เล่มที่ 10 บทที่ 298 ทะเลอสูรแห้งเหือด
จากนั้นก็ไม่เหลือร่องรอยของัสีเือีกต่อไป เหลือเพียงดวงตะวันสีดำที่กำลังปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางท่ามกลางทะเลเพลิงสีดำอันลุกโชน…
เพียงครู่เดียวทะเลเพลิงร้อนแรงก็หดแคบเข้าสู่ใจกลางอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เห็นนกเฮยจิงอูซึ่งมีเปลวไฟสีดำลุกท่วมทั้งตัว กำลังดูดกลืนัสีเืเข้าไป
ตำนานบันทึกเอาไว้ว่า เมื่ออดีตตอนที่นกจิงอูร่วงหล่นลงมาที่ใต้ต้นฝูซาง มันก็เอาแต่เทียวไปเทียวมาในทะเลตงไห่ทางตะวันออก แถมยังโปรดปรานการล่าัเป็อาหาร แม้แต่เผ่าัเจิงหลงกว่าครึ่งก็ยังมิวายต้องสังเวยชีวิตให้กับนกจิงอูสามขา แล้วนับประสาอะไรกับัธรรมดาๆ เช่นเจียวหลง…
พริบตาถัดมา เปลวไฟสีดำตามตัวนกเฮยจิงอูก็ะเิออกจนเป็คลื่นเปลวไฟสูงนับหมื่นจ้าง จากนั้นก็ส่องสว่างไปทั่วทั้งปฐี เพียงกางปีกออก ลำตัวของมันก็พลันขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กลายเป็ปีกขนาดมหึมานับหมื่นจ้าง บดบังทั่วทั้งผืนฟ้า
เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น กลิ่นอายพลังของนกเฮยจิงอูก็พุ่งทะยานสูงถึงระดับาาปีศาจเยาตี้ขั้นสูงสุดแล้ว ราวกับว่าเหลืออีกเพียงก้าวเดียว มันก็จะสามารถบรรลุขั้นบำเพ็ญถัดไปได้แล้ว…
กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ และบัดนี้หุบเขากำลังสั่นะเืขึ้น น้ำในทะเลอสูรก็ปั่นป่วนไม่ต่างอะไรกับน้ำเดือด เหมือนว่าห้วงมิติพิภพนี้ไม่อาจรองรับพลังมหาศาลนี้ได้อีกต่อไป ห้วงมิติในตอนนี้ พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อจริงๆ…
“คิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อเวลาผ่านไปแสนปี ที่นี่จะกลับมีทะเลอสูรปรากฏขึ้นมา ณ ที่แห่งนี้…” นกเฮยจิงอูยืนอยู่บนยอดเขา จากนั้นก็ก้มมองลงมายังทะเลอสูรเบื้องล่าง…
ในขณะเดียวกัน ภายใต้ทะเลอสูรก็มีกรงเล็บอสูรนับหมื่นกำลังจ้วงขึ้นมา หมายจะไล่จับนกเฮยจิงอูที่อยู่กลางอากาศไว้ให้ได้
“เหอะ หากเ้าซ่อนตัวดีๆละก็ ข้าผู้เฒ่าก็คงจะขี้คร้านจะเสวนาด้วย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเ้าจะบังอาจเช่นนี้ ในอดีตข้าผู้เฒ่าก็เคยสังหารเ้ามาได้แล้วครั้งหนึ่ง เช่นนั้นวันนี้ย่อมจะต้องสังหารเ้าได้เหมือนเดิม!” นกเฮยจิงอูพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด หลังจากสยายปีกออก มันก็พุ่งตัวไปยังทิศเดียวกับมืออสูรขนาดั์ทันที
เพียงกรงเล็บสีดำอันแหลมคมทั้งสองข้าง กรีดผ่านมืออสูรั์เบาๆ ก็ทำให้มืออสูรแตกออกเป็เสี่ยงๆแล้ว หลังจากอ้าปากเพื่อสูดกลืน ชิ้นส่วนที่แตกสลายจากมือของอสูรขนาดั์ ก็ถูกนกเฮยจิงอูกลืนกินเข้าไปจนหมด…
ไออสูรที่อยู่ห่างไกลออกไปก็เริ่มปั่นป่วน ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็หมอกดำพวยพุ่งขึ้นฟ้า ทันใดนั้นท้องฟ้าครึ่งซีกก็ปรากฏเป็คลื่นลมหมุนวน และกลายเป็หลุมดำขนาดใหญ่ เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงมารปีศาจที่กำลังคร่ำครวญดังออกมาจากหลุมดำมืดนั้น…
และบริเวณใจกลาง ก็เกิดเป็ภาพนิมิตอสูรสูงนับหมื่นจ้าง แถมยังมีภาพนิมิตอสุรกายมากมายกำลังกราบกรานอย่างนอบน้อมอีกด้วย ราวกับเหล่าสมุนกำลังทำความเคารพผู้เป็าาก็ว่าได้
ภาพนิมิตอสูรที่สูงนับหมื่นจ้างกำลังส่งเสียงคำรามกึกก้องออกมา ก่อนจะปลดปล่อยพลังรุนแรงตามมาติดๆา ทันใดนั้นน้ำในทะเลอสูรก็เกิดปั่นป่วนกลายเป็คลื่นั์สูงนับหมื่นจ้าง ส่วนห้วงมิติก็ราวกับแก้วกระเบื้อง ซึ่งในตอนนี้กำลังแตกร้าวรุนแรงเลยทีเดียว มิหนำซ้ำภายใต้พลังอันรุนแรงนี้ ยังทำให้เกิดลมพายุโหมกระหน่ำและพัดทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้พินาศ…
ทว่านกเฮยจิงอูกลับไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย สองปีกสยายออก ก่อนจะสลายกลายเป็ลำแสงสีดำพุ่งดิ่งลงไปในหลุมดำทันที…
มีเสียงโหยหวนของเหล่าอสุรกายมากมายดังออกมาจากหลุมดำนี้ เปลวไฟสีดำก็ยังคงลุกท่วมไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้พื้นที่ผืนฟ้ากว่าครึ่งหนึ่ง มีสภาพเป็ทะเลเพลิงเลยทีเดียว…
ไออสูรเข้มข้นเอง ก็ได้กลายเป็หลุมดำและทะเลเพลิงสีดำ และในตอนนี้พลังทั้งสองก็ปะทะกันอย่างรุนแรง ทำให้เกิดเป็แรงอัดกระแทกสาดกระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่า จะมีภาพนิมิตคนและั์กำลังต่อสู้กับดวงตะวันสีดำอย่างเอาเป็เอาตายปรากฏออกมาอย่างเลือนรางอีกด้วย…
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงโหยหวนดังระงม กระทั่งบัดนี้เปลวไฟสีดำอันกว้างใหญ่ก็ได้ปกคลุมไออสูรไปจนหมดสิ้นแล้ว สุดท้ายจึงกลายเป็ทะเลเพลิงสีดำอันกว้างใหญ่ไพศาล…
ไม่นาน นกเฮยจิงอูก็เคลื่อนตัวออกมาจากทะเลเพลิง ก่อนที่มันจะหยุดค้างอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็หันไปทางทะเลอสูร และอ้าปากดูดกลืนเข้าไปทันที…
เหล่าอสุรกายมากมายในทะเลอสูรกำลังส่งเสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวัง เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจต้านทานพลังที่รุนแรงระดับฟ้าดินเช่นนี้ได้ พวกมันต่างก็ถูกดูดกลืนเข้าปากนกเฮยจิงอูไปพร้อมกับน้ำทะเลเหมือนๆกัน…
หลังจากดูดกลืนน้ำในทะเลอสูรจนหมดแล้ว จากเดิมจุดที่สถานที่แห่งนี้เคยเป็ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล ก็กลับกลายเป็ทะเลทรายและโขดหินสุดลูกหูลูกตาแสนแทน ดูแห้งแล้งและไร้ซึ่งชีวิตชีวาเป็อย่างมาก
และในขณะเดียวกัน บริเวณบนยอดเขาก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง…
ขณะนี้ผู้าุโชื่อิปรากฏใบหน้าคล้ำหมองออกมาเพราะอาการาเ็สาหัส แต่เพียงครู่เดียวเขาก็พยายามฝืนลุกขึ้นไปปลุกเหล่าผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันทกำลังสงบในห้วงนิทรา ให้ตื่นขึ้นมาทีละคน
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ การหมดสติลงไป ก็ไม่ต่างอะไรกับความตาย…
“ศิษย์พี่ชื่อิ ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดีล่ะ?” นักพรตหยางิทรุดนั่งอ่อนแรงกับพื้น ด้วยใบหน้าเศร้าหมองเต็มไปด้วยความกังวล
“เกรงว่าจะสายไปแล้วล่ะ” ผู้าุโชื่อิเอ่ยตอบออกมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น
และในเวลานี้เองนกเฮยจิงอูก็กลับมาบินได้อีกครั้ง ลำตัวที่ใหญ่โตของมันปกคลุมไปทั่วทั้งยอดเขา เปลวไฟสีดำที่ลุกโชติ่ กลิ่นอายความโเี้ที่รุนแรงทำให้นกเฮยจิงอูมีพลังระดับเดียวกับอ๋องมารปีศาจกลับชาติมาเกิดเลยทีเดียว
“ตอนนั้นคนที่บอกให้ข้าหลอมกระบี่ก็คือเ้าสินะ?” ผู้าุโชื่อิเงยหน้ามองนกเฮยจิงอูด้วยสีหน้าย่ำแย่
“ถูกต้อง ดูเหมือนเ้าจะเข้าใจแล้วสินะ” นกเฮยจิงอูเอ่ยพร้อมพยักหน้าตอบรับแต่โดยดี
“ตอนนี้เ้าจะเอาอย่างไร?”
“ฮ่าๆ จะเอาอย่างไรงั้นหรือ?” นกเฮยจิงอูได้ยินดังนั้น ก็ะเิหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาทันที
“ก็ต้องทำให้ที่นี่กลายเป็นรกอเวจีไปเสียน่ะสิ ไม่อย่างนั้น แรงอาฆาตอย่างข้าก็ยังคงเป็เพียงิญญาเร่ร่อนไม่ใช่หรือไง?”
“เป็เช่นนี้นี่เอง…” ผู้าุโชื่อิถอนหายใจออกมา เื่ก็มาถึงตอนนี้แล้ว ผู้าุโชื่อิจึงเข้าใจทันทีว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็ผู้บำเพ็ญมากมาย หรือสิ่งชั่วร้ายในโลงศพหิน ล้วนเป็แผนการของอีกฝ่ายทั้งสิ้น…
คิดไม่ถึงว่าสำนึกเลวในอดีตจะสร้างสิ่งชั่วร้ายออกมาถึงสองอย่าง…
เมื่อคิดได้ดังนั้นผู้าุโชื่อิก็หันหลังกลับไปมองโคมเขียวที่ลอยอยู่เหนือโลงศพหิน ก่อนจะคุกเข่าลงและคารวะเต็มพิธีการ…
“ผู้าุโโปรดช่วยได้”
“ผู้าุโโปรดช่วยได้”
“ผู้าุโโปรดช่วยได้”
ทุกครั้งที่โขกหัวคารวะ ผู้าุโชื่อิก็มัดจะเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง และตอนที่โขกหัวเป็ครั้งที่เก้า หน้าผากของผู้าุโก็มีเืไหลซึมอาบย้อมสีแดงไปทั่วหน้า ดูน่าสยดสยองเป็อย่างมาก แต่ถึงจะเป็เช่นนั้นผู้าุโชื่อิก็ไม่คิดจะหยุดเช็ดแม้แต่น้อย เอาแต่คารวะโคมเขียวและเอ่ยอ้อนวอนประโยคเดิมซ้ำๆ
เสียงผู้าุโชื่อิเบาลงเรื่อยๆ…’
แต่ลำแสงโคมเขียวกลับเจิดจ้ายิ่งขึ้น…
ในที่สุด…
หลังจากที่ลำแสงเขียวสั่นไหวเล็กน้อยก็มีลำแสงอันเจิดจ้าสาดส่องออกมาทันที
ทันใดนั้นไอิญญาที่กำลังปั่นป่วนรุนแรง รวมถึงห้วงมิติที่กำลังสั่นคลอนก็ราวกับถูกมือโปร่งใสปลอบโยนเอาไว้ ไม่นานก็ก็กลับสู่สภาวะปกติ…
และตัวโคมเขียวนี้เอง ก็ลอยขึ้นจากโลงศพหินพร้อมกับเปลวไฟสีเขียวที่ลุกโชน บัดนี้โคมเขียวกำลังจะขยายตัวออกช้า เพียงแค่ครู่เดียวก็ขยายออกจนมีความสูงนับหมื่นจ้าง ลอยเด่นอยู่กลางอากาศ
พริบตานั้นเองกระแสลมหยุดนิ่ง ไอิญญาก็แข็งค้างลง ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างถูกย้อมเป็สีเขียวหมด เหมือนว่าโลกใบนี้ได้กลายเป็ภาพวาดสีเขียวที่หยุดนิ่งจริงๆ
ทั่วทั้งห้วงเอง ก็ถูกแสงโคมเขียวสะกดจนแข็งค้างไว้แล้วเช่นกัน!
-----------------------------------------------------------------------------------------------