อย่าทำแบบนี้อย่างนั้นหรือ?
เหอฉงเซิงวิ่งไล่เฉินซีเหลียงร่วมสิบกว่าเมตร ทุบตีจนเขาร้องโอดโอย
“นายยังมีหน้ามาพูดเื่เสื้อนอกขนแพะนั่นอีกหรือ ทำธุรกิจของนายดีๆไม่ชอบ นายยังจะหาเื่ให้ได้ เกลียดที่การออกแบบของลูกค้าต่างชาติไม่สวย ให้ฉันช่วยแก้ไข...ไอ้ฉันมันก็ผีร้ายเข้าสิง ฟังนายพูดไร้สาระผลิตเสื้อออกมาลูกค้าตรวจสอบแล้วไม่ผ่านมาตรฐาน ปฏิเสธรับสินค้า! ไว่ฮุ่ยเชวี่ยนในมือก็โดนนายผลาญไปจนหมดแบบนั้นนายรู้หรือเปล่าว่าคนในโรงงานนินทาฉันอย่างไร ผู้อำนวยการจากโรงงานเสื้อผ้าอื่นในหยางเฉิงคนไหนไม่ด่าฉันว่าเป็เ้าโง่บ้าง? ถ้าฉันไม่ตีนายตาย วันนี้อย่าเรียกฉันว่าพี่เขย!”
เหอฉงเซิงวิ่งไล่กวดเฉินซีเหลียง โรงงานในหญ่โตขนาดนั้นผู้อำนวยการเหอวิ่งเสียจนรองเท้าหลุดแล้ว
เฉินซีเหลียงเห็นพี่เขยเขาเหนื่อยหอบหายใจหนัก ถึงยอมโดนตีสักสองสามที และจึงบอกวิธีกู้สถานการณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ระหว่างที่เหอฉงเซิงกำลังตีก็ฟังจนเหม่อลอย
ไว่ฮุ่ยเชวี่ยนโบยบินหนีไปแล้ว อย่างน้อยต้องนำเงินต้นของสินค้าล็อตนี้กลับมาแม้เฉินอวี่จะไม่ใช่โรงงานขนาดเล็ก เสื้อนอกขนแพะรวมทั้งหมด 29000 ตัวที่คั่งค้างอยู่ยังมากมายเสียจนทำเอาเหอฉงเซิงนอนหลับไม่สนิทตอนแรกเป็จำนวน 30000 ตัว ขายกระจายไป 1000 ตัว ยังเหลืออีก 29000 ตัว สินค้าต้องใช้ต้นทุนหนึ่งล้านกว่าหยวนเหอฉงเซิงคิดจะตีเฉินซีเหลียงให้ตายด้วยซ้ำ
เฉินซีเหลียงทำธุรกิจอิสระ ใจมีความฝันในการออกแบบฉวยโอกาสขณะเหอฉงเซิงเมาพูดพล่อยต่อหน้าเขาแค่แก้ไขการออกแบบดั้งเดิมเล็กน้อยเท่านั้น ทว่ากลับทำให้ลูกค้าต่างชาติปฏิเสธรับสินค้าอีกทั้งบอกว่าจะแจ้งความเนื่องจากเหอฉงเซิงผิดสัญญา... ถ้าโดนแจ้งความอย่าว่าแต่ฟาดน้องชายภรรยาให้ตายผู้อำนวยการโรงงานเหอมีกระทั่งความคิดเปลี่ยนภรรยาด้วยซ้ำโชคดีที่สุดท้ายลูกค้าไม่ได้แจ้งความ เหอฉงเซิงถึงได้ไม่ตีเฉินซีเหลียงให้ตายจริงๆ
“...จ้างนักแสดงชายสวมเสื้อนอก ขึ้นปก《สมัยนิยม》กับ《ภาพยนตร์ดัง》? นายนี่ช่างกล้าคิดนะ ฉันไม่รู้จักคนของสำนักพิมพ์นิตยสาร และยิ่งไม่รู้จักนักแสดงด้วย!”
แม้พูดเช่นนี้ แต่เหอฉงเซิงยั้งมือ แสดงว่าเขากำลังพิจารณาวิธีนี้อยู่
“อีกอย่างปีนี้ก็เลยฤดูกาลแล้ว วิธีนี้ของนายต้องรอถึงปลายปีเวลานั้นเสื้อนอกล็อตนี้ของฉันอาจขายออกไปตั้งนานแล้ว มีโอกาสให้นายอวดดีที่ไหน”
เฉินซีเหลียงขยับเข้าไปใกล้ “ขายออกน่ะดีที่สุดเผื่อ ผมหมายถึงเผื่อว่าขายไม่ออก วิธีนี้ก็ลองดูได้ไม่ใช่หรือ?”
เหอฉงเซิงปากแข็งไม่ยอมรับ ฤดูกาลได้ผ่านไปแล้วจำหน่ายเสื้อผ้านอกฤดูกาลไม่ใช่เื่ง่าย แถมเป็เสื้อนอกที่ราคาแพงขนาดนั้นอีก
แต่ถ้าวิธีนี้มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงจะสามารถใช้กับการขายเสื้อนอกเสื้อผ้าแบบอื่นของเฉินอวี่ก็สามารถทำแบบเดียวกันได้ไม่ใช่หรือ? โรงงานผลิตเสื้อผ้าในซางตูมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆโรงงานเสื้อผ้ารายย่อยบางแห่งดำเนินการโดยส่วนบุคคล กลไกการผลิตที่ยืดหยุ่นนั้นทำให้โรงงานใหญ่อย่างเฉินอวี่ตกเป็รองอย่างยิ่ง
เสื้อผ้าที่ขายไม่ดีไม่ได้มีเพียงเสื้อนอกขนแพะรุ่นนี้หากสามารถจัดการระบายคลังสินค้า ก็จะทำให้โรงงานมีกำไรมากขึ้น มีเงินซื้ออุปกรณ์ และมีเงินพิเศษให้แก่คนงานนี่คือสิ่งที่ผู้อำนวยการโรงงานแสวงหา
เหอฉงเซิงครุ่นคิดอยู่นานสองนาน คิดเหมือนกันว่าลองดูก็ไม่เสียหายและจ้องน้องชายภรรยาด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
“นี่คือความคิดที่เ้าบ้าอย่างนายคิดออกมาเองอย่างนั้นหรือ?”
“ฮี่ฮี่ พี่ไม่ต้องสนว่าใครคิดหรอกสรุปแล้วคือฉันคิดจะแก้ไขปัญหาให้พี่เสมอนะ พี่เขยก็อย่าโกรธอีกเลย!”
“จะโกรธหรือไม่ ต้องดูว่าวิธีของนายได้ผลหรือเปล่า”
เฉินซีเหลียงคิดว่าได้ผล เหอฉงเซิงก็มิได้โง่เขลาบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนผ่อนคลายลงมากด้วยเหตุนี้
เดิมทีเฉินซีเหลียงอยู่ในสภาวะรักษาม้าตาย [1] ถึงค่อยถามเซี่ยเสี่ยวหลาน แม้ตอนแรกโดนลูกค้าต่างชาติปฏิเสธ เหอฉงเซิงคิดว่ายังคงสามารถจำหน่ายในประเทศได้ แต่ใครจะรู้ว่าเสื้อรุ่นนี้ไม่ได้รับความนิยมนักตัวแทนจำหน่ายที่รับสินค้าไปจากโรงงานไม่้าสินค้าชนิดนี้เฉินซีเหลียงรับไปขายที่แผงก็ไม่เป็ที่สนใจหมือนกัน
ทว่าหลังเซี่ยเสี่ยวหลานนำสินค้ากลับไปซางตูแม้ความเร็วในการขายไม่ได้รวดเร็วนัก อย่างไรเสียก็ขายได้หลายสิบตัวรอบที่สองยังกล้ารับสินค้ากลับไปอีก เฉินซีเหลียงถึงลองถามไถ่สถานการณ์ เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าเฉินซีเหลียงมีสินค้าค้างอยู่หลายร้อยตัวเสียอีกจะรู้ได้อย่างไรว่าด้านโรงงานเสื้อผ้ามีสินค้าค้างอยู่เกือบสามหมื่นตัว
เฉินซีเหลียงสอบถามก่อนตรุษจีน เซี่ยเสี่ยวหลานตอบว่าไม่มีหนทางช่วยแต่หลังจากตรุษจีนกลับมีวิธีอีกครั้ง
เฉินซีเหลียงไม่อยากซักไซ้ว่าความคิดนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นมีมาั้แ่แรกหรือว่าคิดออกทันทีทันใดหลังจากเห็นนิตยสารของเขาในเมื่อไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหาย คนเขาก็ไม่มีหน้าที่ต้องบอกอยู่แล้ว
มนุษย์น่ะนะ อย่าผ่อนผันต่อตนเองและอย่าเข้มงวดต่อผู้อื่นมากเกินพอดี เฉินซีเหลียงหารือกับเหอฉงเซิงสักพักใหญ่ตัดสินใจให้เฉินซีเหลียงพาคนเดินทางไปปักกิ่งสักรอบ เนื่องจาก《สมัยนิยม》และ《ภาพยนตร์ดัง》เป็นิตยสารของปักกิ่ง
“รีบติดต่อคน ดีกว่าขอให้เขาช่วยจัดการตอนนาทีสุดท้าย ไปหลายรอบหน่อย ค่าเดินทางโรงงานเบิกให้พวกนายแล้ว”
เฉินซีเหลียงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าโศกเศร้า
เขาอยากได้ค่าเดินทางจำนวนแค่นั้นที่ไหนเล่าไปหลายรอบก็ต้องถ่วงเวลาธุรกิจของเขาน่ะสิ
แต่เื่ราวนี้เป็สิ่งที่เขาก่อขึ้นมาเอง ต้องเป็เขาที่เป็ฝ่ายไปแก้ไขแน่นอน
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานพักในหยางเฉิงได้สองวันแล้ว โทรเลขจากซางตูถูกส่งมาหลี่เฟิ่งเหมยและสินค้าหลายถุงต่างถึงซางตูโดยสวัสดิภาพไร้เภทภัยทว่าหนังสือข้ามแดนของเธอยังไม่สำเร็จ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงตัดสินใจตามไป๋เจินจูแอบเข้าเขตพิเศษในเวลานี้รั้วตาข่ายเหล็กสูง 2.8 เมตร ยาว 86 กิโลเมตรนั้นยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ ต่อให้มีคนคอยเฝ้าหากมีคนคุ้นชินพื้นที่นำทาง ก็สามารถลักลอบเข้าเขตพิเศษได้
ไป๋เจินจูไปถึงเผิงเฉิงก่อน เพื่อรอรับพวกเซี่ยเสี่ยวหลานสามคนในเวลาที่นัดแนะกันไว้
จุดที่ตาข่ายเหล็กไม่ได้เชื่อมกันถูกคุ้มกันอย่างเคร่งครัดมากทีเดียวในจุดที่มีตาข่ายเหล็กนั้นผู้คนซึ่งเข้าออกเผิงเฉิงจะตัดช่องออกไม่คิดไม่ฝันว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะได้เรียนรู้วิธีของเ้าพ่อธุรกิจสักท่านในอนาคตเช่นกันลอดตาข่ายเหล็ก ‘ลักลอบข้ามแดน’ เข้าสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิง
เซี่ยเสี่ยวหลานคุ้นเคยกับเมืองนี้มากเหลือเกิน
ทว่าที่เธอคุ้นเคยคือเขตพิเศษในอีกสิบกว่าปีข้างหน้า ไปจนกระทั่งเขตพิเศษใน 30 ปีให้หลัง
เผิงเฉิงในปัจจุบันเหมือนดั่งที่ไป๋เจินจูเล่าแม้ทุกหนแห่งล้วนกำลังก่อสร้าง แต่ภาพรวมกลับไม่รุ่งโรจน์เท่าหยางเฉิงสิ่งปลูกสร้างแลนด์มาร์คซึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานคุ้นเคยเ่าั้ยังไม่มีด้วยซ้ำ...สิ่งนี้ไม่สำคัญ เมื่อพินิจผู้คนบนท้องถนนแล้ว ไม่ว่าแต่งกายดีหรือแย่ลักษณะทางจิตใจที่แสดงออกมานั้นแตกต่างจากผู้คนในเมืองของแผ่นดินใหญ่อย่างซางตูโดยสิ้นเชิง
เผิงเชิงแปรเปลี่ยนทุกวัน เนื่องจากอยู่ระหว่างการพัฒนาอันรวดเร็วคนท้องถิ่นััได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก่อนใครอีกทั้งมีคนงานก่อสร้างจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา ทำให้เขตพิเศษมีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยม
ไป๋เจินจูพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปยังตลาดสะพานประชาชนที่เธอตั้งร้าน พ่อค้าแม่ขายผู้จำหน่ายเสื้อคุณยาย [2] นาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสินค้าประเภทต่างๆล้วนข่มเสียงพูดคุยลงอย่างช่วยไม่ได้
ไป๋เจินจูได้ที่ตั้งร้านถาวรในตลาดแล้วบนพื้นดินขนาดสองตารางเมตรปูด้วยเสื่อน้ำมันกางเกงตะวันตกราคาย่อมเยาว์วางกองบนพื้นทีละตัว สินค้าตัวอย่างหลายชิ้นแขวนไว้บนราวแขวนผ้าธรรมดาๆนอกจากกางเกงแบบตะวันตก เธอขายเสื้อผ้าอื่นเช่นกันแต่ทั้งหมดทั้งมวลจะยึดเสื้อผ้าบุรุษเป็หลัก
หลังศิษย์พี่ว่านเห็นก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย
นึกว่าไป๋เจินจูจะทำธุรกิจใหญ่โตในเผิงเฉิงเสียอีก ที่แท้ก็แค่ตั้งแผงลอย
ถ้าอย่างนั้นจะเปลืองแรงถ่อมาเขตพิเศษไปทำไม ตั้งแผงลอยในหยางเฉิงจะยังดีกว่า
ศิษย์พี่ว่านคิดว่าตนเองก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ตกต่ำจนต้องตั้งแผงลอยเลี้ยงปากท้องเช่นนี้ช่างน่าขายหน้าเหลือเกินแน่นอนว่าหากศิษย์พี่หลี่รู้เข้าต้องกลอกตาขาวใส่ พวกเขามีชื่อเสียงอะไรเล่าไป๋เจินจูเป็ถึงทายาทสายตรงของสำนักไป๋ ไป๋จื่อหย่งรับราชการทหารอยู่ทางเหนือไป๋เจินจูเองก็ตั้งแผงลอยเหมือนกันมิใช่หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานมองหน้าร้านพวกนั้นพลางน้ำลายสอ
ยังเหลือที่วางมากมายขนาดนี้ สามารถสร้างหน้าร้านได้สบายๆ อีกตั้งกี่คูหากัน?
เสียดายที่เธอไม่ใช่เ้าของกิจการใหญ่จากฮ่องกงรัฐบาลเขตพิเศษไม่มีทางแบ่งที่ดินแก่หญิงสาวชนบทคนหนึ่งจากมณฑลอวี้หนานได้แม้จะแบ่งให้เธอ เธอก็ไม่มีเงินลงทุนกับโครงการเหล่านี้อยู่ดี ตอนนี้เธอยังต้องริเริ่มจากธุรกิจเล็กอย่างซื่อสัตย์สุจริต
กระเป๋ามีเงินหนึ่งหมื่นหยวน ถ้าในหมู่บ้านชีจิ่งย่อมถือว่าเป็ผู้ร่ำรวย
ทว่าอยู่ในเผิงเฉิงน่ะหรือ อย่าดูแคลนว่าคนค้าขายในตลาดสินค้าเล็กพวกนี้แต่งกายขอไปทีหิ้วออกมาสักคนอาจมีทรัพย์สินมากกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยซ้ำ
เซี่ยเสี่ยวหลานมีเงินไม่เท่าไร แต่เธอมีมาดเต็มร้อย
นายว่านและนายหลี่สองคนติดตามด้านหลังเธอเซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวยถึงเพียงนั้น ท่าทางนี้ไม่เหมือนพวกมาตลาดสินค้าขนาดเล็กเพื่อซื้อของราคาถูกแม้แต่นิดเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินเตร่ทั่วตลาดหนึ่งรอบ จากนั้นก็วกกลับมาถามไป๋เจินจู “ตอนนี้ในมือพี่มีเงินเท่าไรแล้ว?”
เชิงอรรถ
[1]死马当活马医 รักษาม้าตาย หมายถึง สถานการณ์เลวร้ายไปแล้ว แต่ยังคงพยายามกอบกู้คืนมาสุดความสามารถมีความหวังว่าจะแก้ไขได้
[2]阿婆衫 เสื้อคุณยาย คือ เสื้อที่มีลักษณะซึ่งผู้สูงอายุมักชื่นชอบสวมใส่ เช่นเสื้อมีลายจำนวนมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้