โจเซฟมีสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะตัดสินใจเปิดเผยความจริงออกมา
"จริงๆ แล้ว… ที่นี่เป็สถานที่ลับของทางการน่ะ"
ยังไม่ทันที่ชาร์ลส์จะได้ถามอะไรต่อ เสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขามก็ดังแทรกขึ้นมาว่า
"นี่มันเื่อะไรกัน?"
ทั้งสองหันขวับไปยังต้นเสียง ก็พบชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม สวมเสื้อคลุมหนังสีดำสนิท กำลังเดินเข้ามาหา แววตาคมปราดเปรียวราวกับเหยี่ยวกวาดมองไปรอบห้อง
เมื่อเห็นร่างผู้คุมนอนสลบบนพื้น สีหน้าเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาในบัดดล นั่นคือ เอ็ดเวิร์ด คาเว็นดิช อาของโจเซฟ ชาร์ลส์จำเขาได้เพราะเคยถูกเขาสอบปากคำในเมื่อครั้งเสียความทรงจำ
"เอ่อ...หัวหน้าครับ..." โจเซฟรีบเข้าไปรายงานเอ็ดเวิร์ดทันที น้ำเสียงติดลนลาน "สถานการณ์มันวุ่นวายน่ะครับ ต้องมีเื่เข้าใจผิดเกิดขึ้น"
เอ็ดเวิร์ดยังคงเงียบ สายตาหรี่มองชาร์ลส์ไม่วางตา "หมายความว่ายังไง อธิบายมา?"
ชาร์ลส์กลืนน้ำลาย พยายามอธิบาย เขารวบรวมความคิด เรียบเรียงเหตุการณ์ไว้ในหัว เตรียมคำพูดเอาไว้
“อ่อ…"
เอ็ดเวิร์ดทำหน้านิ่วคิ้วขมวด มองสลับไปมาระหว่างโจเซฟและชาร์ลส์ ก่อนจะถอนหายใจ พยักหน้ารับรู้
"เข้าใจละ งั้นพาเขาไปทำแผลและพักฟื้นก่อนเถอะ คงต้องสอบปากคำกันหน่อยว่าเื่มันเป็ยังไง" เอ็ดเวิร์ดสำรวจสภาพของชาร์ลส์ "ตอนนี้ตัวเธอเองก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จัดการทำแผลเบื้องต้นก่อน"
'ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย' ชาร์ลส์คิดในใจ เขารู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปคงจะไม่ถูกใจเอ็ดเวิร์ดแน่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูด จู่ๆ เอ็ดเวิร์ดก็เหมือนเข้าใจขึ้นมาซะอย่างนั้น
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถามเพิ่มเติม าแตามร่างกายก็เริ่มส่งผล ความเ็ปเริ่มแสดงอาการ ทำให้เขาอ่อนแรง แผลที่ขาที่ถูกดาบฟันเข้าไปลึกก็ยังคงมีเืไหลซึมอย่างต่อเนื่อง
โจเซฟจึงรีบหันไปบอกเอ็ดเวิร์ด "หัวหน้าครับ ผมว่าเราควรพาเขาไปรักษาก่อนดีกว่า ดูสภาพเขาแย่ลงเรื่อย ๆ"
เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะก้าวเข้ามาปลดโซ่ที่ล่ามชาร์ลส์อยู่ "เดี๋ยวฉันจะจัดการตรงนี้เอง พาเขาไปทำแผลก่อน"
"ขอบคุณครับ" โจเซฟรีบเข้าไปประคองชาร์ลส์ "พอเดินได้ไหม?"
"พอประคองตัวได้อยู่" ชาร์ลส์พยายามทรงตัวขณะที่โจเซฟช่วยพยุง แล้วเดินออกไป
เอ็ดเวิร์ดหันไปทางเ้าหน้าที่ที่นอนสลบ เขาย่อตัวลงเขย่าคนที่ดูาเ็น้อยที่สุด "ตื่นได้แล้ว ลุกไหวไหม?"
"อ๊ะ...เอ่อ...ครับ" เ้าหน้าที่ร่างใหญ่คนนั้นค่อยๆ ลืมตา พยายามประเมินสถานการณ์
"ดี งั้นช่วยพาเพื่อนไปห้องพยาบาลด้วย ดูเหมือนจะไม่มีอะไรร้ายแรง แค่สลบไปชั่วคราว" เอ็ดเวิร์ดสั่งการ
ระหว่างทางชาร์ลส์อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดกับโจเซฟและเอ็ดเวิร์ด เขาเล่าถึงการถูกลักพาตัวมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และความพยายามที่จะหลบหนีออกจากห้องขัง แม้จะยังคงรู้สึกเจ็บจากาแที่ล่ามโซ่ตรวนไว้ก็ตาม
“ตอนที่ฉันกำลังนั่งรถม้ามาที่เขตเมืองเก่า รู้สึกว่ากำลังถูกสะกดรอยตามอยู่ จึงได้ทำการทดสอบอยู่หลายครั้ง แล้วแต่ละครั้งรถม้าที่ตามหลังมาก็ทำตัวแปลก จึงพอคาดเดาได้ว่าอาจถูกติดตามอยู่ และครั้งที่สองฉันแกล้งเดินในทางแคบๆ อยู่นานแล้วเดินวนไปตรวจดูร่องรอยในจุดที่เหมาะแก่การซ่อนตัว แล้วพบกับรอยเทาในจุดพวกนั้น ลักษณะย่ำอยู่กับที่เหมือนคนที่แอบมองจากจุดนั้น ฉันจึงแน่ใจแล้วว่าถูกตาม แต่ก่อนที่จะหนีกลับถูกเจอตัวซะก่อน" ชาร์ลส์เล่าเื่ทุกอย่างออกไปโดยมีโจเซฟประคองอยู่ข้างๆ
พอถึงห้องพยาบาลแล้ว ชาร์ลส์ก็ถูกจัดแจงนั่งลงบนเตียงนอน มีเ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาหาชาร์ลส์ ในมือถือชามผสมยาสีทองอมแดงหนืดข้นอยู่ เขาจุ่มผ้าสะอาดลงไป แล้วป้ายยาเหนียวข้นลงบนแผลของชาร์ลส์อย่างเบามือ
พอยาััถูกผิว ความร้อนวาบก็แล่นปราดผ่านรอยแผลขึ้นมาจนชาร์ลส์สะดุ้งโหยง แต่ความแสบร้อนนั้นก็จางหายไปในพริบตา กลายเป็ความเ็าที่ช่วยบรรเทาความปวดแสบได้อย่างน่าประหลาด
ชาร์ลส์เหลือบมองยาพิสดารนั้นอย่างสงสัย เขาไม่เคยเห็นยาแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป ส่วนเ้าหน้าที่อีกคนที่าเ็จากการปะทะกับเขาก็ถูกนำตัวมานอนรักษาอยู่อีกมุมของห้องเช่นกัน ดูเหมือนอาการจะไม่สาหัส เพียงแต่มีแผลฟกช้ำหลายแห่งตามร่างกาย
โจเซฟทำสีหน้าเคร่งเครียดแล้วบอกกับชาร์ลส์ว่า "จริงๆ แล้วเราไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนายนะ เราแค่อยากเชิญตัวนายมาเพื่อสอบถามเื่ไมเคิล เพราะว่ามีคนกำลังตามล่าเขาอยู่"
"แล้วทำไมต้องมาลักพาตัวแบบนี้ด้วย จนฉันาเ็ไปทั้งตัว!?" ชาร์ลส์ถามกลับอย่างใระคนโกรธ
"ก็… ทางหน่วยของเราทำงานเป็ความลับ ปกติจะรอจังหวะที่เป้าหมายอยู่คนเดียวก่อน เพื่อรักษาความลับในการปฏิบัติงานน่ะ" โจเซฟตอบอย่างเก้อเขิน "แต่คราวนี้คงจะเกินเลยไปหน่อย เราไม่คิดว่าจะมีการขัดขืนต่อสู้จนาเ็ขนาดนี้ ต้องขอโทษจริงๆ"
เอ็ดเวิร์ดก็พยักหน้าพลางกล่าวเสริม "เราต้องขออภัยเป็อย่างสูงสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็ความผิดพลาดของเราเอง"
ชาร์ลส์เหลือบมองไปยังสองคนอีกมุมห้อง ทั้งสองจ้องกลับมาอย่างขุ่นเคืองเช่นกัน แน่นอนอยู่แล้วว่าคงไม่มีใครชอบใจคนที่เพิ่งอัดตัวเองจนหมดสติหรอก
"แต่ผมยังไม่เข้าใจ ว่าไมเคิลไปเกี่ยวข้องกับเื่อะไรกันแน่ ถึงขั้นทำให้พวกคุณต้องมาตามหาข้อมูลขนาดนี้" ชาร์ลส์ถามกลับไปด้วยความสงสัย เพราะสำหรับคดีธรรมดาทั่วไป คงไม่น่าจะทำให้เ้าหน้าที่ดูแล้วเป็หน่วยงานลับ ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวมากมายถึงเพียงนี้
โจเซฟถอนหายใจ แล้วตอบกลับมาอย่างจริงจังว่า "ขอโทษด้วย บางเื่เราไม่สามารถเปิดเผยกับคนภายนอกได้ เพราะมีข้อมูลบางอย่างที่เป็ความลับ ห้ามบอกคนนอกหน่วยโดยเด็ดขาด"
"นอกเสียจากว่าจะจำเป็จริงๆ" เอ็ดเวิร์ดเสริมขึ้นอย่างลึกลับ
โจเซฟขมวดคิ้ว งุนงงไปกับคำพูดของอาตัวเอง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงได้เอ่ยแบบนั้น แต่ยังไม่ทันได้ถามความ อีกฝ่ายก็หันไปถามชาร์ลส์เสียก่อน
"จำได้ไหม ตอนที่เธอบอกว่ามีคนตามมาสะกดรอย แล้วเธอเจอรอยเท้าแปลกๆ ถึงสามรอยใช่มั้ย?"
"ครับ แต่ว่า… เดี๋ยวนะ!?" ชาร์ลส์ขมวดคิ้ว ริ้วรอยสงสัยผุดขึ้นบนใบหน้า "ตอนที่ผมเล่าเื่นี้ ผมจำได้ว่าไม่ได้บอกสักคำเลยนะว่ามีรอยเท้าสามรอย ผมแค่เล่าถึงวิธีการตรวจสอบของผมเฉยๆ ..."
เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มผุดพรายขึ้นมาบนหน้าผากของชาร์ลส์ เขาหรี่ตามองเอ็ดเวิร์ดอย่างพิศวง ร่างกายชักเกร็งและผงะเล็กน้อย เหมือนคนที่อยากจะถอยห่างจากบุคคลตรงหน้าให้มากที่สุด แต่ก็ทำไม่ได้เพราะขาที่าเ็ทำให้ขยับตัวลำบาก
"แล้วคุณ… รู้ได้ยังไง?" ชาร์ลส์ถามกลับไปอย่างหวาดระแวง
เอ็ดเวิร์ดสบตากลับมา สายตาคมปราดเปรียวจนแทบมองทะลุเข้าไปในความคิด กล้ามเนื้อบนใบหน้าขยับเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน
ชาร์ลส์นั่งอยู่บนเตียง ยืดหลังตรงแนบพนักเตียง พยายามรักษาระยะห่างจากเอ็ดเวิร์ด ที่อยู่ตรงหน้าให้ได้มากที่สุด
เ้าหน้าที่คนเดิมที่เคยต่อสู้กับชาร์ลส์และทำให้ขาเขาาเ็ไปก่อนหน้านี้ กำลังนั่งทำแผลอยู่ไม่ไกลนัก สีหน้าของเขาแสดงความพอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นความหวาดกลัวของคู่อริที่ฉายชัดบนใบหน้า
เอ็ดเวิร์ดหันไปทางโจเซฟ สบตากันครู่หนึ่ง โจเซฟถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า เอ็ดเวิร์ดเห็นจึงพยักหน้าตอบ มันเหมือนให้สัญญาณบางอย่างแทนคำพูด ยิ่งทำให้ชาร์ลส์กระวนกระวายใจมากขึ้นกว่าเดิม
เอ็ดเวิร์ดหันกลับมาหาเขา "ชาร์ลส์ เธออยากเข้าร่วมหน่วยพิเศษกับเราไหม ด้วยความสามารถของเธอ เรายินดีมากถ้าได้เธอมาร่วมด้วย"
คำเชิญที่คาดไม่ถึงนี้ทำให้ชาร์ลส์ทำตัวไม่ถูก แม้แต่เ้าหน้าที่ผู้าเ็ที่อยู่ห่างออกไปก็ใกับคำเชิญของเอ็ดเวิร์ดเช่นกัน
'อะไรกัน ทำไมจู่ๆ ก็ถูกเชิญซะงั้น แล้วมันเกี่ยวกับเื่รอยเท้าเมื่อครู่นี้ยังไง?'
เอ็ดเวิร์ดซึ่งยังคงจ้องมองชาร์ลส์ตอบออกมา "เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่ล่ะ"
นักสืบหนุ่มขมวดคิ้ว เขาก็พยายามขยับตัวออกห่างจากเอ็ดเวิร์ดมากขึ้น แววตาฉายด้วยความใ จ้องมองเอ็ดเวิร์ดด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด
"ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น" เอ็ดเวิร์ดพูดเสียงเรียบ
"รู้ความคิดผมได้ยังไง?" ชาร์ลส์ถามด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย ไม่สนใจมารยาทหรือการวางตัวแล้ว
"เพราะฉันอ่านใจเธอได้ยังไงล่ะ"
"ยังไง?"
"เื่นั้นเธอจะได้รู้ก็ต่อเมื่อเธอเข้าร่วมกับเราแล้ว"
"แล้วทำไมผมต้องเข้าร่วมกับคุณด้วย?"
"จำตอนที่เธอสำรวจรอยเท้าที่สะกดรอยตามพวกนั้นได้ไหม ที่มีรอยเท้าน่าสงสัยสามรอย"
"จำได้ แล้วมันทำไม?"
"เพราะคนของเราที่สะกดรอยตามเธอไปมีแค่สองคนไงล่ะ ไม่ได้มีสามคน แล้วเธอไม่สงสัยเลยหรือว่ารอยที่สามมาจากไหน"
"...." ชาร์ลส์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองเอ็ดเวิร์ดตรงๆ "คุณกำลังจะบอกว่า…"
"ใช่แล้วล่ะ" เอ็ดเวิร์ดตอบ
"รอยที่สามอาจเป็คนเมา คนแก่ หรือคนป่วยแถวนั้นก็ได้ เมื่อดูจากรอยเท้าแล้ว" ชาร์ลส์คาดเดาความเป็ไปได้อื่น
"แล้วคนประเภทนั้นจะสะกดรอยตามเธอไปทำไม"
"ไม่รู้สิ ก็มีหลายเหตุผล หนึ่งในนั้นอาจจะเป็เห็นผมเป็เหยื่อที่มีเงิน และที่สะกดรอยตามผมก็อาจจะแอบหาโอกาสขโมยกระเป๋าเงินก็ได้ เพราะการแต่งตัวของผมก็แปลกแยกและดูดีกว่าคนในย่านนั้นอยู่แล้ว"
ระหว่างพูด ชาร์ลส์ก็คิดวิเคราะห์ตามไป ที่เอ็ดเวิร์ดพูดมาก็มีเหตุผล ชาร์ลส์นึกย้อนถึงรอยเท้าอันน่าสงสัยนั่น พยายามหาข้อมูลและความแตกต่าง
"แต่ในความคิดเธอ รอยเท้ารอยนั้นมันอยู่ในจุดที่ไกลพอจะเห็นทั้งเธอและคนของเราที่กำลังติดตามเธอไปด้วยพร้อมๆ กัน" น้ำเสียงของเอ็ดเวิร์ดเริ่มจริงจังขึ้น
"นั่นจึงเป็ที่มาของข้อสงสัยว่า ถ้าเป็คนเมา คนแก่ คนป่วยจริงๆ หรือต่อให้เป็คนธรรมดา คนปริศนาคนนั้นจะสะกดรอยตามเธอไปทำไม บวกกับที่คนผู้นั้นสามารถมองเห็นคนของเราอีกสองคนที่กำลังติดตามเธอไปด้วย โดยที่หนึ่งในคนของเรานั้น ภายนอกดูตัวใหญ่และแข็งแรงเยอะกว่าคนปกติมาก ถ้าเธอเป็โจรหรือหัวขโมย เธอคิดว่าจะมีโอกาสลงมือไหม หรือต่อให้มีโอกาส เธอคิดว่าจะหนีรอดออกไปได้ไหม"
คำพูดเ่าั้ทำให้ชาร์ลส์ต้องทบทวนเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง เขาเงียบลงครู่หนึ่ง จมลงไปในความคิดของตัวเอง เช่นเดียวกับเ้าหน้าที่สองคนที่าเ็ที่อยู่ห่างออกไปนั้น ในห้องความเงียบเข้าปกคลุม
"ถ้าเป็โจรปกติ ผมคงไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ยุ่งยากพวกนั้นด้วยแน่ เพราะดูเหมือนมันจะเสี่ยงเกินไป เมื่อดูจากหนึ่งในคนของคุณที่ติดตามผมแล้วด้วย ดูยังไงก็เหมือนไม่ใช่คนธรรมดา เหมือนกับพวกกลุ่มผิดกฎหมายหรือคนของผู้มีอิทธิพลมืดมากกว่า"
เมื่อคำพูดของชาร์ลส์ดังออกมา คนตัวใหญ่ที่อยู่อีกฟากเริ่มชักสีหน้า
"ใช่ ถ้าเป็คนธรรมดาคงไม่เข้าไปยุ่งด้วยแน่ ถ้าเป็คนธรรมดานะ แต่คนที่ติดตามเธออาจไม่ธรรมดานะสิ"
"จะบอกเขาจริงๆ หรือครับ" โจเซฟแทรกขึ้น
"ดูจากสถานการณ์แล้ว ฉันคิดว่าเขาคงเลี่ยงไม่ได้แล้ว"
"หมายความว่ายังไง ที่เลี่ยงไม่ได้?" ชาร์ลส์ถาม
"ฉันคิดว่าบุคคลที่สามที่ติดตามเธอนั้นเป็คนของกลุ่มแปลอักษร"
ทั้งห้องกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ทุกคนที่ได้ฟังทำหน้าเคร่งเครียด ยกเว้นแต่ชาร์ลส์ที่ยังมึนงง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้