ก่อนสวี่ตี้มาที่เมืองหลวงได้พูดคุยกับท่านลุงใหญ่จาง โดยให้ท่านลุงใหญ่ส่งคนไปสืบเื่ราวของอนุจู้ในตอนนั้นให้ดีๆ หลายปีมานี้ที่ครอบครัวสวี่ใช้ชีวิตอยู่ที่เหอซีนั้นดีมาก พัฒนาไปอย่างราบรื่น กลับเป็ครอบครัวสวี่ที่ลืมไม่ลงว่าเหตุใดตนเองถึงมายังสถานที่แห่งนี้ ไม่หาคนที่ลอบทำลายเ้าของร่างเดิมออกมา จะอย่างไรบนหัวก็ยังมีมีดจ่ออยู่
เื่นี้ทำได้แค่แอบดำเนินการเงียบๆ ท่านลุงใหญ่จึงให้ไปสอบถามมาได้่หนึ่ง ก็ถือว่ามีต้นสายปลายเหตุ ตอนนั้นอนุจู้เพิ่งจะถูกขายเข้าไปในหอเริงรมย์ ด้านในนั้นเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นมีคนตายไปจำนวนมาก ได้ยินมาว่าจับคนชุดดำมาได้หลายคน น่าเสียดายที่กินยาฆ่าตัวตายไปในตอนนั้น เพราะว่าหาเบาะแสไม่ได้ จึงมิได้สืบต่อ
คนที่รู้เื่นี้มีไม่มาก ทั้งยังบอกกับคนอื่นๆ ว่าสถานเริงรมย์นี้เกิดเหตุไฟไหม้ และก็เป็ลุงใหญ่สกุลจางที่โชคดี ไปสอบถามเื่ราวในตอนนั้นกับคนที่ช่วยงานครัวในโรงครัวหลังสถานเริงรมย์พอดี ตอนนั้นคนคนนี้เพิ่งจะอายุไม่กี่สิบปี ตอนนี้อายุห้าสิบกว่าปีแล้ว สำหรับเื่นั้นเดิมทีก็ระมัดระวังไม่กล้าพูด แต่ท่านลุงใหญ่ให้เงินจำนวนมาก แล้วเขาก็มีหลานที่จำเป็ต้องเลี้ยงดู จึงเล่าเื่เมื่อตอนนั้นให้เขาฟัง
ในจดหมายดูแล้วความจริงก็เหมือนกับจดหมายสอบถามความเป็ไปธรรมดา ด้านข้างจดหมายใส่กระดาษหนาๆ เอาไว้ กระดาษก็เป็กระดาษจดหมายธรรมดาๆ แต่้ามีจุดที่เป็รูว่างๆ อยู่ หลังจากเอากระดาษหนาใส่ลงไปบนจดหมายแล้ว พวกตัวหนังสือที่ด้านในกระดาษตารางก็เป็ข้อความที่้าจะสื่อจริงๆ
สำหรับศัตรูที่ไม่รู้ อย่าได้ดูถูกเด็ดขาด นี่คือสิ่งที่สวี่ตี้เรียนรู้อย่างลึกซึ้งจากการเรียนมาหลายปี เขาไม่เคยดูถูกคนข้างกายคนไหนเลยสักคน เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองมีความสามารถอยู่นิดหน่อยแล้ว ประเด็นสำคัญสกุลจางมีคนกลับไปที่เมืองหลวง มีคนช่วยเหลือ ในมือยังมีเงิน เป็โอกาสที่จะได้แอบสืบหาข้อมูลให้ลึกเข้าไปอีก
สวี่ตี้เขียนข้อความที่จดหมายอยากจะบอกจริงๆ ออกมา จางจ้าวฉือก็มองกระดาษแผ่นหนาที่ทำเป็สี่เหลี่ยมเล็กๆ ก็หัวเราะแล้วถาม “เ้านี่ระมัดระวังจริงๆ ลุงใหญ่ของเ้าไม่รังเกียจที่เ้าหาเื่ให้เขาทำหรือ?”
สวี่ตี้กล่าว “นี่มันเรียกว่าหาเื่ที่ใดกัน? ท่านแม่ พวกเราไม่ได้ถ่ายละครโทรทัศน์อยู่นะขอรับ ตอนนี้พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่จริงๆ ระวังเอาไว้ย่อมดีกว่า ท่านลุงใหญ่เห็นแล้วยังบอกว่าสามารถเอามาใช้ในจดหมายการค้าของพวกเขาได้ จะได้ไม่ถูกคนอื่นรู้ความลับการค้า”
จางจ้าวฉือกล่าว “เยี่ยม เ้ายังทำให้ลุงใหญ่ของเ้ามีวิธีดีๆ ด้วย”
สวี่เหราเอาจดหมายในมือของสวี่ตี้ไป หลังจากอ่านเสร็จแล้วก็กล่าว “ข้ารู้สึกว่าไฟไหม้สถานเริงรมย์ แล้วก็พวกคนชุดดำคงจะไม่ใช่เื่ธรรมดา แต่ว่าเื่มันก็ผ่านไปสามสิบกว่าปีแล้ว อยากจะไปตรวจสอบก็ตรวจอะไรออกมาไม่ได้ เ้าบอกกับลุงใหญ่ของเ้า ส่งคนไปจับตาดูอนุจู้ให้ดีๆ นางจะต้องมีช่องทางอะไรไปติดต่อกับคนที่อยู่ด้านนอกจวนแน่นอน”
สวี่ตี้ถามเขาด้วยความแปลกใจ “ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงได้มั่นใจขนาดนั้นขอรับ?”
สวี่เหรากล่าว “ข้ารู้สึกว่าอากาศไม่ดีก็ยังรั้นจะให้ลูกชายของตัวเองไปจุดธูปที่ด้านนอกเมืองมันเป็เื่ที่แปลกมากๆ ทั้งยังให้เอาภรรยาและลูกไปด้วย นี่มันไม่สมเหตุสมผลอย่างชัดเจน ทางด้านเว่ยหลางบอกกับข้าว่า เหล่าองค์ชายในเมืองหลวงอยู่นิ่งๆ ได้่เดียว ่นี้ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ พวกเราจำเป็ต้องระมัดระวัง”
สวี่ตี้พยักหน้า “เื่นี้ข้ารู้ ข้าจะกลับไปเขียนจดหมายให้ท่านลุงใหญ่ จะได้ให้คนของเขาเอากลับไปด้วยเลย”
จางจ้าวฉือถอนหายใจ “ข้ารู้สึกว่าพวกเราตอนนี้เหมือนกับพวกตัวละครในละครโทรทัศน์ แต่พล็อตบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว”
สวี่ตี้กล่าว “พวกเราเองก็ไม่อยากจะเป็เช่นนี้นี่ขอรับ มีใครบ้างไม่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข นี่ไม่ใช่เื่ที่มีคนเขียน มันช่วยไม่ได้ หากพวกเราไม่ทำเช่นนี้ ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะเสียหายอะไรอีก ครอบครัวพวกเราสามคนเปลี่ยนมาเป็ห้าคนแล้ว บวกกับแม่นมเข้าไปก็หกคน ดังนั้นเื่บางเื่จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน”
จางจ้าวฉือฟังถึงตรงนี้ดวงตาก็วาว “เ้าพูดถึงแม่นม เื่ราวตอนนั้นแม่นมจะต้องรู้แน่ๆ สวี่ตี้ เ้าไปดูว่าแม่นมนอนหลับหรือยัง หากยังก็ให้เชิญนางมา พวกเรามาฟังแม่นมเล่าเื่ว่าเป็มาอย่างไรดีกว่า”
สวี่ตี้รีบลงจากเตียงอุ่นไปใส่รองเท้า ต่อไปตนจะต้องเลี้ยงดูแม่นมยามแก่ แม่นมก็เป็ผู้าุโในครอบครัว ตอนนี้ข้างกายครอบครัวใหญ่ของตนกำลังเจอกับภัยอันตราย แม่นมเองก็ไม่สามารถทำตัวอยู่นอกปัญหาได้
แม่นมลู่ยังไม่นอนจริงๆ ตอนนี้แม่นมลู่นอนห้องเดียวกับสวี่ไป่ สวี่ไป่เล่นซนมาทั้งวันตอนนี้นอนหลับไปแล้ว แม่นมลู่นั่งอยู่บนหัวเตียงอุ่นเย็บรองเท้าหนังกวางให้สวี่ไป่ ด้านในบุขนกระต่ายเอาไว้ชั้นหนึ่ง บวกกับพื้นรองเท้าหนาๆ สวมออกไปตอนหิมะตกก็ยังป้องกันน้ำทั้งยังอบอุ่น
ชิงเหมี่ยวกับชิงซุยนอนอยู่ที่เตียงอุ่นด้านนอกห้อง ได้ยินสวี่ตี้มาเคาะประตู ก็รีบสวมเสื้อผ้าแล้วมาเปิดประตูให้เขา แม่นมได้ยินเสียงคนเคาะประตูก็สวมรองเท้าเดินออกมาด้านนอกห้อง สวี่ตี้กล่าว “แม่นม ข้ามีเื่อยากจะให้ท่านสอนนิดหน่อยขอรับ”
แม่นมรีบสวมชุดให้เรียบร้อย แล้วตามสวี่ตี้ไปที่ห้องหลัก
ตอนกลางวันคนของสกุลจางมา แม่นมลู่เองก็คิด แล้วก็รู้ว่าสกุลจางส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ ดึกดื่นขนาดนี้สวี่ตี้ก็มาหานางจะต้องมีปัญหาอะไรแน่นอน
เห็นทั้งสามคนนั่งเฝ้าจดหมายฉบับหนึ่งดึกดื่นไม่ยอมนอน แม่นมลู่ก็ถอดรองเท้าขึ้นไปนั่งที่เตียงอุ่น “เกิดเื่อันใดขึ้นหรือ?”
สวี่ตี้จึงเล่าเื่อุบัติเหตุที่ทั้งสามคนได้เจอในตอนแรกให้ฟัง ประเด็นสำคัญคือทั้งสามคนไปซ่อนตัวแล้วเห็นมีคนมาตรวจสอบรถม้าอย่างละเอียด
สวี่ตี้กล่าว “แม่นม เื่นี้หากจะพูดว่าเป็อุบัติเหตุ ข้าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าใครทำร้ายพวกเรา ข้ากับท่านพ่อพิจารณากันอยู่นานมาก คนในจวนคิดกันมารอบหนึ่ง คิดว่าอนุจู้แปลกๆ อยู่นิดหน่อยน่ะขอรับ”
แม่นมลู่กล่าว “อนุจู้ในจวนของพวกเ้าจากที่พวกเ้าดูมาก็แปลกจริงๆ อย่างไรตอนนั้นนางเป็คนที่มีชื่อเสียงก้องเมือง อีกทั้งตอนนั้นยังรักกันดีกับไท่จื่อองค์ก่อน”
จางจ้าวฉือถามด้วยความสนใจ “แม่นม อนุจู้กับไท่จื่อไม่ใช่ฮ่องเต้องค์ก่อนเป็ผู้พระราชทานงานมงคลสมรสให้หรือเ้าคะ?”
แม่นมลู่กล่าว “เื่พวกนั้นน่ะ พวกเ้าอยากจะไปถามคนอื่น คาดว่าคนที่รู้เื่ก็มีไม่มาก แต่โชคดีที่ข้าออกมาจากวัง เื่พวกนี้ข้าได้ยินมาทั้งยังผ่านมันมา ข้าจะเล่าเื่อนุจู้ให้เ้าฟัง”
ครอบครัวสวี่ทั้งสามคนพอได้ยินก็รีบมานั่งดีๆ สวี่เหรารินชาให้แม่นมจอกหนึ่ง จางจ้าวฉือถึงขั้นไปหาห่อเมล็ดแตงโมออกมา แม่นมเห็นนางหยิบเมล็ดแตงโมที่ไม่มีกลิ่นหนึ่งถุงออกมาแล้วก็ถอนหายใจ “จ้าวฉือเอ๋ย ตอนนี้พวกเรากำลังจะพูดถึงเื่ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวพวกเราทั้งหมดนะ”
สวี่ตี้หัวเราะแล้วกล่าว “แม่นม ท่านแม่ของข้าก็เป็เช่นนี้ ท่านอย่าไปสนใจเลย ท่านเล่าเื่เถิดขอรับ”
แม่นมลู่หัวเราะส่ายหน้า “ฮูหยินสามเองก็เป็คนที่มีความสุขดีนะ”
จางจ้าวฉือหัวเราะแล้วกล่าว “ข้าเป็หมอนะเ้าคะ ช่วยคนจากความตายรักษาาแ ทำเื่ดีๆ มาตั้งมากมาย ์ก็คงไม่ปฏิบัติกับข้าแย่นักหรอกนะเ้าคะ?”
แม่นมลู่ครุ่นคิด “เช่นนั้นข้าจะเล่าเื่ของไท่จื่อองค์ก่อนกับอนุจู้แล้วกัน”
แม่นมลู่กล่าว “ท่านปู่ของอนุจู้เป็มหาาาจารย์ของไท่จื่อในตอนนั้น ไท่จื่อเรียนหนังสือกับมหาาาจารย์มาสิบกว่าปี ส่วนอนุจู้ก็เป็หลานสาวที่มหาาาจารย์รักมากที่สุด เพราะมหาาาจารย์ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ให้ทั้งสองคน แล้วก็เพราะว่ามีความชอบเหมือนๆ กัน จึงเป็ไท่จื่อที่ขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนมอบสมรสพระราชทานให้ ผลสรุปไท่จื่อทำความผิดจึงถูกฮ่องเต้องค์ก่อนล้อมจับแล้วต่อมาก็ฆ่าตัวตาย”
จางจ้าวฉือกล่าว “แม่นม ตอนนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนก็อายุไม่น้อยแล้วใช่หรือไม่? ข้ารู้สึกว่าไท่จื่อองค์นี้คงจะถูกใส่ร้าย”
แม่นมลู่กล่าว “ตอนนั้นองค์ชายหลายองค์ต่อสู้กันดุเดือดมาก ไท่จื่อเป็โอรสของฮองเฮา แต่น่าเสียดายที่ฮองเฮาทรงจากไปนานแล้ว ฮ่องเต้องค์ก่อนกับฮองเฮาองค์ก่อนมีความสัมพันธ์กันดีมาก ตอนที่ไท่จื่อยังเด็กมากก็ถูกแต่งตั้งเป็ไท่จื่อแล้ว ฮ่องเต้องค์ก่อนจึงส่งคนไปสั่งสอนไท่จื่อองค์ก่อนเื่การจัดการงานในราชสำนัก”
สวี่ตี้กล่าว “ไท่จื่อองึนี้จะต้องไม่ใช่คนที่นิสัยเด็ดขาดแน่นอน”
แม่นมลู่มองสวี่ตี้อย่างชื่นชม “ตี้เกอพูดถูก ไท่จื่อองค์ก่อนเป็คนที่จิตใจดี เป็คนใจกว้าง คนเช่นนี้จะให้พัฒนาแคว้นคงไม่พอ แต่ให้รักษาเอาไว้คงจะไม่เป็อะไร เพียงแต่น่าเสียดาย องค์ชายองค์อื่นๆ ต่างมีครอบครัวฝ่ายมารดาด้านนอกวังที่แข็งแกร่ง มารดาขององค์ชายหลายพระองค์เองก็ไม่ใช่คนที่จะอยู่กันอย่างสงบเรียบร้อย ถึงตอนปลายรัชกาลฮ่องเต้องค์ก่อน ราชสำนักก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย สุดท้ายก็ให้นำองค์ชายที่ไม่มีใครสนใจขึ้นมานั่งบัลลังก์”
สวี่ตี้ถาม “แม่นม ไท่จื่อองค์ก่อนแค่ถูกจับเฉยๆ เช่นนั้นตัวเขาล่ะขอรับ?”
แม่นมกล่าว “คนนอกก็คงจะไม่รู้ พวกเราตอนนั้นยังอยู่ในวังจึงรู้กันชัดเจน ไท่จื่อองค์ก่อนหลังจากถูกจับก็ฆ่าตัวตาย ครอบครัวมารดาของไท่จื่อองค์ก่อนเป็จวนแม่ทัพปกครองแคว้น ตอนนั้นจิ้งเป่ยโหวเย่คนก่อนล้วนเป็ทหารที่แม่ทัพใหญ่ฝึกมาทั้งนั้น หลังจากไท่จื่อองค์ก่อนได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้องค์ก่อน ก็ฆ่าตัวตาย เพื่อที่จะสามารถปกป้องครอบครัวจวนแม่ทัพเอาไว้”
สวี่ตี้กล่าว “เื่นี้ค่อนข้างยาก ไท่จื่อองค์ก่อนฆ่าตัวตายไปแล้ว ฮ่องเต้องค์ก่อนเองก็หวาดกลัวฝีมือของแม่ทัพปกป้องแคว้นสินะขอรับ”
แม่นมลู่กล่าว “ใช่แล้ว ดังนั้นเพื่อคนแก่แล้วก็เด็กในจวน แม่ทัพจึงทิ้งอำนาจในการทหารของตัวเอง จากนั้นก็ฆ่าตัวตายอยู่ภายในจวน ต่อมาได้ยินว่าสายเืของแม่ทัพปกป้องแคว้นทัพต่างๆ ก็ต่างกลับบ้านเกิด เพื่อปกป้องลูกหลานในจวน แม่ทัพเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น”
สวี่ตี้กล่าว “คนเราเมื่อหมดสิ้นประโยชน์ ก็จะถูกฆ่าทิ้งได้อนาถกว่าคนอื่น ถึงแม้จะเกิดเื่ใหญ่ขึ้น แล้วประชาชนทุกคนจะต้องรับผิดชอบอย่างปฏิเสธไม่ได้ พอถึงตอนนั้นควรจะยอมแพ้ก็ต้องยอม ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ถ้าหากแม่ทัพใหญ่ที่ปกป้องแคว้นหลังจากได้ความดีความชอบแล้วก็สามารถแขวนเกราะแล้วกลับไปสู่ชนบท ไม่แน่ว่าไท่จื่อองค์ก่อนก็คงไม่ถูกจับ”
แม่นมกล่าว “ตัวอยู่ในปัญหา เื่บางเื่ก็ทำได้แค่ให้มันเป็ไปเช่นนั้น”
จางจ้าวฉือกล่าว “ช่างเป็เื่ที่ทำร้ายคนจริงๆ ทุกคนทำงานของตัวเองไป แล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ได้หรือ?”
แม่นมลู่ถอนหายใจ “กุมอำนาจในการมีชีวิตอยู่ในมือ นั่นเป็สิ่งล่อลวงที่มีอานุภาพรุนแรงมากที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถต้านทานได้หรอก ในเมื่อมีโอกาสนี้แล้ว คนอื่นทำได้เหตุใดตัวเองจะทำไม่ได้ ถึงตอนนั้น ถึงไม่อยากก็ต้องต่อสู้ไปต่อไป ไม่เช่นนั้นตัวเองรวมถึงคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเองคงจะเดือดร้อน ก็ไม่ใช่จุดจบที่ดีอะไรเท่าไหร่”
จางจ้าวฉือกล่าว “รอพวกเราทำเื่ที่ควรจะทำเสร็จแล้ว จะต้องวางแผนให้เสร็จก่อน แล้วก็ไปหาหมู่บ้านทีู่เาดีน้ำดี ไปสร้างบ้านที่ยอดเขา ดูแลตัวเอง ถึงตอนนั้นข้าจะสั่งสอนเด็กๆ ที่เข้าใจวิชาแพทย์สักสองสามคน เท่านี้พวกเราก็ใช้ชีวิตกันอย่างมั่นคงแล้ว”
สวี่ตี้กล่าว “ใต้หล้านี้มีที่ไหนไม่ใช่พื้นที่ของฮ่องเต้ ส่วนไหนของทะเลที่ไม่ใช่ของกษัตริย์ บางครั้งก็ไม่สามารถทำตามที่ใจคิดได้ แต่ว่าพวกเราก็ยังมีทางให้ถอย มีข้ากับท่านพ่ออยู่ จะอย่างไรก็จะทำให้พวกท่านสามารถมีชีวิตยามแก่เฒ่าที่สงบสุขได้”
สวี่ตี้มีความทรงจำหลายสิบปีของร่างเก่า แน่นอนจะต้องรู้อยู่แล้วองค์ชายองค์ไหนจะได้รับสืบทอดบัลลังก์ มือกำไม้ตายเอาไว้ ก็สามารถรับมือกับเื่ในอนาคตได้
จางจ้าวฉือกล่าว “แม่นม หลังจากไท่จื่อองค์ก่อนตายจากไป อนุจู้เข้าจวนหย่งหนิงโหวได้อย่างไรเ้าคะ?”
แม่นมลู่กล่าว “เื่นี้ข้าก็ไม่ชัดเจนมากนัก หลังจากไท่จื่อองค์ก่อนตายจากไป ตอนนั้นมหาาาจารย์จู้ก็ตายตามไป บุรุษบรรลุนิติภาวะของสกุลจู้ถูกฆ่า สตรีก็ถูกขายไปที่สถานเริงรมย์ ส่วนเด็กๆ ที่ยังไม่โตก็ถูกส่งกลับไปที่บ้านเกิดของตระกูล คนรุ่นหลังไม่สามารถเข้าสอบขุนนางได้ ตอนนั้นอนุจู้ได้หมั้นกับไท่จื่อองค์ก่อนแล้ว เื่ในสถานเริงรมย์เกิดอะไรขึ้นคนอื่นต่างไม่รู้แน่ชัด”
สวี่ตี้กล่าว “ท่านลุงใหญ่ของข้าช่วยสอบถามมาให้ บอกว่าสถานเริงรมย์นั้นเกิดไฟไหม้ อีกทั้งยังมีพวกคนชุดดำ ไฟไหม้นั้นทำให้คนตายไปไม่น้อย ต่อมาไม่รู้ว่าอย่างไร อนุจู้ก็ถูกท่านปู่ซื้อตัวออกมา จนกระทั่งคลอดลูกถึงได้พากลับมาอยู่ในจวน พวกเรากำลังสงสัยว่าท่านพ่ออาจจะไม่ใช่ลูกที่อนุจู้คลอดออกมาขอรับ”
แม่นมลู่ฟังแล้วก็ขมวดคิ้วอยู่นาน “เื่มันเกี่ยวข้องกันเยอะมาก พวกเ้าอย่าเพิ่งสืบต่อไป ข้าจะให้เฉินกงกงช่วยสืบมาให้”
ตอนนี้ถือว่าเกี่ยวข้องกับการฏของรัชกาลก่อน ถ้าหากสืบเื่อะไรออกมาได้จริงๆ คนของสกุลสวี่จะยิ่งอันตราย
แม่นมลู่กล่าว “องครักษ์หลายคนที่พวกเราพามาด้วยตอนนี้ มีสองคนเป็ฮ่องเต้ส่งมา ข้าจะเอาเื่ของพวกเ้าไปพูดกับพวกเขาสักหน่อย ให้พวกเขาส่งจดหมายไปที่เมืองหลวง หากเกี่ยวข้องกับไท่จื่อองค์ก่อนจริง พวกเ้าไม่มีความสามารถที่จะสืบต่อไป กลับกันพวกเ้าจะยิ่งอันตราย แล้วก็ส่งจดหมายไปหาพี่ใหญ่สกุลจาง ไม่ต้องให้เขาสืบต่อแล้ว หยุดแค่ตรงนี้”
สวี่เหรารีบพยักหน้ารับคำ แล้วก็เริ่มเอากระดาษมาเขียนจดหมายให้พี่ใหญ่สกุลจาง หลังจากสวี่ตี้จุดโคมไฟไปส่งแม่นมลู่ หญิงชรากลับไปก็จะเขียนจดหมายส่งไปยังเมืองหลวง แต่ว่าจดหมายที่นางเขียนก็ส่งให้กับองครักษ์ที่ติดตามนาง ให้ส่งเข้าวังหลวงไป
จางจ้าวฉือมองสวี่เหราเขียนจดหมาย ในใจก็ลูบอกอย่างหวาดกลัว “คิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าเื่จะอันตรายขนาดนี้ หากไม่มีแม่นมลู่อยู่ข้างกาย พวกเราตรวจสอบเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าจะถูกคนกำจัดเรียบแล้ว”
สวี่เหรากล่าว “ตอนนี้เป็สังคมหนึ่งคนปกครอง ไม่ใช่สังคมกฎหมายปกครอง ถึงแม้พวกเราจะเป็คนของราชวงศ์แล้ว แต่คนหนึ่งไม่ระวัง จะทำให้คนส่งนักฆ่ามาฆ่าหมดตระกูล หนึ่งชีวิตร้องขอชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต เฮ้อ สังคมกฎหมายดีกว่าเห็นๆ อย่างน้อยก็เป็ที่ที่คุยด้วยเหตุผล”
สวี่ตี้เปิดประตูเข้ามาพอดี “ความจริงแล้วที่นี่ก็ดีนะขอรับ ขอแค่มีความสามารถแข็งแกร่งพอ ก็เป็ผู้ที่พูดอะไรก็ตัดสินชีวิตคนได้ไม่ใช่หรือ? ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านรอก่อน ต่อไปข้าจะต้องเป็รองคนคนเดียวแต่เหนือคนเป็หมื่น”
จางจ้าวฉือโบกมือ “เื่พวกนั้นพวกเราไม่ได้ให้ค่านี่ ใช้ชีวิตไปอย่างมั่นคงถึงจะดีต่างหาก”
สวี่ตี้กล่าว “ท่านแม่ ท่านคิดผิดไปไกลแล้ว ตอนนี้พวกเราจะต้องให้คนอื่นรู้ว่าไม่สามารถขาดพวกเราไปได้ ถึงจะสามารถได้รับการปกป้องจากชนชั้นปกครอง ท่านไม่เห็นหรือ พืชผักที่พวกเราปลูกออกมาพวกนี้ ฮ่องเต้ก็ส่งองครักษ์มาปกป้องพวกเรา ตอนแรกหากไม่มีพี่องครักษ์ปกป้อง ครอบครัวพวกเราจะยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขอย่างตอนนี้หรือไม่? ดังนั้นก็ต้องเอาความสามารถของพวกเราออกมา ให้เขารู้ว่าพวกเราไม่มีผู้ใดสามารถแทนได้ เขาถึงจะอยากปกป้องพวกเราให้ดี”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้