“ให้ใครก็ได้ ไปจับตาดูสกุลลั่วให้ดี ไม่ว่าจะลมพัดหญ้าไหว ก็ห้ามปล่อยผ่าน”
เฉินเจ๋อินำสาส์นในมือเผาด้วยเปลวไฟจากเทียน แล้วมองดูสตรีที่เตรียมทุ่มเทกับกิจการอยู่ด้านล่าง เปลวไฟแห่งความโกรธกำลังสุมอยู่ในอกของเขา
ส่วนชีเหนียงที่อยู่ด้านล่างก็มิได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่หลายวันนี้เวลากลับบ้าน มักจะรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องนางจากด้านหลัง
คงเพราะเหนื่อยเกินไป! จึงรู้สึกคิดมากไปเอง
......
เมื่อเห็นว่าใกล้วันที่ห้าแล้ว หลิงชางไห่ที่เฝ้านับวันรอคอยให้ฤกษ์งามยามดีมาถึง หมู่บ้านต้าสือนั้นไม่ได้จัดงานมงคลเช่นนี้มานาน ฝูอันเองก็ให้ความสำคัญกับพิธีนับญาติของบ้านสกุลลั่วอย่างมาก
หนึ่งในสาเหตุนั้นคงเพราะภรรยาของตนร่วมหาเงินกับลั่วชีเหนียงด้วย นอกจากนี้เป็เพราะลั่วชีเหนียง กิจการของน้องภรรยาจึงมั่นคงกว่าทุกที ทุกครั้งที่ตนไปบ้านพ่อตาก็มักจะรับรู้ถึงความชื่นชอบรักใคร่ที่พ่อตาแม่ยายมีให้อย่างชัดเจน สิ่งนี้ทำให้คำพูดของตนในบ้านพ่อตามีน้ำหนักขึ้นมา ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านก็นับว่ารักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์
“ท่านอาหลิง ท่านอย่าตื่นเต้นไป ถึงอย่างไรก็แค่เลี้ยงข้าวคนบ้านใกล้เรือนเคียง เื่นี้ก็จะถือว่ารับรู้กันสักที ท่านเอาแต่ตื่นเต้นปานนี้ ดูแล้วน่าในัก” ฝูอันมาบ่อยจนการพูดการจาไม่ได้ระมัดระวังเหมือนก่อนหน้าแล้ว
หลิงชางไห่ส่ายหน้าเร็วๆ และไม่เห็นด้วย เขาเอ่ย “เฮ้อ! เ้าหารู้ไม่ว่าข้ารอคอยการนับญาติครั้งนี้มากแค่ไหน ต่อไปข้าจะเป็คนที่มีลูกสาวและหลานชายแล้ว! ฮ่าฮ่า ต่อไปผู้ใดก็ดูถูกข้าไม่ได้”
ฝูอันฟังและยิ้มแย้ม ใบหน้าก็คล้อยตามด้วยอย่างไม่รู้ตัว “พูดได้ถูกต้อง ดูสิว่าวันหลังใครจะกล้าดูแคลนสกุลลั่วอีก!”
เสียงหัวเราะพูดคุยของคนทั้งสองดังขึ้นในลานบ้านสกุลลั่วแต่เช้า ถัดจากนั้นก็คือการจัดงานเลี้ยงอาหารและสุรา
พี่หลิวเรียกพี่น้องที่สนิทสนมหลายคนมาช่วยงานบ้านสกุลลั่ว สตรีเหล่านี้ต่อไปต้องเข้าร่วมเป็ส่วนหนึ่งในการทำตุ๊กตาโรงชานม เื่นี้ชีเหนียงได้บอกกล่าวกับพี่หลิวล่วงหน้าแล้ว
“งานในครั้งนี้พวกเ้าต้องตั้งใจทำให้ดี ตุ๊กตาเมื่อวานก็ให้พวกเ้าดูแล้ว ทำได้หรือไม่?”
ระหว่างทางไปบ้านสกุลลั่ว พี่หลิวอดถามพวกนางอีกครั้งไม่ได้
“ดูแล้วดูแล้ว แม้จะเป็งานที่ประณีตมาก แต่สุดท้ายก็แค่การเย็บปัก เื่เล็กทั้งนั้น” หม่าต้าฮัวรีบแสดงท่าที นางเป็หญิงม่ายเลี้ยงลูกเจ็ดหนาว ไม่ง่ายเลยที่จะมีงานที่หาเงินได้ ฉับพลันจึงรีบบอกว่าทำได้
“พี่หลิว เื่นี้พวกข้าทำได้” หวังชุนเฉ่ายังสงสัยอยู่บ้าง นางสบตากับหม่าต้าฮัวและตัดสินใจย้ำชัดกับพี่หลิว “ทำหนึ่งตัวจะได้สองอีแปะจริงหรือ แล้วยังไม่ต้องให้พวกข้าออกค่าด้ายกับผ้าหรือ?”
พี่หลิวปรายตามองพวกนางแวบหนึ่ง “พวกเ้ายังไม่เชื่อคำพูดข้าอีก สถานะทางบ้านข้า่นี้เป็อย่างไร พวกเ้าไม่เห็นหรือ?”
นับั้แ่พี่หลิวติดตามลั่วชีเหนียงไปทำการค้าขาย บ้านผู้ใหญ่บ้านก็มักจะมีกลิ่นหอมของเนื้อลอยออกมา ที่ผ่านมาพวกนางยังแอบคุยกันเป็การส่วนตัวว่า ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านไปแอบรับเงินใต้โต๊ะมาจากไหน จนหลายวันก่อน พี่หลิวไปหาพวกนาง ถึงได้รู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเกี่ยวข้องกับลั่วชีเหนียง
สตรีบ้านนอกความรู้น้อย ทนเห็นไม่ได้ที่สุดก็คือผู้อื่นได้ดีกว่า โดยเฉพาะลั่วชีเหนียงที่ถูกทอดทิ้งเช่นนี้ แม้ว่าพวกนางจะไม่เคยนินทาลั่วชีเหนียงกับผู้อื่น แต่ก็ไม่เคยช่วยนางพูดแก้ต่างเช่นกัน
พี่หลิวเองก็รู้ว่าพวกนางไม่อยากมีปัญหา อีกทั้งหม่าต้าฮัวกับหวังชุนเฉ่าเป็คนซื่อ ตอนนี้ชีเหนียง้าใช้คน ดังนั้นคนที่นางคิดว่าเหมาะสมก็มีเพียงพวกนาง
“พวกเ้าสบายใจได้ ชีเหนียงเป็คนดี ขอเพียงพวกเ้าตั้งใจทำงานให้นาง เื่เงินพวกเ้าไม่ต้องห่วง” ขณะพูด พี่หลิวก็ไม่อยากอ้อมค้อมกับพวกนางมาก
“ข้าก็แค่บอกข่าวคราวให้พวกเ้ารู้ก่อน สกุลลั่วเตรียมต่อเติมบ้านใหม่และขุดหลุมดินหลังจากการนับญาติ ชุนเฉ่า อย่าหาว่าพี่สาวไม่ได้บอกเ้าก่อน พวกเ้าลองนำเื่นี้ไปบอกสามีของพวกเ้าดู”
“พี่หลิว ความหมายของท่านคือ ชีเหนียงก็จะมอบงานให้สามีพวกข้าหรือ?”
“หมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น ชีเหนียงเองไม่ใช่คนที่ได้ดีและไม่ยอมให้คนอื่นได้ดี หากช่วยประคับประคองกัน นางย่อมยินดีช่วยเหลืออยู่แล้ว”
หวังชุนเฉ่ารู้ว่าพี่หลิวกำลังชี้แนะตนเอง จึงรีบรับรอง “ท่านวางใจได้ ข้าหวังชุนเฉ่ามิใช่คนที่ไม่รู้ความ ข้าจะต้องทำงานให้ดีแน่”
“ใช่แล้ว พี่หลิว เราจะตั้งใจทำงานให้ดี”
มองดูทั้งสองคิดแง่บวกเช่นนี้ พี่หลิวเองก็สบายใจขึ้นมาหน่อย คนในหมู่บ้านมีท่าทีต่อชีเหนียงดีกว่าสมัยก่อนไม่น้อย เพียงแต่ข่าวลือก็ไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะเื่ที่ชานมสกุลลั่วมีเหตุคนตายเกิดขึ้น ไม่รู้เหตุใดจึงลือมาถึงในหมู่บ้าน
จนถึงเมื่อวานยังได้ยินบ้านจ้าวซิ่งที่อยู่หน้าหมู่บ้านกำลังพูดไร้สาระ หากมิใช่เพราะชีเหนียงไม่อยากมีปัญหา ไม่แน่ว่านางคงไปฉีกปากของจ้าวซิ่งแล้ว
เมื่อถึงบ้านสกุลลั่ว ไม่ต้องให้พี่หลิวพูดให้มากความ ชีเหนียงก็ทักทายพวกนางอย่างเป็มิตรก่อน
“พี่หลิว นี่คือต้าฮัวกับชุนเฉ่าที่ท่านเคยเล่าให้ฟังสินะ ดูก็รู้ว่ามีฝีมือ”
แม่บ้านในหมู่บ้านวันๆ เอาแต่ซุบซิบเื่ชาวบ้าน ว่ากันว่าลั่วชีเหนียงเกิดมาหน้าตาดี พอได้เห็นก็เหมือนกับเทพธิดาจริงๆ
“เ้ารูปโฉมงามเหลือเกิน” หวังชุนเฉ่าเห็นนางก็อดไม่ได้ที่จะชม จากนั้นก็รู้สึกว่าตนเองบุ่มบ่ามไปหน่อย ถึงกับหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อย
ชีเหนียงได้ยินก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม “ขอบใจชุนเฉ่าที่ชม ชุนเฉ่าก็ดูดี ั์ตาดำเป็ประกายมีชีวิตชีวานัก”
หวังชุนเฉ่าเห็นนางไม่ได้ตำหนิ ฉับพลันจึงยิ้มออก นี่ทำให้หม่าต้าฮัวที่ยืนประหม่าอยู่ข้างๆ ก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน
หญิงสาวทั้งหลายพากันไปโรงครัวและก่อไฟทำอาหาร
ลั่วจิ่งเฉินรับผิดชอบดูแลต้อนรับแขกที่มาบ้าน ลั่วจิ่งซีไปขนสุราในหมู่บ้าน ไหลไหลน้อยคอยมารายงานสถานการณ์ในบ้านให้ลั่วชีเหนียงที่อยู่ในโรงครัวฟังเป็พักๆ
ส่วนชายชราหลิงชางไห่กำลังนั่งอยู่ตำแหน่งเ้าภาพงานและพูดคุยทั่วไป อันที่จริงแม้จะบอกว่าพูดคุยทั่วไป ก็เป็เพียงแค่หมอซุนมาขอเรียนรู้ด้านการแพทย์ หากเป็สมัยก่อนหลิงชางไห่คงไม่สนใจ แต่วันนี้เขาอารมณ์ดีจึงพูดมากหน่อย
นี่ทำให้ซุนโหย่วเต้าที่มาแต่เช้าชอบใจนัก เขาติดตามชายชรามาหลายวัน ไม่ได้เห็นกระทั่งใบหน้ายิ้มแย้ม ต่อมาเขาวิเคราะห์ได้และรู้ว่าที่ตอนนั้นตนเองถามเื่ป้ายชื่อซิ่งถานทำให้ชายชราไม่พอใจ แต่หากสามารถได้ยินชายชราชี้แนะความรู้ทางการแพทย์ แม้จะต้องทนรับสายตาเ็ามากเท่าใด เขาก็แข็งใจดื้อด้านต่อไป
ไม่นานนัก คนในหมู่บ้านก็มาจำนวนมากกว่าครึ่ง รถม้าของสกุลหยางเองก็เคลื่อนตัวมาจากด้านนอก สี่เอ๋อร์เรียกคนให้ขนของขวัญเข้าบ้าน
แต่ละกล่องที่ขนเข้าไป ทำเอาชาวบ้านถึงกับอิจฉาตาร้อน
ชีเหนียงรีบออกมาต้อนรับ “มาก็พอแล้ว ไยจึงต้องเอาของมามากมายอีก! วันนี้ท่านคงต้องทานให้มากหน่อยแล้วล่ะ!”
“สบายใจได้ รู้มานานแล้วว่าชีเหนียงรสมือไม่เลว วันนี้ข้าจะกินให้พุงกาง!” ขณะตู้ิเจวียนพูดก็ก้มหน้าอธิบาย “สถานะของท่านพี่ข้าไม่เอื้ออำนวย วันนี้จึงไม่ได้มา ทว่าของขวัญนี้ข้าขอแทนเ้ามาด้วย มันคือสมบัติบัณฑิตสี่ประการชั้นดี”
ชีเหนียงเข้าใจได้ นางยิ้มและจัดแจงให้ตู้ิเจวียนไปนั่งยังโต๊ะเ้าภาพ จากนั้นกลับเข้าโรงครัวและชี้ตู้ิเจวียนให้ชุนเฉ่ากับต้าฮัวเห็น
“นี่ต่างหากคือนายจ้างของเรา ต่อไปสินค้าของเราจะขายผ่านนาง” ชีเหนียงทำเช่นนี้เพราะมีสาเหตุ ตอนนี้สกุลลั่วโดดเด่นเกินหน้าเกินตาคนในหมู่บ้าน ไม่เพียงแค่มีความสามารถรักษาขาของลูกได้ กระทั่งจะสร้างบ้านกระเบื้องอีกด้วย
ตอนนี้จึงต้องยืมปากของพวกนางกระจายข่าวออกไป จะได้เลี่ยงคนในหมู่บ้านคิดว่าพวกนางร่ำรวยมั่งคั่ง แน่นอนว่านางไม่ถือสาที่จะช่วยฉุดดึงหมู่บ้านเวลามีเื่ดีๆ แต่ก็มิใช่ทุกคนที่นางจะจดจำได้
-----