วันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าตรงกับเดือนสิบเอ็ด เป็่ที่อากาศหนาวพอดี ไม่ใช่วันครบรอบอายุหกสิบหกหรือแปดสิบแปดปี ฮูหยินผู้เฒ่าจึงไม่คิดจะจัดงานใหญ่ เพียงแค่ฉลองภายในครอบครัวเท่านั้น
เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่ายืนกรานมาเช่นนี้ บุตรชายทั้งสามจึงต้องรับปาก
ยามเช้าตรู่ เฉียวเยว่กับฉีอันสวมเสื้ออ่าวสีแดงสดเหมือนกันเปี๊ยบ ทั้งสองคุกเข่าโขกศีรษะกล่าวคำอวยพรพร้อมกันอย่างน่าเอ็นดู เป็หลานชายหลานสาวที่มาอวยพรวันเกิดก่อนเด็กคนอื่นๆ ในจวน
"ท่านย่า นี่คือของขวัญที่พวกเราเตรียมมาเ้าค่ะ" เฉียวเยว่เอ่ย
ฮูหยินผู้เฒ่าตกตะลึง หลังจากนั้นมุมปากก็โค้งขึ้น ดวงหน้าทอยิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่ "รีบเอามาให้ย่าดูเร็ว"
เฉียวเยว่กับฉีอันสองพี่น้องทำของขวัญกันเองไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด คนในจวนมากมายต่างก็รู้ แต่ทุกคนล้วนช่วยกันปกปิด มิเคยพูดต่อหน้าเ้าของวันเกิด
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกชอบทันทีที่ได้เห็น นางรับของขวัญมา
ของขวัญถูกห่ออย่างแ่าในกล่องที่เต็มไปด้วยสีสัน ้ายังใช้สีวาดเป็ดอกไม้ที่สวยสดงดงาม ด้านข้างของดอกไม้มีบทกลอนอวยพรวันเกิดอีกหนึ่งบท เขียนด้วยอักษรวิจิตรบรรจง
ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวว่าจะทำเสียหาย จึงค่อยๆ แกะอย่างเบามือ ไม่ยอมให้ผู้อื่นแตะต้อง "นี่อิ้งเยว่วาดเองรึ"
หลังจากนั้นก็พูดอีกว่า "นางยังพักฟื้นอยู่ พวกเ้าไปรบกวนพี่สาวใช่หรือไม่?"
แม้จะพูดเหมือนตำหนิ แต่แท้จริงแล้วดีใจจนยิ้มไม่หุบ
เฉียวเยว่ตอบอย่างตรงไปตรงมา "มิได้รบกวนนะเ้าคะ นี่เป็ของที่พวกเราร่วมแรงร่วมใจทำให้ท่านย่า เมื่อครู่พี่สาวยังจะมาพร้อมกับพวกเรา แต่เช้านี้ต้องเปลี่ยนยา ท่านพ่อจึงให้พวกเรามาก่อน อีกสักครู่ท่านพ่อกับท่านแม่ค่อยพาพี่หญิงอิ้งเยว่มาเ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า "อย่างไรเสียสุขภาพก็เป็สิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสุขภาพของเด็กผู้หญิงยิ่งสำคัญที่สุด ต้องรักษาขาให้หาย ไม่ควรลุกขึ้นมาเดินเร็วเกินไป เลี่ยงมิให้เกิดาเ็ซ้ำถึงแก่นราก"
นางได้ยินข่าวมาว่าการสืบคดีของทางฉีจือโจวเริ่มมีความคืบหน้าบ้างแล้ว คิดว่าไม่ช้าน่าจะจับตัวคนร้ายได้ นางกลับรู้สึกประหลาดใจ ตอนนั้นสถานการณ์วุ่นวายมาก ตอนที่เขามารับ่ต่อ ทุกอย่างถูกทำให้ยุ่งเหยิง แต่เขาก็ยังสามารถค้นหาเบาะแสจนพบ มิน่าเล่าฝ่าาถึงใช้ให้เขาทำงานสำคัญ
ฮูหยินผู้เฒ่าเปิดกล่องของขวัญด้านนอกออก กล่องไม้แดงอันประณีตงดงามก็ปรากฏสู่สายตา
บัดนี้เฉียวเยว่กับฉีอันสองพี่น้องปีนขึ้นมาบนเตียงเตาแล้ว นางนั่งแกว่งขาไปมาอย่างสุขใจ "สวยหรือไม่เ้าคะ"
หลังจากนั้นก็ช่วยฮูหยินผู้เฒ่าปลดตัวล็อกออก หลังจากนั้นก็เรียกร้องขอคำชม "ดีหรือไม่ ข้าทำได้ดีหรือไม่เ้าคะ?"
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า "ดี ดีจริงๆ แม่กุญแจนี่ก็ดูพิเศษยิ่ง"
เฉียวเยว่ตอบรับทันควัน "นี่ท่านแม่เป็คนเลือกเ้าค่ะ"
ฉีอันชี้ไปบนกล่องไม้ "ภาพนี้ข้าเป็คนวาด ท่านย่าชอบดอกกล้วยไม้ ข้าก็วาดกล้วยไม้ขอรับ"
เฉียวเยว่หัวเราะฮิฮิ "ของขวัญชิ้นนี้ข้ากับฉีอันมอบให้ท่านย่า แต่ท่านพ่อเป็คนทำแบบ ข้ากับฉีอันช่วยขัดไม้ ภาพ้าฉีอันเป็คนวาด ข้ากับพี่สาวช่วยกันแกะสลัก แล้วข้าก็ลงสี ส่วนแม่กุญแจท่านแม่เป็คนเลือกเ้าค่ะ"
กล่องไม้แดงที่เรียบง่าย ดูเหมือนของพื้นๆ ทั่วไป แต่ชั่วขณะนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากลับรู้สึกว่าของสิ่งนี้คือของล้ำค่ามิอาจประเมินราคาได้ นางลูบหัวของเฉียวเยว่ "พวกเ้าเป็เด็กดี ล้วนเป็เด็กดีทั้งนั้น"
นางไม่เคยนึกว่าตนเองจะได้รับของขวัญจากเด็กสองคนที่อายุเพิ่งจะห้าขวบ เป็ของขวัญที่พวกเขาทำขึ้นมาด้วยตนเอง และเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของพวกเขาเรือนสาม
ฮูหยินผู้เฒ่าชอบของขวัญชิ้นนี้จนแทบไม่อยากปล่อยมือ "ดีจริงๆ"
เฉียวเยว่กับฉีหันมาสบตาก่อนที่ทั้งสองจะแปะมือกัน เฉียวเยว่พูดอย่างตื่นเต้น "ข้าบอกแล้ว ท่านย่าต้องชอบแน่นอน"
ขอบตาของฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มแดงทีละน้อย นางจุมพิตพวงแก้มของเฉียวเยว่กับฉีอัน ก่อนจะเอ่ยว่า "พวกเ้าล้วนเป็เด็กดีที่สุด"
"พวกเขาดี แล้วบุตรชายเช่นข้าไม่ดีหรือ?" น้ำเสียงใสและนุ่มนวลดังขึ้น ซูซานหลางสวมอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มสง่างามไม่มีผู้ใดเทียบเทียม "ลูกขออวยพรให้ทุกๆ วันของท่านแม่เป็เฉกเช่นวันนี้ ทุกๆ ปีของท่านแม่เป็เฉกเช่นปีนี้ มีความรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ตลอดไปขอรับ"
คนของเรือนสามมากันครบแล้ว
เฉียวเยว่มองซ้ายทีขวาที ก่อนที่ดวงหน้าน้อยแสดงความฉุนเฉียวออกมา "เหตุใดท่านปู่ไม่อยู่ เขาควรจะอยู่เป็เพื่อนท่านย่ามิใช่หรือ วันแบบนี้เขากลับไม่อยู่ ผิดปรกติมาก"
ฮูหยินผู้เฒ่าอมยิ้มจิ้มหัวนาง "ยามอยู่ต่อหน้าท่านปู่ เ้ากล้าเสียงดังเช่นนี้หรือไม่?"
เฉียวเยว่ตอบทันควัน "ย่อมกล้าอยู่แล้ว ท่านปู่ทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ภรรยาที่ตนเองรักสุดๆๆๆ ฉลองวันเกิดทั้งที เขาไม่อยู่ได้อย่างไร จริงๆ เล้ย..."
แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะอายุปูนนี้ก็ยังหน้าแดง ดุว่า "เ้าเด็กคนนี้ พูดเหลวไหลอันใด ภรรยาที่รักสุดๆๆๆ อะไรกัน หากพูดพร่ำเพรื่ออีกจะตีก้นน้อยๆ ของเ้า"
เฉียวเยว่รีบเอามือปิดก้นพลางทำหน้าเศร้า "แท้จริงแล้วก้นน้อยๆ ของข้าไปทำอันใดให้พวกท่านนักหนา ทุกคนถึงจ้องแต่จะตีมันอยู่เรื่อยเลย"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะขบขัน
ซูซานหลางก็ข้องใจอยู่เหมือนกัน ปรกติบิดาต้องอยู่ข้างกายมารดาตลอด ปีนี้กลับออกไปข้างนอกแต่เช้า
"ท่านพ่อออกจากจวนแต่เช้า มีธุระอันใดหรือ?" เขาถาม
ฮูหยินผู้เฒ่านิ่งไปพักใหญ่ ก่อนค่อยๆ เอ่ยว่า "วันนี้อวี้อ๋องกลับเมืองหลวง"
พอคำกล่าวนี้หลุดออกมา ซูซานหลางก็คิ้วขมวดทันที "อวี้อ๋องกลับมาแล้ว?"
ความสุขุมงามสง่าในวันวานพลันเหือดหายไป เฉียวเยว่เกาศีรษะ ไม่รู้จักคนผู้นี้จึงเอ่ยถาม "อวี้อ๋องคือผู้ใดหรือ?"
เด็กอยากรู้อยากเห็นต้องถูกตีก้น แล้วนางก็ถูกถลึงตาใส่
ไม่มีใครบอกนาง เฉียวเยว่พองแก้มจนป่อง ถึงนางจะตัวเล็กแต่ก็ไอคิวสูง จะทำกับนางเช่นนี้ไม่ได้
ไม่นานนัก คนอื่นๆ ก็ทยอยกันมาอวยพรวันเกิด ในห้องจึงคึกคักขึ้นมา ไม่มีใครเอ่ยถึงอวี้อ๋องว่าเป็อย่างไร เฉียวเยว่เห็นทุกคนคุยกันเื่โน้นเื่นี้ก็ค่อยๆ ลืมคนผู้นี้ไป
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็เจตนา์หรือไม่ อวี้อ๋องถึงกับมาเยือนถึงที่ พอได้ยินว่าเป็วันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าก็มาอวยพรวันเกิด
เฉียวเยว่ดวงตาแทบถลนออกมาจากเบ้า พอได้ยินว่าอวี้อ๋องมาเยือน ทุกคนต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป ต่างคนต่างมองหน้ากัน สีหน้าแฝงไปด้วยความอึดอัดอยู่หลายส่วน
เฉียวเยว่ดึงเปียน้อยของตนเอง เปรยกับฉีอัน "ไม่รู้ว่ามหาเทพท่านไหนผ่านทางมาอีกแล้ว"
เพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินคนแจ้งว่าอวี้อ๋องมาถึงแล้ว
ขนาดคนที่ชอบก่อเื่อย่างไท่ไท่รองยังสงบเสงี่ยมมีมารยาทขึ้นมา ดึงหรงเยว่มาซ่อนด้านหลังของตน ท่าทางตื่นกลัวและหวาดระแวง ราวกับผู้มามิใช่อวี้อ๋อง แต่เป็สัตว์ประหลาดกินคน
ภายในห้องเงียบสนิทขนาดเข็มตกสักเล่มก็ยังได้ยิน
ม่านประตูถูกเลิกขึ้น เฉียวเยว่ชะโงกศีรษะออกไปมองราวกับเต่าน้อย
แม้ว่าจะเป็ฤดูหนาว แต่ใกล้จะเที่ยงวันแล้ว แสงอาทิตย์จากนอกหน้าต่างสาดเข้ามาในห้อง อาจเกี่ยวกับแสงก็เป็ได้ เฉียวเยว่ถึงรู้สึกเหมือนว่าตนเองจะตาพร่า
เด็กหนุ่มวัยสิบสี่สิบห้าสูงสง่าผึ่งผายหลังตรงดุจพู่กัน แม้จะดูอายุไม่มาก แต่กลับสูงเท่ากับท่านปู่ของนางแล้ว เขาสวมอาภรณ์สีแดงสดขลิบทอง เสื้อคลุมสีดำดุจนำพาความเยือกเย็นมาด้วย ั้แ่เขาเข้าประตูมา ข้าทาสบริวารในจวนล้วนตัวสั่นงันงก
แม้ว่าจะสวมชุดสีแดงสดทั้งตัวแต่กลับไม่ลดทอนความองอาจ กลับให้ความรู้สึกว่าสีนี้ดูเข้ากับบุคลิกของเขาเป็ที่สุด
เมื่อพิศมองใบหน้าของคนผู้นี้ เนตรขนงดุจภาพเขียน ใบหน้าเก็บความรู้สึก มีรูปลักษณ์ที่สง่างาม ดวงตาของเขาลึกล้ำเหมือนสระน้ำเหมันต์ที่มองไม่เห็นก้นบ่อ ริมฝีปากบางสีอ่อนจาง ใบหน้านี้หากมองแยกเป็ส่วนๆ จะไม่รู้สึกว่าคนผู้นี้จะโดดเด่นสักเพียงไหน แต่เมื่อมารวมกันแล้วกลับไม่พบที่ติแม้แต่ส่วนเสี้ยว
รูปโฉมที่โดดเด่นเช่นนี้มิได้ให้ความรู้สึกว่าเป็บุรุษที่หน้าคล้ายกับสตรี แต่เป็ชายหนุ่มที่เยือกเย็นสง่างาม
เฉียวเยว่มองจนตาค้าง
แต่ที่พังพินาศยิ่งกว่าก็คือริมฝีปากแดงนุ่มชุ่มชื้นของเด็กหญิงตัวน้อยซึ่งอยู่ในท่าตกตะลึงยังมีน้ำลายใสแจ๋วไหลย้อยลงมา
มองชายหนุ่มรูปงามจนน้ำลายไหล
ขายหน้ายกใหญ่จริงๆ
อวิ๋นเอ๋อร์รีบเอามือปิดดวงหน้าน้อยของเฉียวเยว่ หลังจากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดให้นาง
"น่ามองนักหรือ?" เสียงของบุรุษรูปงามไร้ที่ติก็ไพเราะ มีความกังวานและทุ้มต่ำ ไม่แตกพร่าเหมือนกับเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ตรงกันข้ามกลับฟังรื่นหู
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างแรง เอ่ยอย่างจริงจัง "พี่ชายน่ามองยิ่ง ท่านกับรัชทายาทดูคล้ายกันมาก"
เพียงแค่ประโยคนี้ ถ้อยคำเสริมอื่นๆ ล้วนเป็สิ่งฟุ่มเฟือย
ผู้ที่เดินตามอยู่ข้างอวี้อ๋องหาใช่ใครอื่น คือท่านโหวผู้เฒ่า
"อวี้อ๋องเชิญประทับ" ท่านโหวผู้เฒ่าเชื้อเชิญ
อวี้อ๋องยังไม่ขยับ เขาเลิกคิ้ว มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย เอ่ยว่า "เหมือนมากเลยหรือ? ตรงไหนเหมือน? ตรงไหนไม่เหมือน?"
นี่มิใช่จงใจกล่าวเพื่อสร้างความลำบากให้ผู้อื่นหรอกหรือ?
แต่เฉียวเยว่กลับไม่รู้สึกลำบากแม้แต่น้อย นางกระแอมกระไอให้คอโล่ง แล้วตอบเสียงดังฟังชัด "เสด็จพี่รัชทายาทคือเทพบุตรจากแดน์ ส่วนพี่ชายคือบุปผาแห่งความมั่งคั่ง [1] ของแดนมนุษย์
พรืด!
เพียงพริบตาเดียวสีหน้าของซูซานหลางก็เหมือนคนที่มีอาการท้องผูก
เ้าเด็กกะล่อน!
แต่ถึงจะกล่าวเช่นนี้ ก็หามีสิ่งใดผิดปรกติแม้แต่น้อย
ทุกครายามวิตกว่านางจะไม่มีบันไดให้ลง เด็กน้อยคนนี้ก็มักจะตอกตะปูสร้างบันไดให้ตนเองได้เสมอ หลังจากนั้นก็เดินลงมา
เฉียวเยว่ชอบของสวยๆ งามๆ ชอบคนหน้าตาดีและมีเสียงที่ไพเราะ คนที่อยู่ตรงหน้ามีทั้งสามอย่างครบถ้วน นางยื่นศีรษะน้อยๆ เข้าไปมองใกล้ๆ
อวี้อ๋องยิ้มบางๆ ถามเสียงเรียบ "ท่านโหว ท่านนี้คือ...?"
ซู่เฉิงโหวถลึงตาใส่หลานสาวที่ไม่รู้หนักเบาของตนเองทีหนึ่ง ก่อนตอบคำถาม "นี่คือหลานสาวของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ" ยังกล่าวอีกว่า "นางอายุยังน้อย ถูกตามใจจนเสียคน หวังว่าอวี้อ๋องจะไม่เก็บมาใส่ใจ"
อวี้อ๋องอมยิ้ม "จะเป็ไปได้อย่างไร แม่นางน้อยน่ารักเช่นนี้ คนมีแต่จะชอบจนแทบไม่ทัน"
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเร้นลับแฝงความเ็าอยู่บางส่วนชวนให้ยากคาดคะเน สรุปแล้วคือไม่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดหรืออบอุ่น แม้เฉียวเยว่จะเป็หนูน้อยที่นิยมชมชอบความงาม แต่เด็กมักไวต่อความรู้สึกเป็พิเศษ เพียงวูบเดียวก็ััได้ว่ามีความผิดปรกติ
เหตุใดรอยยิ้มของคนผู้นี้ถึงมีกลิ่นอาย... โรค-จิต อยู่รางๆ
นางมองไปที่บิดามารดาของตนเองอย่างรวดเร็ว ก็พบว่าทั้งสองมีท่าทางหวาดวิตก โดยเฉพาะมารดาของนาง
เฉียวเยว่ลูบพุงน้อยๆ ของตนเอง "ข้าหิวแล้ว"
ถึงจะเป็คนโรคจิต ก็ไม่น่าจะชอบสาวน้อยจ้ำม่ำจะกละตะกลามและไม่รู้มารยาทของครอบครัวคนแปลกหน้าหรอกกระมัง?
นางยิงฟันซี่เล็กๆ "ข้าอยากกินเนื้อ อยากกินเนื้อน้ำแดง พวกเราทำเนื้อน้ำแดงกับทำขนมดีหรือไม่?"
ชายหนุ่มรูปงามสะอาดสะอ้านเช่นนี้ ต้องไม่ชอบหนูน้อยจ้ำม่ำอย่างแน่นอน
ซ้ำยังเป็หนูน้อยจ้ำม่ำที่อยากกินเนื้ออีกด้วย
ซูซานหลางถลึงตาใส่เฉียวเยว่อย่างต่อเนื่องจนดวงตาแทบหลุด แต่นางยังคงทำท่าทีไร้เดียงสา
อวี้อ๋องยกยิ้มมุมปากอีกครา พลางยื่นมือออกไป "มาสิ ข้าจะอุ้มเ้าไปซื้อเนื้อ"
...
[1] บุปผาแห่งความมั่งคั่ง หรือฟู่กุ้ยฮวา คือดอกกุหลาบทะเลทรายหรือต้นชวนชม เป็ไม้ดอกที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพแห้งแล้ง ลำต้นอวบ ดอกมีทั้งสีแดง สีบานเย็น สีชมพู สีขาวปลายกลีบสีชมพูหรือบานเย็น ยางของมันมีพิษ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้