มลานบ้านเลย”
“อืม ไปกันเถิดเ้าค่ะ” อวิ๋นเจียวได้ยินดังนั้นก็รีบไถลตัวลงจากเก้าอี้ อวิ๋นฉี่เยว่ก็ลุกขึ้นยืนในเวลาเดียวกัน
“เจียวเอ๋อร์ ให้พี่อุ้มเ้าดีกว่า จะได้เร็วขึ้น”
อวิ๋นเจียวไม่อิดออด ปล่อยให้อวิ๋นฉี่เยว่อุ้มนาง พูดตามตรงแล้ว นางก็เหนื่อยมากจริงๆ เดินทางมาหลายวันติดต่อกันบวกกับเมื่อคืนที่ต้องดูแลพี่รองอยู่ทั้งคืน นางยังไม่หายเหนื่อยเลย
ฟางซื่อกำชับชุนเหมยให้ดูแลอวิ๋นฉี่ซานดีๆ ส่วนโม่ซ่านก็ติดตามพวกเขาไปด้วย
“สาวใช้คนนี้ซื้อมาจากเมืองจิ่วเจียงหรือ?” ระหว่างทางอวิ๋นฉี่เยว่ถามอวิ๋นเจียว
“ไม่ใช่เ้าค่ะ ฉู่อี้ยกให้ข้าเอง โม่ซ่านเป็คนของสำนักโม่”
อวิ๋นฉี่เยว่: ...
แม้ว่าในใจจะไม่สบายใจ แต่บ่าวรับใช้ที่สำนักโม่ฝึกฝนขึ้นมานั้น ล้วนมีชื่อเสียงในด้านความจงรักภักดีและฝีมือดีเยี่ยม หายากยิ่งนัก แม้มีเงินทองมากมายก็ไม่อาจหาได้ง่ายๆ
ชั่วครู่หนึ่ง อวิ๋นฉี่เยว่จึงเอ่ยขึ้นว่า “ไว้ข้าจะหาโอกาสไปคารวะเขาด้วยตัวเอง”
นับั้แ่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งนั้น อวิ๋นฉี่เยว่ก็อยากจะซื้อสาวใช้ที่เก่งกาจด้านวรยุทธ์มาให้อวิ๋นเจียว แต่สาวใช้แบบนี้หาได้ยากยิ่งนัก เขาไปเมืองหลวงก็เพราะเื่นี้ แต่... สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้
ฟางซื่อเอ่ยเสริม “เซ่าชิงยังมอบสารถีให้พวกเราอีกคนหนึ่ง ชื่อโม่จู๋ก็เป็คนของสำนักโม่เช่นกัน”
อวิ๋นฉี่เยว่ขมวดคิ้ว “ท่านแม่ บุญคุณครั้งนี้มากเกินไปหรือไม่ขอรับ?”
ฟางซื่อกล่าว “บุญคุณนี้ชดใช้ไม่หมดหรอก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากับจวนเจิ้นหย่วนโหวไม่อาจตัดขาดได้อีกแล้ว พวกเรารู้แก่ใจก็พอ มีข้ากับท่านพ่อเ้าอยู่ พวกเ้าพี่น้องไม่ต้องไปคิดมากเกี่ยวกับหนี้บุญคุณ ทุกอย่างปล่อยให้เป็หน้าที่ของพวกเราเอง”
นางจะไม่ยอมให้ลูกๆ ต้องแบกรับหนี้บุญคุณเื่เหล่านี้ นางกับอวิ๋นโส่วจงจะค่อยๆ ตอบแทนเอง อย่างไรเสียตอนนี้พวกเขากับฉู่อี้ก็ไม่อาจบอกได้แล้วว่าใครเป็หนี้บุญคุณใครกันแน่
อวิ๋นหลานเอ๋อร์วิ่งเร็วกว่าเลยไปถึงบ้านตระกูลอวิ๋นก่อน จึงรีบบอกกล่าวเื่ราวให้อวิ๋นโส่วจงและคนอื่นๆ ฟัง จากนั้นก็เตรียมเก้าอี้ไว้ให้เรียบร้อย
อวิ๋นเจียวและคนอื่นๆ พูดคุยกันไปพลางก็เดินมาถึงบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า อวิ๋นเจียวจึงบอกให้อวิ๋นฉี่เยว่วางนางลง สองพี่น้องจูงมือกันเดินเข้าไปในบ้าน
อวิ๋นฉี่เสียงรีบเข้ามาต้อนรับ จากนั้นในขณะที่สองพี่น้องกำลังทักทายผู้าุโอย่างสุภาพเรียบร้อย หากพบเจอคนที่ไม่รู้จักเขาก็จะช่วยแนะนำ
หลังจากทักทายทุกคนแล้ว สองพี่น้องก็ได้รับคำชมมากมาย ทุกคนต่างพูดเป็เสียงเดียวกันว่าลูกหลานที่เติบโตในเมืองหลวงช่างรู้จักมารยาท
เถาซื่อได้ยินคำชื่นชมเ่าั้ ดวงตาก็จ้องมองด้วยความเกลียดชัง ดวงตาคู่นั้นราวกับใบมีดแหลมคม จ้องมองอวิ๋นเจียวและพี่ชายราวกับ้าจะแทงพวกเขาให้เป็รู
ผู้เฒ่าอวิ๋นนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าบึ้งตึง สูบยาเส้นอย่างไม่ใส่ใจ ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลนั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือ ส่วนด้านขวามือมีผู้าุโที่มีชื่อเสียงของตระกูลอวิ๋นหลายคนนั่งอยู่
“วันนี้เชิญผู้าุโทุกท่านมาก็เพราะเื่ที่อวิ๋นฉี่ซานถูกเจียงต้าเป่าทำร้ายร่างกาย เดิมทีเื่นี้เป็คดีทำร้ายร่างกายควรแจ้งความต่อศาลาว่าการให้ทางการเป็ผู้ตัดสิน”
“แต่เพราะเห็นแก่ความเป็ญาติมิตร ข้าจึงอยากฟังความเห็นจากท่านพ่อและความเห็นจากอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์กับสามีของนาง เื่นี้ต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง! จึงขอให้ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าตระกูลอวิ๋น และท่านลุง ท่านป้ามาเป็พยานช่วยพิจารณาเื่นี้ด้วยขอรับ! อวิ๋นโส่วจงขอบคุณทุกท่าน!” กล่าวจบอวิ๋นโส่วจงก็โค้งคำนับทุกคนอย่างนอบน้อม
ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยขึ้นว่า “เื่นี้ควรได้รับการแก้ไขนานแล้ว ก็รอให้เ้ากลับมานั่นแหละ พอดีเลย วันนี้เรามาพูดคุยกันให้กระจ่าง เจียงต้าเป่าเป็คนบ้า การที่เขาก่อเื่เช่นนี้พ่อแม่ของเขาย่อมต้องเป็ผู้รับผิดชอบ พวกเ้ากลับบ้านมาเยี่ยมญาติ พวกเราก็ไม่ได้ขัดขวาง แต่พวกเ้าก็ไม่ควรพาคนบ้าที่อาจคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้ทุกเมื่อกลับมาด้วย”
“วันนั้นคนโชคร้ายคืออวิ๋นฉี่ซาน หากพวกเ้ายังคงไม่ควบคุมดูแลเขา เขาอาจทำร้ายคนอื่นอีกก็ได้ หากพวกเ้าไม่พาเขาไปก็อย่าหาว่าหมู่บ้านของพวกเราใจดำ! ต่อไปนี้พวกเ้าก็อย่ามาที่หมู่บ้านไหวซู่ของพวกเราอีก มาเมื่อไรข้าจะให้คนไล่ตะเพิดไปทุกครั้ง!”
คำพูดของผู้ใหญ่บ้านดังก้องกังวาน อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจแต่ด้วยความยำเกรงในอำนาจของผู้ใหญ่บ้านนางจึงไม่กล้าพูดอะไรได้แต่ดึงแขนเสื้อของเถาซื่อ
เถาซื่อจึงพูดขึ้นเสียงดังว่า “มีสิทธิ์อะไร หญิงสาวที่แต่งออกไปแล้วห้ามกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดอย่างนั้นหรือ?”
ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะเยาะ “มีสิทธิ์อะไรหรือ ก็เพราะนางตามใจลูกชายปัญญาอ่อนของนางจนทำร้ายร่างกายคนในหมู่บ้านของพวกเราน่ะสิ!”
“ถูกต้อง ผู้ใหญ่บ้านพูดถูก คนบ้าที่อาจทำร้ายคนแบบนี้ ไม่ควรปล่อยให้เข้ามาในหมู่บ้าน!”
“ใช่ นี่มันเป็ภัยต่อคนในหมู่บ้านไหวซู่ของพวกเราชัดๆ!”
“เื่นี้ก็ตกลงตามนี้ หากพวกเขาไม่ยอมพาคนบ้าคนนั้นออกไป ต่อไปนี้พวกเราเห็นทีไรก็จะรุมประชาทัณฑ์ทุกครั้ง”
เื่นี้มันเลวร้ายเกินไป ชาวบ้านต่างก็กลัวว่าคนในครอบครัวของตนจะถูกฟันตายโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่
เจียงต้าไห่ที่รีบร้อนกลับมาจากในตำบลจึงรีบกล่าวขอโทษด้วยรอยยิ้มแหยๆ “ท่านผู้ใหญ่บ้าน ไม่ใช่ข้าไม่ยอมพาเขาไป ข้าแค่รอให้พี่รองกลับมาตัดสินมิใช่หรือขอรับ”
กล่าวจบเขาก็หันไปโค้งคำนับผู้าุโทุกคน “ทุกท่านโปรดวางใจเถิดขอรับ รอให้พี่รองตัดสินใจเื่ของต้าเป่าแล้ว ข้าจะพาเขากลับไปในตำบลทันที หลังจากนี้จะไม่เหยียบเข้ามาในหมู่บ้านไหวซู่แห่งนี้อีก”
“พี่รอง เช้านี้ข้าก็บอกไปแล้วว่าต้าเป่าลูกชายข้าท่านจะฆ่าจะแกง ข้าก็ไม่ว่าอะไร!” เจียงต้าไห่พูดด้วยท่าทางจริงใจทำเอาผู้าุโในที่นั้นพูดไม่ออก
เมื่อเห็นว่าเขามีท่าทีที่ดี ผู้ใหญ่บ้านจึงไม่พูดอะไรมากเพียงแต่เอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะไม่ทำให้ลำบากใจ งั้นตอนนี้เรามาพูดคุยกันเื่ค่ารักษาพยาบาลของอวิ๋นฉี่ซาน”
“ลูกชายเ้าทำร้ายผู้อื่นค่ารักษาพยาบาลพวกเ้าต้องจ่าย... ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ฉี่ซานยังไม่ฟื้น ขาของเขาจะเป็อะไรหรือไม่ก็ยังไม่รู้ นอกจากค่ารักษาพยาบาลแล้ว ฉี่ซานต้องมาเจ็บตัวขนาดนี้ พวกเ้าก็ต้องจ่ายค่าทำขวัญด้วย!”