เซี่ยโม่ในเวลานี้รู้สึกหิวเหลือเกิน ทั้งยังปวดหัวตุบๆ
เธอคิดอย่างโง่งมว่า หากโกดังสินค้าเครือซูเปอร์มาร์เก็ตของเธอตามกลับมาเกิดใหม่ด้วยจริงคงจะดีไม่น้อย
ต่อมาเธอบอกกับตัวเองว่า ให้เลิกฝันได้แล้วกลับมาสู่โลกแห่งความจริงซะ
บรรดาขนมตรงหน้าก็ช่างล่อตาล่อใจเหลือเกิน เธอยื่นมือไปหยิบลูกอมนมมาสองเม็ด
ทันใดนั้นเองเสียงปู๊น…ดังแว่วมาแต่ไกล
เธอหันไปมองตามเสียง ที่แท้รถไฟขบวนหนึ่งกำลังจะเข้ามาจอดเทียบสถานี
คำนวณจากเวลาที่เข้ามาเทียบสถานีน่าจะเป็ขบวนที่พี่ซ่งพูดถึงก่อนหน้านี้
ทำไมพี่ซ่งถึงยังไม่กลับมาสักทีนะ เธอมองไปยังทางเข้าเพื่อขึ้นรถไฟก็ไม่มี
เซี่ยโม่หันหน้ากลับมา สายตาเลื่อนไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า นี่มันลูกอมจากโกดังสินค้าของเธอเมื่อชาติที่แล้วนี่ เมื่อครู่ยื่นมือไปหยิบมาสองเม็ด ทำไมตอนนี้มันถึงมาอยู่ในมือเธอได้?
หรือว่า…
ความคิดอันน่าตกตะลึงปรากฏในสมอง หรือว่า…โกดังสินค้าก็ตามเธอมาเกิดใหม่ด้วย?
เธอไม่อยากเชื่อกับเื่ที่เกิดขึ้น ลองนึกภาพโกดังสินค้าในสมองอีกครั้ง เธอเดินเข้าไปในโกดัง หยิบลูกอมมาสองเม็ด แล้วพอเธอกลับมาสู่โลกปัจจุบัน มองไปที่มือของตัวเอง พบว่าในมือมีลูกอมสี่เม็ด!
มันคือเื่จริง?
เธอแกะห่อลูกอมหนึ่งเม็ด ก่อนจะป้อนใส่ปากน้องชาย
น้องชายตาโตด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับเอ่ยว่า “พี่สาว อร่อยจังเลย”
เธอแกะอีกห่อแล้วโยนใส่ปากตัวเอง ลูกอมมีรสหวานของนม
โกดังสินค้าตามเธอมาเกิดใหม่จริงๆ ด้วย…
เวลานี้เธอรู้สึกขอบคุณคนบนฟ้าที่เมตตาเธอ และขอบคุณมารดาที่ปกป้องคุ้มครองเธอเหลือเกิน
นี่คือโกดังสินค้าเครือซูเปอร์มาร์เก็ตของเธอ มีสินค้าหลากหลายชนิด มีของใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย รวมถึงพวกข้าวสาร ธัญพืช น้ำมัน และยาต่างๆ
เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ในยุคนี้ เลยรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็ของขาดแคลน
ความดีใจเข้ามายึดพื้นที่ในสมอง เธอยิ้มอย่างโง่งมกับตัวเอง เมื่อครู่แค่นึกภาพตัวเองกำลังเดินในโกดังเก็บสินค้า แต่ไม่รู้ว่าเธอสามารถเข้าไปในโกดังเก็บสินค้าได้จริงหรือไม่ วันหลังคงต้องหาโอกาสลองดู
“พี่…”
ครั้นได้ยินเสียงเรียกของน้องชาย เธอหันไปมอง พบว่าน้องชายกำลังมองมาด้วยสายตากังวล สงสัยและร้อนใจ
เธอเลื่อนสายตาไปมองรอบบริเวณ ด้านหลังมีกระดานดำจึงไม่มีใครให้ความสนใจเธอกับน้อง
เซี่ยโม่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า แท้จริงแล้วเธอกำลังนึกภาพตัวเองหยิบกระดาษทิชชูจากในโกดังสินค้าต่างหาก แล้วก็น้ำเปล่าอีกหนึ่งขวด
เธอกับน้องชายดื่มน้ำเพื่อดับกระหาย คอที่แห้งผากถึงค่อยดีขึ้น
เธอเทน้ำใส่กระดาษทิชชู ก่อนจะค่อยๆ เช็ดไปบนใบหน้าของน้องชายอย่างเบามือ
เซี่ยเฉินเฟิงมองหน้าพี่สาว เดี๋ยวให้กินลูกอม เดี๋ยวเช็ดหน้าให้ เดี๋ยวให้ดื่มน้ำ
เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ก็ไม่ปาน
ทำไมจู่ๆ พี่สาวถึงเอาลูกอมให้เขากิน กระดาษทิชชูที่ใช้เช็ดหน้าให้ก็ทั้งนุ่มทั้งสะอาด เขาไม่เคยเห็นพี่สาวใช้มันมาก่อนเลย
น้ำที่ให้ดื่มก็สะอาดมาก ทั้งขวดยังใสจนสามารถมองทะลุได้
แต่เขาไม่ได้ถามออกไป เก็บคำถามเหล่านี้เอาไว้ในใจเหมือนที่ผ่านมา
ปกติพี่สาวยุ่งมาก หากไม่ไปเรียนก็ซักผ้าทำความสะอาดบ้าน ไม่เช่นนั้นก็ต้องขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ตักน้ำและเก็บฟืน
เขาจึงไม่กล้าสร้างความลำบากให้พี่สาวเพิ่มอีก ได้แต่คอยเดินตามอย่างเงียบๆ
กระทั่งแม่เลี้ยงไม่ยอมให้เขากินข้าว เขาก็ไม่กล้าบอกพี่สาว เพราะกลัวแม่เลี้ยงจะรังแกพี่สาวให้อดข้าวเหมือนตัวเอง
เซี่ยโม่เช็ดหน้าให้น้องชายจนสะอาดเอี่ยม เสร็จแล้วค่อยนึกถึงตัวเอง ใช้ส่วนสะอาดที่ยังคงเหลืออยู่บนกระดาษทิชชูเช็ดใบหน้าให้ตัวเองบ้าง
จากนั้นค่อยเอามือลง มองกระดาษทิชชูที่อยู่ในมือ สกปรกเหลือเกิน!
เธอนำกระดาษทิชชูและขวดน้ำที่เหลือแต่ขวดเปล่าใส่ในกระเป๋า ซึ่งความจริงแล้วเธอเอามันไปไว้ในโกดังสินค้า
เวลานี้เองที่เธอนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยถามออกไปว่า “เฉินเฟิง ใครเป็คนพาเรามาที่สถานีรถไฟ”
“หลานของแม่เลี้ยงครับ เขาบอกว่าจะพาผมมาหาพี่”
“หวางหมาจื่อ?”
“ใช่ครับ!”
“แล้วขึ้นรถไฟได้ยังไง”
“เขาพาผมเดินอ้อมไปไกลมาก บอกว่าพี่อยู่บนรถไฟ แล้วก็สั่งไม่ให้ผมพูด พอผมพูดเขาก็ตีผม ผมเจ็บมากเลย…”
เธอเข้าใจเื่ราวทุกอย่างแล้ว แม่เลี้ยงต้องเป็คนสั่งให้หวางหมาจื่อพาน้องชายเธอไปทิ้งไว้บนรถไฟอย่างแน่นอน
มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ได้ดีมาก มีโจรร้อยวัน แต่ไม่มีทางป้องกันโจรได้ทั้งร้อยวัน
แม่เลี้ยงให้หลานชายนำน้องชายเธอมาทิ้งแล้วครั้งหนึ่ง ใครจะรู้ว่าจะไม่มีครั้งต่อไปอีก
ตอนนี้คือฤดูร้อน ขนาดเธอไม่ต้องไปเรียน แม่เลี้ยงยังหาโอกาสให้คนพาน้องชายเธอไปทิ้งได้ แล้วถ้าต่อไปเธอต้องไปเรียนล่ะ หากดอกบัวขาวคนนั้นคิดอยากจะทำอะไรกับน้องชายเธอคงยิ่งสะดวก
ดังนั้นจะกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกไม่ได้เด็ดขาด!
ใช่แล้ว เธอกับน้องไปอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยายก็ได้นี่
เธอจำได้ดีว่า แม้ท่านทั้งสองจะมีฐานะยากจน แต่ก็ดีกับพวกเธอสองพี่น้องมาก
เวลามีของกินอะไรอร่อยๆ ก็มักจะแอบเอามาให้พวกเธอเสมอ
ท่านทั้งสองไม่มีญาติที่ไหน มีแค่ลูกชายอีกคนหรือก็คือคุณลุงของเธอแค่คนเดียว ท่านเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน
ความจริงแล้วคุณลุงยังไม่เสียชีวิต ท่านเคยไปเรียนที่เมืองอื่น ภายหลังกลับมาโดนคำวิจารณ์ คุณลุงทนไม่ได้จึงหนีไป
ปีนี้คือปี 1975 สามปีหลังจากนี้คุณลุงจะกลับมาตามหาญาติ พอรู้ว่าบิดามารดาเสียชีวิต จึงออกตามหาหลานสาวคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็คือเธอ
ชาติที่แล้วเป็เพราะมีคุณลุงคอยช่วยเหลือ เธอจึงสามารถสร้างเครือซูเปอร์มาร์เก็ตได้สำเร็จ บุญคุณนี้เธอยังไม่ได้ตอบแทนท่านเลย
เช่นนั้นเธอกับน้องจะช่วยดูแลคุณตาคุณยายเพื่อเป็การตอบแทนคุณลุงก็แล้วกัน โกดังสินค้าตามเธอกลับมาเกิดใหม่ด้วย เธอจะทำให้ท่านทั้งสองมีชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อรอคุณลุงที่จะกลับมาในอีกสามปีข้างหน้า
ชาติที่แล้วพอรู้ว่าน้องชายหายตัวไป คุณตาคุณยายเสียใจมาก
ตอนนั้นหลังจากแม่เลี้ยงแต่งเข้ามา ท่านทั้งสองเคยไปหาพ่อของเธอด้วย เพราะ้ารับหลานทั้งสองไปเลี้ยงดู แต่พ่อของเธอกลับไม่ยอมบอกว่าจะปล่อยให้คนในสกุลเซี่ยไปอยู่ที่อื่นได้อย่างไร
เธอยกยิ้มมุมปากอย่างเ็า ยอมเอาลูกไปทิ้งดีกว่ายอมให้ตากับยายแท้ๆ เอาไปเลี้ยงอย่างนั้นหรือ ช่างเป็บิดาที่…
ปู๊นนน รถไฟเข้ามาเทียบที่สถานีแล้ว
เซี่ยโม่ลุกขึ้นยืน ชะเง้อมองตรงประตูทางเข้าขึ้นรถไฟ ในที่สุดเธอก็เห็นคนผู้หนึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางนี้
คนคนนั้นคือซ่งมู่ไป๋ เขาถือถุงพลาสติกใบหนึ่ง เป็เพราะวิ่งมาที่หน้าผากจึงมีเหงื่อซึม
เซี่ยโม่จับมือน้องชาย ใช้สายตาขอบคุณมองต้อนรับเขาที่กำลังวิ่งมา
ซ่งมู่ไป๋มีใบหน้าดุดันแบบอันธพาล แต่พอวิ่งมาถึงสองพี่น้อง เขาเก็บสีหน้าดุดัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดีว่า “รอนานเลยใช่ไหม ฉันมัวแต่ไปหาคนที่จะช่วยให้พวกเราขึ้นรถไฟได้ พวกเราไปกันเถอะ”
เขาเดินนำออกไปหลังเอ่ยจบ
เซี่ยโม่จูงมือน้องชายเดินตาม ทั้งสามคนตรงไปยังประตูทางเข้าขึ้นรถไฟ
เวลานี้ผู้โดยสารขึ้นไปบนรถไฟเกือบหมดแล้ว มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังรีบวิ่งมา
ซ่งมู่ไป๋เดินตรงไปยังเ้าหน้าที่จุดตรวจตั๋ว ยื่นบัตรประจำตัวพลางพูดสองสามประโยค ไม่เพียงแค่นั้นยังล้วงหยิบบุหรี่ยี่ห้อต้าเฉียนเหมินออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้อีกฝ่ายด้วย
เ้าหน้าที่เดิมทีมีสีหน้าราบเรียบถึงค่อยเปลี่ยนไปมีรอยยิ้ม จากนั้นก็พยักหน้า
เซี่ยโม่เข้าใจในทันที เ้าหน้าที่คนนี้รู้จักพี่ซ่ง แม้จะทำงานที่สถานีรถไฟเหมือนกัน แต่เพราะ้าพาคนสองคนขึ้นรถไฟไปด้วย ย่อมต้องมีสินบนให้สักเล็กน้อย
หนี้น้ำใจครั้งนี้เธอจำเอาไว้แล้ว
เธอจำได้แม่นว่า ภายในโกดังสินค้ามีบุหรี่ยี่ห้อนี้อยู่ไม่น้อย ไว้มีโอกาสเธอค่อยลองหาดู
บุหรี่ยี่ห้อนี้ราคา 0.48 หยวน เธอจำได้ว่าเวลาที่มีแขกมาที่บ้าน แม่เลี้ยงจะให้เงินเธอเพื่อไปซื้อบุหรี่ยี่ห้อนี้มา ส่วนที่เหลืออีกสองเหมาเอาไว้ให้เธอซื้อขนมกิน
พอพี่สาวต่างมารดาเซี่ยอวิ๋นทราบเื่นี้ก็โวยวาย แต่กลับถูกแม่เลี้ยงหวางลี่ลี่ต่อว่ายกใหญ่
เซี่ยอวิ๋นถึงกับร้องไห้เพราะเื่นี้อยู่นาน
เมื่อบิดาทราบเื่นี้ก็ชี้หน้าด่าเธอ “โม่โม่ แกดูพี่สาวแก เขาน้อยใจหมดแล้ว ทำไมแกถึงไม่รู้ความเอาซะเลย ไม่รู้จักแบ่งให้พี่สาวแกบ้าง”
แม่เลี้ยงช่วยพูดแทนเธอ “เป็เซี่ยอวิ๋นต่างหากที่ไม่รู้ความ แกเป็พี่สาว มีอย่างที่ไหนไปแย่งเงินกับน้องสาว คุณว่าโม่โม่แบบนี้ได้ยังไง แกยังเด็ก…”
ฉากละครประมาณนี้มักจะเกิดขึ้นในบ้านบ่อยๆ
ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าบิดาลำเอียง มีแต่แม่เลี้ยงที่ปกป้องและเข้าข้างเธอ
ใจเธอจึงเอนเอียงไปทางแม่เลี้ยง ถึงได้เชื่อคำพูดทุกอย่างของแม่ดอกบัวขาวดอกนี้สนิทใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้