อันเหยาเหวิน ฮูหยินใหญ่ผู้เปี่ยมด้วยอำนาจ บารมี และความอิจฉาริษยา เดินวนเวียนอยู่ในห้องโถงใหญ่ด้วยความฮึกเหิมและเต็มไปด้วยความพยาบาทที่พุ่งเป้าไปยังสองแม่ลูกผู้เคราะห์ร้าย เสียงฝีเท้าของนางสะท้อนดังกังวานไปทั่วบริเวณ ราวกับเป็เสียงเตือนภัยให้กับผู้ที่คิดต่อต้านนางรู้ตัวว่าความเดือดร้อนกำลังจะมาเยือน
อันเหยาเหวินเป็หญิงงามผู้ทรงอำนาจ นางเป็ที่โปรดปรานของแม่ทัพซุนเทา แม้แต่นางสนมของเขาก็ยังต้องยอมหลีกทางให้นางเสมอ การที่นางเป็ฮูหยินใหญ่ทำให้นางสามารถใช้อำนาจกดขี่ผู้คนโดยไม่มีใครกล้าขัดขวาง แม้แต่ท่านแม่ทัพเองก็ยังมักให้ท้ายและปกป้องนางอยู่ตลอด ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถเอาผิดหรือเรียกร้องความยุติธรรมได้
ในทางกลับกัน สองแม่ลูกที่ตกเป็เป้าหมายของนางกลับไม่มีทางเลือกอื่นใด พวกเขาคือหญิงอุ่นเตียงผู้ต่ำต้อยและลูกชายที่เกิดจากความไม่ตั้งใจของแม่ทัพซุนเทา หญิงสาวผู้เป็แม่แม้จะงดงามและอ่อนโยน แต่ฐานะกลับต่ำต้อยจนยากจะต่อกรกับความโเี้ของฮูหยินใหญ่ ส่วนลูกชาย แม้จะเป็สายเืของแม่ทัพ แต่กลับถูกตราหน้าว่าเป็ "ลูกนอกคอก" และไม่ได้รับการยอมรับในวงศ์ตระกูล
อันเหยาเหวินเก็บความเกลียดชังที่นางมีต่อสองแม่ลูกนี้ไว้ไม่ไหว นางมองว่าทั้งสองคือเสี้ยนหนามในชีวิต และเปรียบเหมือนจุดด่างพร้อยในจวนแม่ทัพ นางปักใจว่าตราบใดที่สองแม่ลูกยังคงอยู่ในโลกนี้ นางจะไม่มีวันได้รับความสงบสุขอย่างแท้จริง นางจึงวางแผนที่จะแก้แค้นและกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก
แผนการของอันเหยาเหวินไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่สองแม่ลูกเท่านั้น นางยังลอบวางแผนที่จะกำจัดหญิงคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่านแม่ทัพทีละคน
หมู่บ้านไท่ผิงชุนเงียบสงัดภายใต้แสงจันทร์ที่ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนเมฆหนาทึบ บรรยากาศโดยรอบช่างเงียบเหงาและทุรกันดาร สมกับที่เป็หมู่บ้านห่างไกลความเจริญ กลุ่มทหารฝีมือดีทั้งสิบคนก้าวเท้าเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายและดูถูก ดวงตาของพวกเขากวาดมองรอบๆ ด้วยสายตาเ็าและดูิ่
หนึ่งในพวกเขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด “เฮอะ! ทำไมข้าต้องมาทำงานไร้สาระเช่นนี้ด้วย? พวกเราคือทหารผู้มีเกียรติ แต่กลับถูกใช้งานเหมือนคนเก็บกวาด!” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทหารของแม่ทัพซุนเทาผู้มากฝีมือเหล่านี้ ถูกส่งมาปฏิบัติภารกิจในเงามืด สวมชุดปิดบังอำพรางตัวตนอย่างมิดชิด ทั้งหมดเป็ไปตามคำสั่งของฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวิน
"เงียบเถอะ!" ชายคนหนึ่งในกลุ่ม หัวหน้ากล่าวออกมาอย่างเ็า เขาไม่สนใจคำบ่นของลูกน้องแม้แต่น้อย ดวงตาเรียบนิ่งของเขาจ้องมองไปยังเส้นทางข้างหน้า “นี่คือคำสั่งของฮูหยินใหญ่ หากพวกเ้าไม่อยากให้ชื่อเสียงของจวนแม่ทัพมัวหมอง จงรีบทำงานให้เสร็จ อย่าปล่อยให้เื่นี้หลุดรอดออกไป”
เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเย็นเยียบ “เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตัวเล็กๆ สองคนงานนี้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย เสร็จแล้วพวกเราจะได้รีบกลับ ไม่ต้องทนอยู่ในสถานที่สกปรกนี่อีก”
คำพูดเ่าั้ทำให้กลุ่มทหารเงียบเสียงไป ทุกคนรู้ดีว่าหากขัดคำสั่งของอันเหยาเหวิน ไม่เพียงแต่ชีวิตพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย แต่แม้กระทั่งครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องก็อาจไม่รอดเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือก นอกจากทำตามคำสั่งโดยไม่ถามไถ่ถึงเหตุผล
ในความมืด ทหารทั้งสิบคนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ราวกับเงาที่กลมกลืนไปกับความมืดมิด ทุกก้าวของพวกเขามุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่ได้รับมอบหมายหญิงสาวที่ไร้ทางสู้ ผู้ไม่รู้เลยว่าความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ...
ท่ามกลางความมืดมิดและความเงียบสงัดของยามราตรี เยี่ยจิงหลินลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ นางััได้ถึงจิตสังหารที่แผ่กระจายอยู่ในอากาศ ราวกับอสรพิษที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ นางขยับตัวขึ้นจากเตียงด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด หันมองไปยังมารดาของนางซึ่งยังคงหลับสนิท นางรู้ดีว่าหากปลุกมารดาขึ้นมา สถานการณ์อาจยิ่งเลวร้าย
ด้วยความคล่องแคล่วและเงียบเชียบ เยี่ยจิงหลินใช้วิชาตาเบาที่นางฝึกฝนมาอย่างช่ำชอง เคลื่อนตัวออกจากบ้านราวกับเงาเลือนลาง ไม่มีแม้เสียงฝีเท้าใดๆ ให้ผู้ใดจับสังเกตได้ นางเคลื่อนที่รวดเร็วประดุจสายลม ก้าวเท้าไปยังตำแหน่งที่พลังอำมหิตนั้นกำลังเคลื่อนเข้ามา
เมื่อถึงบริเวณด้านหน้าของกลุ่มชายชุดดำ นางหยุดยืนเผชิญหน้ากับพวกมัน ดวงตาคมกริบราวกับใบมีดจ้องมองไปยังเหล่าผู้บุกรุก นางไม่ลังเลที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแต่หนักแน่น“พวกเ้าเป็ใคร? มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร?”
คำถามนั้นไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้แก่พวกมันแม้แต่น้อย หัวหน้าของกลุ่มชายชุดดำ หยุดยืนห่างจากนางไม่กี่ก้าว เขาส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก“คนใกล้ตายเช่นเ้า ไม่มีความจำเป็ต้องรู้ว่าพวกเราเป็ใคร”
คำพูดของเขาทำให้บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้ง ความมืดมิดที่รายล้อมดูเหมือนจะยิ่งหนาทึบขึ้น แต่เยี่ยจิงหลินไม่ได้หวาดหวั่น นางเพียงจ้องมองพวกมันด้วยสายตาที่เรียบเฉยและเยือกเย็น พลางประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
“หากข้าเป็คนใกล้ตายเช่นที่เ้าพูด...” นางเอ่ยเสียงแ่เบาแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ “เหตุใดข้าจึงยืนอยู่ตรงนี้โดยไร้ซึ่งความกลัว ขณะที่พวกเ้า กลับต้องปกปิดใบหน้าด้วยความอับอาย?”
คำพูดของเยี่ยจิงหลินทำให้หัวหน้ากลุ่มชายชุดดำหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่าทีที่ดูเหมือนเด็กสาวธรรมดากลับเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามเกินกว่าที่พวกมันจะคาดคิดได้...
เยี่ยจิงหลินไม่ปล่อยให้พวกมันต้องรอนาน เมื่อเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของหัวหน้ากลุ่มยังคงก้องอยู่ในความมืด นางก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที ร่างกายของนางพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับสายลมในยามค่ำคืน ไร้เสียงใดๆ ที่บ่งบอกถึงการมาถึงของนาง
เหล่าชายชุดดำยังไม่ทันตั้งตัว เพียงชั่วพริบตา ร่างหนึ่งในกลุ่มพวกมันก็ล้มลงกับพื้น หยาดเืสีแดงสดกระเซ็นออกมาจากลำคอของเขา เสียงหายใจเฮือกสุดท้ายของเขาก้องกังวานในความมืด ราวกับเป็เสียงเตือนภัยให้พวกมันรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้านี้ไม่ใช่เป้าหมายที่อ่อนแอและไร้ทางสู้ดังที่คาดไว้
“เ้ากล้าสังหารคนของข้า!” หัวหน้ากลุ่มะโออกมาด้วยความเดือดดาล แต่ภายในใจกลับเริ่มหวั่นไหว เขามองไปยังศพของสหายที่นอนจมกองเื ดวงตายังคงเบิกโพลงด้วยความใ ราวกับไม่ทันได้ตั้งตัวว่าความตายมาเยือน
เยี่ยจิงหลินยืนหยัดอยู่ในเงามืด ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังกลุ่มชายชุดดำที่เหลือด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง นางไม่กล่าวคำใดๆ มีเพียงมือที่เปื้อนเืของนางที่เลื่อนปาดลงข้างลำตัวอย่างช้าๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการจู่โจมครั้งต่อไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้