แม้ว่าจินเฟิงอายุจะยังน้อยแต่วรยุทธ์ของเขานั้นนับว่าใช้ได้ทีเดียว เห็นทีว่าจะแอบไปฝึกฝนเองไม่น้อย
หร่านซวี่จือถึงกับรู้สึกแอบประหลาดใจเล็กน้อย
ในเวลาอันรวดเร็ว จินเฟิงก็เคลื่อนตัวมาอยู่ในระยะไม่ถึงหนึ่งเมตรจากตัวหร่านซวี่จือ หมัดแรกที่มาพร้อมกับลมหวีดของหมัดพุ่งตรงไปทิศทางของหร่านซวี่จือ
หร่านซวี่จือเพียงแค่กระทืบเท้า ชั่วพริบตา เขาก็ลอยขึ้นกลางอากาศ
จินเฟิงอาศัยลำต้นของต้นไม้ถีบและตามขึ้นไปตามทิศทางของหร่านซวี่จือ จากนั้นหร่านซวี่จือก็พลิกตัวะโมาอยู่ด้านหลังจินเฟิงด้วยความว่องไว ชายผ้าสีดำลอยผ่านตรงหน้าของจินเฟิงไป พอจินเฟิงจะยื่นมือไปคว้า แต่กลับโดนหร่านซวี่จือโจมตีอย่างจังจากทางด้านหลัง ชั่วขณะนั้นจินเฟิงตัวลอยฟุบกับพื้นด้านหน้า
‘ปัก'
จินเฟิงกระแทกกับพื้นเต็มแรงจนเกิดเสียงดัง ผ่านไปนานครึ่งค่อนวันก็ลุกไม่ขึ้น
หร่านซวี่จือร่อนลงพื้นอย่างรวดเร็ว เขาโบกพัดของตนเองไปมาแล้วเอ่ย “แค่ฝ่ามือเดียวยังรับไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ข้ายังไม่ทันใช้กำลังภายในหนึ่งในสิบส่วนเลย”
“สมัยที่ข้าอายุเท่าเ้า ก็สามารถขึ้นเวทีประลองยุทธ์แล้ว”
แม้จะอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย หร่านซวี่จือก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองกำลังรังแกเด็กน้อย ใบหน้าของจินเฟิงแดงก่ำ พอลุกขึ้นจากพื้นก็พุ่งตัวไปทางหร่านซวี่จือแทบจะทันที
ธูปสามดอกหมดไปแล้ว จินเฟิงยังไม่สามารถแตะต้องแม้แต่ชายเสื้อของหร่านซวี่จือได้เลย เขาคลานอยู่กับพื้นอย่างเหนื่อยหอบอยู่นานก็ไม่ได้ลุกขึ้นมา
จิตใจของหรวนเสี่ยวเหอที่ดูอยู่ข้างๆ นั้นระส่ำระส่าย หลังจากจบการต่อสู้ เขาถึงจะกล้าวิ่งมาพยุงจินเฟิงลุกขึ้นจากพื้น
หรวนเสี่ยวเหออายุเพียงสิบสามสิบสี่ซึ่งโตกว่าจินเฟิงเพียงสองสามปี แต่หร่านซวี่จือนั้นโตกว่าจินเฟิงถึงเจ็ดปีเต็ม การที่จะมีความแตกต่างอย่างมากเช่นนี้ก็ไม่นับว่าแปลกแต่อย่างใด หรวนเสี่ยวเหอกับจินเฟิงนั้นสนิทสนมกันก็นับว่าสมเหตุสมผลและทั้งหมดนี้ก็อยู่ในสายตาของหร่านซวี่จือ ถึงกระนั้น ก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จินเฟิงก็เป็น้องชายในนามของเขา การที่ไม่ให้ความยำเกรงต่อพี่ชายเช่นนี้ แต่กลับสนิทชิดเชื้อกับผู้ชายในหอนางโลม หากเื่แพร่ออกไปคงดูแย่
หร่านซวี่จือจัดแจงชุดของตนเองแล้วเอ่ยกับหวังเซวียนน้ำเสียงราบเรียบ “พรุ่งนี้เรียกเหล่าอาจารย์กลับมา”
“ช้า ช้าก่อน…” จินเฟิงหายใจหอบพร้อมกับเอ่ย “หาก…เป็วรยุทธ์ ข้าไม่ยอมเรียนกับอาจารย์ที่ท่านหามาให้หรอกนะ”
หลังจากที่หรวนเสี่ยวเหอได้ยินแล้วก็มีสีหน้าที่ซีดขาว และเอ่ยเสียงค่อย “เสี่ยวเฟิง เ้าอย่าไปสะกิดต่อมโมโหของนายท่านหร่านซวี่จืออีกเลย…”
จินเฟิงพูดจบแต่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนคำพูด และคำพูดหลังจากนั้นก็ทำเอาหร่านซวี่จือถึงกับตะลึง “ข้าจะเรียนกับท่าน”
“ท่านกล้าสอนข้าหรือไม่? ” จินเฟิงจ้องมองหร่านซวี่จือด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ซึ่งสายตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ
หร่านซวี่จือไม่ได้เอ่ยปากแต่หวังเซวียนกลับเป็ผู้ที่เอ่ยขึ้น “คุณชายน้อย ยามปกตินายท่านหร่านซวี่จือค่อนข้างยุ่งกับงาน เกรงว่าจะไม่มีเวลาว่างมาสอนคุณชายน้อยได้นะขอรับ”
จินเฟิงเอ่ย “หาก้าให้ข้าเรียน ก็ต้องให้คนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเ้ามาสอน ไม่อย่างนั้น ก็ไล่ข้าออกไปได้เลย”
เมื่อฟังจนถึงตรงนี้ หร่านซวี่จือนิ่งเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ตกลง”
“นายท่าน นี่…” หวังเซวียนเอ่ยด้วยความใ
หร่านซวี่จือหยุดหวังเซวียนไว้ “เื่เล็กน้อย”
“ตกลง วรยุทธ์ของเ้า ยกให้ข้าเป็คนสอน” หร่านซวี่จือเอ่ย “แต่ว่า การสอนของข้าค่อนข้างเข้มงวด หากเ้าตามไม่ทันก็อย่าหาว่าข้าเยือกเย็นไร้หัวใจก็แล้วกัน”
จินเฟิงกัดฟันเอ่ย “ข้าไม่มีทางตามไม่ทัน”
เมื่อคำพูดนี้ออกจากปากของจินเฟิง เวลาหลังจากนี้ แม้อยากจะเสียใจก็ไม่ทันการเสียแล้ว
หร่านซวี่จือใช้มาตรฐานการสอนผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบมาฝึกฝนให้จินเฟิง เนื่องจากต้องดูแลเยวี่ยชุนโหลวด้วย ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่หร่านซวี่จือจะกำหนดมาตรฐานการฝึกฝนให้แก่จินเฟิงแล้วให้จินเฟิงฝึกฝนจนสำเร็จเอง และให้อิ่งเป็คนคอยจับตาดูอยู่ข้างๆ เป็เวลาส่วนน้อยมากที่เขาจะมีเวลามาสอนจินเฟิงด้วยตนเอง
จินเฟิงนั้นสงสัยอยู่เป็นิจว่าหร่านซวี่จือคงจงใจที่จะทรมานเขา แต่แม้จะเข้มงวด แต่สิ่งที่คนคนนี้กำหนดมาให้ทำก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลดีต่อร่างกาย จินเฟิงจึงหาเื่ไม่ได้ ได้แต่กล้ำกลืนและไม่อาจพูดอะไรได้
หร่านซวี่จือหาใช่คนที่ใจอ่อนและมีเมตตาแต่อย่างใด บางคราหวังเซวียนเดินผ่านและทนมองไม่ได้ เขาจึงแอบเข้าไปเอ่ยโน้มน้าวหร่านซวี่จือว่าจินเฟิงยังเป็เพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง นอกจากวันที่ฝึกฝนวรยุทธ์แล้วก็ยังไม่สามารถลงตารางเรียนวิชาอื่นได้ เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขา นอกเวลาเรียนล้วนแต่เล่นสนุกอยู่ข้างนอก ซึ่งความเข้มงวดเช่นนี้ไม่ค่อยดีกับเขานัก
เมื่อได้ยินเื่เหล่านี้ หร่านซวี่จือไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็หาได้เปลี่ยนวิธีดำเนินการต่อจินเฟิง
วันหนึ่ง หร่านซวี่จือทานข้าวเสร็จก็เดินออกจากหอ เขาตั้งใจจะไปดูสถานการณ์ที่เรือนหลังเสียหน่อย ขณะที่กำลังเดินเข้าใกล้ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่ดังมาก ชายหนุ่มถึงกับใรีบเร่งฝีเท้าไปดู
จินเฟิงคลานอยู่ตรงพื้น ข้างๆ มีอิ่งยืนอยู่ เมื่อเห็นหร่านซวี่จือเดินมา อิ่งก็ทำความเคารพ “นายท่าน”
“พวกเ้ากำลังทำอะไรกัน? ” หร่านซวี่จือขมวดคิ้ว
อิ่งเอ่ย “คุณชายน้อยบอกว่า ้าฝึกซ้อมกับข้าน้อยขอรับ”
อิ่งนับว่าเป็หนึ่งในหน่วยองครักษ์เงาที่วรยุทธ์เยี่ยมยอดที่สุด ทั่วทั้งเยวี่ยชุนโหลว นอกเสียจากหร่านซวี่จือก็นับว่าเป็ผู้ที่มีความสามารถร้ายกาจที่สุด แม้ว่าอิ่งจะยั้งมือแต่ด้วยนิสัยไม่ยอมรามือโดยง่ายของจินเฟิง หร่านซวี่จือไม่ต้องคิดก็รู้ได้เลยว่าจินเฟิงคงาเ็ไม่น้อย
“ไม่ประมาณตน” หร่านซวี่จือเอ่ยออกมา
มุมปากของจินเฟิงมีรอยช้ำ เมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ก็กัดฟันเต็มแรงแต่ก็ไม่ได้คัดค้านคำพูดของหร่านซวี่จือแต่อย่างใด “ดูสภาพเ้าวันนี้แล้ว การฝึกซ้อมของวันนี้เกรงว่าคงไม่มีทางทำได้สำเร็จ แยกย้ายกันกลับไปเสียเถอะ” หร่านซวี่จือพูดจบก็หันหลังจะจากไป
จินเฟิงลุกขึ้นจากพื้นแล้วเอ่ยอย่างไม่ยอมจำนน “ข้าฝึกต่อได้! ”
“ฝึกต่อ? ” สีหน้าของหร่านซวี่จือไม่ค่อยดีนัก “ลำพังสภาพร่างกายของเ้าตอนนี้ ยังอยากซ้อมต่ออย่างนั้นหรือ? ”
“ข้าไม่เป็ไร! ”
“กลับไป”
“ข้าบอกว่าข้าฝึกต่อได้! ”
เมื่อจินเฟิงะโคำนี้ออกมา หร่านซวี่จือเก็บพัดพับพร้อมกับพลิกฝ่ามือ เสียงลมหวิวพุ่งไปทางจินเฟิงพร้อมกับเสียงดัง ‘พรึบ’ ร่างของจินเฟิงถึงกับลอยกระเด็นจากที่เดิม ส่วนหลังของเขากระแทกเข้ากับบานประตูห้องของตนเอง
หลังจากจินเฟิงกระแทกกับพื้น นานครึ่งค่อนวันเขาก็ยังลุกไม่ขึ้น เมื่อออกแรงก็ถึงกับกระอักเืออกมา
คนรับใช้ที่เดินผ่านถึงกับสะดุ้งเฮือก
“บางเื่ก็ไม่จำเป็ต้องให้ข้าพูดซ้ำสอง”
หร่านซวี่จือทิ้งคำพูดนี้ไว้ พลางโบกพัดในมือแล้วจากไป อิ่งเหลือบมองไปที่จินเฟิง จากนั้นก็เดินตามหลังหร่านซวี่จือไป
พอตกกลางคืน
หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว หรวนเสี่ยวเหอมองดูรอบทิศไม่มีผู้ใด เขาจึงเคาะประตูห้องของจินเฟิงเบาๆ
“ใคร? ” มีเสียงแหบโรยแรงของจินเฟิงดังออกมาจากในห้อง
หรวนเสี่ยวเหอกดเสียงให้เบา “เสี่ยวเฟิง ข้าเอง”
“ประตูไม่ได้ลงกลอน”
หรวนเสี่ยวเหอจึงผลักประตูเข้าไป
จินเฟิงนอนอยู่บนเตียงและสวมไว้เพียงเสื้อตัวบางตัวเดียว ใบหน้ามีรอยช้ำเล็กน้อย มองดูแล้วก็สะบักสะบอมพอสมควร
หรวนเสี่ยวเหอนั่งอยู่ข้างเตียงของจินเฟิง จากนั้นเขาก็หยิบตลับยาในอกออกมาแล้วเอ่ยด้วยความเป็ห่วง “เ้าไม่เป็อะไรใช่ไหม? ”
จินเฟิงส่ายศีรษะ
“นี่คือยาที่ข้าใช้เงินเก็บ่หนึ่งซื้อมา” หรวนเสี่ยวเหอยื่นให้เขา “แม้ว่าไม่ใช่ยาที่มีชื่อเสียงมากมายอะไร แต่ข้าได้ยินพวกพี่สาวบอกว่ายาใช้ดีมาก เ้าลองใช้ดูนะ”
จินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองหรวนเสี่ยวเหอ
ใบหน้าของหรวนเสี่ยวเหอนั้นแดงระเรื่อเหมือนกำลังตื่นเต้น มือที่ยื่นตลับยาให้จินเฟิงก็สั่นระริก
จินเฟิงรับมาแล้วเอ่ย “ขอบใจ”
หรวนเสี่ยวเหอเอ่ย “เสี่ยวเฟิง ข้ารู้เื่ที่เกิดขึ้นวันนี้แล้ว…เ้าอย่าโทษนายท่านหร่านซวี่จือเลยนะ”