ในที่สุดวันเริ่มแผนการแรกของบรรดาเหล่าพรรคพวกที่พร้อมใจกันอยากจะเปิดปากของคนสองคนก็มาถึง โดยขั้นแรกของแผนการเริ่มจากให้เพื่อนชายที่แมนๆเตะบอลกันครับผมของแต่ละฝั่งเอ่ยปากชวนกันไปเล่นฟุตบอลในเย็นวันนี้ และให้สมาชิกที่เหลือที่ยืนดูอยู่นอกสนามไม่ได้ลงไปวิ่งหอบลิ้นห้อยด้วยทำหน้าที่เป็นักสืบนักจับผิดที่คอยสังเกตว่าเป้าหมายทั้งสองคนมีการหลุดพิรุธอะไรออกมาบ้างหรือไม่
“ทางนี้เรียบร้อย” โอเมก้าร่างบางที่แอบเพื่อนออกมาคุยโทรศัพท์ด้านนอกห้องเรียนเอ่ยบอกกับคนที่อยู่ปลายสาย
(แต่ทางนี้คิดถึงนะ) จีนถึงกลับต้องกลอกตามองบนเมื่อได้ยินแบบนั้น
“มึงช่วยเป็งานเป็การหน่อยทิม”
(อะไรอะ มึงไม่คิดถึงกูบ้างหรือไง)
“ไม่เลยสักนิด” บอกปฏิเสธเหมือนไม่ใส่ใจแต่ปากแดงกลับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่เสียอย่างนั้น
(ใจร้ายว่ะ นี่แหละนะเขาถึงบอกว่าคนที่รู้สึกมากกว่ายังไงก็เจ็บกว่า)
“เอองั้นก็เจ็บไปเยอะๆเลย”
(แน่ะ พูดแบบนี้คืออยากให้กูรู้สึกมากกว่าเยอะๆเลยใช่หรือเปล่า) จีนล่ะเกลียดนักไอ้พวกรู้ทันเนี่ย
“ตกลงทางนั้นเป็ยังไงเรียบร้อยดีมั้ย”
(ระดับนี้แล้วจะเอาอะไรไปพลาด)
“ก็ถ้าแค่ชวนเตะบอลเพื่อนยังไม่ไปด้วยมึงก็ควรพิจารณาตัวเองได้แล้วนะว่าเพื่อนกำลังจะเลิกคบ”
(ฝีปากดีไม่มีตก อยู่ใกล้หน่อยไม่ได้จะจับจูบสักทีสองทีเป็การสั่งสอน)
“ก็ไม่เห็นจะเคยทำ” แผ่นหลังบางของโอเมก้าตัวน้อยทิ้งพิงไปกับผนังห้องด้านหลังด้วยท่าทีที่ดูผ่อนคลายหลังพูดจบ
(อันนี้คือท้าทายกันอยู่ใช่ป่ะ)
“ก็แล้วแต่จะคิดนะ”
(ร้ายกาจจริงๆ กูไปชอบคนนิสัยแบบมึงได้ยังไงวะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย)
“จะไปรู้มึงหรอ”
(แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำเสน่ห์ใส่กูอะ)
“กูต้องกลัวมึงทำใส่กูมากกว่ามั้ย”
(ใครจะไปรู้ล่ะมึงอาจจะชอบกูแต่ทำเป็ไม่ชอบก็ได้) จีนส่ายหัวเอือมระอาให้กับความหลงตัวเองของคนปลายสาย
“กูไม่ใช้ชีวิตซับซ้อนขนาดนั้นหรอกเหนื่อยตายพอดี” ถึงจีนจะเป็คนปากร้ายดูเอาแต่ใจตัวเองแต่เขาเป็คนที่จริงใจและเปิดเผยมากคิดอะไรก็พูดแบบนั้น ไม่ชอบตอแหลใส่ใครเพราะคิดว่าการใช้ชีวิตแบบนั้นมันเหนื่อยเกินไป “กูเป็คนตรงๆชอบก็บอกว่าชอบ เกลียดก็บอกว่าเกลียด”
(หรอ งั้นตอนนี้มึงชอบกูยัง)
“ก็...ไม่ได้ไม่ชอบอะไร” ถึงทิมมี่ในสายตาเขาจะดูกวนตีนมากถึงมากที่สุด แต่มันกลับไม่ได้ดูน่ารำคาญ ไม่ได้ทำให้เขาอยากตีตัวออกห่างหรือไม่อยากเจอหน้า แม้ว่าในตอนแรกๆจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไรแต่พอเวลาผ่านไปการที่มีอีกคนคอยมาวนเวียนมาวุ่นวายอยู่ใกล้ๆมันก็ไม่ได้แย่อะไร แถมยังทำให้ชีวิตเขาดูมีสีสันแล้วก็สนุกมากขึ้นอีกด้วย ทำให้จีนคิดว่าแบบนี้มันก็...ดีเหมือนกันนะ
(ก็คือว่าชะ...)
“กูต้องไปเรียนแล้ว เจอกันเย็นนี้นะฝากบอกพวกเจสด้วย”
ติ๊ด!
ร่างบางรีบเอ่ยขัดขึ้นมาทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ทันจะพูดจบก่อนจะชิงตัดสายหนีไปดื้อๆ ทิ้งให้ทิมมี่นั่งค้างจับโทรศัพท์แนบหูอยู่อย่างนั้นก่อนจะหลุดอมยิ้มเอ็นดูออกมา
“น่ารักว่ะ” ร่างสูงเผลอพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจทำให้เพื่อนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ค่อยๆหันมามองที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ
“หนักนะมึงอะ”
“หาหมอหน่อยมั้ยคะ”
“อะไร คนเขามีความรักพวกมึงไม่เข้าใจหรอก” อัลฟ่าหนุ่มลอยหน้าลอยตาพูด ยิ่งทำให้ความน่าหมั่นไส้เพิ่มมาขึ้นอีกเป็เท่าตัว
“กูถีบมันร่วงเก้าอี้ตอนนี้เลยได้มั้ยวะ” บาสหันไปถามเพื่อนคนอื่นๆที่นั่งอยู่เพื่อขอความคิดเห็น
“ถีบใครวะ” แทนที่กลับมาจากห้องน้ำแล้วมาทันได้ยินประโยคนั้นพอดีจึงถามขึ้น
“ถีบคนมีความรัก”
“ถ้างั้นมึงต้องถีบขาคู่เลยนะอิบาสเพราะมีสองคน”
“นอกจากไอ้ทิมยังมีใครที่มีความรักแล้วกูไม่รู้อีกวะ” แทนขมวดคิ้วสงสัยเพราะไม่รู้ว่าเพื่อนกำลังพูดถึงตัวเองอยู่
นี่กูพลาดอะไรหรือเปล่าวะ
“มึงว่ามันไม่รู้จริงหรือเป็การแสดง” เจสซี่หันไปกระซิบกระซาบกับขิมที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“การแสดงล้วนๆ” เพื่อนซี้ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนจะพร้อมใจกันหรี่ตามองไปยังแทนที่กำลังทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้
“ทำไมมึงสองคนถึงมองกูแบบนั้นวะ” น่าขนลุกฉิบหาย
“เปล๊า” เสียงสูงของเจสซี่ทำเอาเพื่อนพร้อมใจกันอยากกุมขมับตัวเองทันที
อือหื้ออิเจสมึงมีพิรุธหนักมาก
“บาสๆ”
มือเรียวยกขึ้นกลางอากาศส่งสัญญาณให้เพื่อนสนิทที่กำลังลูกบอลไว้ที่เท้า ทางด้านคนถูกเรียกเมื่อเห็นว่าไม่มีฝั่งคู่แข่งกำลังประกบเพื่อนของตนเองอยู่จึงตัดสินใจส่งลูกไปให้ แทนรับบอลเข้ามาไว้ในเท้าอย่างคล่องแคล่ว เขาเลี้ยงลูกวิ่งขึ้นไปในเขตของฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบคนที่วิ่งเข้ามาแย่งลูกและรักษาบอลไว้ให้อยู่กับเท้าของตัวเองได้ก่อนจะส่งมันกลับไปให้บาสที่สลัดตัวหลุดออกจากฝั่งตรงข้ามได้แล้ว
“วิ่งขนาดนั้นเดี๋ยวก็เจ็บเข่าหรอก” ใบหน้าสวยหันไปมองร่างสูงที่เดินมาซ้อนหลังของเขาั้แ่เมื่อไรก็ไม่รู้
“วิ่งแค่นี้ไม่เจ็บหรอกน่า” แทนบอกก่อนจะวิ่งตามเพื่อนๆในทีมขึ้นไปในแดนของรัฐศาสตร์
“แต่ระวังหน่อยก็ดีนะ” ปลื้มเองก็วิ่งตามอีกคนไปเช่นกัน
“รู้แล้วน่า กูไม่ปล่อยให้ตัวเองเจ็บหรอก”
“รู้ แต่ที่บอกก็เพราะเป็ห่วง อย่าดื้อได้มั้ย”
“เฮ้อ” ขาเรียวที่กำลังวิ่งหยุดลงแทนยืนเท้าเอวพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ไอ้เป็ห่วงน่ะก็พอเข้าใจอยู่หรอกแต่เขาเองก็รู้ลิมิตของร่างกายตัวเองดี เขาไม่ฝืนตัวเองจนต้องาเ็หรอกน่า “ถ้ากูไม่ไหวกูจะขอออกไปพักเอง แบบนี้โอเคมั้ย”
“โอเค” ร่างสูงยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายอมฟัง
“พวกมึงว่าเขาคุยอะไรกัน” นักสืบที่อยู่ข้างสนามทั้งสี่คนจดจ่อความสนใจไปยังร่างของอัลฟ่าหนุ่มสองคนในสนามที่กำลังยืนคุยกันอยู่
“กูจะไปรู้หรอ กูไม่ได้ไปยืนฟังเขาคุยกันสักหน่อย”
“เอ๊ะ อิฟ้า วอนนักนะมึง”เจสหันไปทำหน้าเหวี่ยงใส่สกาวฟ้าทันทีเมื่อรู้สึกว่าเพื่อนสาวกำลังกวนตีนเขาอยู่
“มึงว่าแผนนี้มันจะช่วยง้างปากสองคนนั้นยังไงวะ” จีนถามขึ้นมาเมื่อรู้สึกเริ่มไม่มั่นใจในแผนการของพวกเขาแล้ว
“แผนนี้ยังไม่ได้มีไว้ง้างปากค่ะ แค่ปูมาให้เราจับผิดมันสองคนได้เฉยๆ”
“เราต้องแน่ใจก่อนว่าระหว่างปลื้มกับแทนมันไม่ใช่ F-R-I-E-N-D-S” ขิมโผล่หน้าออกไปอธิบายให้จีนเข้าใจในแผนการมากขึ้น
“แต่มันก็ชัดเจนอยู่แล้วมั้ย ไอ้ปลื้มมันชอบแทนพวกกูก็บอกอยู่”
“แต่ทางฝั่งนี้ไม่สามารถฟันธงได้ว่าชอบหรือไม่ชอบค่ะ”
“ทำไมวะ”
“คือความรู้สึกของอิแทนมันค่อนข้างจะแบบ...”
“ซับซ้อนน่ะ” สกาวฟ้าช่วยพูดเสริมให้กับเจสซี่
“ซับซ้อนยังไง” โอเมก้าตัวน้อยขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนพูด “หรือว่าในความซับซ้อนนั้นมันเกี่ยวกับคนที่ชื่อเรน”
“อุ๊ยตาย ฉลาดแสนรู้นะคะ” เจสซี่ยกมือขึ้นมาทาบอก
“กูว่าจะถามนานละแต่ก็ลืมทุกที ทำไมไอ้ทิมมี่ถึงได้ดูไม่ชอบเรน แล้วก็พูดจาแปลกๆกับแทนเวลาที่มันคุยกับเรนด้วย”
“ถ้ารู้แล้วเหยียบไว้เลยนะ” เจสซี่เริ่มเบาเสียงในการพูดลง
“ทำไมอะ”
“เพราะไม่รู้ว่าพูดไปแล้วอิแทนมันจะแดกหัวพวกกูหรือเปล่าน่ะสิคะ”
“เป็เื่ที่แทนไม่อยากให้คนอื่นรู้หรอ” แบบนี้ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่เลยแฮะ ความลับแบบไหนนะที่แทนซ้อนเอาไว้
“ไม่ใช่หรอก อิเจสมันก็ทำตัวเว่อร์ไป”
“เอ้า”
“เป็เื่ส่วนตัวของแทนมันน่ะเลยไม่รู้ว่าถ้าเอามาบอกคนอื่นโดยที่ไม่ได้ถามมันก่อน มันจะว่ามั้ย”
“ใช่” สกาวฟ้าพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ขิมพูด
“เื่?”
“แทนเคยชอบเรน”
“ฮะ!” เพื่อนสาวทั้งสามคนรีบเอามือมาปิดปากของจีนเอาไว้ทันทีเมื่อคนตัวเล็กะโออกมา เสียงโวยวายข้างสนามทำให้นักกีฬาที่กำลังวิ่งอยู่ต้องหยุดเท้าของตัวเองไว้ แล้วหันไปให้ความสนใจกับทั้งสี่คนแทน
“ฮะ! ฮะฮาฮ่าๆ รัดสาดสู้ๆค่า” เจสซี่แกล้งทำเป็หัวเราะขึ้นมาเสียงดังพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ดูปลอมแบบปิดเอาไว้ไม่มิด ก่อนจะเอ่ยเชียร์คณะตรงข้าม ทำให้ขิมต้องหยิกเข้าที่สีข้างของเพื่อนตัวโตอย่างแรง
“อิเจส” หญิงสาวกัดฟันกระซิบชิดกับใบหูของเพื่อนสนิท “มึงอยู่คณะสินกำ”
“เมื่อกี้กูเชียร์คณะอะไร” เจสซี่กัดฟันถามกลับโดยที่ยังไม่หุบยิ้มการตลาดลง
“รัดสาด”
“รัดสาดสู้ๆ เพราะดูแล้วยังไงสินกำก็ชนะขาดแน่ๆ พยายามกันต่อไปนะคะ สู้ค่าอิหญิง” ท้ายประโยคเหมือนให้กำลังใจตัวเอง
“กูว่าโดนแน่ๆ”
“โดนใจอะหรอ”
“โดนตีนรัดสาดอะอิสัด” สกาวฟ้าพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจ
หลังสถานการณ์เดดแอร์จบลงการแข่งขันก็ดำเนินต่อไปจนถึงเวลาพักครึ่ง นักฟุตบอลของทั้งสองคณะจึงต่างแยกย้ายกันนั่งพักและยืดเส้นตามอัธยาศัย
“เฮ้ย” แทนที่กำลังนั่งนวดเข่าของตัวเองอยู่ร้องออกมาด้วยความใ เมื่อขาของตัวเองถูกมือหนาจับขึ้นไปพาดไว้บนหน้าขาแกร่ง “มึงทำเหี้ยไรเนี่ย” ดวงตากลมโตเริ่มสังเกตไปรอบๆตัวเพื่อสังเกตว่ามีใครกำลังมองมาที่พวกเขาหรือเปล่า
ถึงจะบอกกับตัวเองว่าจะพยายามทำเพื่อความสุขของตัวเองแต่แทนก็ยังไม่กล้ามากพอที่จะทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นอยู่ดีเพราะไม่รู้ว่าสายตาของคนเ่าั้ที่มองมาจะตำหนิอะไรบ้างหรือเอาไปพูดลับหลังว่าอย่างไร แล้วก็พบว่าไม่มีใครที่ให้ความสนใจกับพวกเขาเลยแม้แต่ผู้ชมข้างสนามทั้งสี่คนที่กำลังนั่งจับกลุ่มเม้ามอยกันอยู่
โดยหารู้ไม่ว่าพอแทนเบนสายตากลับไปมองที่ปลื้มดวงตาหลายคู่ก็จับจ้องมาที่พวกเขาทันที
“อยู่นิ่งๆ กูจะทำให้” ปลื้มบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูดุกว่าปกติ
พอเห็นว่าร่างบางยอมให้ความร่วมมือเขาก็เอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองมาเปิดออกก่อนจะหยิบถุงเจลเย็นที่พกมาด้วยออกมา แต่น่าเสียดายที่มันเริ่มจะไม่เย็นเท่าไรแล้ว แต่ก็น่าจะยังพอใช้ได้อยู่ เขาจึงวางมันลงบนหัวเข่าของอีกคน แทนกระตุกตัวนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นชินกับความเย็นที่ถูกทาบทับลงมากะทันหัน ปลื้มอมยิ้มขำให้กับท่าทีของร่างบาง
“ปวดมากหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางขยับเปลี่ยนตำแหน่งของเจลประคบเย็น
“ไม่เท่าไร”
“ไม่เท่าไรก็ดี”
“เอามานี่เดี๋ยวกูทำเองดีกว่า” ร่างบางโน้มตัวไปหวังจะแย่งเจลมาประคบเองแต่ก็ถูกร่างสูงชักมือหนีไปเสียก่อน
“นั่งเฉยๆไป กูจะทำให้เอง”
“...” แทนเตรียมอ้าปากจะเถียงแต่ก็ตัดสินใจหุบปากลงเพราะเหนื่อยที่จะทำแบบนั้นอีกอย่างเขาก็รู้ผลลัพธ์ดีอยู่แล้วไม่ว่าอย่างไงปลื้มก็ชนะเขาอย่างแน่นอน
ไม่ใช่เพราะสู้ไม่ได้แต่ก็เหมือนกับทุกทีนั่นแหละสุดท้ายเขาก็แพ้ให้ปลื้มอยู่ดี
“เด็กดี” มือหนายื่นไปวางลงบนศีรษะของอีกคนก่อนจะลูบไปมาเบาๆ
“อย่ามายุ่งกับหัวกู” แทนโวยวายขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหลบจากการััของอีกคน
การกระทำของเขาทั้งคู่ล้วนอยู่ในสายตาของคนที่อยู่ในสนามโดยเฉพาะผู้ชมที่ดีทั้งสี่คนที่จับตาดูพวกเขาเป็พิเศษ
“เกินไป”
“จริงมึง”
“หวานกว่าน้ำแดงที่กูกินอีกมั้ง” ทิมมี่ที่เดินเข้ามาเสริมทัพด้วยพูดขึ้นก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างของจีน
“เหม็นเหงื่อฉิบหาย มึงไปไกลๆกูได้มั้ย” จีนบ่นขึ้นเมื่อแขนของอีกคนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อแตะโดนกับแขนของเขา
“เหม็นมากป่ะ”
“มาก ไอ้ทิมมี่!”
ทิมมี่ก็คือทิมมี่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ แทนที่บอกว่าเหม็นมากแล้วจะยอมขยับตัวออกห่างจากคนตัวเล็กร่างสูงกลับทำในสิ่งที่ตรงข้าม เขาเอนตัวให้ชิดกับจีนมากขึ้น ก่อนจะแกล้งเอาหัวซุกกับอกเล็กๆของอีกคนจนน้ำที่เปียกชุ่มอยู่บนเส้นผมของเขาเลอะติดไปบนเสื้อนักศึกษาของอีกคนด้วย
“อันนี้ก็เกินไป” ขิมหันไปพูดกับเจสซี่หลังรู้สึกได้ถึงไฟแห่งความอิจฉาตาร้อนที่เกิดขึ้นในใจของตัวเอง
“พระเ้าขาช่วยส่งผัวมาให้เจสซี่บ้างได้มั้ยคะ หนูไม่ขออะไรมาก ขอแค่เขารักหนู”
“มักน้อยดีว่ะ”
“ยังไม่จบค่ะ ขอให้เขาหล่อ ส่วนสูงั้แ่ร้อยเก้าสิบถึงสองร้อยจะดีมาก”
“นั่นส่วนสูงผัวในอนาคตหรือบานประตูบ้านมึงอะ”
“ก็กูอยากมีโมเมนต์เงยหน้าคุยกับแฟนแบบไอ้ต้าวตัวเล็กบ้างไรงี้”
“กูมองยังไงมึงก็ไม่ไอ้ต้าวให้กูเลยว่ะเจส”
“มึงอคติไงอิฟ้า จิตใจมึงน่ะขุ่นมัว มองไม่เห็นความตะเล้กในตัวกูหรอก”
“เฮอะ”
“ขอให้เขาเป็คนไม่เ้าชู้ ชอบเปย์หนู ที่บ้านทำธุรกิจอันนี้จะเลิศเลยนะคะหลักหลายล้านได้ก็ดีค่ะ พอดีหนูจะรับพิจารณาเป็พิเศษถ้าฐานะทางการเงินของเขามั่นคง”
“กูว่ามึงโสดต่อไปเถอะเจสอย่าเป็ภาระพระเ้าเลย”
“เฮ้ยเก่งมึงเคยฟังเพลงนี้ป่ะ” พีคหันไปถามเก่งเสียงดัง
“เพลงอะไรวะ”
“เพลงที่มันร้องว่า แค่เพื่อนหรือมากกว่านั้น ที่เธอทำกับฉัน ที่เธอเป็อยู่”
“รู้ไหมทำให้ใจสั่นๆ รู้ไหมว่าฉันเริ่มหวั่นๆ เพราะเธอ” แทนที่จะบอกชื่อเพลงออกไปกลับร้องต่อเสียอย่างนั้น
“ถ้าไม่คิดกับฉัน ก็อย่าทำอะไรที่ฉันต้องคิดแบบนั้น” พีคร้องเพลงไปยิ้มไปก่อนจะค่อยๆเบนสายตามามองยังปลื้มและแทน “เพื่อนกันน่ะเขาไม่ทำแบบนี้ รึเปล่า”
“ถ้าพวกมึงจะร้องกันขนาดนี้ก็ไปคาราโอเกะเลยเถอะ” เสียงของรุ่นพี่คณะรัฐศาสตร์คนหนึ่งดังขึ้น “ไปเว้ยเตะบอลต่อ”
“ขอบใจ” ปรรณกรเอ่ยบอกกับร่างสูงที่กำลังเก็บเจลใส่กระเป๋า
“ไม่เป็ไร แต่ถ้ามึงจะมาเตะบอลอีกก็บอกกูนะ”
“ได้ดิ เดี๋ยวกูชวน” แต่ถึงแทนไม่ชวนพวกเพื่อนของเขาก็น่าจะชวนอยู่แล้วขนาดวันนี้ยังชวนกันเองเลยเขาพึ่งจะรู้เื่ก็ตอนที่พวกนั้นตกลงกันเสร็จสับหมดแล้ว
“อือ กูจะได้มาตามดูแลมึงแบบนี้ทุกครั้งเลย”
ปกติจะเจอแต่ปลื้มโหมดที่ชอบยียวนกวนอารมณ์ยิ้มหน้าระรื่นใส่ตลอดพอมาเจอโหมดนี้แล้วมันอดใจสั่นไม่ได้เลยจริงๆ
“มึงไปเล่นต่อเถอะครึ่งหลังกูว่าจะนั่งพักไม่เล่นแล้ว”
“ก็ดี งั้นเดี๋ยวกูมานะ”
“อือ” แทนพยักหน้ารับคำ
ปลื้มยิ้มกว้างอวดลักยิ้มที่เป็เอกลักษณ์ของตัวเองก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในสนาม พอเข้าไปในสนามก็โดนพีคกับเก่งะโกอดพร้อมกับเอ่ยแซวนั่นนี่เล็กน้อยพอให้ปลื้มได้ยืดอกภูมิใจในตัวเองก่อนจะแยกย้ายกันไปยืนยันตำแหน่งของตน
การแข่งขันที่ไม่ได้จริงจังนักแค่เล่นกันพอให้ได้ออกแรงเริ่มต้นขึ้นไปได้ประมาณครึ่งหนึ่งของเวลาใน่ครึ่งหลัง ทิมมี่ก็เปลี่ยนตัวออกมานั่งเล่นอยู่ที่ข้างสนามกับแทนแล้วก็ปล่อยให้คนที่แรงยังเหลือเล่นกันต่อไป
“มองขนาดนั้นไม่ทราบว่าคุณเพื่อนเชียร์ฝั่งรัดสาดหรือสินกำหรอครับ”
“เสือก”
“...” ริมฝีปากหนายิ้มรับคำว่าเสือกที่กระแทกเข้ามาเต็มหน้า
“ปลื้ม!” เสียงร้องของแทนดังขึ้นพร้อมกับร่างบางที่ผุดลุกอย่างรวดเร็ว ทิมมี่ที่มองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นได้แต่ทำหน้างงก่อนจะหันหน้าไปมองในสนามแล้วก็พบว่าทุกคนกำลังมุงอะไรบางอย่างกันอยู่
“เกิด...” เขากำลังจะเอ่ยถามเพื่อนสนิทว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แทนก็วิ่งเข้าไปในสนามเสียก่อน
ร่างบางที่เห็นเหตุการณ์ที่ร่างสูงเสียหลักล้มลงเพราะถูกแย่งลูก รีบเดินแทรกตัวผ่านคนที่ยืนมุงกันอยู่เข้าไปหาร่างสูงที่นั่งอยู่บนพื้นโดยมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังดูอาการาเ็ที่ข้อเท้าให้อยู่ ปลื้มเงยหน้าขึ้นยิ้มจางๆให้อีกคนแทนการบอกว่าเขาไม่เป็อะไร
“เหมือนว่าข้อเท้าจะซ้นนะ กูเองก็ไม่ชัวร์ลองไปให้หมอดูน่าจะชัวร์กว่า”
“ขอบคุณนะครับพี่ ผมไม่เป็อะไรมากแล้วเล่นกันต่อเถอะครับ”
“งั้นมึงไปพักก่อนแล้วกันไม่ต้องฝืนเล่นต่อหรอก”
“ครับ”
“เดี๋ยวผมพามันออกไปเองครับ” แทนขันอาสาตัวเองขึ้นมา พร้อมกับเดินไปช่วยพยุงตัวปลื้มให้ยืนขึ้นและประคองให้อีกคนเดินออกมาด้านนอกสนามด้วยกัน
“เป็ห่วงกูมากเลยดิ คิ้วชิดกันไปหมดแล้วเนี่ย” ปลายนิ้วหนาแตะลงกลางหว่างคิ้วเรียวออกแรงกดนิ้วนวดวนเบาๆเพื่อให้มันคลายออกจากกัน
“ทำอะไรไม่ระวัง”
“ระวังแล้วแต่มันเป็อุบัติเหตุ” เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นมาเสียหน่อยทำไมต้องมาดุกันด้วยก็ไม่รู้ ควรจะถามว่าเจ็บมากมั้ยด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยกันกว่านี้ไม่ใช่หรือไง
“ยังจะเถียงอีก ใครกันแน่วะที่ดื้อ”
“ขอโทษค้าบ”
“กูกลับก่อนนะฝากบอกพวกมันด้วย” กระเป๋าเป้ของปลื้มถูกมือเรียวหยิบขึ้นมาสะพายไว้บนไหล่ข้างที่ว่าง ก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปทางด้านในสนามที่ตัวเองพึ่งเดินออกมา
“จะพามันไปหาหมอหรอ” จีนชี้ไปยังเพื่อนสนิทของตัวเองที่ถูกประคองอยู่
“อือ ข้อเท้าน่าจะซ้นเลยว่าจะไปให้หมอดูหน่อย”
“โอเค ฝากดูมันด้วยละกัน”
“โอเค ไว้เจอกันนะ”
“เจอกันค่า” เจสซี่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้างดวงตามเรียวรีไล่มองตามแผ่นหลังของคนทั้งสองคนไปจนลับสายตา “เป็ห่วงเขามากเลยนะเพื่อนพวกมึงอะ” จีบปากจีบคอพูดพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าของขิมและสกาวฟ้า
“ก็คนสำคัญป่ะ” เส้นผมยาวสลวยถูกปัดไปด้านหลังก่อนลำคอเรียวระหงจะเชิดขึ้น
“ชัดแล้วป่ะแบบนี้อะ”
“ถึงจะชัดแล้วแต่แผนสุดท้ายที่เตรียมไว้ก็ยังคงต้องดำเนินต่อไปนะคะ”
เสร็จธุระจากโรงพยาบาลแทนก็พาปลื้มกลับมาส่งที่ห้องเพื่อที่อีกคนจะได้พักผ่อน สรุปก็คือปลื้มต้องใส่เฝือกอ่อนประมาณสองอาทิตย์ถึงจะหายและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ระหว่างนี้ก็ต้องพยายามเดินไม่ทิ้งน้ำหนักลงขาข้างที่เจ็บไปก่อน
“กูกลับก่อนนะ” แทนเอายาและกระเป๋าเป้วางไว้บนโต๊ะก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินออกไปจากห้อง
“เดี๋ยวดิ” ร่างสูงที่นั่งอยู่แอบยิ้มกับตัวเองในใจที่สามารถคว้าแขนของอีกคนไว้ได้ทัน
“อะไรอีก กูจะรีบกลับบ้านเดี๋ยวมันไม่มีรถ”
“มึงจะทิ้งกูไว้คนเดียวหรอ” ร่างบางของแทนถูกดึงให้เข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่บนโซฟามากขึ้น ปลื้มใช้แขนของตัวเองโอบกอดรอบเอวบางของคนที่ยืนอยู่เอาไว้ก่อนจะซุกซบใบหน้าหล่อลงที่หน้าท้องของอีกคนเพื่อออดอ้อน
“กูทิ้งมึงที่ไหน ปกติมึงก็อยู่คนเดียวไม่ใช่หรือไง” ถึงปากจะเถียงแต่ตัวกลับยืนนิ่งๆให้อีกคนกอดอยู่อย่างนั้น
“แต่นี่ไม่ปกติไง เกิดกูล้มหัวฟาดพื้นตายขึ้นมาอะ โลกจะต้องสูญเสียประชากรที่หน้าตาดีแบบกูไปเลยนะมึงว่าผลกระทบมันจะใหญ่หลวงแค่ไหนวะ” แทนส่ายหน้าให้กับข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นของอีกคน
“แล้วจะให้กูทำอย่างไง” ร่างบางแกล้งเอ่ยถามออกไปทั้งที่ในใจนั่นก็พอจะรู้อยู่ว่าอีกคน้าอะไร
“คืนนี้อยู่กับกูนะ” ปลื้มผละใบหน้าออกมาจากหน้าท้องบางเขาเงยหน้าวางคางเกยเอาไว้ที่่สะดือของคนที่ยืนอยู่ “นะครับ”
ให้ตายเถอะเจอแบบนี้ไปใครมันจะไม่ใจอ่อนบ้างวะ
“ได้ งั้นเดี๋ยวกูไปทำอะไรง่ายๆให้เราสองคนกินก็แล้วกัน”
มือเรียวจับเข้าที่แขนหนา ออกแรงดึงให้อีกคนคลายแรงกอดรัดลงแต่ปลื้มกลับไม่ยอมง่ายๆเสียอย่างนั้นแถมยังกดคางเข้าหาสะดือของเขามากขึ้นจนแทนเสียวท้องวูบวาบแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
“มึงยังไม่ได้ปลอบใจกูเลยนะ”
“ปลอบใจเื่อะไร”
“ที่กูเจ็บตัวไง”
“มันต้องขนาดนั้นเลยหรือไง”
“มึงจำที่กูบอกไม่ได้หรอว่าถ้าเป่าแล้วแผลมันจะหายเร็วขึ้น” คำพูดของปลื้มทำให้แทนนึกถึงวันที่เขาทั้งสองคนผลัดกันทำแผลขึ้นมาได้ แต่เดี๋ยวก่อนนะ...
“มึงจะให้กูเป่าตีนให้มึงหรือไง”
“ไม่อะ กูจะให้เป่าปากกูแทน” เสียงทุ้มเอ่ยบอก
“ปากกับตีนมึงเชื่อมกันหรือไง หรือว่าปากมึงเหมือนส้นตีน” แทนเลิกคิ้วถามคนเ้าเล่ห์
“มึงอะ ไม่โรแมนติกเลย” ปลื้มเผยสีหน้าเซ็งออกมาทันที
“มึงเ้าเล่ห์อย่าคิดว่ากูรู้ไม่ทันมึงนะ” นิ้วเรียวบีบลงที่ปลายจมูกโด่งพร้อมกับจะบิดไปมาเบาๆด้วยความหมั่นไส้
“เกลียดนักคนรู้ทัน” ปลื้มพยายามสะบัดหน้าหนีออกจากมือเรียวที่ประทุษร้ายกับจมูกของเขา แต่ก็หนีไม่พ้นเพราะตัวของเขาเองที่ไม่ยอมขยับหน้าออกห่างจากร่างกายของอีกคน “แต่พอเป็มึงแล้วก็เกลียดไม่ลง”
“ก็ลองเกลียดดูสิ”
“ทำไม”
“กูก็จะปล่อยให้มึงล้มหัวฟาดพื้นตายแล้วโลกก็จะต้องสูญเสียประชากรที่หน้าตาดีแบบมึงไป ผลกระทบมันคงจะใหญ่หลวงหน่อยแต่ก็ช่างเถอะคงไม่เกี่ยวอะไรกับกู” แทนเอ่ยย้อนออกไปตามประโยคที่ปลื้มเคยใช้เป็ข้ออ้างกับเขา
“ใจร้ายสัด”
“ไอ้ปลื้ม”
อัลฟ่ากลิ่นฝนเรียกชื่อของอีกคนออกมาเสียงดังเพราะอยู่ดีๆอีกฝ่ายก็งับฟันลงมาบนหน้าท้องของเขาผ่านเนื้อผ้าของเสื้อกีฬาที่เขาใส่อยู่
“ชอบว่ากูเป็หมาดีนัก เดี๋ยวกูจะกัดให้มึงร้องขอชีวิตเลย”
“ปลื้มไม่เล่น” มือเรียวรีบผลักใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ให้ออกไปจากหน้าท้องของตนเองแต่ก็ไม่เป็ผล
“...”
“อ๊ะ” แทนหลุดเสียงครางออกมาอย่างผะแ่เมื่อถูกฟันคมไล่งับไปทั่วท้อง
แขนเรียวเผลอท้าวลงบนไหล่แกร่งของอีกคนอย่างไม่ตั้งใจ ปลื้มจึงใช้จังหวะที่ร่างบางกำลังเผลอถกชายเสื้อของแทนขึ้นแล้วมุดศีรษะหายเข้าไปด้านใน ััชื้นแฉะของปลายลิ้นร้อนที่แตะลงที่แอ่งสะดือทำให้ร่างกายของแทนสั่นระริกอย่างที่เขาเองก็ไม่อาจควบคุมได้
“ปลื้ม...อึกหยุด มึงเจ็บขาอยู่นะ”
“อ่าฮะ อย่างอื่นกูไม่ได้เจ็บด้วยสักหน่อย” พูดจบปลายลิ้นร้อนก็ซอนไซเข้าไปทักทายกับแอ่งสะดือสวยทันที แทนอ้าปากค้างดวงตากลมโตเบิกขึ้นเล็กน้อย มันเป็ััที่แปลกใหม่สำหรับแทนมากเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการจูบสะดือมันจะทำให้เสียวซ่านได้มากขนาดนี้
ในขณะที่ปากหยักกำลังตะโบมจูบเข้าหาหน้าท้องแบนราบของคนที่ยืนอยู่ แขนหนาก็ค่อยๆคลายแรงรัดออกเปลี่ยนเป็รูดรั้งกางเกงบอลขาสั้นของอีกคนออกจนมันลงไปกองอยู่ที่หัวเข่า มือหนาเริ่มบีบนวดไปตามปลีน่องขาวไล่ขึ้นมาจนถึงบั้นท้ายนุ่มที่มีกางเกงชั้นในปิดเอาไว้
ทีปกรไม่ได้ถอดกางเกงตัวจิ๋วสีขาวที่อีกคนใส่อยู่ออกแต่เขาเลือกที่จะสอดฝ่ามือของตัวเองเข้าไปในขอบของมันแล้วฟ้อนเฟ้นกับก้อนเนื้อด้านในจนแทนต้องก้มหน้าลงอย่างคนหมดแรง ขาเรียวเริ่มรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาดื้อๆ แขนขาวที่เท้าไหล่ของคนใต้ร่างเอาไว้ก็สั่นระริกไม่ต่างกัน
“อ๊ะ อ๊า”
“เราจะทำมันด้วยกันใช่มั้ย”
“ฮึก”
“แทนครับ”
“...”
“ปลื้มไม่อยากให้แทนพูดว่าไม่นะ”
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้รู้จักกันแทนสงสัยมาตลอดว่าแท้จริงแล้วอีกคนนั้นเป็คนเช่นไรทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาถึงได้ดูโดดเด่นและเข้าถึงยาก แต่เวลาอยู่กับเพื่อนถึงได้ยิ้มแย้มเหมือนคนอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา แต่พอได้มารู้จักสิ่งที่แทนได้รู้กลับกลายเป็ว่าทีปกรคนนี้น่ะแท้จริงแล้วเป็เ้าเล่ห์และฉลาดที่จะพูดให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองอยากได้เสมอ
“ปะ...ปลื้ม”
จุ๊บ
“ครับ” ริมฝีปากหยักกดจูบลงบนตำแหน่งที่อยู่เหนือขึ้นไปจากสะดือเล็กน้อยก่อนจะขานรับ
“จูบหน่อย”
ใบหน้าหล่อที่อยู่ใต้เสื้อกีฬาเผยรอยยิ้มร้ายออกมา ก่อนมือหนาจะผละออกจากบั้นท้ายนุ่มแล้วดึงเสื้อของอีกคนขึ้นจนไปกองอยู่บริเวณหน้าอก แทนที่รู้ดีว่าอีกฝ่าย้าให้เขาทำอะไรจึงผละมือออกมาจากไหล่หนา ทิ้งตัวนั่งลงบนตักแกร่งแล้วก็จัดการถอดเสื้อของตัวเองทิ้งไป ก่อนจะโถมตัวเข้าหาอีกคน
ริมฝีปากหยักถูกริมฝีปากอิ่มกดทับลงมาจนไม่มีช่องว่างให้อากาศได้ไหลผ่าน ใบหน้าสวยปรับเอียงองศาของใบหน้าตัวเองให้อยู่ในตำแหน่งที่คิดว่าเหมาะสมก่อนที่ลิ้นบางจะเป็ฝ่ายลุกล้ำเข้าไปหาลิ้นร้อนก่อน อัลฟ่ากลิ่นสนปล่อยให้อีกคนได้สนุกกับการกวาดต้อนลิ้นไปทั่วทั้งโพรงปากของเขาอดทนรออย่างใจเย็นเพื่อให้ร่างบางเป็ฝ่ายกระหวัดปลายลิ้นเข้าหาลิ้นของเขาก่อน
โดยระหว่างนั้นมือหนาก็ได้จัดการจับแก่นกายที่แข็งขึ้นมาแล้วของอีกคนออกมาบีบนวดให้มันแข็งมากขึ้นกว่าเดิมก่อนจะผละออกไป สะโพกหนายกตัวเองขึ้นทั้งที่ยังมีอีกคนนั่งอยู่บนตัก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อความเจ็บจากขาที่เจ็บแล่นขึ้นมาเพราะเผลอทิ้งน้ำหนักลงขาทั้งสองข้างเท่ากันอย่างลืมตัว โชคดีที่คนบนตักไม่ทันสังเกตว่าเขาชะงักไปไม่อย่างนั้นคงได้หยุดทุกอย่างลงแล้วนั่งฟังอีกคนบ่นแทนแน่
พอยกสะโพกจนสูงขึ้นมาในระดับหนึ่งมือหนาก็จัดการเกี่ยวขอบกางเกงบอลและชั้นในสีเข้มของตัวเองลงพร้อมกัน แต่ลงมาได้แค่พ้น่สะโพกนิดหน่อยเท่านั้น ฝ่ามือร้อนควักแท่งร้อนของตัวเองที่ยังแข็งไม่เต็มที่ออกมารวบมันเข้ากับแก่นกายของอีกคนแล้วออกแรงชักรูดมันพร้อมกันด้วยมือเพียงข้างเดียว
“อ๊ะ”
แทนจำต้องผละจูบออกแล้วทิ้งหัวพิงไว้กับไหล่กว้าง ดวงตากลมทีฉ่ำปรือมองไปยังแท่งร้อนสองแท่งที่กำลังเสียดสีกันอยู่
ให้ตายเถอะขนาดต่างกันเกินไปจริงๆ
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกวูบวาบเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกไปมากกว่านี้แทนจึงรีบเงยหน้าขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็ซุกใบหน้าซบกับต้นของของอัลฟ่าหนุ่มแทน แต่การเลือกทำแบบนั้นทำให้ปรรณกรรู้สึกเหมือนหนีเสือปะจระเข้ กลิ่นหอมๆของป่าสนอัดเข้ามาในจมูกของร่างบางอย่างเต็มปอดเขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกมอมเมาด้วยสิ่งนั้น กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าที่แกร่งกว่ากำลังกดให้เขาอ่อนแอลงจนร่างกายปวกเปียกไปหมด
“อ๊า อึก” ริมฝีปากอิ่มงับลงบนต้นคอหนาเพื่อเอาคืนเพราะเมื่อสักครู่ตอนที่เขาก้มหน้าอยู่นอกจากจะมองเห็นแท่งร้อนทั้งสองแท่งที่ถูกจับชักรูดพร้อมกันแล้วเขายังเห็นรอยฟันและรอยแดงที่กระจายอยู่บนหน้าท้องของเขาด้วย
“ฮึ” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเมื่อความเจ็บจี๊ดๆเกิดขึ้นที่บริเวณลำคอ
มือหนาเร่งความเร็วในการชักให้มากขึ้น จนฟันขาวที่งับอยู่ที่คอของเขาคลายแรงกัดลง ปลายนิ้วโป้งหนากดขยี้ลงบนส่วนยอดของแก่นกายที่เล็กกว่าจนคนบนตักเริ่มออกแรงดิ้น และกระตุกตัวเกร็งฉีดพ่นน้ำรักออกมา ร่างบางนอนหมดแรงซบหัวหอบหายใจอยู่บนอกกว้าง
ริมฝีปากหยักกดจูบลงบนหน้าผากกว้างที่ถูกปรกไว้ด้วยผมหน้าม้าเปียกเหงื่อ มือหนาที่ถูกเลอะไปด้วยคราบน้ำคาวรูดรั้งท่อนเนื้อทั้งสองอันอีกสองสามครั้ง แล้วจึงย้ายไปยังด้านหลังของร่างบาง ปลายนิ้วที่เปียกชุ่มแตะลงบนผิวเนื้อขาวไล่ลงมาตามแนวสันหลังอย่างแ่เบา ก่อนจะหายเข้าไปในชั้นในตัวสีขาว
“อ๊ะ”
แทนหลุดเสียงครางออกมาอีกรอบเมื่อนิ้วยาวถูกกดเข้ามาในช่องทางด้านหลังของเขา ปลายหางตามีของเหลวสีใสเกาะอยู่เหมือนมันพร้อมจะไหลรินลงมาทุกเมื่อ และเมื่อนิ้วชี้ยาวเข้าไปจนสุดมันก็ไหลลงมาตามแนวแก้มทันที ครั้งนี้มันเจ็บกว่าตอนที่ทำกันที่บ้านของเขาอยู่ไม่น้อยเพราะไม่มีเจลมาช่วยหล่อลื่นเวลาที่สอดใส่มีเพียงน้ำรักที่เคลือบอยู่บนนิ้วยาวเท่านั้น
“ถ้าเจ็บจะกัดก็ได้” เสียงทุ้มดังขึ้น ใบหน้าสวยจึงเงยขึ้นไปสบตากับอีกคน ปลื้มชะงักค้างไปกับภาพตรงหน้ามือหนาที่ตั้งใจจะขยับเข้าออกเพื่อให้อีกคนปรับตัวได้เร็วๆเพราะกลางกายของเขาเองก็ปวดตุบจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ริมฝีปากแดงที่อ้าออกเพื่อหอบหายใจจนมองเห็นลิ้นเล็กที่อยู่ในสภาพมุมปากที่เลอะไปด้วยน้ำลายและดวงตาฉ่ำปรือเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาแลดูน่าสงสารแต่ก็เหมือนกำลังยั่วยวนให้เขากระโจนใส่ไปพร้อมกัน
แทนในตอนนี้อันตรายกับเขาเกินไปจริงๆ
“...”
“อย่าทำหน้าแบบนั้นขอร้อง” ปลื้มเอ่ยออกมาโดยที่ยังไม่ละสายตาออกไปไหน “เพราะมันทำให้กูอยากทำให้มึงร้องไห้หนักกว่าเดิม”
“อ๊า”
นิ้วยาวอีกนิ้วถูกสอดเข้าไปเพิ่มทั้งที่นิ้วแรกยังคงเสียบคาอยู่ด้านใน ปากอิ่มอ้าออกกว้างมากกว่าเดิมทำให้ร่างสูงอดใจไม่ไหวต้องโน้มคอลงไปมอบจุมพิตที่เร่าร้อนให้อีกรอบ
นิ้วยาวเริ่มขยับเข้าออกเพื่อให้อีกคนได้คุ้นชินจากสองก็ถูกเพิ่มเป็สามยิ่งเพิ่มนิ้วเข้าไป นิ้วทั้งสามควงวนอยู่ด้านในตัวของร่างบาง ปลายนิ้วหนางอขึ้นเล็กน้อยก่อนจะคูดรูดไปกับผนังเนื้อนุ่มยิ่งภายในถูกรังแกมากเท่าไรตัวของแทนก็ยิ่งสั่นไหวมากขึ้นเท่านั้น อัลฟ่าหนุ่มคิดว่าคนบนตักคงจะเจ็บเพราะไม่มีอะไรที่ช่วยเป็สารหล่อลื่นเลยเขาจึงหยุดมือลง ถอนนิ้วออกพร้อมกับริมฝีปากหยักที่ผละห่างอีกคนออกมาเช่นกัน
“พอแค่นี้ก็ได้นะถ้ามึงไม่ไหว” ความ้าของปลื้มยังไม่ได้ปลดปล่อยเขาเองก็รู้สึกทรมานไม่น้อยแต่ถ้าฝืนทำต่อไปแล้วคนบนตักต้องเจ็บไม่ได้มีความสุขไปพร้อมกับเขา เขาก็ไม่อยากที่จะทำมันอีกต่อไป
“ไหว...เข้ามาเลย”
“อย่ามาดื้อตอนนี้นะแทนห้องกูไม่มีเจล ถุงยางก็ลุกไปเอาตอนนี้ไม่ได้มึงจะเจ็บมากกว่านิ้วอีกนะ”
“ถ้างั้น” แทนดันตัวเองให้ลุกออกจากตักของปลื้ม มือเรียวจับเข้าที่ขอบกางเกงชั้นในของตัวเองปลื้มที่เข้าใจว่าทุกอย่างกำลังจะจบลงจึงเงยหน้าขึ้นหลับตากำหนดลมหายใจของตัวเองให้เข้าออกช้าๆเพื่อลดอารมณ์ความ้าของตัวเองให้ต่ำลง แม้ว่ามันจะยากแต่เขาต้องหยุดมันลงให้ได้