เอาอย่างไรดี ในหัวของลู่เต้าพลันว่างเปล่า
“บัดซบ!” ไป๋เสียบ่น “เ้าบ้านี่เอาแต่สร้างปัญหาให้ข้า!”
เดิมทีเขาแค่อยากหาโอกาสสืบข่าวคราวของโจวเทียนหยวนใน่สิบปีมานี้ รวมถึงสาเหตุที่เขามาที่เมืองัทมิฬเท่านั้น ใครจะรู้ว่าลู่เต้าจะทำให้เื่ราวบานปลายถึงขั้นนี้
ด้วยนิสัยของโจวเทียนหยวน หากแพ้อีกครั้ง เขาต้องเล่นตุกติกแน่ หากเื่ราวใหญ่โตเกินไป เกรงว่าจะล่อเฉายวนิมาด้วย เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เขาอยากซ่อนตัวก็คงทำไม่ได้แล้ว
ไป๋เสียกัดฟันต้องเลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เขาตวาดเสียงดัง “อยากชนะก็ฟังข้า!”
ลู่เต้าพลันตื่นจากภวังค์ “ยังชนะได้อีกหรือ”
บัดนี้ทุกอย่างพร้อมสรรพ ขาดเพียงลมตะวันออกเท่านั้นแล้ว
เ้าคลั่งหมากรุกจิบชาด้วยท่าทางผ่อนคลาย รอคอยให้ลู่เต้าพลาดท่า
“เบี้ยเจ็ดรุกหนึ่ง” ลู่เต้าเอ่ยขึ้น
เ้าคลั่งหมากรุกพลันฉงนคิดในใจ ‘เ้าหนู ทำไมถึงไม่ตามน้ำเล่า เดินอีกแค่สามหมากก็ชนะแล้วแท้ๆ!’
เขาคงไม่คาดคิดมาก่อนว่าคู่ต่อสู้ไม่ใช่เด็กหนุ่มตรงหน้า แต่เป็คนอื่นต่างหาก
การโต้กลับของไป๋เสียเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบเชียบ
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า สีหน้าของเ้าคลั่งหมากรุกก็ยิ่งดูไม่ได้ เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นบนหน้าผากอย่างต่อเนื่องด้วยความตึงเครียด
เ้าคลั่งหมากรุกจ้องเด็กหนุ่มที่เดินหมากพลาดในหมากแรกด้วยความเหลือเชื่อ ภายในเวลาเดินหมากไม่กี่ครั้ง เขากลับพลิกสถานการณ์กลับมาได้!
บัดนี้คนที่กำลังจะแพ้ภายในสามหมาก กลับกลายเป็เ้าคลั่งหมากรุกเสียแล้ว
เวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป ในที่สุดเ้าคลั่งหมากรุกก็ยอมแพ้
“ข้า...ไม่มีทางเดินแล้ว...” เขาพูดด้วยความน้อยใจ
“ชนะแล้ว! เห็นหรือไม่ ข้า...โจวเทียนหยวน ดูคนไม่ผิดจริงๆ! ฮ่าๆๆๆ!” โจวเทียนหยวนโอ้อวดสายตาอันเฉียบแหลมของตนเองกับทุกคนด้วยความภาคภูมิใจ
“เป็ไปได้อย่างไร ข้าแพ้เด็กคนนั้นจริงๆ หรือ” เ้าคลั่งหมากรุกไม่อยากจะเชื่อ
ลู่เต้าเพิ่งชนะก็ได้เงินที่เสียไปทั้งหมดกลับคืน เขารีบยื่นมือไปที่ถุงเงิน แต่กลับมีมืออีกข้างมาจับถุงเงินโป่งพองเอาไว้
“ช้าก่อน!”
“ทำอะไร! จะเล่นตุกติกหรือ” ลู่เต้าเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“พวกเรามาเล่นกันอีกตา!”
“ได้สิ!” ลู่เต้าเลียนแบบท่าทางของเ้าคลั่งหมากรุกในตอนนั้น เขาถามพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย “แต่เ้ายังมีเงินอีกหรือ”
เ้าคลั่งหมากรุกพูดไม่ออกในบัดดล เมื่อเห็นดังนั้นลู่เต้าจึงพูดต่อ “ถ้าไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องพูดถึงเื่นี้”
เขาโกรธจนตัวสั่น หยิบตะกร้าไม้ไผ่ออกมาจากใต้แผงลอย ภายในตะกร้ามีปลากระดี่มุกตัวโตที่เกล็ดปลาเป็มันวาวราวกับไข่มุกดำ
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ เพราะพวกเขาไม่ได้เห็นปลากระดี่มุกตัวโตเช่นนี้นานแล้ว
“นี่เป็ปลากระดี่มุกของขึ้นชื่อจากทะเลสาบัทมิฬของเรา หนักสามชั่ง ปลากระดี่มุกขนาดนี้ แลกกับเงินบนโต๊ะนี้ก็เหลือเฟือ! เดิมทีข้าตั้งใจจะนำกลับไปกินที่บ้าน แต่ตอนนี้เอามาเดิมพันแบบนี้ก็แล้วกัน”
เมื่อลู่เต้าเห็นว่าเป็ปลาตัวโต เขาก็คิดถึงเื่ที่กู่เสี่ยวอวี่้าปลาตัวโตไปทำอาหารเมื่อคืนนี้ เขาจึงตอบตกลงคำขอของเ้าคลั่งหมากรุกโดยไม่ลังเล
ส่วนโจวเทียนหยวนที่ไม่ได้สนใจเท่าใดนัก กลับถูกเด็กหนุ่มตรงหน้าดึงดูดเข้าให้อีกครั้ง
เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีบางอย่างคล้ายกับคนผู้หนึ่ง
ก่อนเริ่มเดิมพัน เ้าคลั่งหมากรุกเอ่ยอย่างไม่ลดละ “ครั้งนี้ ข้าจะไม่ยอมให้เ้าชนะไปเพราะโชคช่วยอีกแล้ว!”
ทว่าบนกระดานหมากล้อม ไม่เคยมีโชคช่วย
มีเพียงการคำนวณและถูกคำนวณ ไป๋เสียเชี่ยวชาญเื่นี้เป็พิเศษ
กลยุทธ์ของทหารนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
ลู่เต้ามีเขาคอยช่วยเหลืออยู่เื้ั จึงเดินหมากได้อย่างน่าอัศจรรย์ หลังจากเริ่มไปได้ไม่นาน เ้าคลั่งหมากรุกก็ตกที่นั่งลำบาก ทุกครั้งที่เขาจะเดินหมาก ก็ต้องครุ่นคิดนานราวครึ่งก้านธูป
โจวเทียนหยวนที่เฝ้ามองอย่างเงียบๆ เห็นท่าเดินหมากที่คุ้นเคยก็อุทานออกมาด้วยความใ “นี่มัน...’ขุดหลุมพรางเสือ’ หรือ”
ขณะเดียวกัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหู ‘อาจารย์ ท่านไม่มีทางเดินแล้ว’
ในชั่วพริบตา ร่างของลู่เต้าพลันซ้อนทับกับไป๋เสีย โจวเทียนหยวนกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะพบว่าตนเองตาฝาดไปเอง
“ใช่แล้ว เ้าบ้านั่นไม่อยู่แล้ว” โจวเทียนหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“ข้ายอมแพ้...”
ในเวลานี้ เ้าคลั่งหมากรุกที่ทนต่อไปไม่ไหวก็ยอมแพ้ด้วยความเจ็บใจ เขายัดปลาและเงินรางวัลทั้งหมดให้ลู่เต้า ก่อนจะเก็บแผงลอยแล้วจากไปด้วยความขุ่นเคือง
ลู่เต้าเสนอโจวเทียนหยวนว่าอยากใช้เงินรางวัลซื้อปลากระดี่มุก ทว่าหลังจากที่โจวเทียนหยวนผู้มีน้ำเสียงดังกังวานได้ยินกลับหัวเราะลั่น “ที่ข้าเล่นหมากล้อม ก็แค่ประลองฝีมือเท่านั้น ยกให้เ้าทั้งเงินทั้งปลาไปเถอะ!”
“แบบนี้ไม่ดีกระมังขอรับ” ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่ลู่เต้าก็ยังคงเก็บเงินรางวัลเข้าถุงเงินอย่างไม่เกรงใจ
“การเดินหมากของเ้าคล้ายกับศิษย์คนหนึ่งของข้ามาก”
“โอ้ แล้วเขาไม่เชื่อฟังท่านหรือขอรับ”
“ไม่ใช่แค่ไม่เชื่อฟัง…” โจวเทียนหยวนหลับตาหวนนึกถึงอดีต แล้วยิ้มอย่างขมขื่น “แต่ข้ารู้สึกว่าจริงๆ แล้วเขาเป็คนดี เพียงแต่พวกเราไม่ได้ใส่ใจเขา”
ลู่เต้ารู้สึกได้ว่าจิติญญาในอกกำลังกระสับกระส่าย
“จริงสิ ขออภัยที่เสียมารยาท ไม่ทราบว่าท่านชื่อ...”
เดิมทีลู่เต้าคิดจะบอกชื่อปลอม แต่กลับถูกไป๋เสียเตือน “บอกชื่อจริงไปเถอะ เวลาอยู่ต่อหน้าโจวเทียนหยวน เ้าต้องพูดความจริงเท่านั้น หากโกหก ระวังเขาจะปล่อยสายฟ้าฟาดเ้าจนกลายเป็ผุยผงเล่า”
“...ข้าชื่อลู่เต้า” ลู่เต้าที่เกือบจะหลุดปากไปแล้วก็บ่นไป๋เสียที่ไม่ยอมเตือนเขาแต่เนิ่นๆ ทำเอาเขาเกือบกัดลิ้นตัวเอง
“ที่แท้ก็คุณชายลู่เต้านี่เอง!”
โจวเทียนหยวนชี้โรงเตี๊ยมที่หรูหราสุดในเมืองัทมิฬที่อยู่ไม่ไกลนัก “ครั้งนี้ข้ามาเป็ผู้ตัดสินการแข่งขันพ่อครัวิญญา ก่อนการแข่งขันจะจบลง ข้าจะพักอยู่ที่หอชมจันทร์ หากมีเวลาว่างก็มาดื่มเหล้ากับข้าได้!”
ไป๋เสียรีบบันทึกข้อมูลสำคัญนี้เอาไว้ราวกับได้รับเบาะแสสำคัญ
ในที่สุดก็โล่งอกเสียที
ที่ผ่านมา ไป๋เสียกังวลว่าตราผนึกถูกปลดออกจึงดึงดูดคนทั้งสองมา บัดนี้เมื่อรู้ความจริงแล้วเขาก็วางใจลงได้
“ยังมีอีกเื่” โจวเทียนหยวนกำชับ “่นี้อย่าเข้าใกล้ทะเลสาบัทมิฬจะดีกว่า”
เดิมทีลู่เต้าอยากจะถามเื่แสงประหลาดใต้ทะเลสาบ แต่เมื่อคิดไตร่ตรองดูแล้วก็ตัดสินใจเก็บเื่นี้ไว้ก่อน
“ท่านหมายถึงเื่ผีพรายอาละวาดในทะเลสาบหรือขอรับ” ลู่เต้าคิดถึงผีพรายที่ทำร้ายกู่เสี่ยวอวี่ที่ริมทะเลสาบเมื่อคืน
โจวเทียนหยวนส่ายหน้า “ไม่ใช่ เื่ใหญ่กว่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีตราผนึกโบราณซ่อนอยู่ที่ก้นทะเลสาบ”
ลู่เต้าที่รู้สึกสนใจถามขึ้นมาทันที “ตราผนึกหรือขอรับ? ผนึกสิ่งใดเอาไว้หรือ”
“ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด” โจวเทียนหยวนกล่าว “ต้องรอให้ศิษย์ของข้ากลับมาก่อน”
“เอ๋? แต่ว่าเขาเป็ใบ้ไม่ใช่หรือขอรับ”
“...เขาเขียนหนังสือได้”
ทันใดนั้นที่ปลายถนนก็มีเสียงกรีดร้องของสาวๆ ดังขึ้นอย่างตื่นเต้น เพียงครู่เดียวเฉายวนิที่มีท่าทางเบื่อหน่ายก็ปรากฏขึ้นในสายตาของคนทั้งสองโดยมีสาวๆ รายล้อม เมื่อโจวเทียนหยวนเห็นเช่นนั้นก็โบกมือเรียก “นี่! ยวนิ! ทางนี้!”
ราวกับเฉายวนิพบผู้ช่วยชีวิต เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเดินฝ่าวงล้อมของเหล่าสตรีมากมายมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโจวเทียนหยวน
“ให้ข้าแนะนำให้รู้จัก นี่คุณชายลู่เต้า เมื่อครู่เขาเพิ่งช่วยข้าไว้…” โจวเทียนหยวนหันหลังกลับไปก็พบว่าลู่เต้าหายไปแล้ว “เอ๊ะ? คุณชายน้อย? ไปไหนเสียแล้ว เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้แท้ๆ!”
เฉายวนิมองอาจารย์ของตนด้วยแววตาเคลือบแคลง เขาคิดว่าอาจารย์คงจะดื่มเหล้าเมาแต่เช้าเลยเพ้อเจ้อไม่รู้เื่แล้ว
สำหรับการจากไปอย่างเงียบๆ ในครั้งนี้ ลู่เต้าเองก็มีเหตุผล
ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วที่ได้พบกับเฉายวนิที่ริมทะเลสาบัทมิฬจะไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อคืนไป๋เสียไม่ได้อยู่ในร่างเขา จึงถูกจับไได้
แต่วันนี้ไป๋เสียอยู่ในร่างเขา หากถูกเฉายวนิผู้มีััฉับไวจับได้ขึ้นมา เกรงว่าจะหนีไม่พ้นแน่
ดังนั้นลู่เต้าจึงทำได้เพียงจากไปอย่างเงียบๆ โดยมิเอ่ยลา
“ตราผนึกอย่างนั้นหรือ” ลู่เต้ารู้สึกคันยุบยิบ “อยากรู้จริงๆ ว่าตราผนึกที่ก้นทะเลสาบผนึกสิ่งใดเอาไว้”
“แน่นอนว่าต้องไม่ใช่สิ่งดี เพราะหากเป็สิ่งดีคงถูก ‘ซ่อน’ เอาไว้” ไป๋เสียเว้นวรรคครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “มีเพียงสิ่งไม่ดีเท่านั้นที่จะถูกผนึกเอาไว้”
“เช่นเ้าอย่างนั้นหรือ”
“เ้า...!” ไป๋เสียพลันพูดไม่ออก
