“การต่อสู้นี้ ข้าจะเป็คนจัดการเอง!”
แม้เสียงของหลินเฟิงจะไม่ดัง แต่กลับฟังดูชัดเจน มันเพียงพอให้ทุกคนได้ยินอย่างทั่วถึง
ฝูงชนต่างหันมามองหลินเฟิงอย่างประหลาดใจ คนรุ่นเยาว์ที่ดูงดงามนั่นเขากำลังจะต่อสู้กับอสูรกิ้งก่า?
อาจกล่าวได้ว่า ผู้ที่ก้าวเข้าสู่ลานประลองนั้นต่างก็แข็งแกร่งมาก พวกเขาไม่กล้านำชีวิตของตัวเองไปเดิมพัน ถึงกระนั้นอสูรกิ้งก่าได้สังหารทาสไปแล้ว 28 คน จากตรงนี่จะเห็นได้ว่าอสูรกิ้งก่านั้นแข็งแกร่งเป็อย่างมาก
ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 หาก้าเอาชนะอสูรกิ้งก่า ย่อมเป็เื่ยากอย่างยิ่ง
ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 ยังต้องพิจารณาแล้วพิจารณาอีก ดังนั้นอีกฝ่ายจึงกล้าตั้งรางวัลด้วยหินหยวนระดับกลาง 100 ก้อนซึ่งเป็ราคาที่สูงมาก แต่ทว่ายังไม่มีใครสามารถรับหินหยวนนี้ไปได้
ไป๋เจ๋อและคนอื่นๆ ต่างมองหลินเฟิงที่ลุกขึ้นยืน และััได้ถึงรอยยิ้มอันหนาวเหน็บ ดูเหมือนจะเป็ศิษย์ทหารคนหนึ่งที่้าไปตายในลานประลองเชลย
“น่าเสียดาย เขาอยากเห็นเฮยม่ออับอาย แต่เกรงว่าจะต้องผิดหวังเสียก่อน”
ชายหนุ่มชุดเหลืองยิ้มอย่างเ็า หลินเฟิง้าท้าทายกับอสูรกิ้งก่า ช่างรนหาที่ตายดีนัก
“คนชั้นต่ำก็ยังเป็คนชั้นต่ำอยู่วันยังค่ำ เพื่อหินหยวนแล้วแม้แต่ชีวิตของตัวเองก็ไม่สนใจ แต่ชีวิตชั้นต่ำอย่างนั้นก็ไม่มีค่าอะไรอยู่แล้ว”
หลินเฟิงหันไปมองชายหนุ่มชุดเหลืองด้วยสายตาเ็า
“ลานประลองเชลยอนุญาตให้ต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ได้ แล้วทำไมเ้าไม่มาต่อสู้กับข้าล่ะ?”
หลินเฟิงกล่าวด้วยเสียงดังกังวานพอๆ กับเสียงของชายหนุ่มชุดเหลือง แต่เสียงของชายหนุ่มชุดเหลืองมีคนโดยรอบที่ได้ยิน ทว่าเสียงของหลินเฟิงกลับดังเข้าไปในหูของหลายๆ คน
สีหน้าของชายหนุ่มชุดเหลืองดูตกตะลึง เขาถึงกับพูดไม่ออก
“เ้ากล้าพอหรือไม่? เ้าเศษขยะที่มัวแต่พล่ามไร้สาระ นอกจากปากแล้วมีอะไรดีอีกมั้ย”
น้ำเสียงของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความประชดประชัน ทำให้ชายหนุ่มชุดเหลืองตัวแข็งทื่อ และรู้สึกถึงสายตาผู้คนรอบข้าง จากนั้นร่างกายของเขาได้แผ่กระจายความหนาวเย็นออกมาพลางจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงอย่างชั่วร้าย
“ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก!”
เวิ่นอ้าวเสวี่ยหัวเราะพร้อมกับถากถาง
หลินเฟิงเดินไปหาชายชราซึ่งอยู่ด้านนอกประตูกรงโดยที่ไม่ได้สนใจอีกฝ่าย
เมื่อชายชราเห็นดังนั้น จึงเปิดประตูกรงให้หลินเฟิงเข้าไป
เมื่อหลินเฟิงก้าวเข้าไปข้างใน ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงกลิ่นอายที่กดดันราวกับถูกขังอยู่ในกรง ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัว
เมื่ออสูรกิ้งก่าเห็นหลินเฟิงก้าวเข้ามาก็ส่งเสียงคำรามทันที
สัตว์อสูรระดับจิติญญานั้นเฉลียวฉลาดมาก พวกมันรู้ดีว่าใครคือศัตรู และมันยังรู้อีกว่าถ้าไม่ฆ่าหลินเฟิงให้ตาย ก็เป็มันเองที่ต้องตาย
ดวงตาเล็กจ้อยของมันแผ่ประกายเยือกเย็นออกมา มันค่อยๆ คลานไปหาหลินเฟิงช้าๆ
หลินเฟิงไม่สนใจอสูรกิ้งก่าที่กำลังคลานเข้ามา แต่ยังคงเดินอย่างแ่เบาและมีแววตาสงบนิ่ง ไม่มีความเครียดและตื่นตระหนกจากท่าทีของหลินเฟิงเลยสักนิด
ขณะนั้นร่างกายใหญ่โตของอสูรกิ้งก่าได้ะโขึ้นสูงและพุ่งเข้าหาหลินเฟิง เมื่อเทียบกับที่คลานเมื่อครู่นี้ ไม่รู้ว่าความเร็วในตอนนี้จะมากขนาดไหน
“แปดฝ่ามือพิฆาต!”
หลินเฟิงโจมตีด้วยฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง ตอนนี้เขาเข้าใจเคล็ดวิชานี้อย่างลึกซึ้ง และด้วยการโจมตีครั้งเดียวของหลินเฟิง ก็สามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 ได้ง่ายดาย
ทว่าอสูรกิ้งก่านั้นไม่หลบหนี แต่มันกลับใช้กรงเล็บป้องกัน คาดไม่ถึงว่าฝ่ามือของหลินเฟิงจะคมดั่งดาบ ซึ่งกรงเล็บของมันได้แต่ลดทอนแรงโจมตีลงเท่านั้น
แน่นอนว่าแปดฝ่ามือพิฆาต เป็การโจมตีที่ทรงพลังและเป็ไปไม่ได้เลยที่กิ้งก่าอสูรจะสลายการโจมตีลงได้สมบูรณ์ ฝ่ามือพุ่งเข้าปะทะกับร่างกิ้งก่าอสูร ทำให้มันกรีดร้องออกมาขณะกระเด็นกลับไป แต่สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงประหลาดใจคือ การโจมตีของแปดฝ่ามือพิฆาตไม่ได้ทำให้มันได้รับาเ็เลย
“อย่างที่คิด การป้องกันแข็งแกร่งมาก”
หลินเฟิงพึมพำ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงสามารถสังหารได้ถึง 28 คน
อสูรกิ้งก่าคำรามออกมา ดวงตาของมันเ็าขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นร่างที่ใหญ่โตของมันก็พุ่งเข้าหาหลินเฟิงอีกครั้ง!
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ได้ใช้แปดฝ่ามือพิฆาต แค่ยกฝ่ามือขึ้นก็เกิดลมปราณสีขาวออกมาจากฝ่ามือของหลินเฟิง ดูเหมือนว่าร่างกายของอสูรกิ้งก่ากำลังถูกบดขยี้
“กร๊าก…!!!”
อำนาจดาบที่แหลมคมทำให้อสูรกิ้งก่ากรีดร้องออกมา กรงเล็บที่คมดั่งดาบของมัน พุ่งตรงไปยังหลินเฟิง
หากถูกโจมตี เกรงว่าร่างกายของหลินเฟิงจะต้องถูกฉีกเป็ชิ้นๆ
ขณะนั้นหลินเฟิงก็พุ่งตรงไปที่อสูรกิ้งก่า จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ยกฝ่ามือขึ้นเมื่อเข้าใกล้อสูรกิ้งก่า
“เขากำลังจะทำอะไร?”
“ใช้เพียงฝ่ามือป้องกันกรงเล็บของอสูรกิ้งก่า เ้าเด็กนี่บ้าไปแล้ว จะต้องตายแน่ๆ”
เมื่อฝูงชนเห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึง มีหลายคนที่เคยเห็นการต่อสู้ของอสูรกิ้งก่า และก็มีหลายคนที่ถูกชำแหละด้วยกรงเล็บแหลมคมของมัน เพราะกรงเล็บของมันที่แหลมคมยิ่งกว่าดาบเสียอีก
ในที่สุดมือของหลินเฟิงก็ปะทะเข้ากับกรงเล็บของอสูรกิ้งก่า ทันใดนั้นได้เกิดประกายแสงสีขาวส่องสว่างไปทั่ว
ฝูงชนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือของหลินเฟิงไม่เพียงไม่ได้รับาเ็ แต่อสูรกิ้งก่ากลับส่งเสียงคำรามออกมา ดูเหมือนมันจะเ็ปมาก
“เป็ไปได้ยังไง? ที่มือของเขาจะแหลมคมกว่ากรงเล็บของอสูรกิ้งก่า?”
ฝูงชนต่างเผยให้เห็นสีหน้าตื่นตระหนก
ตอนนี้หลินเฟิงเดินเข้าไปใกล้อสูรกิ้งก่า แต่น่าแปลกที่ระยะก้าวเดินของเขาช่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด! ทำให้หลิงเฟิงเข้าประชิดอสูรกิ้งก่าได้อย่างรวดเร็ว
“กร๊าก!!!”
ทันใดนั้นเืสีแดงฉานได้สาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ บนตัวของอสูรกิ้งก่าปรากฏรอยแผลบาดลึก
“พลังฝ่ามือช่างน่ากลัวยิ่งนัก แสงสีขาวที่ส่องประกายนั่น มันคือเจตจำนงของดาบ ซึ่งเป็ดาบที่แหลมคมอย่างยิ่ง!”
ฝูงชนต่างตกตะลึงเมื่อมองไปที่หลินเฟิง เ้าเด็กนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 ก่อนหน้านี้ พยายามทำทุกอย่างที่พวกเขาสามารถทำได้ แต่หลินเฟิงกลับสังหารสัตว์อสูรตรงหน้าลงอย่างง่ายดาย
ไป๋เจ๋อ ชายหนุ่มชุดเหลืองและคนอื่นๆ ที่อยู่บนอัฒจันทร์ ต่างแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าอันอึมครึม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อยากเชื่อว่าหลินเฟิงจะแข็งแกร่งขนาดนี้
“อย่างที่คาดไว้ ในวันนั้นเขาได้ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้”
ไป๋เจ๋อสั่นสะท้าน เขาตระหนักได้ว่าตัวเองมันน่าสมเพชแค่ไหน ในวันนั้นเขาดูถูกหลินเฟิงว่าเป็คนชั้นต่ำและยังดูิ่หลินเฟิงอีก ทว่าตอนนี้กลับพบว่าหลินเฟิงประสบความสำเร็จในเส้นทางแห่งนักรบและยังแข็งแกร่งกว่าเขามาก ซึ่งเดิมทีแล้วเขาไม่สามารถเอาชนะหลินเฟิงได้เลย
หลินเฟิงไม่รู้ว่าผู้คนกำลังคิดอะไรอยู่ จิตใจของเขาตอนนี้มุ่งไปที่การโจมตีอสูรกิ้งก่า
อำนาจดาบ เจตจำนงของดาบ และคลื่นดาบรวมกันเป็หนึ่ง ฝ่ามือของเขาจึงแหลมดุจคมดาบ แม้จะไม่ได้เป็เหมือนดาบที่น่าเกรงขาม แต่พลังยังคงแข็งแกร่ง
ทุกครั้งที่หลินเฟิงลงมือจะทิ้งรอยแผลไว้บนตัวของอสูรกิ้งก่า และเืของมันต้องสาดกระเซ็นไปทั่วกรง
“กร๊าก…”
หลังจากนั้นไม่นาน บนตัวอสูรกิ้งก่าก็เต็มไปด้วยเื และส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งออกมา
“ข้าคงต้องหยุดเล่นกับเ้าแล้ว”
หลินเฟิงเดินเข้าไปใกล้อสูรกิ้งก่า ทันใดนั้นคลื่นดาบมหึมาก็พวยพุ่งจากมือ ก่อนที่เขาจะลงมือตัดหัวของอสูรกิ้งก่าเพื่อปลดปล่อยมันจากความทุกข์ทรมาน
“หืม...” ฝูงชนต่างสูดลมหายใจลึกและคิดในใจว่า “แข็งแกร่งยิ่งนัก! เขาเพิ่งใช้มือโจมตีอสูรกิ้งก่า!”
“เ้าชนะแล้ว นี่คือหินหยวนระดับกลาง 20 ก้อน”
ชายชราเดินเข้าไปในกรงแล้วมอบหินหยวนให้แก่หลินเฟิง หลินเฟิงยื่นมือไปรับอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นเขาก็ออกไปจากกรงทันที
ในขณะเดียวกันสายตาของหลินเฟิงได้มองไปที่กรงข้างๆ มันคือการต่อสู้ของทาสผู้ฝึกยุทธ์และมันก็จบลงแล้วเช่นกัน ครั้งนี้ทาสผู้ฝึกยุทธ์เป็ฝ่ายแพ้และถูกฆ่าตาย
นอกจากนี้ ระหว่างทั้งสองกรงนี้ถูกกั้นไว้ด้วยประตูเหล็ก ถ้าจะเปิดมันออก ทั้งสองกรงนี้ก็จะเชื่อมเข้าด้วยกัน
เมื่อออกมาจากกรงหลินเฟิงจึงรู้สึกดีขึ้น เพราะในกรงนั่นทำให้ผู้คนรู้สึกโศกเศร้าและเ็ปอย่างมาก
หลินเฟิงกลับไปยังที่นั่งของเขา แล้วเหลือบมองชายหนุ่มชุดเหลืองและคนอื่นๆ ก่อนจะนั่งลง
ในลานประลองเชลย เมื่อครู่ชายชรานั่นได้นำสัตว์อสูรปีศาจออกมาอีกครั้ง และอีกด้านหนึ่งก็ได้มีชายชราอีกคนนำทาสผู้ฝึกยุทธ์ออกมาเช่นกัน
ผมของทาสผู้ฝึกยุทธ์ดูยุ่งเหยิงจนปกปิดใบหน้าไว้ได้ และโซ่ตรวนที่ข้อเท้าได้ส่งเสียงออกมาขณะก้าวเดินอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งการต่อสู้ของพวกเขา มันเท่ากับการสูญเสียชีวิตใดชีวิตหนึ่งไป
เมื่อทาสผู้ฝึกยุทธ์นั่นเงยหน้าขึ้น ผมที่ยุ่งเหยิงได้กระจายออกเล็กน้อย จึงเผยให้เห็นตราทาสบนใบหน้าของเขา!
จวิน!!!