“ท่านแม่ เมื่อครู่อาเล็กมาที่นี่” หลิวเต้าเซียงอยู่ในอ้อมกอดแม่อย่างผ่อนคลาย
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของจางกุ้ยหัวหยุดนิ่งและเริ่มแสดงท่าทีกังวล
หลิวเต้าเซียงเหยียดมือเล็กๆ ของนางออกไปตบหน้าแม่เบาๆ “ท่านแม่ เป็เื่ดี อย่าได้กังวลไป”
หลิวชิวเซียงเสริม “ท่านแม่ ที่ปู่บอกว่าจะขอเงินให้ครั้งก่อน เห็นทีครั้งนี้คงจะเกิดขึ้นจริง”
“จริงหรือ?” จางกุ้ยฮัวเอื้อมมือไปลูบหลังของหลิวเต้าเซียง ในขณะที่พึมพํากับตัวเองว่า “แม่นึกว่าครั้งนี้จะอากาศว่างเปล่าอีกเสียแล้ว!”
อากาศว่างเปล่าเป็ภาษาถิ่นของหมู่บ้านสามสิบลี้ ความหมายก็คือลมปาก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นางไม่คิดจริงๆ ว่าจะได้เงินมาอยู่ในมือ
หลิวเต้าเซียงอยู่ในอ้อมกอดของนาง เฮ้อ กลิ่นตัวของแม่ผู้แสนดีช่างหอมจริง กลิ่นสบู่จางๆ ได้กลิ่นแล้วผ่อนคลาย นางสูดหายใจลึกแล้วจึงเอ่ย “อย่างมากสุด ท่านพ่อบอกว่าคงได้สองตำลึง ย่าไม่มีทางให้ห้าตำลึงหรอก”
จางกุ้ยฮัวก้มศีรษะลงอย่างขบขัน เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของนางและยิ้ม “เ้ารู้อีกแล้วหรือ?”
“เฮ้อ นิสัยท่านย่าเป็เช่นไร? ตระหนี่จะตายชัก แน่นอนว่า เป็เช่นนั้นกับครอบครัวเราเท่านั้น หนก่อนท่านพ่อขอเพียงห้าตำลึง นางยังกัดไม่ยอมปล่อย บอกว่าจะให้แค่สองตำลึง”
คำพูดของนางทำให้จางกุ้ยฮัวขบขัน หลายปีมานี้กระเป๋าบ้านตนเองนั้นไม่เคยมีแม้แต่แดงเดียว คิดไม่ถึงว่านับแต่บุตรสาวคนเล็กเกิดมา ในครอบครัวนับวันก็ยิ่งอยู่ดีขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อคิดถึงเื่นี้ นางเอื้อมมือออกไปและััหลิวชุนเซียง “ลูกรักของแม่ เ้าช่างเป็ดวงดาววาสนาแก่ครอบครัวเราเหลือเกิน”
ทันทีที่คําพูดเหล่านี้ออกมา หลิวชิวเซียงเป็คนแรกที่ไม่พอใจ “ท่านแม่ นี่คือฝีมือของน้องรอง” หากไม่ใช่เพราะน้องรองฉลาดหลักแหลม บ้านเราจะได้อยู่ดีกินดีขึ้นหรือ?
“ได้ แม่พูดผิดไปแล้ว” จางกุ้ยฮัวเพียงแค่พูดไปอย่างนั้น คราวนี้ถึงรู้สึกว่าไม่สมควรจริงๆ และกลัวว่าบุตรสาวคนรองจะไม่มีความสุข จึงรีบเอ่ย “แม่รู้ดีว่านี่เป็ฝีมือของน้องรองเ้า เพียงแค่รู้สึกว่า น้องเล็กของพวกเ้าเกิดมามีชีวิตดีเหลือเกิน เพราะมีพี่สาวสองคนที่เอ็นดูรักใคร่”
หลิวเต้าเซียงไม่ได้สนใจเื่ที่จางกุ้ยฮัวบอกว่าหลิวชุนเซียงคือดวงดาววาสนาแต่อย่างใด ตอนนี้นางกำลังคิดเื่เงินสองตำลึง “ท่านแม่ หากว่าท่านพ่อเอาเงินสองตำลึงกลับมา เราควรเก็บไว้อย่าเพิ่งใช้ดีกว่า”
“เพราะเหตุใดหรือ?” จางกุ้ยฮัวไม่กระจ่าง แล้วเอ่ย “หากว่าเงินนี่เก็บไว้ไม่ใช้ เกรงว่าฝั่งของย่าเ้าจะ…”
ฝั่งของท่านย่าจะทำเช่นไร เื่นั้นไม่ต้องพูดถึง ทุกคนรู้ดีแก่ใจ เงินนี้คงเก็บรักษาไว้ได้ไม่นาน
หลิวเต้าเซียงมีแผนในใจแต่แรก ยิ้มแย้มแล้วเอ่ย “ท่านแม่ เงินน่ะเก็บไว้ก่อน ไม่แน่ว่าต่อไปเกิดแยกบ้าน เราอาจจะต้องสร้างบ้านอีก หากถึงตอนนั้นต้องใช้เงินขึ้นมาจะทำเช่นไร เื่นี้ค่อยหาทางผ่านมันไปให้ได้ ข้าเองก็หาทางทำมาหากินแล้ว ต่อไปทุกครั้งที่มีตลาดนัด ข้าจะไปหางานทำในตำบล ได้เงินมาค่อยหาซื้อของกลับมา หากท่านย่าถาม แม่ก็บอกว่าใช้เงินไปหมดแล้ว”
“ใช่แล้ว ท่านแม่ น้องรองบอกหนก่อนว่า ป้ารองคิดอยากจะแยกบ้าน” หลิวชิวเซียงเองก็้าแยกบ้าน เหตุผลที่หนึ่งคือไม่้าถูกท่านย่าและอาเล็กโขกสับ ส่วนอีกเหตุผลก็คืองานหนักของตระกูลหลิวมีเพียงครอบครัวของนางที่ต้องมารับผิดชอบ คนโง่ก็คงเลือกเป็
จางกุ้ยฮัวหวั่นไหวขึ้นมาบ้าง อันที่จริงนางก็้าให้ครอบครัวแยกจากกัน!
เพียงแต่คำพูดนี้ นางไม่สามารถเอ่ยต่อหน้าหลิวซานกุ้ย กลัวว่าเขาจะคิดเป็อื่น
“รอพ่อเ้ากลับมา แม่จะปรึกษากับพ่อเ้าอีกที” จางกุ้ยฮัวไม่ได้พูดเชิงตอบรับ
หลิวเต้าเซียงค่อนข้างผิดหวัง ตอนนี้นางมีเงินอยู่ในมือ หากได้มาเพิ่มอีกสองตำลึง ก็จะมีสามตำลึง บวกกับผลผลิตในห้วงมิติ แล้วก็ไก่ที่เลี้ยงไว้ในบ้านของป้าหลี่ หากขายได้่ก่อนตรุษจีน คงได้เงินมาไม่น้อย หากเป็เช่นนี้ไปสองสามปี บ้านของตนย่อมต้องมีเงินเก็บบ้าง
นางได้คิดดีแล้ว หลังจากย้ายออกไปนางจะสร้างบ้านซื่อเหอย่วนหนึ่งหลัง แล้วก็มีสวนหย่อมขนาดใหญ่ไว้ปลูกดอกไม้ ผัก และผลไม้นานาพันธุ์
บ้านอลังการคือก้าวแรก กำหมัด สู้ๆ!
ไม่ว่าความคิดของหลิวเต้าเซียงจะเป็จริงได้หรือไม่ แต่นางกำลังมุ่งหน้าสู่หนทางการเป็เศรษฐีเ้าของที่ดินผู้มั่งมี
ทั้งสามแม่ลูกคุยกันไม่นาน หลิวซานกุ้ยก็กลับมา เพียงแต่สีหน้าดูไม่ดีนัก
หัวใจของจางกุ้ยฮัวชะงักงันและนางก็รีบถามว่า “พ่อของลูก...”
แต่นางไม่รู้ว่าควรปริปากถามอย่างไร คงไม่อาจถามว่า แม่ผู้ตระหนี่ของเ้าให้เงินมาหรือไม่!
หลิวซานกุ้ยปิดประตูอย่างระมัดระวัง หลังจากตรวจสอบอย่างดี จึงนั่งลงตรงข้างคั่ง
“ได้เงินมาแล้ว”
จางกุ้ยฮัวโล่งอก ให้เงินมาก็จบ อย่างมากก็คงโดนด่าบ้าง อย่างเช่นที่บุตรสาวคนรองของนางกล่าวไว้ว่าปล่อยให้หลิวฉีซื่อด่า ถึงอย่างไรเนื้อหนังก็ไม่ได้แหว่งไปด้วย ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาเป็พอ
หลิวซานกุ้ยล้วงตำลึงเงินร่วนออกมาหนึ่งอัน เดาว่าน่าจะสองตำลึงกว่า
“ดูแล้วไม่น่าใช่แค่สองตำลึง” หลิวเต้าเซียงทำท่าราวกับผู้ใหญ่ แล้วเอ่ยออกมาด้วยท่าทีจริงจัง
หลิวซานกุ้ยผู้ซึ่งไม่ค่อยสบายใจถึงกับอดขำไม่ได้ ความเครียดในใจหายไปไม่น้อย ยิ้มแล้วถาม “เ้ารู้ด้วยหรือ?”
หลิวชิวเซียงอยากจะบอกว่าพวกนางเคยเห็นนานแล้ว เพียงแต่หลิวเต้าเซียงเตือนด้วยการยื่นมือไปจับขาของนางเบาๆ
“ไม่รู้หรอก ท่านพ่อ ข้าเคยได้ยินคนพูดถึงเงิน บอกว่าเ้าสิ่งนี้มีสีขาว แล้วก็เปล่งประกาย สวยงาม ราวกับดวงดาว”
หลิวเต้าเซียงใช้คำพูดเด็กน้อยทำให้พ่อแม่ผู้แสนดีอารมณ์ดี
“นี่ ลูกรองของเราไม่ได้ฉลาดหลักแหลมแบบทั่วไป กระทั่งเื่นี้ยังคิดได้เช่นนี้” หลิวซานกุ้ยปลื้มปริ่มจากก้นบึ้งของหัวใจ รู้สึกว่าหลิวเต้าเซียงคือบุตรสาวของตนเองอย่างแท้จริง มีบุตรสาวที่ดีเช่นนี้แม้ว่าจะไม่มีบุตรชายก็ไม่เห็นเป็ไรไม่ใช่หรือ?
หนนี้เขาคิดตกแล้ว ขอเพียงใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างสุขสบาย ไม่มีบุตรชายก็ไม่ใช่เื่สำคัญอีกต่อไป
“ท่านพ่อ ขอข้าดูหน่อย ข้าอยากลองกัด” หลิวเต้าเซียงยื่นมือเล็กออกไป อยากบอกว่า ให้นางซ่อนไว้เถอะ เชื่อว่าคนในโลกนี้ไม่มีใครหาเจอได้แน่
หลิวซานกุ้ยคิด แล้วก็ยัดใส่มือของนาง “รับไป เ้าชื่นชอบเงินที่สุดไม่ใช่หรือ เงินนี่ให้เ้าเป็คนดูแล”
“พ่อของลูก” จางกุ้ยหัวใกับการตัดสินใจของเขา
หลิวซานกุ้ยมองไปที่จางกุ้ยฮัวด้วยใบหน้าจริงจัง ถอนหายใจและพูดว่า “ั้แ่ลูกรองถูกย่าของนางทุบตีหนนั้น นับวันก็ยิ่งเฉลียวฉลาด เ้าลองดูว่า่หลังมานี้สิ่งที่เราแอบกินลับหลังปู่กับย่าเ้า คำนวณแล้วก็คงเกือบหนึ่งตำลึงกว่า เงินนี่อยู่ในมือนางข้าถึงจะวางใจ”
หลังจากคิดดู เขาก็เอ่ยอีกว่า “ลูกรองของเราไม่เพียงแค่หาของกินมาให้เรามากมาย แล้วยังเลี้ยงไก่ที่บ้านพี่สะใภ้หลี่สิบตัว แม้อายุนางยังน้อย แต่กลับเป็คนมีความคิด จุดนี้คงเหมือนกับย่าของนาง”
จางกุ้ยฮัวอยากจะบอกว่าหลิวเต้าเซียงเป็บุตรสาวแท้ๆ ของนาง เป็เืเนื้อจากตัวนาง หากจะเหมือน ก็ต้องเหมือนนาง เหตุใดจึงยกความดีความชอบให้ย่าด้วย?
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดนางก็ไม่ได้พูดออกมา
จางกุ้ยฮัวไม่สบายใจเล็กน้อย นี่เป็รายได้ก้อนเดียวในครอบครัว “แต่เต้าเซียงอายุยังเด็กเกินไป เก็บเงินไว้กับตัว เกิดทำหายจะทำเช่นไร?”
“ท่านแม่ ท่านวางใจได้ ข้าจะซ่อนมันไว้ในสถานที่เหมาะสมลับตา อีกอย่าง ข้าเองก็เจ็ดขวบแล้ว ข้าจะพยายามหาเงินให้กับครอบครัว”
หัวใจของหลิวซานกุ้ยทั้งเจ็บแปลบและอบอุ่น ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่เรือนหลัก เขาถูกหลิวฉีซื่อด่าไปราวครึ่งชั่วยาม เพราะเขาไม่มีบุตรชาย หลิวฉีซื่ออ้างเื่นี้ จึงไม่ยอมให้เงินแก่เขา
ในท้ายที่สุด หลิวต้าฟู่โมโห ตอนนั้นเขาบอกว่าหากหลิวฉีซื่อไม่ยอมให้ เขาจะหย่าขาดกับนาง แล้วจัดการแบ่งทุกอย่างที่สมควร ถึงอย่างไรบรรพชนก็ยังมีชีวิตอยู่ และรู้เื่ราวในอดีตดี
ในอดีตเกิดเื่อะไรขึ้น หลิวซานกุ้ยเองก็ไม่รู้แน่ชัด ตอนนั้นเขามีความคิดอยากรู้ แต่หลิวต้าฟู่กับหลิวฉีซื่อไม่คิดจะบอกเขา สุดท้ายหลิวฉีซื่อก็ยอมแล้วเอาเงินสองตำลึงออกมา
“กุ้ยฮัว เงินยกให้เต้าเซียงดูแลเถิด ข้าเชื่อในตัวนาง สองเดือนมานี้ครอบครัวเราก็มีนางเป็ผู้นำครอบครัว ได้กินมากกว่าแต่ก่อนมากมาย”
ขณะที่หลิวซานกุ้ยพูดแบบนี้ ท่าทีของเขานั้นดูคาดเดายาก หรือบางทีเขาไม่ได้คิดมากเช่นแต่ก่อน ที่มักคิดแต่เื่กตัญญูรู้คุณพ่อแม่ ชีวิตคงมีแต่ความสงบสุข
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่แท้จริงเกิดขึ้นทีละเื่ ติดต่อกันไม่หยุด จนเขาไม่ทันตั้งตัว เมื่อจางกุ้ยฮัวบอกว่าหลิวชิวเซียงสมควรจะเตรียมเื่การออกเรือน และเมื่อบุตรสาวคนรองได้ของกินมาจากข้างนอก แล้วแอบทำกินกันในบ้าน เมื่อพี่ใหญ่ พี่รอง น้องสี่ ทุกคนล้วน้าเงินจากในมือของท่านแม่ เขาถึงได้สติ ที่แท้เขาคิดผิดมาตลอด
“ท่านแม่ ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ วางใจเถอะ ข้ารับรองว่าย่าไม่มีทางหาเจอแน่ว่าข้าซ่อนไว้ที่ไหน ฮ่าๆ บอกไว้ก่อน ข้าเลี้ยงไก่ได้ เงินก็ต้องให้ข้าเป็คนดูแลนะ ฮึ ข้าไม่ยกให้ท่านย่า เงินนี่ข้าเป็คนหามาได้ ท่านย่ามีลุงใหญ่ ลุงรอง พ่อ อาสี่คอยเลี้ยงดู ข้าจะไม่ยุ่งกับเื่นั้น”
คําพูดของหลิวเต้าเซียงกําลังบอกหลิวซานกุ้ยว่า อย่าได้คิดเพ่งเล็งเงินนี้ นี่คือเงินส่วนตัวของนาง นางยินดีเอามาใช้กับครอบครัวตนเอง นั่นคือการกตัญญูของนาง แต่นางไม่ยินดีที่จะยกให้ปู่ย่าใช้ และไม่สามารถต่อว่าอะไรนางได้
จนถึงท้ายที่สุด นางเป็รุ่นหลาน การเลี้ยงดูคนเฒ่าคนแก่ จึงไม่ได้ตกเป็หน้าที่ของนางอยู่แล้ว
จางกุ้ยฮัวอยากโอบกอดบุตรสาวคนนี้ให้สุดแรง เป็เด็กดีเสียจริง สิ่งที่นางพูดออกมาไม่ได้ ล้วนได้พูดออกมาจากปากของบุตรสาวคนนี้แล้ว นางไม่รอให้หลิวซานกุ้ยได้ตั้งตัวจึงรีบเอ่ย “แม่รับปากเ้า หากใครกล้าแตะต้องเงินส่วนตัวของเ้า แม่จะเป็คนแรกที่ไม่ยินยอม”
หลิวเต้าเซียงอยู่ในอ้อมแขนของนางและยิ้มอย่างมีความสุข มนุษย์จิ๋วในใจกำลังโบกผ้าเช็ดหน้าเอ่ยด้วยความสุขใจ ท่านแม่ เยี่ยมยอดอีกแล้ว!
ห้องปีกตะวันตกเต็มเปี่ยมไปด้วยความปลื้มปริ่ม ส่วนบ้านปีกตะวันออกนั้นความโกรธเคืองแทบจะพุ่งขึ้นฟ้า
หลิวจูเอ๋อร์กัดฟันและปิดหน้าต่าง พูดอย่างโมโหกับหลิวซุนซื่อ “ท่านแม่ ก่อนหน้านี้ข้าเห็นอาเล็กไปห้องปีกตะวันตก จากนั้นอาสามก็ไปยังห้อง้า ฟังจากน้ำเสียงมีความสุขเช่นนี้ เดาว่าคงได้เงินจากท่านย่าเป็แน่”
ใครก็ตามที่ได้ยินคงฟังออกถึงน้ำเสียงอิจฉาของนาง
หลิวซุนซื่อได้ยินดังนั้น ความเดือดดาลในใจก็ยิ่งทวีออกมาแล้วด่าเสียงค่อย “ย่าเ้าน่ะแก่แล้วยังตาบอด เชื่อฟังนางไปช่างเปล่าประโยชน์จริง ฮึ นางเฒ่าแก่หงำเหงือก กระทั่งเงินยังไม่มีปัญญารักษาไว้ได้ แล้วยังทำท่าน่าเกรงขามไปวันๆ”
หลิวจูเอ๋อร์ไม่ชอบฟังคำพูดหยาบคาบของหลิวซุนซื่อ นางก้มดูนิ้วมือที่ผิวกำลังลอกของตนเอง ครีมที่ดีที่สุดในตำบลก็คงช่วยอะไรไม่ได้
“ท่านแม่ ได้แอบส่งจดหมายไปให้ท่านพ่อข้าหรือยัง? หลายวันมานี้เราอยู่แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ทางออก ท่านแม่ดูมือสองข้างของข้าสิ เดิมทีขาวเนียนละเอียด ตอนนี้เป็เช่นไร? จะขึ้นเป็เนื้อด้านราวกับขอทานแล้ว”
-----
