ท่ามกลางทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ผลิในสวน ร่างของชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างลำธารดูมีชีวิตชีวามาก
เมื่อเห็นฉากที่งดงามเช่นนี้จากระยะไกล บ่าวรับใช้ต่างก้มหน้าก้มตาและเดินอ้อมไปทางอื่น ในที่สุดนายน้อยก็มีคนรักเสียที ความพยายามของนายท่านดูเหมือนจะไม่สูญเปล่าแล้ว
ขณะนี้บ่าวรับใช้ทุกคนมีความสุขมาก แม้แต่คนทำอาหารในครัวก็พยายามอย่างหนักที่จะทำอาหารจากผลไม้ที่นายน้อยและคนรักเก็บมา พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่นายน้อยพามาที่นี่ครั้งแรกมีภูมิหลังอย่างไร แต่ได้เวลาส่งคนไปเมืองหยงโจวเพื่อตรวจสอบแล้ว
เย่เช่อมีความสุขมาก เสียงเอะอะด้านนอกไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเลย
เมื่อได้ยินหญิงสาวอุทานด้วยเสียงอ่อนหวาน เย่เช่อก็กดความปรารถนาของตนเองเอาไว้อย่างสุดกำลังและตัดใจปล่อยร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนไป หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความลังเลและเสียดาย
“ท่าน...ท่าน…” อวิ๋นจื่อพูดไม่ได้ศัพท์ก่อนที่จะหอบหายใจแรง
เย่เช่อมองใบหน้าแดงก่ำของนางแล้วกล่าวหยอกล้อว่า “ข้าเป็อะไรหรือ?”
“ท่านเป็จอมวายร้าย!” อวิ๋นจื่อเบิกตากว้างและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
เย่เช่อขมวดคิ้ว “เ้าร้ายกว่าข้าเสียอีก”
เมื่อหญิงสาวได้ยินดังนั้นนางก็ทำท่าจะเดินจากไปด้วยความโกรธ เย่เช่อจึงก้าวไปข้างหน้าและกอดนางไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับกระซิบ ว่า
“เ้าทำให้ข้าเป็แบบนี้” จากนั้นเขาก็จูบเส้นผมของนางอย่างมีความสุข
อวิ๋นจื่อรู้สึกโกรธ นางรู้ว่านี่เป็สิ่งที่นางหวังให้เกิดขึ้น และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็ไปอย่างราบรื่น
แต่สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นก็คือ เมื่อเขาจูบนาง หัวใจของนางกลับอ่อนยวบและถึงขั้นมีความสุขอีกด้วย นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
แม้ว่ามู่ชิงซ่งจะเคยจูบนาง แต่ตอนนั้นหัวใจของนางกลับมีแต่ความเหนื่อยล้าและความรู้สึกอับจนหนทาง นางแทบไม่เคยพบปะบุรุษอื่นนอกกำแพงวังยกเว้นเสด็จพ่อ นางคิดว่าคุณชายมู่นั้นอ่อนโยน มีระเบียบแบบแผน และเข้าใจความคิดของนางได้ดีกว่าผู้อื่น
อวิ๋นจื่อรู้สึกขอบคุณมู่ชิงซ่งมาก หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเขาในตอนแรก นางคิดว่าตนเองคงไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในหอจุ้ยฮวนได้เร็วขนาดนี้ จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้มู่ชิงซ่งจูบนาง แต่ก็ไม่รุนแรงเท่านี้
อวิ๋นจื่อรู้ดีว่าชายหนุ่มที่มีนิสัยอ่อนโยนอย่างเย่เช่อมีชื่อเสียงด้านความเก่งกาจและโเี้ สตรีที่ไร้เดียงสาและโง่เขลาอย่างนางจะเป็คู่มือของเขาได้อย่างไร?
อวิ๋นจื่อรู้สึกสับสน นางไม่ควรรับปากฮั่วฉีอวี่ว่าจะปฏิบัติต่อเย่เช่อด้วยความเมตตาเลย ในเมื่อตอนนี้นางมีใจให้เย่เช่อแล้ว นางควรทำอย่างไรต่อไป?
ความสับสนและความตื่นตระหนกสะท้อนให้เห็นผ่านแววตาของนาง อวิ๋นจื่อรู้สึกอับจนหนทางอย่างยิ่ง
ในแววตาของเย่เช่อมีความสงสารปรากฏขึ้น ดวงตาของเขาชัดเจนและอบอุ่น เขากระซิบว่า “ปี้เหยียน อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้เ้ากลัว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเ้าแน่”
อวิ๋นจื่อที่อยู่ภายในอ้อมแขนของเขาหลั่งน้ำตาออกมาอย่างแ่เบา
เสียงสะอื้นของนางฟังดูราวกับเสียงของนกนางแอ่นที่บินอยู่บนท้องฟ้า เย่เช่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่อ่อนนุ่มกำลังสะกิดหัวใจของเขา พายุและฝุ่นทรายนอกกำแพงเมือง รวมถึงเงาของดาบในสนามรบถูกฝังกลบไปเพราะดวงตาอันงดงามของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ในใจของเขาตอนนี้มีเพียงความอบอุ่นเท่านั้น
เย่เช่อมองใบหน้าของหญิงสาวเงียบๆ หลังจากนั้นเขาก็ป้อนผลไม้ให้นางและกระซิบว่า
“ปี้เหยียน ทุกคำที่ข้าพูดข้าย่อมหมายความตามนั้น”
มือเล็กๆ ของอวิ๋นจื่อไม่รู้จะวางไว้ที่ไหน นางทานผลไม้ที่เขาป้อนอย่างเชื่อฟัง ความหวานของมันทำให้หัวใจของนางกลับมามีความชุ่มฉ่ำอีกครั้ง
เมื่ออวิ๋นจื่อทานเสร็จ นางก็เงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ “อร่อยมาก”
หญิงสาวผละออกจากอ้อมแขนของเย่เช่อ นางนั่งลงและหยิบผลไม้มาป้อนเย่เช่อเหมือนที่เขาป้อนนาง “ทานด้วยกันสิ”
ดวงตาของเย่เช่อเป็ประกาย เขากล่าวว่า “ไม่ใช่แบบนี้ เ้า้าให้ข้าสอนหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อไม่เข้าใจ “แต่เมื่อครู่ท่านก็ป้อนข้าแบบนี้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดวิธีป้อนของข้าถึงผิดล่ะ?”
เย่เช่อยิ้มเ้าเล่ห์ “นี่เป็คำถามที่ดี ให้ข้าป้อนเ้าก่อน”
ขณะที่เย่เช่อกล่าว เขาก็อมผลไม้ไว้ในปาก และก่อนที่อวิ๋นจื่อจะทันได้ตอบสนอง เขาก็จูบริมฝีปากของนางทันที รสหวานกระจายจากปลายลิ้นแผ่ซ่านไปยังอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย แต่ในไม่ช้าอวิ๋นจื่อก็ได้สติ มือเล็กๆ คู่หนึ่งทุบลงไปที่หน้าอกของเย่เช่อด้วยความโกรธ
เย่เช่อยิ้มอย่างมีความสุข เขายั้งตัวเองไม่ให้ล่วงเกินนางไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยนางออกจากอ้อมแขนและกล่าวว่า “นี่เรียกว่าการป้อน เ้าเรียนรู้หรือยัง?”
อวิ๋นจื่อยังคงััได้ถึงความหวานที่ติดอยู่ปลายลิ้น และเมื่อได้ยินคำถามนี้ ใบหน้าเล็กๆ ของนางก็แดงระเรื่อด้วยความอับอาย
“ท่านเป็จอมวายร้ายจริงๆ”
อวิ๋นจื่ออมผลไม้ไว้ในปากของตัวเองก่อนจะป้อนให้เย่เช่ออย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นว่าเขากำลังตกอยู่ในความงุนงง นางก็ดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขาและกล่าวว่า
“คุณชายอย่าทำแบบนี้อีก อย่างที่บอกข้ายังเป็สตรีพรหมจรรย์อยู่”
เสียงของอวิ๋นจื่อแ่เบาลงเรื่อยๆ
หัวใจของเย่เช่อราวกับูเาหิมะที่กำลังละลาย เมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาวเป็เช่นนี้เขาก็ยิ่งรักและ้าดูแลทะนุถนอมนางไปตลอดชีวิต
เย่เช่อพานางกลับมายังห้องโถงใหญ่ในสวนดอกไม้ เขากลัวว่านางอาจเหนื่อยจากการเดินไปเดินมา เขาจึงหาเก้าอี้ให้นางได้นั่งพัก
ทันทีที่นั่งลง อวิ๋นจื่อก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จวนของท่านกว้างใหญ่เสียจริง ข้าเดินจนเมื่อยไปหมด”
ขณะที่รินชาให้นางเย่เช่อก็ตอบว่า “นี่เป็เพียงสวนเท่านั้น ข้ายังไม่มีจวนเป็ของตัวเอง”
คำกล่าวของเย่เช่อค่อนข้างตรงไปตรงมา เมื่อเขาออกจากจวนเสนาบดีก็เท่ากับว่ามันไม่ใช่จวนของเขา แต่มันเป็จวนของน้องชายที่เกิดจากอนุภรรยาของบิดาเขารวมถึงพี่น้องคนอื่นๆ ส่วนจวนแม่ทัพเจิ้นหนานก็ยิ่งไม่ใช่จวนของเขา
ตอนนี้เขากลายเป็อ๋องและได้รับมรดกทุกอย่างจากอ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อนแล้ว บางทีเขาอาจใช้จวนของอ๋องอวิ๋นเมิ่งเป็จวนของตนเอง
อวิ๋นจื่อก็ตระหนักถึงเื่นี้เช่นกัน นางจึงยิ้มและกล่าวว่า
“คุณชาย สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นไม่ถูกต้องนัก ท่านจะ้าจวนหลังใหญ่ไปเพื่ออะไร? ถึงที่นี่จะเป็แค่สวน แต่บรรยากาศก็อบอุ่นและน่าอยู่จริงๆ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้