“ฮ่าๆๆ!” แววตาของอวี่โฉวที่จ้องมองหลินเฟิงนั้นเต็มไปด้วยโทสะ จนสามารถเห็นจิตสังหารของเขาได้อย่างชัดเจน
“ไร้ยางอาย หน้าด้าน? วันนี้ไม่ว่าเ้าจะเอ่ยอะไรออกมา ข้าก็จะฆ่าเ้าให้ได้โดยไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะข้ารวมไปถึงตระกูลอวี่ของข้าล้วนแข็งแกร่งกว่าเ้าทั้งนั้น”
อวี่โฉวกล่าวเสียงดัง ซึ่งเป็น้ำเสียงที่หยิ่งผยองมาก เหตุผลในการสังหารมีเพียงข้อเดียวก็เกินพอ นั่นก็คือเขาแข็งแกร่งกว่าหลินเฟิง และตระกูลอวี่ก็มีอำนาจมากกว่า เขาจึงไม่สนใจคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น
“เ้ายังไม่ลงมืออีก มัวแต่ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม?”
หลินเฟิงจ้องมองอวี่โฉวและกล่าวด้วยเสียงเ็า ทำให้ผู้คนต่างก็ประหลาดใจในความบ้าระห่ำของหลินเฟิง เ้าเด็กนี่... หรือว่าอยากรนหาที่ตาย?
อวี่โฉวจ้องมองหลินเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยว อวี่โฉวในตอนนี้ไม่อาจเก็บซ่อนอารมณ์ใดๆ ได้อีกต่อไป เขา้าสังหารหลินเฟิง และทำให้หลินเฟิงต้องหลั่งเืให้ได้ เพื่อประกาศว่าตระกูลอวี่นั้นแข็งแกร่งแค่ไหนและอวี่โฉวบ้าระห่ำเพียงใด
“ถ้าเ้าอยากตายนัก ข้าก็จะสงเคราะห์ให้”
เมื่ออวี่โฉวกล่าวจบ บรรยากาศรอบตัวหลินเฟิงพลันเปลี่ยนเป็หนาวะเื อีกทั้งตอนนี้เขาอยู่ภายใต้แรงกดดันของพลังที่รุนแรง จนทำให้ไม่สามารถป้องกันได้ อีกทั้งเขายังรู้สึกอ่อนแอลง
อย่างไรก็ตามแววตาของอวี่โฉวตอนนี้เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร!
“ตาย!”
“แคร๊ก!!!”
มีสองเสียงดังขึ้นในเวลาเดียวกัน แต่คำว่า ‘ตาย’ แน่นอนว่ามาจากปากของอวี่โฉว เพราะเขา้าสังหารหลินเฟิงให้ได้
ทว่าอวี่โฉวไม่ได้โจมตีถูกตัวหลินเฟิงอย่างที่คิด เพราะเสียงที่สองนั่นมาจากองค์ชายรองต้วนหวู่หยา ซึ่งเก้าอี้หินที่ต้วนหวู่หยานั่งจนถึงเมื่อครู่ได้สลายเป็ฝุ่นผงไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นต้วนหวู่หยาก็ลุกขึ้นยืน แต่เขาในตอนนี้ไม่ได้ดูอ่อนโยนและสุภาพอีกต่อไป แต่ถูกแทนที่ด้วยความดุร้ายและกล้าหาญ
“ท่านลุงอวี่ เื่วันนี้เดิมทีเป็เื่ของสำนักเทียนอี้ แล้วท่านมาขัดขวางพวกเขาเช่นนี้ได้อย่างไร?” ต้วนหวู่หยากล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม ขณะมองไปที่อวี่โฉวด้วยสายตาเฉยเมย
อย่างไรก็ตามอวี่โฉวก็คืออวี่โฉว เป้าหมายที่เขามาในวันนี้ก็เพื่อศักดิ์ศรีของตระกูล
อวี่โฉวอยากให้ทุกคนได้รู้ว่า ความน่าเกรงขามของตระกูลอวี่นั้น ใครต่อใครต่างก็เกรงกลัว ที่เขามาในวันนี้เพื่อ้าให้ทุกคนเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของตระกูลอวี่ว่าร้ายกาจแค่ไหน
“ฝ่าา เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินแล้ว คนคนนี้คาดไม่ถึงว่าจะดูถูกตระกูลอวี่ของข้า แล้วข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร ถ้าหากปล่อยเขาไปล่ะก็ ตระกูลอวี่ของข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะขอรับ?”
ทุกคนล้วนจ้องไปมองอวี่โฉวเป็ตาเดียว ด้วยความประหลาดใจในท่าทีของเขาที่มีต่อต้วนหวู่หยา
เกิดอะไรขึ้น? เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ดูเหมือนจะมีอะไรไม่ถูกต้อง ทำไมอวี่โฉวถึงได้กล่าวเช่นนั้นกับองค์ชายรองกัน?
อย่างแรกคืออวี่โฉว้าสังหารหลินเฟิง แต่องค์ชายรองกลับออกมาห้ามเขาเอาไว้ ในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าอวี่โฉวจะไม่ทำให้องค์ชายรองเสียหน้า แต่อวี่โฉวกลับยังคงยืนยันว่า้าสังหารหลินเฟิงให้ได้ นั่นยิ่งทำให้ผู้คนสับสน
ในขณะนั้นหลินเฟิงจ้องมองไปที่อวี่โฉวและองค์ชายรองที่กำลังโต้เถียงกัน เขาหายใจเข้าลึกๆ และผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ั้แ่ที่อวี่โฉวปรากฎตัวในวันนี้ เขาก็พยายามพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขามีอำนาจมากแค่ไหน และได้ถกเถียงกับหลงติ่งที่เป็รองเ้าสำนักเทียนอี้ แม้หลินเฟิงจะไม่ได้อยู่ั้แ่ต้น แต่หลังจากที่เขามาถึง อวี่โฉวก็ยังคงดูถูกหรือแม้แต่ข่มขู่ว่าจะทำลายสำนักเทียนอี้
นอกจากนี้อวี่โฉวนึกอยากทำอะไรก็ทำ รวมถึงตอนที่เขาแทรกแซงการต่อสู้ของเฮยม่อและหลินเฟิง ดูเหมือนว่าอวี่โฉวกำลังพยายามพิสูจน์ว่าตระกูลอวี่แข็งแกร่งแค่ไหน
ทำไมอวี่โฉวถึงต้องทำเช่นนี้?
เพื่อเป็การแสดงความแข็งแกร่งของเขาในวันนี้ แน่นอนว่าเขาไม่อาจปล่อยหลินเฟิงไปได้ เขา้าชีวิตของหลินเฟิงเพื่อพิสูจน์ศักดิ์ศรีของตัวเอง
แม้แต่หลงติ่งที่เป็ถึงรองเ้าสำนักเทียนอี้ก็ยังนิ่งเงียบ แม้อวี่โฉวขู่ว่าจะทำลายสำนักเทียนอี้ เขาก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับไม่สนใจ
ทุกคนล้วนเห็นว่ามิตรภาพระหว่างหลงติ่งและองค์ชายรองต้วนหวู่หยาค่อนข้างแน่นแฟ้น แต่ว่าองค์ชายรองและอวี่โฉว แม้จะแสดงออกอย่างสุภาพ แต่ในความเป็จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากลับดูเหมือนไม่ธรรมดา
ประกอบกับก่อนหน้านี้ที่หลินเฟิงเคยเห็นต้วนหวู่หยามาก่อน ซึ่งต้วนหวู่หยาได้เป็พยานให้กับเขา ผลลัพธ์ที่ได้คือหนึ่งในสมาชิกของตระกูลอวี่ที่เป็ศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ได้รับความอับอายและสูญเสียอสูรปีศาจสิงโตเพลิงไป
ทำให้หลินเฟิงเดาว่าต้วนหวู่หยาและตระกูลอวี่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ในตอนนี้มันยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นว่า พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีนัก
ต้วนหวู่หยา้าปกป้องหลินเฟิง แต่อวี่โฉวกลับ้าชีวิตของหลินเฟิง แม้ต้วนหวู่หยาจะเสียหน้าก็ตาม และหลินเฟิงก็ไม่รู้ถึงแรงจูงใจของอวี่โฉวว่าคืออะไร
แต่ในใจของหลินเฟิงก็มีความคิดที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น คนที่อยู่เื้ัของสำนักเทียนอี้ก็คือต้วนหวู่หยา และต้วนหวู่หยาก็ไม่เคยปรากฏตัวในฐานะเ้าสำนักเลยสักครั้ง
ทุกคนต่างเข้าใจกันดีว่า ผู้ที่สร้างสำนักเทียนอี้จะต้องเป็ผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลอย่างมาก มีความเป็ไปได้ที่จะเป็เชื้อพระวงศ์ และวันนี้การปรากฏตัวของต้วนหวู่หยารวมถึงหลงติ่ง ได้ทำให้การคาดเดาของหลินเฟิงชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าผู้ที่อยู่เื้ัของสำนักเทียนอี้เป็ ต้วนหวู่หยา
อวี่โฉวจะต้องรู้เื่นี้อย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่สนใจมันและข่มขู่ว่าจะทำลายสำนักเทียนอี้ต่อหน้าต้วนหวู่หยา
ดังนั้นหลินเฟิงจึงได้วางเดิมพันว่าอวี่โฉว้าสังหารเขาอย่างแน่นอน แต่จริงๆ แล้วหลินเฟิงกำลังกดดันต้วนหวู่หยา เขา้าเห็นว่าต้วนหวู่หยาจะดูเขาถูกสังหารหรือไม่ เขาจึงพนันด้วยชีวิตของตนเอง เขากำลังเดิมพันกับความจริงที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างต้วนหวู่หยาและอวี่โฉวจะแย่ลงเพราะเขา แม้สุดท้ายพวกเขาจะไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์ได้ก็ตาม
หากหลินเฟิงคาดเดาถูกต้อง ต้วนหวู่หยาก็คือผู้สร้างและผู้อยู่เื้ัสำนักเทียนอี้ ถ้าหากเขาถูกอวี่โฉวสังหาร ตระกูลอวี่ก็จะบรรลุเป้าหมาย ดังนั้นการคาดเดาของหลินเฟิงนั่นถูกต้องแล้ว ต้วนหวู่หยาต้องไม่สามารถเห็นหลินเฟิงถูกสังหารได้อย่างแน่นอน
เห็นได้จากที่ต้วนหวู่หยาได้เข้ามาแทรกแซง แม้กระทั่งบดขยี้เก้าอี้หิน แต่อวี่โฉวก็ยังคงยืนกรานดังเดิม
หลังจากได้ยินคำพูดของอวี่โฉวแล้ว ต้วนหวู่หยาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา จากนั้นอวี่โฉวก็ไม่มีอะไรจะเอ่ยต่ออีก เขาค่อยๆ หันหลังและเดินลงจากอัฒจันทร์ไป แต่ในขณะที่เขากำลังจากไปนั้น ต้วนหวู่หยาก็ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้
“อวี่โฉว หากวันนี้ท่านอยากสังหารเขาก็ลองดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้”
ขณะที่ต้วนหวู่หยากล่าว อวี่โฉวก็เดินออกไปโดยไม่สนใจเื่ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เลยแม้แต่นิด
หากอวี่โฉวสังหารหลินเฟิงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้หรือ?
หลังจากสิ้นสุดประโยคง่ายๆ ดังนั้นแล้ว เมื่อต้วนหวู่หยากล่าวจบก็จากไปทันที แต่เป็เพราะเขาจากไปโดยได้ทิ้งประโยคง่ายๆ เช่นนี้ไว้ มันยิ่งทำให้อวี่โฉวต้องคิดอย่างหนัก ว่าถ้าหากเขาสังหารหลินเฟิงไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา?
“ช่างเป็วิธีที่ร้ายกาจนัก”
หลินเฟิงมองแผ่นหลังของต้วนหวู่หยาที่กำลังหายไป เขาจากไปโดยทิ้งปริศนาไว้ แล้วปล่อยให้อวี่โฉวเลือกเองว่าจะเอาอย่างไร
อวี่โฉวในขณะนั้นดวงตาเบิกกว้างอย่างน่าประหลาดใจ หากต้วนหวู่หยายังอยู่ที่นี่ เขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ แต่ตอนนี้ต้วนหวู่หยาได้จากไปแล้ว แม้เขาจะพิสูจน์ตัวเองได้แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ มิหนำซ้ำก่อนไปเขายังทิ้งอำนาจในการตัดสินใจให้แก่เขาอีกด้วย
หลังจากต้วนหวู่หยาเดินทางกลับมา ไม่นานก็มาถึงคฤหาสน์ส่วนตัวของเขา ในขณะนั้นได้มีร่างเงาสีดำโผล่จากด้านหลัง และคนผู้นี้หลินเฟิงก็เคยเห็นหน้ามาก่อน เมื่อตอนที่เขามาถึงนอกเมืองหลวง เขาเห็นชายชุดดำคนนี้ที่ร้านอาหารของชิงซิน
“หนานซาน เ้าคิดยังไง?” ต้วนหวู่หยากล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
“ฝ่าา ที่อวี่โฉวมาร่วมงานเช่นนี้ ก็เหมือนกับยิงนัดเดียวได้นกถึงสามตัว เขาได้เกียรติยศ แต่ได้สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของสำนักเทียนอี้ และยังชนะใจของผู้คนอีกด้วย” หนานซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา การชนะใจคนมันได้ชี้ทางตระกูลเนี่ย อาจกล่าวได้ว่าอวี่โฉวไม่เพียงชนะใจตระกูลเนี่ย แต่ยังทำให้ต้วนหวู่หยาและตระกูลเนี่ยต้องแตกแยกกัน ช่างเป็วิธีที่ร้ายกาจยิ่งนัก
“ข้ารู้ ข้าก็แค่อยากถามว่า เ้าคิดยังไรกับหลินเฟิง?”
ต้วนหวู่หยากล่าวอย่างเฉยเมย จึงทำให้หนานซานประหลาดใจเล็กน้อย
“พร์ของเขาช่างยอดเยี่ยมนัก” หนานซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย จากนั้นดูเหมือนว่าเขากำลังใช้ความคิดสักครู่ ถึงจะกล่าวออกมา “หากวันนี้เป็เพราะเขาโกรธเกรี้ยวและซักถามอวี่โฉวยังไง มันก็ไม่มีอะไรสำคัญ แต่ถ้าหากเขาจงใจ มันจะน่าหวาดกลัวมาก”
“ฮ่าๆๆ แน่นอนนั่นเป็เหตุผลที่สอง หากเขาทำเพียงเพราะความโกรธ มันจะทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังมากๆ”
ต้วนหวู่หยากล่าวเสียงอ่อนว่า “เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เ้าแน่ใจนะ?”
“ขอรับ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ หลินเฟิงเป็คนสังหาร” หนานซานพยักหน้า
“ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับ ช่างน่าเสียดาย จากนี้ไปอย่าปล่อยให้ใครติดตามหลินเฟิงอีก”
เมื่อต้วนหวู่หยากล่าวจบ เขาก็เริ่มก้าวเดินเร็วขึ้น จากนั้นร่างเงาของเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้