มีคนแทะเมล็ดแตงโมเยอะมาก ไม่นาน ที่พื้นก็เต็มไปด้วยขยะ ป้าฝูหรงคอยกวาดพื้นที่ลานด้านนอก มิเช่นนั้นคงไม่มีที่ให้เดินเป็แน่
วันนี้นางทำหน้าที่กวาดพื้นโดยเฉพาะ ในครัวมีพ่อครัว ในห้องโถงมีป้าสองจ้าวกับสมาชิกสตรีสามคนจากบ้านหวาง
“เื่มากชะมัด เกิดในครอบครัวชาวนา คิดว่าตัวเองเป็ไท่ไท่จากในเมืองหรือไร แขกยังไม่ทันกลับก็ออกมากวาดพื้น จะกวาดให้พวกข้าออกไปเลยหรือไม่”
“นั่นน่ะสิ กวาดเอาความเป็สิริมงคลออกไปเสียหมด”
แม่ม่ายจูกับฟู่เหรินคนหนึ่งยืนบ่น
“พวกเ้าพอได้แล้ว ระวังจะโดนไล่ออกไป รู้หรือไม่ว่างานเลี้ยงวันนี้เชิญพ่อครัวมาจากภัตตาคารใหญ่ในอำเภอ”
“ใช่ เชิญมาจากภัตตาคารจุ้ยเซียน”
“ไอ๊หยา ภัตตาคารจุ้ยเซียนเลยหรือ ได้ยินว่ากินข้าวที่นั่นต้องมีมื้อละสิบตำลึงเป็อย่างน้อย!”
“สุดยอดไปเลย…”
“บ้านเจียงรวยแล้วจริงๆ”
“ใช่ เป็เพราะบ้านเจียงสมคบคิดกับโจรหรือไม่?”
“เงียบปากเถิด อยากนินทาก็ค่อยนินทาวันพรุ่ง วันนี้ขอกินดื่มให้อิ่มก่อนค่อยว่ากัน”
“คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น พูดจาดีๆ บ้างเถิด ความเป็อยู่บ้านเจียงดีขึ้น คนรอบข้างก็ได้ประโยชน์ไปด้วย เอาแต่พูดเื่บ้านเจียงในทางแย่ๆ ทุกวัน ต่อให้บ้านเจียงมีผลประโยชน์ก็คงไม่แบ่งให้เ้าดอก ดูอย่างบ้านจ้าวเฉียนไหลที่แทบจะตัวติดกับบ้านเจียงทั้งวัน ข้าได้ยินมาว่า…นางได้เงินจากการช่วยบ้านเจียงทำงานมาไม่น้อย ที่บ้านมีเนื้อตากแห้งเยอะกว่าปีก่อน ไม่รู้ได้เงินมาเท่าไร ปกติครอบครัวนางยากจนเสียขนาดนั้น ปีใหม่มีเนื้อสักชิ้นก็ถือว่าโชคดีแล้ว”
“เ้าพูดถูก เราควรเป็มิตรกับบ้านเจียง”
“เหอะ…สายตาช่างตื้นเขินนัก”
ชาวบ้านพูดคุยกันไปต่างๆ นานา หลินหวั่นชิวยุ่งอยู่กับการทักทายแขกและดูแลผลไม้น้ำชา
“หวั่นชิว เ้าช่างโชคดียิ่งนัก แต่งกับนายพรานเจียงไม่ทันไรก็ได้อยู่บ้านหลังใหญ่เสียแล้ว”
“นั่นน่ะสิ นายพรานเจียงเอาเงินมาจากที่ใดกัน เมื่อก่อนทั้งครอบครัวแทบไม่มีข้าวกินด้วยซ้ำ…”
บรรดาสตรีพากันล้อมรอบไถ่ถามนาง หลินหวั่นชิวไม่โมโห วันนี้เป็วันขึ้นบ้านใหม่ นางไม่อยากหงุดหงิด
อีกอย่าง เื่บางเื่อธิบายให้ชัดไปเลยจะดีกว่า
“อาการป่วยของหงป๋อหายดีแล้ว ไม่ต้องจ่ายค่ายาอีก รายจ่ายต่อเดือนลดน้อยลงสามสิบถึงสี่สิบตำลึง ก่อนหน้านี้หย่วนเกอพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง หลังจากข้าแต่งเข้ามาก็ล่าเสือได้หนึ่งตัว หมีหนึ่งตัว หมูป่าสองตัว และไก่ป่าอีกนับไม่ถ้วน เงินที่ใช้สร้างบ้านก็มาจากเงินที่ขายสัตว์พวกนี้ได้ แต่นี่เพียงพอแค่สำหรับสร้างบ้าน ่หน้าหนาว หย่วนเกอจึงขึ้นเขาอีกครั้ง ล่าแม่เสือได้หนึ่งตัวและจับลูกเสือแบบเป็ๆ กลับมาได้สองตัว หลังจากนำไปขายจึงมีเงินซื้อเครื่องเรือน ส่งหงหนิงเรียน เช่าบ้านในอำเภอ ทั้งหมดเป็เงินที่หย่วนเกอเอาชีวิตเข้าแลกมา”
“ไอ๊หยา…เจียงเหล่าต้าแข็งแกร่งยิ่งนัก ล่าได้ทั้งเสือทั้งหมี”
“ล่าทั้งแม่เสือ…แล้วยังจับลูกเสือได้แบบเป็ๆ อีก…”
“เจียงเหล่าต้าแรงเยอะตั้งขนาดนั้น…”
“มิน่าเล่า…เจียงเหล่าเอ้อร์ป่วยมาตั้งหลายปีแต่ไม่เคยหยุดทานยา คงต้องมีความสามารถแบบเจียงเหล่าต้านั่นแหละจึงจะจ่ายไหว”
หลินหวั่นชิวพูดต่อท่ามกลางเสียงชื่นชมว่า “อันที่จริง ก่อนข้าจะแต่งเข้ามา บ้านเจียงก็พอจะมีเงินอยู่แล้ว อยากสร้างบ้านก็สร้างได้ แต่หย่วนเกอต้องออกไปล่าสัตว์ ไม่มีเวลามาดูแลบ้าน หงหนิงที่ยังเด็กก็ทำได้แค่หาอาหารไม่ให้ตัวเองกับหงป๋ออดตายเท่านั้น ตอนนั้นพวกเขาไม่กล้าให้ผู้ใดรู้ว่าที่บ้านมีเงิน มิเช่นนั้นหย่วนเกอที่ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน เด็กสองคนคงไม่ปลอดภัย”
ที่นางอธิบายเช่นนี้เพราะไม่อยากให้คนเหล่านี้รู้สึกว่าหงป๋อเป็ภาระ
บ้านเจียงมีเงินสร้างบ้านมาตั้งนานแล้ว แต่เพราะยังไม่มีหัวหน้าครอบครัวฝ่ายสตรี เื่นี้จึงล่าช้าออกไป
นางเล่าแบบจริงครึ่งเท็จครึ่ง ไม่ได้บังคับให้ผู้ใดเชื่อ เจียงหงหย่วนยืนอยู่ทนโท่ หมู่บ้านรอบูเามีนายพรานคนอื่นๆ เช่นกัน แต่นายพรานหลายคนต้องพิการแขนขาหรือถึงขั้นเสียชีวิตั้แ่ยังหนุ่ม
ผิดจับเจียงหงหย่วนที่กลับมาจากูเาลึกในสภาพสมประกอบทุกรอบ กล้าเข้าป่าลึกที่นายพรานหลายคนไม่กล้าไป หลายคนในหมู่บ้านรู้เื่นี้เพราะมีนายพรานเล่าให้ฟัง
“ไอ๊หยา เจียงเหล่าต้าช่างเก่งกาจจริงๆ”
“นั่นน่ะสิ”
“ในูเาอันตรายมาก ตอนนี้หย่วนเกอจึงหางานทำในอำเภอ จากนั้นบ้านเราค่อยใช้เงินที่เหลือมาซื้อที่นา เวลาข้าว่างจากงานบ้านก็ทำงานปักเย็บขาย อยู่แบบพออยู่พอกิน” หลินหวั่นชิวที่เข้าถึงบทบาทพูดอย่างถ่อมตน
“ถ้าแบบเ้าเรียกว่าพออยู่พอกิน พวกข้าคงใช้ชีวิตไม่รอดแล้ว”
“นั่นสิ แต่ซื้อที่นาก็สมควรแล้วล่ะ”
กลุ่มฟู่เหรินห้อมล้อมหลินหวั่นชิวด้วยความอิจฉา
“ไท่ไท่ มีแขกมาขอรับ”
จังหวะนี้เองที่เจียงไฉเข้ามารายงาน
“เจียงไท่ไท่!” ทังหยวนถือกล่องหลายใบที่สูงจนบังสายตาและเดินโซเซ
เพียงแต่…
คนงามตัวสูงสวมชุดสตรีที่เดิมตามหลังทังหยวน…
ให้ตาย ตู้ซิวจู๋แต่งกายเป็สตรีอีกแล้ว!
“หวั่นชิว” ตู้ซิวจู๋ไม่ใช่แค่แต่งกายเป็สตรีเท่านั้น แต่ยังแต่งออกมาได้งดงามมาก สวมชุดหรูหรา ทั้งที่ใส่เพชรนิลจินดาทั่วหัวเหมือนคนไร้รสนิยมแต่กลับดูดี
เหล่าชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านต้องมองตาค้าง
“แม่นางตู้” หลินหวั่นชิวต้องพยายามมากที่จะไม่ทำให้มุมปากกระตุก
“แม่นางตู้ตามข้าไปนั่งที่ลานด้านหลังเถิด” หลินหวั่นชิวพาตู้ซิวจู๋ไปที่ลานด้านหลัง นางปล่อยเขาไว้ที่นี่ไม่ได้ นั่นไม่ปลอดภัยเกินไป
“เจียงเป่า มาช่วยแม่นางทังยกของหน่อย”
นางพาตู้ซิวจู๋เข้าไปที่ลานชั้นใน เห็นว่าไม่มีผู้ใดจึงพูดว่า “เหตุใดเ้าจึงแต่งกายเป็สตรี?”
“ข้าเป็เพื่อนสาวของเ้าไม่ใช่หรือ?” ตู้ซิวจู๋ส่ายพัดอย่างเกียจคร้าน
“หากข้าแต่งกายเป็บุรุษมาร่วมงาน คนในหมู่บ้านเ้าคงได้เอาไปนินทาเป็แน่ เหตุใดเ้าจึงไร้มโนธรรมเช่นนี้ ข้าอุตส่าห์แต่งตัวเป็สตรีเพราะเป็ห่วงชื่อเสียงเ้า แต่เ้ากลับทำท่าทีรังเกียจ กลัวว่าข้าจะสวยเกินไปจนแย่งรัศมีใช่หรือไม่?”
หลินหวั่นชิวโดนเขาหยอกจนหลุดขำ “ข้าจะกลัวไปเพราะเหตุใด บุปผางามที่มีเ้าของไม่จำเป็ต้องโดดเด่น เ้าเดินเล่นก่อนเถิด ออกทางประตูหลังไปจะเป็ป่าที่ข้าซื้อไว้ อนาคตจะปลูกองุ่นและหมักเหล้าองุ่น อีกนานกว่างานเลี้ยงจะเริ่ม เ้าอยู่เฉยๆ คงเบื่อ”
ดวงตาหงส์คู่งามของตู้ซิวจู๋เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ได้ ข้าจะไปเดินดูแล้วค่อยกลับมา เ้าไปทำงานเถิด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้