“หานโม่!”
หานซินไม่คาดคิดว่าจะมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ข้างกายหานโม่ ทั้งยังสามารถยับยั้งพลังลมปราณของพี่ใหญ่และพี่รองของนางได้
ชายรูปงามผู้นี้นั่งอยู่ข้างกายหานโม่ โดยที่พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจคนผู้นี้เลย และดูเหมือนเขาไม่ใช่คนที่จะลงมือต่อการได้อย่างง่ายดายเลย
หานซินนับเป็คนฉลาดคนหนึ่ง นางไม่กล้าแสดงท่าทีก้าวร้าวต่อตี้เฉิน จึงทำได้เพียงระบายอารมณ์ใส่หานโม่แทน
นางกรีดร้องเสียงแหลมอย่างไม่อาจควบคุมได้ มันดังจนสามารถกลบเสียงการเสนอราคาของผู้เข้าร่วมประมูลคนอื่นไปจนสิ้น พูดได้ว่าดังก้องเสียจนสามารถแช่แข็งผู้คนในสถานที่การประมูลแห่งนี้ได้
เดิมทีก็มีผู้คนจำนวนมากที่ให้ความสนใจเื่ราวของตระกูลหานอยู่แล้ว เมื่อหานซินกรีดร้องเสียงดังเช่นนี้ออกมา ทุกคนก็หันมามองกันหมดทันที
หานโม่เหลือบมองหานซินด้วยหางตา เมื่อเห็นว่าทุกคนที่จดจ่อกับการประมูลต่างถูกดึงดูดให้หันมาทางนี้กันหมด นางจึงยืนขึ้นช้าๆ ด้วยใบหน้าเ็าราวกับน้ำแข็ง
“หานซิน ข้าเคารพท่านในฐานะพี่ห้าของข้ามาตลอด แม้ว่ายามปกติตอนอยู่ที่ตระกูลหานท่านจะรังแกข้าก็ไม่เป็ไร แต่นี่คือสถานที่การประมูล และของที่กำลังประมูลบนเวทีตอนนี้คือเซียนหลิงเฉ่าที่ข้านำมาจากป่าไร้ิญญา ท่านมีสิทธิ์อะไรถึงพูดว่าอยากได้ก็ต้องได้? ทุกคนในนี้ต่างเสนอราคากัน หากท่านอยากได้ จะไม่ออกเงินเพื่อซื้อมันหน่อยหรือ? ท่านคิดว่าตนเองเป็คนตระกูลหานแล้วจะทำสิ่งใดตามอำเภอใจก็ได้งั้นหรือ?”
คำพูดของหานโม่ค่อนข้างน่าสนใจ หลังจากที่หานโม่พูดจบตี้เฉินก็หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยพยายามรักษาหน้าตระกูลหานอย่างยิ่ง
แต่หูเลี่ยงและคนอื่นๆ ต่างพากันะเิหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“คุณหนูห้าตระกูลหาน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็หัวหน้าของพวกข้าที่หามาด้วยความยากลำบาก พวกท่านเอาไปไม่ได้ก็คิดจะแย่งชิงไปงั้นหรือ? ถึงจะเป็พี่น้องแท้ๆ ก็ไม่อาจมาะโกรีดร้องและทุบตีผู้อื่นอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ได้ อีกทั้งท่านก็ยังมีตัวช่วย ส่วนหัวหน้าของข้านั้นไม่มีสิ่งใดเลย”
หูเลี่ยงเองก็เป็ผู้ที่มีเหตุผลผู้หนึ่ง หานโม่ไม่จำเป็ต้องแนะนำคนตระกูลหานที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา เพราะเขาเองก็รู้จักเช่นกันว่านั่นคือคุณหนูห้าตระกูลหานผู้ที่ร้ายกาจที่สุด และยังเป็ผู้ที่ลักพาตัวหานโม่ไปขายที่อี้หงหยวนอีก ดังนั้นเขาจึงยืนหยัดอยู่เคียงข้างหัวหน้าของตนเองไม่ยอมขยับไปไหน
เสียงของหูเลี่ยงดังกังวานไปทั่งทั้งโรงประมูล เดิมทีแค่เสียงของหานโม่ก็ทำให้ทุกคนได้ยินเื่ราวทั้งหมดคร่าวๆ แต่เมื่อหูเลี่ยงะโออกมา ทุกคนก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดเื่อะไรขึ้น
ทุกคนต่างก็เห็นว่าบุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองของตระกูลหานกำลังตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ ท่าทางเช่นนี้ทำให้ทุกคนเชื่อในคำพูดของหูเลี่ยงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมทันที
“ว้าว ตระกูลหานช่างโเี้ทารุณขนาดนั้นเชียวหรือ? ของของพี่น้องตนเองก็ยังอยากจะแย่งมางั้นหรือ? ว่าแต่หานโม่นี่คือผู้ใดกัน?”
ในโรงประมูลมีคนเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“หานโม่ก็คือคุณหนูเจ็ดของตระกูลหานยังไงเล่า ว่ากันว่าครั้งหนึ่งนางมีพร์ที่สูงล้ำ แต่ต่อมาไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้อีก แล้วหลังจากนั้นนางก็หายตัวไป คาดไม่ถึงว่าคุณหนูเจ็ดตระกูลหานผู้นี้จะสามารถเข้าไปในป่าไร้ิญญาและมีชีวิตรอดกลับออกมาได้ แถมยังเอาเซียนหลิงเฉ่ามากมายเช่นนี้กลับมาได้อีก เห็นได้ชัดว่าคำพูดไร้สาระพวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็คำพูดที่น่าขบขันและไม่มีแหล่งที่มาเอาเสียเลย”
หานซินนึกไม่ถึงเลยว่าหานโม่และหูเลี่ยงจะสามารถทำให้ทุกคนในที่นี้เชื่อว่าหานโม่ไม่ใช่คนไร้ค่า แม้กระทั่งมีคนพยักหน้าเห็นด้วยและยกย่องในความเก่งกาจของหานโม่ พวกเขาต่างพูดว่านางคือไข่มุกที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น และบัดนี้ก็ได้เปล่งประกายออกมาแล้ว
“หานโม่ เ้าอย่ามาพูดจาเหลวไหลที่นี่ ใครรังแกใครกันแน่!" ภายในใจของหานซินรู้สึกโกรธจัดเสียจนแทบจะตายให้ได้ แต่นางกลับไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่นิดเดียว ทำได้เพียงกรีดร้องไม่หยุดเท่านั้น
อย่างไรก็ตามท่าทางที่งดงามน่าเชื่อถือของนางกลับไม่หลงเหลือเลยแม้แต่น้อย เมื่อคนอื่นๆ ได้เห็นต่างก็รู้สึกว่าคุณหนูห้าแห่งตระกูลหานไม่เหมือนกับที่ร่ำลือกันว่าเป็คนใจกว้างอะไรนั่นเลย เมื่อกลับมามองในตอนนี้ที่นางกำลังแยกเขี้ยวยิงฟันและกรีดร้องเสียงแหลมใส่ผู้อื่นเช่นนี้ คุณสมบัติของบุตรสาวตระกูลหานครึ่งหนึ่งหายไปอยู่ที่ไหนงั้นหรือ?
บนใบหน้าของหานเทียนและหานิประเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็สีเขียวประเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็สีม่วงสลับกันไปมา วันนี้ตระกูลหานได้อับอายขายหน้าอย่างใหญ่หลวงและพวกเขาเองก็ไม่มีหน้าจะอยู่อีกต่อไปแล้ว ประจวบเหมาะกับตอนนี้ตี้เฉินได้ปลดพันธนาการพวกเขาออกแล้ว หานเทียนและคนอื่นๆ ที่ได้รับอิสระต่างมองมาที่หานโม่กันเป็ตาเดียว จากนั้นจึงดึงแขนหานซินให้เดินกลับออกไป
หานซินพบว่าใบหน้าของหานเทียนและหานิเปลี่ยนเป็สีดำราวกับถ่าน เดิมทีหานซินยังอยากจะพูดออกมาอีกสองสามคำเพื่อกอบกู้หน้าของตระกูลหานเอาไว้ แต่หางตาบังเอิญเหลือบไปเห็นสายตาเ็าของตี้เฉินที่มองมายังนาง คล้ายกับว่าหากนางยังกล้าพูดมากอีกเพียงหนึ่งคำ เขาตัดหัวของนางแน่ ทันใดนั้นนางก็ตัวสั่นสะท้านด้วยความใกลัวและไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกเลย
สุดท้ายแล้วเื่ไร้สาระนี้ก็จบลงด้วยความอับอายของตระกูลหาน ทุกคนที่มามุงดูเื่ไร้สาระนี้ต่างรู้สึกคึกคัก พวกเขาได้รู้เื่ราวซุบซิบของตระกูลหานเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก
คุณชายชุดขาวท่าทางขี้เล่นผู้หนึ่งเฝ้าดูความสนุกสนานทั้งหมดอยู่ด้านข้างพลางโบกพัดด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย เมื่อเื่ราวตลกขบขันด้านหน้านี้จบลงเขาจึงมองไปที่สาวน้อยแสนฉลาดหลักแหลมอย่างหานโม่อย่างเต็มตา
“ข้าเอายาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ดกับผลึกิญญาสิบชิ้นมาประมูลเซียนหลิงเฉ่าพวกนี้”
ทันทีที่เขาเอ่ยออกมา บรรยากาศภายในโรงประมูลก็กลับมาดุเดือดขึ้นอีกครั้ง
เดิมทียาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ดก็มีค่ามากพอที่จะทำให้ทุกคนประหลาดใจแล้ว แต่ผลึกิญญาอีกสิบชิ้นกลับทำให้ทุกคนตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม
สำหรับผู้ฝึกฝนวรยุทธ์นั้นผลึกิญญาเป็ของดีที่มีราคาแต่ไม่มีตลาดขาย [1] ราคาของผลึกิญญาหนึ่งชิ้นนั้นมีราคามากกว่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองเสียอีก
“คนผู้นี้เป็ใครกัน? เหตุใดถึงได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยอะไรเช่นนี้!”
“ดูจากเงิน ท่าทางสง่างาม และบรรยากาศสูงส่งเช่นนี้แล้ว เขาดูไม่เหมือนคนในเมืองหลิงหยวนเลย ถ้าฟังจากสำเนียงแล้วจะต้องมาจากเมืองหลวงเป็แน่!”
“คุณหนูเจ็ดตระกูลหานช่างโชคดียิ่งนักที่ได้พบกับเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่”
“ต้องใช่แน่ๆ คุณชายท่านนี้ใช้เงินมากมายซื้อของโดยไม่ลังเลเลย หรือว่าเขากำลังสนใจในตัวคุณหนูเจ็ดตระกูลหานงั้นหรือ?”
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน คุณชายชุดขาวผู้นั้นกลับเดินตรงเข้าไปหาหานโม่
“ข้าได้เห็นท่าทีของคนตระกูลหานที่มีต่อคุณหนูเจ็ดเมื่อครู่นี้ เปิ่นกงจื่อ [2] จึงรู้ว่าคุณหนูเจ็ดตระกูลหานไม่มีสักวันที่เป็สุขเมื่ออยู่บ้าน เซียนหลิงเฉ่ามีประโยชน์ต่อข้ามาก เช่นนั้นข้าอยากจะมอบลูกท้อให้แก่เ้าด้วย แล้วเ้าตอบแทนข้าด้วยลูกลี้ [3] หวังว่าคุณหนูเจ็ดตระกูลหานจะตัดสินใจขายเซียนหลิงเฉ่าให้ข้า "
ริมฝีปากของหานโม่บิดโค้งแย้มยิ้มเป็ครั้งแรก ผู้ใดจะสามารถเพิกเฉยต่อเงินตราได้กันเล่า "ตกลง”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณคุณหนูเจ็ดยิ่งนัก” คุณชายชุดขาวยื่นกล่องไม้กล่องหนึ่งให้แก่หานโม่ ภายในบรรจุยาอายุวัฒนะและผลึกิญญาสิบชิ้น
เมื่อคนตระกูลหานได้เห็นเช่นนั้นก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ สำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์แล้วใครจะไม่รู้ถึงความสำคัญของผลึกิญญากัน แค่ผลึกิญญาหนึ่งชิ้นก็มากพอที่จะช่วยให้ผู้ฝึกวรยุทธ์รวบรวมพลังแห่งจิติญญาและทะลวงผ่านขอบเขตได้ นี่มีตั้งสิบชิ้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะนางสารเลวหานโม่ ผลึกิญญาเ่าั้จะต้องเป็ของพวกเขาแน่
หานโม่หยิบกล่องไม้มา แล้วมอบเซียนหลิงเฉ่าให้คุณชายผู้สูงศักดิ์คนนี้อย่างง่ายดาย ตี้เฉินมองจากด้านข้างของนาง ก็เห็นรอยยิ้มในดวงตาที่เป็ประกายสดใส
หลังจากการประมูลสิ้นสุดลง ตี้เฉินก็เอ่ยอำลาหานโม่
“จงใช้ผลึกิญญาเหล่านี้ให้เป็ประโยชน์ และอย่าให้ถูกแย่งไปได้ ข้าต้องไปแล้ว”
“อืม” หานโม่มีเพียงแค่คำพูดเดียว ใบหน้าของนางไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใด
คนผู้นี้คล้ายจะมีนิสัยที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แล้วก็ไม่ทราบเช่นกันว่าจุดประสงค์ในการเข้าหานางของเขาคือสิ่งใดกันแน่ แต่หากเขาจากไปเร็ว หานโม่เองก็จะสามารถคลายความกังวลได้เร็วเช่นกัน
แต่ตี้เฉินเองก็ราวกับสามารถอ่านใจและมองเห็นความคิดภายในใจจิตใจนางได้ รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหายไปในเสี้ยววินาที กลายเป็ความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างยิ่งเข้ามาแทน "สีหน้าเช่นนี้ของเ้าคืออะไรงั้นหรือ? แทบอยากให้ข้าไปจนทนไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่? เ้าไม่รู้สึกเสียดายหากข้าไปจริงๆ หรือ?"
หานโม่มองดูความสามารถในการเปลี่ยนสีหน้าของตี้เฉินที่บรรลุถึงขั้นสุดยอด จนเส้นผมดำไปทั่วหัว [4] "ทำไมข้าต้องเสียดายที่เ้าไปด้วย?”
ใบหน้าของตี้เฉินกลับมายิ้มแย้มร่าเริงอีกครั้ง "แน่นอน เป็เพราะว่าเปิ่นกงจื่อรูปงามมากและบนโลกใบนี้ก็ไม่มีผู้ใดเทียบข้าได้”
หานโม่ "......" ข้าว่าระดับความไร้ยางอายของท่านเองก็ไม่มีผู้ใดในโลกนี้เทียบได้เช่นกัน
ตี้เฉินเห็นว่ามุมปากของหานโม่กระตุกเล็กน้อย จึงชะงักไปและรีบควบคุมสีหน้าของตัวเองทันที จากนั้นจึงหยิบแหวนโบราณที่มีลวดลายงดงามละเอียดอ่อนวงหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ
“หานโม่ เ้าดูสิว่านี่คือสิ่งใด...” อยู่ๆ ตี้เฉินก็พูดขึ้นมา
ความสนใจทั้งหมดของหานโม่ไปอยู่ที่แหวนในมือของตี้เฉินเรียบร้อยแล้ว นางกำลังคิดว่าการที่จู่ๆ ชายผู้นี้ก็หยิบแหวนออกมา้าทำสิ่งใดกัน เมื่อได้ยินคำพูดของเขา มุมปากก็เริ่มกระตุกขึ้นอีกครั้ง
นางเงยหน้าขึ้นมามองเขา และกำลังจะเอ่ยถามว่าคนผู้นี้ไม่ใช่ว่าอายุเพียงสามขวบทั้งที่ตัวโตขนาดนั้น แต่ก็พลันรู้สึกได้ว่ามือของนางถูกคนตรงหน้าดึงไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็มีวัตถุเย็นๆ เข้ามาล้อมรอบที่นิ้วนางของนาง
หานโม่ใแล้วจึงก้มลงมอง กลับพบว่าแหวนที่อยู่ในมือของตี้เฉินเมื่อครู่นี้สวมอยู่บนนิ้วของนางเสียแล้ว
"นี่ท่านจะทำอะไร?" ในโลกของนาง มีเพียงแค่การขอแต่งงานเท่านั้นที่จะสามารถสวมแหวนบนนิ้วนางได้
ตี้เฉินหัวเราะออกมา "ข้ามอบแหวนโค่งเจียนให้แก่เ้า อย่าแบกตะกร้าใบนั้นไว้บนหลังเลย ท่าทางมันจะหนักมาก ในแหวนโค่งเจียนวงนี้ยามนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่เพียงแค่โรงการประมูลแห่งนี้เท่านั้น แต่หลังจากนี้มันสามารถขยายให้กว้างได้อีก ขึ้นอยู่กับระดับวรยุทธ์ของเ้า"
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] มีราคาแต่ไม่มีตลาดขาย หมายถึง มีราคาขึ้นสูงเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีคนซื้อ
[2] เปิ่นกงจื่อ หมายถึงคุณชายเช่นข้า เป็สรรพนามเรียกแทนตน
[3] มอบลูกท้อแก่เ้าแล้วเ้าตอบแทนข้าด้วยลูกลี้ หมายถึง ตอบแทนน้ำใจซึ่งกันและกัน
[4] เส้นผมดำไปทั่วหัว หมายถึง สภาวะจิตใจและอารมณ์ของบุคคลที่มีภาวะเศร้าโศก เป็อารมณ์ด้านลบ