องค์หญิงชาวนาตัวน้อยผู้เป็นที่รัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     “เอ้อร์ยา ช่วยหยิบชามมาให้อาสามใบที” อันซิ่วเอ๋อร์เอ่ยปาก

        เอ้อร์ยาซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดจึงลุกขึ้นอย่างว่าง่าย เดินไปหยิบชามกระเบื้องสามใบจากตู้กับข้าว

        อันซิ่วเอ๋อร์ตักไข่หวานน้ำตาลใส่ชามทั้งสาม แต่ละชามมีไข่ไก่ฟองน้อยสองฟองลอยอยู่ในน้ำหวานใส นางยกสองชามไปวางบนโต๊ะในห้องโถง จากนั้นจึงเรียกต้ายากับเอ้อร์ยา “มากินกันเถอะ”

        เด็กหญิงทั้งสองรีบเดินเข้ามา เมื่อเห็นไข่หวานน้ำตาลในชาม ก็มีท่าทีเก้อเขินระคนดีใจ แต่สุดท้ายก็มิอาจต้านทานกลิ่นหอมหวานอันยั่วยวนได้ จึงหยิบช้อนขึ้นมาอย่างนอบน้อม

        โดยปกติแล้ว เด็กหญิงทั้งสองมักเป็๲ส่วนเกินที่บ้าน แม้จะเลี้ยงไก่ แต่ไข่ที่ได้ก็มักจะถูกนำไปขาย หรือไม่ก็เก็บไว้ให้อันหรงที่กำลังเรียนหนังสือเสียมากกว่า โอกาสที่เด็กหญิงทั้งสองจะได้ลิ้มรสไข่ไก่จึงมีน้อยครั้งนัก ส่วนใหญ่ต้องขอบคุณอันซิ่วเอ๋อร์ เพราะตราบใดที่อันซิ่วเอ๋อร์เอ่ยปากว่าอยากกินไข่ เหลียงซื่อผู้เป็๲มารดา ก็จะทำให้เสมอ และนางก็มักจะแบ่งปันให้หลานๆ ได้ลองชิมด้วย ด้วยเหตุนี้ เด็กหญิงทั้งสองจึงรักใคร่และผูกพันกับท่านอาผู้นี้เป็๲อย่างยิ่ง

        ทั้งสองใช้ช้อนตักไข่ไก่เข้าปากคำใหญ่ ไข่แดงร้อนๆ ไหลทะลักออกมา ลวกปากจนเจ็บแปลบ แต่ก็ยังเสียดายเกินกว่าจะคายทิ้ง ทำได้เพียงอ้าปากพะงาบๆ อันซิ่วเอ๋อร์เห็นภาพนั้นจึงกล่าวเตือนด้วยรอยยิ้ม “ค่อยๆ กิน ไม่ต้องรีบร้อน”

        ทั้งสองยังคงอ้าปากพะงาบๆ รอจนความร้อนบรรเทาลงบ้างแล้วจึงกลืนลงคอ ก่อนจะเอ่ยชมพร้อมกัน “ไข่ที่ท่านอาทำอร่อยที่สุดเลยเ๽้าค่ะ”

        “ถ้าชอบก็มาบ่อยๆ สิ เดี๋ยวอาจะเลี้ยงไก่ พอมันออกไข่ จะเก็บไข่ไว้ให้พวกเ๯้ากินเยอะๆ เลย” อันซิ่วเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

        ทั้งสองฟังแล้วยิ่งขวยเขิน จึงก้มหน้าค่อยๆ จิบน้ำหวาน ก่อนจะถามเสียงเบา “ท่านอาไม่กินด้วยหรือเ๽้าคะ”

        “อาเก็บส่วนของอาไว้ในครัวแล้ว พวกเ๯้ากินเถอะ” อันซิ่วเอ๋อร์มองเด็กทั้งสองที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างมีความสุขด้วยแววตาอ่อนโยน

        ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับของหวานนั้นเอง พลันมีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังมาจากนอกประตู ทั้งสามคนสะดุ้งเล็กน้อย หันขวับไปมอง ก็เห็นร่างสูงของจางเจิ้นอันเดินเข้ามา อันซิ่วเอ๋อร์รีบส่งสัญญาณให้เด็กทั้งสองนั่งนิ่งๆ ส่วนนางเองก็ลุกเดินเข้าไปต้อนรับ “ท่านพี่ วันนี้กลับมาเร็วนะเ๽้าคะ”

        “วันนี้ข้าหว่านแหได้เยอะกว่าปกติ” จางเจิ้นอันตอบสั้นๆ เพียงเดินผ่านอันซิ่วเอ๋อร์ มุ่งตรงไปยังห้องครัว เมื่อเขาเดินผ่านห้องโถง เด็กหญิงทั้งสองกำช้อนเอาไว้แน่น ก้มหน้าจนคางแทบชิดอก ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง

        จางเจิ้นอันอยู่ในครัวไม่นาน เขาเพียงเทปลาลงในอ่าง ไม่ได้เอ่ยคำใดอีก ก่อนจะเดินกลับออกไปทางเดิม รอจนเสียงฝีเท้าของเขาเงียบหายไปแล้ว เด็กทั้งสองจึงกล้าหายใจทั่วท้องและกินต่อได้

        เด็กทั้งสองเป็๞เด็กดีมีมารยาท นอกจากจะกินไข่ไก่จนหมดเกลี้ยงแล้ว แม้แต่น้ำหวานก็ซดจนไม่เหลือสักหยด อันซิ่วเอ๋อร์รอจนพวกนางกินเสร็จ ก็ช่วยเก็บชาม แล้วจึงนั่งลง พูดคุยกับพวกนางเบาๆ “เห็นไหม อาบอกแล้วว่าท่านอาเขยของพวกเ๯้าใจดี”

        “เ๽้าค่ะๆ” เด็กทั้งสองพยักหน้ารับ ในใจเพียงแต่โล่งอกที่ท่านอาเขยไม่ได้เอ่ยตำหนิเ๱ื่๵๹ที่ท่านอาทำไข่ให้พวกนางกิน

        “อืม พวกเ๯้าคงต้องไปทำธุระต่อสินะ ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน” อันซิ่วเอ๋อร์รู้ดีว่าที่บ้านเลี้ยงหมู และพวกนางมีหน้าที่ต้องไปตัดหญ้ามาให้หมูกินทุกวัน จึงไม่ได้รั้งพวกนางไว้ เพียงกล่าวเสริมว่า “ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาเล่นกับอาได้นะ บ้านเราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง”

        เด็กหญิงทั้งสองสบตากัน แล้วก็พยักหน้ารับคำรัวๆ

        อันซิ่วเอ๋อร์ยิ้มบางๆ ช่วยพวกนางถือตะกร้า พอออกจากประตูหลังบ้านแล้ว จึงส่งตะกร้าคืนให้พวกนาง แล้วฝากความว่า “พรุ่งนี้อาจะกลับไปเยี่ยมบ้านสักหน่อย ฝากบอกท่านปู่ท่านย่าของพวกเ๯้าด้วยว่าอาอาจจะกลับถึงบ้านช้าหน่อย ไม่ต้องเป็๞ห่วงนะ”

        “ทราบแล้วเ๽้าค่ะ ท่านอา” เด็กทั้งสองพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง อันซิ่วเอ๋อร์ลูบศีรษะพวกนางเบาๆ มองตามร่างเล็กๆ ที่ถือตะกร้าเดินลัดเลาะหายเข้าไปในพงหญ้า

        เมื่อหลานสาวทั้งสองไปตัดหญ้าต่อ อันซิ่วเอ๋อร์ก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับงานพรวนดินที่ค้างไว้

        ฝ่ามือของนางยังคงแสบร้อน แม้จะใช้ผ้านุ่มๆ รองมือแล้ว ก็ยังช่วยบรรเทาได้ไม่มากนัก สุดท้ายกว่าจะถึงเวลาใกล้ค่ำ นางก็พรวนดินได้เพิ่มเพียงแค่แปลงเล็กๆ เท่านั้น แต่อันซิ่วเอ๋อร์ก็ไม่ได้ท้อแท้ นางมองผลงานหยาดเหงื่อของตนในวันนั้น แล้วครุ่นคิดว่าจะปลูกอะไรดี

        อืม...ท่านพี่ชอบกินของรสขม ปลูกมะระให้เขาก่อนดีกว่า แล้วก็ปลูกบวบ พวกนี้เป็๞ไม้เลื้อย ถึงที่ดินแปลงนี้จะเล็ก แต่ก็น่าจะปลูกได้หลายต้นเชียวล่ะ ดีกว่าต้องเสียเงินไปซื้อหา ดูเหมือนว่าวันนี้จะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า พรวนดินไปทีละเล็กละน้อยทุกวัน ในไม่ช้า ที่ดินผืนนี้ก็จะกลายเป็๞แปลงผักเขียวชอุ่มได้

        นางล้างมือที่เปรอะเปื้อนดิน แล้วจึงเข้าไปทำอาหารเย็น วันนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเริ่มประหยัดมัธยัสถ์ ดังนั้นมื้อเย็นจึงทำอย่างเรียบง่าย เพียงแค่นำน้ำข้าวข้นๆ ที่เหลือมาอุ่นให้ร้อน แล้วนำข้าวสวยไปผัดกับไข่ใส่เกลือเล็กน้อย

        นางกะเวลาได้อย่างแม่นยำ พอจัดเตรียมอาหารเสร็จ จางเจิ้นอันก็กลับมาพอดี เห็นเขานำปลาไปเทลงในอ่างตามปกติ นางก็รีบไปตักน้ำสะอาดมาให้เขาล้างมือล้างหน้า

        ขณะที่ยื่นผ้าซับหน้าให้ จางเจิ้นอันก็พลันเหลือบไปเห็นฝ่ามือที่แดงก่ำของนาง เขาจึงคว้าข้อมือนางไว้ทันที อันซิ่วเอ๋อร์ดิ้นอยู่สองสามที แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ นางไม่อยากให้เขาเห็นตุ่มน้ำพองบนฝ่ามือ จึงกำมือแน่น

        จางเจิ้นอันออกแรงบีบที่เรียวนิ้วเล็กน้อย ด้วยความเจ็บแปลบ ฝ่ามือนางก็จำต้องคลายออก เขากุมมือนางพลิกดู เห็นฝ่ามือที่เคยขาวผ่องอ่อนนุ่ม บัดนี้กลับแดงก่ำไปทั้งฝ่ามือ ทั้งยังมีตุ่มน้ำพองใสปรากฏขึ้นหลายจุด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเย็น “ฝ่ามือเ๯้าไปโดนอะไรมา”

        น้ำเสียงเ๾็๲๰าของเขาทำให้อันซิ่วเอ๋อร์ใจหายวาบ นางเหลือบมองเขาอย่างหวาดกลัว เห็นดวงตาคมกริบคู่นั้นลึกล้ำเป็๲ประกาย ก็รีบหลบสายตา แล้วก้มหน้าตอบตามความจริง “วันนี้ข้าไปพรวนดินมาเ๽้าค่ะ ไม่คิดว่ามือจะเป็๲เช่นนี้”

        พูดจบนางก็รีบอธิบายต่อ “ท่านไม่ต้องเป็๞ห่วงนะเ๯้าคะ ข้าไม่ใช่คุณหนูที่ไม่เคยทำงานบ้าน เพียงแต่พ่อแม่มีข้าตอนอายุมากแล้ว ท่านก็เลยรักใคร่เอ็นดูข้าเป็๞พิเศษ ทำให้ไม่ค่อยได้ทำงานเกษตรที่บ้านเท่าไร แต่ข้าจะค่อยๆ เรียนรู้ ข้าเรียนรู้เร็วมาก อีกไม่นานข้าก็จะทำเป็๞ทุกอย่างแน่นอนเ๯้าค่ะ”

        เห็นเขายังคงนิ่งขรึม ทั้งยังแผ่ไอเ๾็๲๰าออกมาจนน่าหวั่นเกรง อันซิ่วเอ๋อร์ก็ยิ่งร้อนใจ อธิบายต่อเสียงสั่นเล็กน้อย “ตุ่มพองนี่ดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วไม่เป็๲อะไรมากหรอกเ๽้าค่ะ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็หายเอง ไม่ต้องไปหาหมอ ไม่ต้องเสียเงิน ท่านอย่าโกรธข้าเลยนะเ๽้าคะ”

        “เ๯้าคิดว่าข้าโกรธเ๹ื่๪๫นี้รึ” เห็นนางพร่ำอธิบายยืดยาว จางเจิ้นอันก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าตนเองกำลังไม่พอใจเ๹ื่๪๫อะไรกันแน่

        “ถ้าเช่นนั้น ท่านโกรธเ๱ื่๵๹อันใดหรือเ๽้าคะ” อันซิ่วเอ๋อร์ถามอย่างระมัดระวังที่สุด “หรือว่าเป็๲เพราะ...วันนี้หลานสาวข้ามา แล้วข้าทำไข่หวานน้ำตาลให้พวกนางกิน ท่านก็เลยโกรธ?”

        จางเจิ้นอันฟังนางคาดเดาไปต่างๆ นานาแล้วก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดระคนอ่อนใจ “ในสายตาเ๯้า ข้าเป็๞คนใจแคบถึงเพียงนั้นเชียวรึ?”

        “ท่านไม่ได้ใจแคบเลยเ๽้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์รีบส่ายหน้า ยังคงประจบเอาใจเขาอย่างเต็มกำลัง ถึงขั้นจงใจลดเสียงลง พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนระคนประจบว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านบอกข้ามาเถิดเ๽้าค่ะ ว่าข้าทำสิ่งใดผิดไป ข้าจะได้แก้ไข นะเ๽้าคะๆ”

        จางเจิ้นอันก้มหน้าลงเล็กน้อย จ้องมองไปที่นาง แล้วจึงกล่าวว่า “ต่อไปห้ามไปพรวนดินอีก”

        “หา?” อันซิ่วเอ๋อร์ทำหน้างุนงง “แต่ถ้าเช่นนั้น แล้วเราจะเอาผักที่ไหนกินกันเล่าเ๽้าคะ”

        จางเจิ้นอันมองดวงตาคู่สวยที่ฉายแววกังวลระคนสับสนของนาง จึงตอบว่า “พรุ่งนี้ข้าจะไปพรวนให้เอง พอใจหรือยัง”

        “พอใจเ๽้าค่ะ!” อันซิ่วเอ๋อร์ยิ้มกว้างทันที ดวงตาเป็๲ประกายระริกอย่างเ๽้าเล่ห์ “ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำนะเ๽้าคะ นี่ท่านสัญญาเองนะ ข้าไม่ได้บังคับท่านสักนิด”

        “ไม่คืนคำ” จางเจิ้นอันพยักหน้ารับ อย่างไรเสียเขาก็นับว่าเป็๞บุรุษอกสามศอก เอ่ยคำใดแล้วย่อมเป็๞คำนั้น ไม่มีทางผิดคำพูดในเ๹ื่๪๫เล็กน้อยเพียงเท่านี้แน่นอน

        “เช่นนั้นก็ดีแล้วเ๽้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์ยิ้มหวาน มุมปากเรียวงามเผยให้เห็นลักยิ้มน่ารัก เห็นจางเจิ้นอันคลายมือออกจากข้อมือนางแล้ว นางจึงรีบยกชามไข่หวานน้ำตาลที่เย็นลงแล้วจากในครัวมาวางตรงหน้าเขา “เห็นไหมเ๽้าคะ ข้าดีกับท่านเพียงใด อุตส่าห์เก็บไว้ให้ท่านโดยเฉพาะเลยนะ”

        จางเจิ้นอันมองไข่หวานน้ำตาลในชามตรงหน้า น้ำเชื่อมสีอำพันใส ไข่ไก่สองฟองขาวนวล ราวกับ...จางเจิ้นอันเหลือบมองใบหน้าเนียนผ่องของนางแวบหนึ่ง

        เขาใช้ตะเกียบคีบไข่ขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว แล้วกัดเข้าไปคำใหญ่ น้ำไข่แดงอุ่นๆ ไหลทะลักออกมา เขาจึงรีบซดน้ำเชื่อมตามเข้าไปเล็กน้อย รสชาติเข้มข้นหอมหวานติดลิ้น เนื้อไข่นุ่มละมุน ละลายในปากง่ายดาย ดูผิวเผินก็เป็๲เพียงไข่หวานธรรมดา แต่พอได้ลิ้มลองแล้ว รสชาติกลับดีเยี่ยมอย่างน่าประหลาด จนแม้แต่คนที่ไม่ใคร่ใส่ใจเ๱ื่๵๹อาหารการกินอย่างเขา ก็ยังต้องยอมรับในใจว่าอร่อย

        อันซิ่วเอ๋อร์ลอบสังเกตสีหน้าของเขาอยู่ตลอดเวลา เห็นเขากินอย่างไม่พูดไม่จา แต่มุมปากเหมือนจะยกขึ้นเล็กน้อย นางก็รู้สึกยินดีอยู่ลึกๆ ขณะที่กำลังเท้าคางมองเพลินๆ อยู่นั้น พลันมีไข่ไก่ฟองหนึ่งถูกคีบมาใส่ลงในชามข้าวของนาง

        “ท่านทำอะไรเ๽้าคะ ข้ากินไปแล้วเมื่อตอนกลางวัน” อันซิ่วเอ๋อร์รีบปฏิเสธ

        “เ๯้ายังไม่ได้กิน” จางเจิ้นอันเอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงความหนักแน่น “ไม่ต้องกังวลไป แค่ไข่ไก่ฟองเดียว ข้ายังไม่สิ้นไร้ไม้ตอกถึงเพียงนั้นหรอก”

        “ท่านพี่ ท่านช่างดีกับข้าเหลือเกิน” อันซิ่วเอ๋อร์มอบตำแหน่งคนดีให้เขาอีกครั้ง ในใจรู้สึกอบอุ่นระคนยินดี รู้สึกว่าถึงแม้ภายนอกเขาจะดูแข็งกระด้างไปบ้าง แต่ก็เป็๲คนละเอียดอ่อนและใส่ใจนางอย่างแท้จริง

        จางเจิ้นอันเริ่มลงมือกินข้าวผัดไข่ที่นางเตรียมไว้ให้ อันซิ่วเอ๋อร์กินไข่ไก่ที่เขาแบ่งให้จนหมด ก็เริ่มซดน้ำข้าวข้นๆ ในชามของตน แม้จะจืดชืดไร้รสชาติ แต่นางกลับรู้สึกว่ามันหวานละมุนในลำคอ

        “ทำไมเ๽้าไม่กินข้าว” จางเจิ้นอันเงยหน้าขึ้นถามเมื่อเห็นนางเอาแต่ซดน้ำข้าว

        “ข้าชอบกินน้ำข้าวเ๯้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์ตอบพร้อมรอยยิ้มหวานหยด

        จางเจิ้นอันขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือว่าข้าวสารที่บ้านใกล้จะหมดแล้ว”

        “ไม่ใช่เ๯้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์รีบส่ายหน้า เมื่อเห็นแววตาอยากรู้สาเหตุของเขา นางจึงอธิบายว่า “ข้าเพียงแต่คิดว่า ตอนแต่งงาน ท่านคงเสียเงินไปมาก ข้าก็ควรจะประหยัดมัธยัสถ์ ช่วยท่านเก็บออมบ้างน่ะเ๯้าค่ะ”

        เมื่อได้ยินดังนั้น มุมปากของจางเจิ้นอันก็ยกขึ้นเป็๲รอยยิ้มเยาะหยันตนเอง อันซิ่วเอ๋อร์ถึงจะคิดคำนึงถึงเ๱ื่๵๹บ้านช่องและตัวเขา แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกราวกับถูกนางดูแคลน เขาดูยากจนข้นแค้นถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ถึงขนาดที่ภรรยาต้องมาอดข้าวเพื่อช่วยประหยัด หากสหายเก่าของเขาล่วงรู้เ๱ื่๵๹นี้เข้า คงได้หัวเราะเยาะเขาจนฟันร่วงเป็๲แน่

        เขายื่นชามข้าวผัดของตนเองไปตรงหน้านางอย่างเป็๞ธรรมชาติ ก่อนจะหยิบเอาชามน้ำข้าวของนางมาถือไว้ อันซิ่วเอ๋อร์ชะงักไปเล็กน้อย ถามอย่างประหลาดใจ “ท่าน...ไม่รังเกียจข้าแล้วหรือเ๯้าคะ”

        จางเจิ้นอันเพียงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ไม่ตอบคำถาม แต่ก้มหน้าลงดื่มน้ำข้าวในชามต่อไป ในเมื่อเคยดื่มครั้งหนึ่งแล้ว จะมีอีกครั้งก็คงไม่เป็๲ไรกระมัง ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับภรรยาตัวน้อยที่อ่อนหวานนุ่มนวลราวสายน้ำผู้นี้ เขาคงไม่มีวันรังเกียจลง

        เมื่อเห็นว่าเขาไม่แสดงท่าทีรังเกียจจริงๆ ในใจอันซิ่วเอ๋อร์ก็เปี่ยมไปด้วยความยินดี นางตระหนักได้ว่าเขาไม่ใช่คนใจแคบหรือถือสาเ๹ื่๪๫เล็กน้อยอย่างที่นางเคยคิด บางทีนางอาจจะตัดสินเขาผิดไปจริงๆ คนเราย่อมแตกต่างกัน และนางก็เริ่มรู้สึกว่า เขาคือคนที่นางสามารถฝากชีวิตไว้ได้ อย่างแท้จริง

        นางก้มหน้ากินข้าวผัดที่เขาแบ่งให้ไปสองสามคำ ก็ยื่นชามกลับไปตรงหน้าเขา “ข้าอิ่มแล้วเ๽้าค่ะ ที่เหลือท่านกินเถอะ อย่าทิ้งให้เสียของเลย”

        “อิ่มจริงๆ รึ” จางเจิ้นอันรู้สึกว่านางกินน้อยเหลือเกิน

        “อืม อิ่มมากแล้วเ๽้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์ยืนยันพลางลูบท้องน้อยของตนเองเบาๆ

        แววตาคมเข้มของจางเจิ้นอันฉายรอยยิ้มบางเบา เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาจัดการข้าวในชามจนหมดเกลี้ยง แล้วจึงลุกขึ้นช่วยนางเก็บกวาดถ้วยชามบนโต๊ะ

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้