“ดี! นับว่ามีความทะเยอทะยาน! เช่นนั้นเ้ามาใส่สิ่งนี้ก่อน” ชิงผีซานเอ่ยชมพลางหยิบหน้ากากออกมามอบให้หนิงเทียน
“นี่คือ?” หนิงเทียนสับสน การเอาชนะศัตรูอย่างเปิดเผยไม่ดีหรือ? เหตุใดต้องสวมหน้ากากด้วยเล่า?
ชิงผีซานตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าทำเพื่อความปลอดภัยของเ้า เ้าแน่ใจหรือว่าคนผู้นั้นบนลานประลองจะไม่ใช่ยอดฝีมือหยวนซิวจากดินแดนหยวนซิง? หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเ้าชนะ? หากเขามีความแค้นต่อเ้าแล้วสร้างปัญหาให้เ้าในวันหน้าจะทำเช่นใด?”
“ยอดฝีมือหยวนซิวแห่งดินแดนหยวนซิงสามารถเข้ามาในวังไป่หลิงได้ด้วยหรือ?”
“ภายใต้สถานการณ์ปกติย่อมเป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่เขาจะเข้ามาได้ แต่ถ้าเ้าเต็มใจที่จะทุ่มเทความพยายาม ทั้งหยวนซิวและซิงซิวก็ล้วนมีโอกาสลอบเข้ามา”
ดวงตาของหนิงเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยอมสวมหน้ากากอย่างเงียบๆ
“หยวนซิวบนลานประลองอย่าเพิ่งคลุ้มคลั่ง! มาดูกันว่าอัจฉริยะิญญา์ผู้ไร้เทียมทานจากเชื้อสายจื๋อซิวของข้าจะเอาชนะเ้าอย่างไร!” ชิงผีซานแผดเสียงดังสนั่น ซึ่งดึงดูดสายตานับไม่ถ้วนทันที
หนิงเทียนพูดไม่ออก เ้านี่ช่างอวดดียิ่งนัก ถึงกับเปลี่ยนคำเรียกขานให้เขาเสียด้วย
ชายสวมหน้ากากบนลานประลองมองชิงผีซานด้วยประกายตาแวววาว ในที่สุดก็มีคนที่อดไม่ได้จนต้องลงมือ
“ชิงผีซาน เ้าเสียสติไปแล้วหรือ? คนผู้นี้ชนะเก้าสิบเก้าสนามติดต่อกันแล้ว เ้าไม่เห็นหรืออย่างไร?”
“ิญญา์อัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานแบบใดกัน? เ้าไปหลอกผีเถอะ ข้าไม่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อนเลย”
ชิงผีซานเชิดคางขึ้นสูงราวกับจะสื่อว่าพวกเ้าช่างไม่รู้อะไรเสียเลย “เ้าพวกเบาปัญญา ิญญา์หลับใหลอยู่ในแดนลับสักแห่งของูเาไป่หลิงมานานหลายพันปีแล้ว เขาทำลายรากฐานและเริ่มฝึกฝนใหม่ั้แ่ต้น ทั้งยังสาบานว่าจะทำลายขีดจำกัดเพื่อให้เชื้อสายรากพฤกษาได้รับความเสมอภาพอย่างแท้จริง เขามุ่งมั่นที่จะทุบตีซิงซิวและเหยียบย่ำหยวนซิวเพื่อกลายเป็ผู้ดำรงอยู่ใน์อย่างไร้พ่าย!”
หนิงเทียนอับอายอย่างยิ่ง เ้านี่ช่างขี้คุยยิ่งนัก นี่ไม่ได้เป็การทิ้งทางหนีให้กับตนเองเลย
“หยุดพูดโอ้อวดได้แล้ว ข้าไม่ไว้ใจเ้า”
“ถ้าไม่เชื่อก็มาเดิมพันกัน กล้าหรือไม่?”
“คิดว่าข้ากลัวเ้าหรือ? จะเดิมพันอะไรเล่า?”
“ถ้าไม่เชื่อก็มารอดูกัน เราจะเดิมพันผลการต่อสู้ครั้งนี้” น้ำเสียงของชิงผีซานเย่อหยิ่งมาก ซึ่งทำให้คนจำนวนมากไม่พอใจ
หนิงเทียนเดินช้าๆ ไปยังลานประลอง หน้ากากช่วยปิดบังรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา ซึ่งกระตุ้นความสงสัยของผู้คนมากมาย
“ผอมบางไปสักหน่อยนะ ดูแล้วไร้ซึ่งความแข็งแกร่งใดๆ”
“ข้าเดาว่าเด็กนี่คงถึงขั้นเสียชีวิต”
“ถ้าเด็กคนนี้แพ้จะไม่เป็การช่วยหยวนซิวหรอกหรือ?”
“ถ้าเขาแพ้ ข้าจะจัดการเ้าชิงผีซานให้พิการไปเลย!”
หูของหนิงเทียนดีมาก ดังนั้น เขาจึงได้ยินคำพูดเหล่านี้ทั้งหมด แต่สายตาของเขากลับจ้องตรงไปยังชายสวมหน้ากาก
ชิงผีซานบอกว่าหยวนซิวจากดินแดนหยวนซิงมีวิธีลอบเข้ามาในวังผ่านภา ซึ่งคนผู้นี้เอาชนะมาทั้งสามขอบเขต ไม่ว่าจะเป็จิตหยั่งลึก ผนึกดารา หรือเปลี่ยนผ่าน เขายืนหยัดและชนะเก้าสิบเก้าสนามติดต่อกัน ทั้งยังสวมหน้ากากซ่อนรูปลักษณ์ที่แท้จริง เป็ไปได้หรือไม่ที่คนผู้นี้จะเป็ปรมาจารย์ที่เข้ามาเพื่อผลึกิญญาหยวนโดยเฉพาะ?
หนิงเทียนใช้ม่านตาเพลิงเพราะอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากาก แต่จู่ๆ พลังของเขาก็ถูกรบกวนโดยไม่คาดคิด หน้ากากนั่นไม่ธรรมดาจริงๆ
ชายสวมหน้ากากสังเกตเห็นบางสิ่ง รูปแบบจิติญญาผสานกันในดวงตาซึ่งสะท้อนถึงร่างของหนิงเทียน การลอบมองของเขาพยายามเจาะทะลุหน้ากากของหนิงเทียนเช่นกัน ซึ่งคาดไม่ถึงว่าพลังจะถูกสะท้อนกลับ
หน้ากากที่ชิงผีซานมอบให้หนิงเทียนก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เนื่องจากมันสามารถปิดกั้นการตรวจจับทางจิตได้
หนิงเทียนก้าวขึ้นไปบนลานประลอง พลันรัศมีสว่างไสวก็โอบล้อมรอบกายเขาเพื่อตรวจสอบขอบเขตการฝึกฝน
ในไม่ช้าคำว่า “ขอบเขตจิตหยั่งลึก” ก็ปรากฏบนศิลาจารึกชัยชนะ ทั้งยังบ่งบอกว่าจิตอสูรของหนิงเทียนอยู่ในระดับสอง
หลังจากนั้นลานประลองโบราณก็สั่นะเืและส่งเสียงกึกก้อง แสงอักขระเบ่งบาน และการปราบปรามขอบเขตก็เริ่มขึ้นซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของชายสวมหน้ากากลดลงอย่างรวดเร็วจนอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึก
หนิงเทียนขยับมือและเท้า เขากำลังพยายามปรับตัวเข้ากับลานประลองโดยใต้ฝ่าเท้ามีแสงแห่งจิติญญาเบ่งบานอยู่
ชายสวมหน้ากากมองเขาแล้วพูดอย่างเฉยเมย “ขานนามแล้วเริ่มเลย”
หนิงเทียนเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “นี่เป็วิธีที่เ้าเอาชนะคู่ต่อสู้ของเ้าก่อนหน้านี้หรือ? คนอื่นๆ ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมด้วยซ้ำ การใช้ประโยชน์จากความไม่คุ้นชินเช่นนี้ช่างเป็ชัยชนะที่ไร้กำลัง[1]เสียจริง!”
ดวงตาของชายสวมหน้ากากเยือกเย็นขึ้นทันที และพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย “ไร้ความสามารถก็ออกไป หยุดพล่ามได้แล้ว!”
“ทำไมเล่า? ข้าพูดจี้จุดเ้าหรือ? เ้าพึ่งพาวิธีการอันร่มรื่นและชนะด้วยวิธีอันน่ารังเกียจ...”
“หุบปาก!” ชายสวมหน้ากากคำราม พลังเืลมของเขาท่วมท้นทำลายห้วงอากาศราวกับเสียงคำรามของสิงโตที่ะเืจิติญญาของผู้คน
“ยังไม่ทันเริ่มสู้เ้าก็ลอบโจมตีข้าเสียแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้เ้าสามารถเอาชนะมาได้”
คำพูดของหนิงเทียนดึงดูดความสนใจของผู้ชมอย่างยิ่ง ทั้งยังกระตุ้นเสียงโห่ร้องเห็นด้วยและเสียงสาปแช่งได้อย่างมากมาย
“หยวนซิวช่างน่ารังเกียจ! ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการประมือ ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน!”
“ข้าเคยคิดว่าเขาแข็งแกร่งจริงๆ ที่แท้ชัยชนะเก้าสิบเก้าครั้งล้วนเป็ชัยชนะจากการโกงทั้งสิ้น”
“น่าเกลียดมาก เ้ายังอยากรักษาหน้าไว้อีกหรือ?”
ชายสวมหน้ากากได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนสั่นไปทั้งร่าง เขากัดฟันแล้วพูดว่า “เ้าหนู! เ้าจะเสียใจภายหลังที่กล้าเล่นสกปรก ข้าให้เวลาเ้าหนึ่งก้านธูปเพื่อทำความคุ้นเคยกับลานประลอง จงหวงแหน่เวลาสุดท้ายของเ้าให้ดีเล่า!”
ชายสวมหน้ากากพยายามระงับความโกรธลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้หนิงเทียนแอบเสียดายเล็กน้อย เดิมทีเขา้ายั่วยุคู่ต่อสู้ให้โกรธจัดเพื่อลดความแข็งแกร่งลง ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่หลงกลเช่นนี้
หนิงเทียนเดินบนลานประลองอย่างเชื่องช้า เขาใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ทำความคุ้นเคยกับลานประลองอย่างรอบคอบ พร้อมพิจารณายุทธวิธีทั้งหมดที่ควรใช้ในการประลองอยู่ในใจ
“ชิงผีซาน ถ้าเ้าแพ้ เ้าจะชดเชยให้พวกเราอย่างไร?”
“ชดเชยด้วยเ้านี่เป็อย่างไร?” ชิงผีซานตอบพร้อมหยิบน้ำเต้าสีเขียวออกมา ลวดลายบนพื้นผิวดูเหมือนพระสังกัจจายน์โพธิสัตว์[2]
“นี่คือน้ำเต้าที่ท่านบรรพบุรุษซานเซี่ยวทิ้งไว้ใช่หรือไม่?”
ิญญาพฤกษาจำนวนมากเริ่มตื่นเต้น ท่านบรรพบุรุษซานเซี่ยวเป็ตัวตนระดับสูงในบรรดาอสูริญญาระดับห้า
“แล้วเ้าอยากเดิมพันกับอะไร?”
“น้ำตาิญญา์สองหยด และผลไม้ิญญาต่างแดนสีหยกสามผล”
“ให้ตายเถอะ เหตุใดเ้าไม่ไปขโมยมาเองเล่า? ทั่วทั้งูเาไป่หลิงมีเพียงเ้าแห่งจิติญญาตา์เท่านั้นที่น้ำตาิญญา์ ส่วนผลไม้ิญญาต่างแดนสีหยกก็มาจากยอดเขาชิงอวิ๋น มีผู้ใดบ้างที่สามารถไปเอามันมาได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเ้าแห่งจิติญญาิชิง?”
ชิงผีซานยักไหล่และพูดว่า “ถ้าเ้า้าน้ำเต้าสีเขียวของข้าก็ต้องเดิมพันด้วยน้ำตาิญญา์และผลไม้ิญญาต่างแดนสีหยก หากไม่มีก็หุบปากไป”
“ฮึ่ย! เ้ากำลังดูถูกพวกเราอยู่หรือ? ข้ามีผลไม้ิญญาต่างแดนสีหยก ข้ายินดีเดิมพัน!”
“ข้าเดิมพันด้วยน้ำตาิญญา์หนึ่งหยด!”
“เราเดิมพันร่วมกับเขา ข้าไม่เชื่อว่าสายตาของพวกเราหลายคนจะแพ้เขาได้”
แม้ชายสวมหน้ากากจะเป็หยวนซิว แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้รับชัยชนะเก้าสิบเก้าครั้งติดต่อกัน คนส่วนใหญ่จึงมองเขาในแง่ดีในสนามครั้งสุดท้ายนี้
ดวงตาของชิงผีซานลุกเป็ไฟและพูดด้วยเสียงทุ้มลึก “การเดิมพันได้ถูกกำหนดแล้ว ข้ายินดียอมรับความพ่ายแพ้! เ้าหนู เริ่มได้เลย!”
เมื่อหนิงเทียนที่อยู่บนลานประลองได้ยินคำนั้น พลังของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เขาที่ก่อนหน้านี้เผยท่าทีสบายๆ ก็กลายมาเป็เหมือนกระบี่ที่ชักออกจากฝัก พร้อมส่งผ่านพลังอันน่าทึ่ง
ดวงตาของชายสวมหน้ากากเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผู้ชมทุกคนก็ล้วนตกตะลึงเช่นกัน
“ดูเหมือนเด็กคนนี้จะมีความสามารถอยู่บ้างไม่ใช่หรือ?”
“เขาไม่ใช่คนโง่ หากไม่มีความสามารถจะกล้าเข้าสู่ลานประลองได้อย่างไร?”
ลานประลองสั่นะเื สายลมคำรามสนั่น และลวดลายทางจิติญญาก็ส่องสว่างไปทั่วบริเวณดุจเปลวเพลิงที่เดือดพล่าน
หนิงเทียนในชุดขาดวิ่น ผมยาวปลิวไสว ดวงตาที่แวววาวและสดใสจ้องมองไปข้างหน้าอย่างเ็า ทั้งร่างตั้งตรงราวหอกยาว
ชายสวมหน้ากากหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะพูดพึมพำ “น่าสนใจ แต่น่าเสียดายที่เ้าถูกกำหนดให้พ่ายแพ้”
หนิงเทียนกล่าวอย่างเ็า “ข้าไม่เคยพ่ายแพ้ในขอบเขตเดียวกัน!”
“นั่นเพราะเ้ายังไม่พบกับข้า” ชายสวมหน้ากากมีความมั่นใจมาก เืลมของเขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และแรงผลักดันอันน่าสะพรึงกลัวก็ล้นหลามจนผู้คนแทบจะเงยหน้าไม่ขึ้น
แม้จะเป็เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึก แต่พลังของเขาก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนถูกูเาไท่ซานกดทับ
ดวงตาของหนิงเทียนเปรียบเสมือนคบเพลิง ทักษะม่านตาคู่ของเขาสามารถมองผ่านภาพลวงตาได้ และยามนี้เขากำลังเฝ้าดูพลังเืลมรอบกายของชายสวมหน้ากาก “สายเืแข็งแกร่งยิ่งนัก แต่เ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้ด้วยสิ่งนี้เพียงอย่างเดียว”
ชายสวมหน้ากากพูดอย่างเหยียดหยาม “ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ[3] เช่นนั้นข้าให้เ้าเริ่มก่อน”
“ทำไมข้าต้องยอมด้วย?” หนิงเทียนตอบพร้อมก็ลุกขึ้นยืน เขากางแขนซ้ายและขวาออกกว้าง ร่างกายบีบรัดความว่างเปล่า และเสียงลั่นแปลกๆ ก็ปะทุขึ้นราวกับเสียงะเิ
ความรวดเร็วดุจสายฟ้านี้ทำให้หลายคนตกตะลึง ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าหนิงเทียนจะดุร้ายถึงเพียงนี้ ทั้งยังทรงพลังและปราดเปรียวราวกับอสนีบาต
ชายสวมหน้ากากขู่คำราม ร่างกายของเขาโอนอ่อนไปมาราวกับลมกระโชกแรง แสงและเงาของกระบี่เปลี่ยนไประหว่างฝ่ามือและนิ้วมือทั้งสองข้าง ประกอบด้วยหมัด ฝ่ามือ นิ้ว และกรงเล็บ ซึ่งความเร็วของการตอบโต้นั้นค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ
หนิงเทียนใช้ทักษะเก้าร่างเถาวัลย์ัรวมกับทะลวงพันชั้นและวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น สัตตบุษย์งอกงามทุกย่างก้าวก็ให้ความร่วมมือช่วยเหลือทุกขั้นตอน และแสงสีทองบนกำปั้นก็สว่างไสวด้วยพลังที่ท่วมท้น
เกิดแรงกระแทกอันหนาแน่นคล้ายประทัดะเิ การปะทะกันของหมัดต่อหมัดและปราณกระบี่ต่อปราณกระบี่ทำให้เกิดแรงสั่นะเืในห้วงอากาศ
พลังเืลมของชายสวมหน้ากากนั้นล้นหลามอย่างมาก เส้นโลหิตในร่างกว้างใหญ่ดุจท้องทะเล ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงจนหนิงเทียนต้องถอยกลับอย่างต่อเนื่อง
“จุดสูงสุดของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้า!”
หนิงเทียนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แม้ชายสวมหน้ากากจะถูกปราบปรามให้อยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึก ทว่าทักษะเล็กๆ ของเขาก็ยังสูงกว่าทักษะของตน
หนิงเทียนอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเจ็ด เมื่อเทียบกับขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้าแล้ว เขาก็ยังคงเสียเปรียบอยู่วันยังค่ำ
“ข้าจะมอบความพ่ายแพ้ให้เ้าเอง!” การโจมตีของชายสวมหน้ากากราวกับสายน้ำเชี่ยวกราก พลังของเขาทั้งรุนแรงและน่ากลัว
“เ้ายังตามหลังอีกมาก!” หนิงเทียนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว กายาสุวรรณะนิรันดร์ะเิออกด้วยแสงสีทองอันเจิดจรัส ร่างกายของเขาเป็ะราวกับดวงอาทิตย์แผดเผา ทั้งยังมีพลังหนึ่งหยวนที่น่าทึ่ง
แรงอารมณ์ของชายสวมหน้ากากแทบจะกลืนภูผาธารา พลังกดดันไปทุกทิศทุกทาง เขายกฝ่ามืออันหนักแน่นโจมตีหนิงเทียน ทว่าฝ่ามือของเขากลับชาขึ้นมา จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“อเวจีทมิฬกลืนกิน!”
หนิงเทียนเบี่ยงหลบพร้อมเปิดใช้ทักษะโดยกำเนิดของเถาวัลย์หัวผีพันิญญา ทันใดนั้นวังวนก็ปรากฏขึ้นในเส้นลมปราณหลักทั้งเก้า พลังิญญาไหลผ่านกระแสน้ำวนและสร้างแรงหมุนซึ่งก่อตัวคล้ายกับแรงกดข่มของเพลิงวาโยั์
มือซ้ายของชายสวมหน้ากากแดงก่ำ ส่วนมือขวาของเขาเป็สีเงิน เขากำลังใช้ฝ่ามือเหมันต์ร่วมกับเปลวเพลิง ซึ่งเป็วิชาที่มีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่หยวนซิว
ในเวลาเดียวกัน แผนภาพแห่งเต๋าก็ปรากฏขึ้นข้างกายชายสวมหน้ากาก แผนภาพแต่ละภาพมีพลังวิเศษซึ่งไม่มีผู้ใดเทียบได้
เมื่อชิงผีซานเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดอย่างยิ่งและเริ่มสาปแช่งทันที “บ้าเอ๊ย! หยวนซิวช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน ชายคนนี้เป็ปรมาจารย์อย่างแน่นอน ไร้ยางอายยิ่งนัก!”
“ปกปิดตัวตน ปกปิดความแข็งแกร่ง แล้วลงมาสู้กับศัตรูที่อ่อนแอกว่า ช่างต่ำช้าเสียจริง!”
“เป็อย่างไรชิงผีซาน? น้ำเต้าของเ้าคงไม่เหลือแล้ว”
ชิงผีซานบ่นพึมพำ “ยังเร็วไปที่จะมีความสุข การต่อสู้ยังไม่จบ!”
กลิ่นอายของชายสวมหน้ากากบนลานประลองเพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหันดุจดั่งูเาที่ผ่านไม่ได้ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าหนิงเทียน
ดวงตาของหนิงเทียนเคร่งขรึม เขาเห็นเบาะแสบางอย่างว่าชายผู้นี้มีความสมบูรณ์แบบอย่างมากในขอบเขตจิตหยั่งลึก มีโอกาสแปดเก้าส่วนที่เขาจะเป็ปรมาจารย์เหนือเมฆา เท่ากับว่ายามนี้หนิงเทียนต้องสู้สุดใจกับปรมาจารย์วัยเยาว์
หนิงเทียนถอยกลับอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้ ยุทธศาสตร์ครอง์ในร่างกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด บงกชสีมรกตแกว่งไกวอยู่ข้างกาย ต้นไม้แห้งเหี่ยวปรากฏขึ้น หญ้าต้นน้อยสั่นไหว และปราณกระบี่ทำลายห้วงอากาศ
นอกจากนี้ยังมีเถาวัลย์เขียวปกคลุมนภา โอบล้อมด้วยลำธารวงแหวน เปลวเพลิงหมุนวน และด้านหลังยังมีเนินเขาซ่อนเร้น
พลังจิติญญาในวังผ่านภานั้นอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ซึ่งช่วยให้วังวนเจ็ดแห่งปรากฏขึ้นข้างกายหนิงเทียนอย่างครบถ้วนและเกิดเสียงอุทานอื้ออึงอย่างมาก
“เหตุใดรากบ่มเพาะจึงแปลกนัก? นี่เป็สิ่งที่ไม่อาจหาได้ตลอดกาล!”
---------------------------------------
[1] ชัยชนะที่ไร้กำลัง (胜之不武) หมายถึง การเอาชนะคู่ต่อสู้โดยไร้ซึ่งความกล้าหาญและสติปัญญา เพียงฉวยโอกาสจากปัจจัยอื่นๆ ซึ่งอาจใช้วิธีที่ไม่ยุติธรรมเพื่อเอาชนะ
[2] พระสังกัจจายน์โพธิสัตว์ (弥勒佛) หรือพระศรีอริยเมตไตรย เป็สัญลักษณ์แห่งความสุขสมหวัง ทั้งยังมีความหมายที่ดีสำหรับการอวยพรเพื่อให้การดำเนินชีวิตสำเร็จสมประสงค์ เพียบพร้อมด้วยปิติสุข และมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ตลอดไป
[3] ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ (天高地厚) หมายถึง การรู้จักกาละเทศะ รู้จักที่ต่ำที่สูง หรือรู้ว่าสิ่งใดควรทำ ไม่ควรทำ
