หนิงเทียนยืนอยู่บนแท่นหินอย่างว่างเปล่า จิตใจของเขาถูกเส้นไหมสีเขียวในแผนที่จิติญญาดึงดูดอย่างสมบูรณ์
นี่คือการเปลี่ยนแปลงของิญญาบงกชสีมรกตหลังจากสลายไป แต่หนิงเทียนไม่รู้ว่ามันคืออะไร
เส้นไหมสีเขียวขนาดหนึ่งชุ่นพลิ้วไหวเหมือนดอกไม้ พร้อมหยั่งรากในแผนที่จิติญญาเหมือนบงกชสีมรกตอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง
หนิงเทียนรู้สึกเศร้าอย่างอธิบายไม่ถูก และก่อนที่เขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้นไม้แห้งเหี่ยวและหญ้าต้นน้อยข้างกายก็ผลิบานพร้อมกัน ประกายไฟปะทะกับอาวุธิญญาสองชิ้นที่ลอยอยู่รอบตัวเขาแล้วสร้างกระแสจิตจนเกิดการเชื่อมต่อทางจิติญญาอีกครั้ง
ทันใดนั้นแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกซึ่งมีเส้นไหมสีเขียวขนาดหนึ่งชุ่นก็ส่องแสงออกมา แท่นหินเริ่มสั่นะเื รูปแบบจิติญญาถูกเผาไหม้ จิตสำนึกและจิตใจของหนิงเทียนแบ่งออกเป็สองส่วน จากนั้นภาพสองภาพที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาพร้อมกัน
หนิงเทียนรู้สึกว่าจิตสำนึกของเขามาเยือน่สมัยหนึ่งที่กาลเวลาหลอมรวมกับจักรวาลเป็หนึ่งเดียว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดนั้นอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา
เขาสามารถเข้าถึงสอง่เวลาและมิติที่แตกต่างกันได้จริงๆ
เื่นี้ประหลาดอย่างยิ่ง มันเข้าใจยากจนไม่อาจเข้าใจได้เลย
ชิงผีซานสังเกตเห็นการสั่นไหวของแท่นหินและได้สติขึ้นมาทันที
“มีการสื่อสารใหม่เกิดขึ้นแล้วหรือ? เ้าหนูสู้ๆ!” ชิงผีซานตื่นเต้นอย่างมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา
ตามปฏิทินหลิงฮวง ในฤดูคิมหันต์ปีที่สามแสนห้าหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยยี่สิบแปด กองทัพซิงซิวบุกโจมตีดินแดนเทียนมู่บนดาวจั่งหยวนและทำลายิญญาพฤกษาเหนือระดับเก้าทั้งหมดในเวลาเพียงแปดเดือน จนเหลือเพียงูเาศักดิ์สิทธิ์เทียนมู่เท่านั้นที่ยืนหยัดดิ้นรน
เรือรบอันทรงพลังปิดกั้นฟากฟ้าและดวงอาทิตย์ ดวงดาวและสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมา พร้อมเข้าทำลายูเาศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
ใบไม้ของต้นไม้สูงตระหง่านกำลังลุกไหม้ท่ามกลางการต่อสู้ มันถูกล้อมรอบสังหารโดยกลุ่มผู้บำเพ็ญระดับปรมาจารย์
ต้นไม้ั์คำราม สายลมโหยหวน และกิ่งก้านที่ลุกไหม้ทำให้ความว่างเปล่าแตกเป็เสี่ยงๆ ก่อนจะกลายเป็เสาเพลิงที่ทะยานขึ้นไปบนนภา แล้วะเิใส่ร่างของปรมาจารย์ซิงซิวโดยตรง
หนิงเทียนมองฉากที่เต็มไปด้วยาก่อนจะใเมื่อพบว่าตนกลายเป็ต้นไม้และเป็ผู้นำในบรรดาอสูริญญาระดับห้า ขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาล้วนแต่เป็ปรมาจารย์เหนือเมฆา
ูเาศักดิ์สิทธิ์พังทลาย ต้นไม้หลายพันต้นกลายเป็เถ้าถ่าน ต้นหญ้า ต้นไม้ ดอกไม้ และเถาวัลย์ทุกชนิดล้วนเข้าร่วมศึกนองเื และความขุ่นเคืองที่ส่งมาก็ช่างน่าตื่นตะลึง
ดินแดนเทียนมู่มุ่งสู่ความตาย ิญญาพฤกษาล้วนไม่มีทางหวนกลับและไร้ที่หลบซ่อน ทุกคนเปี่ยมด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชังจนลุกขึ้นต่อต้านการสังหารหมู่ของกองทัพซิงซิว และยอมตายดีกว่ายอมจำนน
เืของหนิงเทียนลุกโชน จิตใจปั่นป่วน ิญญาของเขาผสานเข้ากับต้นไม้ ทั้งยังรู้สึกได้ถึงความบ้าคลั่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!
การฆ่าผู้รุกรานเหล่านี้ให้หมดสิ้นคือเจตจำนงที่ยังคงเอ่อล้นอยู่ในหัวใจของต้นไม้ั์ และยังมีความคิดเหมือนบรรดาจื๋อซิวว่ายอมสละชีพมากกว่ายอมถอยทัพ
วิธีการของซิงซิวล้วนหลากหลายและน่ากลัวอย่างยิ่ง
แม้หนิงเทียนจะใช้ต้นไม้เป็ร่างกายและมีความแข็งแกร่งของจิติญญาอสูรระดับห้า แต่เขาก็ยังได้รับาเ็เมื่อต้องสู้เพียงลำพังกับกลุ่มคน
กิ่งก้านและใบไม้ล้วนฉีกขาด ดอกไม้และต้นหญ้าล้วนเหี่ยวเฉา ิญญาอสูรแห่งูเาศักดิ์สิทธิ์ยอมเสียทุกสิ่งที่ตนมี แต่ก็ยากที่จะหยุดการรุกรานของของซิงซิว
ความโศกเศร้าอันไม่มีที่สิ้นสุดเกิดขึ้นในใจของหนิงเทียน ต้นไม้ั์เริ่มเหี่ยวเฉาและตายไป มันสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อปรมาจารย์ซิงซิวสามคน แต่กลับถูกหยุดยั้งโดยเทพดาราผู้หนึ่ง
นั่นคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งนามฟั่นลั่วหวาผู้เป็ปรมาจารย์ซิงซิว ความแข็งแกร่งของเขาน่าเกรงขามมากจนทำให้ผู้เห็นสิ้นหวัง
“พวกเ้าจงหลีกไปให้พ้นทาง ข้าจะฆ่ามันเอง!” ฟั่นลั่วหวาสวมกวานดวงดาวและชุดเกราะดารา์ ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายสง่างามของผู้ยิ่งใหญ่ให้ความรู้สึกทรงพลังอย่างยิ่ง เพียงเขายกมือขึ้นดวงดาวก็ปรากฏให้เห็น ห้วงอากาศปั่นป่วนพร้อมพลังอันน่าขนพองสยองเกล้าที่พันรอบฝ่ามือ
หนิงเทียนรู้สึกถึงอันตรายถึงชีวิต เขาจึงส่งเสียงร้องอันเ็ปออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ กิ่งก้านและใบล้วนเน่าเปื่อยและเหี่ยวเฉาไปโดยปริยาย และยามนี้เขาก็เหลือเพียงลำต้นที่เหี่ยวแห้งใกล้จะล้มตาย
“ฤดูวสันต์ต้นไม้แห้งเหี่ยวงอกเงย กายาสุวรรณะนิรันดร์จงลุกโหมเพื่อข้า!” หนิงเทียนเต็มไปด้วยจิติญญาแห่งการต่อสู้ เขาเผชิญหน้ากับซิงซิวที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยร่างกายแตกหัก ลวดลายสีทองปรากฏบนลำต้นของต้นไม้ แต่ฟั่นลั่วหวากลับทำลายลงในพริบตา
ลำต้นของต้นไม้แตกเป็ชิ้นๆ หนิงเทียนถูกโจมตีอย่างหนัก แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ จิติญญาเผาไหม้ขณะที่เขายังคงพุ่งไปข้างหน้า
การต่อสู้ในดินแดนเทียนมู่นั้นช่างโหดร้ายและน่าสลดใจ ไม่มีความหวังที่จะชนะและไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้
...
ฤดูสารทในปีที่สามแสนแปดหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยสามสิบสองตามปฏิทินหลิงฮวง กองทัพหยวนซิวกวาดล้างไปทั่วทั้งหลิงฮวง บุกโจมตีพื้นที่ชายแดนของดินแดนชิงหยวน และการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้นกับจื๋อซิวซึ่งไม่มีทางหนีรอด
ในถิ่นรกร้าง ทหาริญญาทุกประเภทเรียงกันแน่นขนัดทั้งแนวตั้งและแนวนอน อาวุธิญญาทุกชนิดลอยข้ามูเาและบดขยี้ไปจนสุดทางด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า ไม่มีใครสามารถหยุดพวกมันได้เลย
จื๋อซิวจำต้องถอยทัพอย่างต่อเนื่อง เสียงคำรามแห่งความโศกเศร้าปกคลุมความรกร้างอย่างไร้จุดสิ้นสุด เงาแห่งความตายปกคลุมเหนือหัวใจของจื๋อซิว
ทันใดนั้นปราณกระบี่ก็ทำลายห้วงอากาศ บดขยี้ทหาริญญา และสังหารยอดฝีมือหยวนซิวไปถึงเจ็ดคน
หญ้าเขียวขจีมีใบเรียวยาวราวกับกระบี่วิเศษ จากนั้นปราณกระบี่ก็พุ่งออกมาราวกับสายรุ้งที่ครอบคลุมทุกทิศทุกทาง
“จงแยกย้ายกันออกไป ข้าจะจัดการมันเอง!” ร่างที่อาบด้วยประกายสายฟ้าร่อนลงมาจากท้องนภาราวกับเทพเ้า สายฟ้าที่แตกร้าวสลายกาลเวลาและห้วงอากาศ อีกทั้งแสงโดยรอบก็ล้วนบิดเบี้ยว
ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก เขาคือปรมาจารย์เพลิงอัคนีซึ่งเป็หนึ่งในสามขุนพล ทั้งยังขึ้นชื่อว่าอยู่ยงคงกระพันและไม่เคยพ่ายแพ้ผู้ใด
หญ้าเขียวไหวเอน ปราณกระบี่เริ่มบ้าคลั่ง เสียงกรีดร้องที่แหลมคมทำลายห้วงอากาศจนแตกสลาย ทั้งร่างของมันเต็มไปด้วยเจตนาสังหารที่ท่วมท้น
ปรมาจารย์เพลิงอัคนียิ้มอย่างเหยียดหยาม เมื่อเขาปล่อยหมัดขวาก็ก่อให้เกิดฟ้าร้องผสมสายฟ้าแลบ ก่อนจะกลายเป็ลำแสงทำลายล้าง จากนั้นปราณกระบี่ก็ถูกเป่าด้วยเสียงที่ดังสนั่น และสุดท้ายก็เหลือเพียงเศษซาก
หญ้าสีเขียวเคลื่อนตัวไปด้านข้าง ปราณกระบี่ก่อตัวเป็ตาข่าย สะเก็ดสายฟ้าร่วงลงมาราวกับน้ำตก ูเาบริเวณใกล้เคียงทลายตัวลง พื้นดินแตกร้าวเป็สีเืทอดยาวหลายพันลี้ และสิ่งมีชีวิตทั้งมวลล้วนสูญสลายไป
“แค่มดตัวหนึ่ง ตายเสียเถอะ!” ปรมาจารย์เพลิงอัคนีลอยกลางอากาศอย่างภาคภูมิใจ มือทั้งสองข้างดึงสายฟ้าในห้วงอากาศเอาไว้ ก่อนจะพัฒนาเป็ค้อนอัคนีและแส้สายฟ้าแล้วะเิพลังใส่หญ้าสีเขียว
“นี่คือที่ใดกัน?” เมื่อหนิงเทียนมาถึง เบื้องหน้าเขาก็มีัสายฟ้าและงูอัคนีที่กำลังพุ่งเข้ามา ซึ่งล้วนมีอำนาจทำลายล้างที่ไม่ต่างจากเปลวไฟเดือดพล่าน
“วิชากระบี่พฤกษา!” หนิงเทียนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกไม่ยอมแพ้ ใบหญ้าเขียวเริงระบำ ปราณกระบี่พุ่งออกมา ก่อนจะพัฒนาไปสู่คมกระบี่ที่อยู่ยงคงกระพัน พร้อมเข้าห้ำหั่นกับปรมาจารย์เพลิงอัคนีอย่างดุเดือด
ปราณกระบี่นั้นคมกริบและกวาดไปทุกทิศทุกทาง ภายใต้การโจมตีของฟ้าร้องและฟ้าผ่า มันไม่สามารถทำอันตรายคู่ต่อสู้ได้เลย
ปรมาจารย์เพลิงอัคนีแข็งแกร่งเกินขอบเขต เขาควบคุมพลังแห่งสายฟ้าและปลดปล่อยฟ้าผ่าเพื่อพัฒนาเป็อาวุธิญญา ทั้งยังฟาดหญ้าจนไม่มีทางหนีทีไล่ ดังนั้น หญ้าเขียวจึงทำได้เพียงสู้จนตัวตาย
เปลวเพลิงสีชาดปกคลุมหญ้าสีเขียวและก่อตัวเป็กำแพงเพลิง ฟ้าร้องและสายฟ้าน่าสะพรึงกลัวร่วงลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะะเิขึ้นอีกหลายพันครั้งในบริเวณที่กำหนด ด้วยความตั้งใจที่จะทำลายหญ้าเขียว
หนิงเทียนคำรามขึ้นใน่วิกฤต หญ้าต้นน้อยสั่นะเื ปราณกระบี่โจมตีสายอัสนีพร้อมพยายามฉีกกระชาก ทว่ามันกลับสะท้อนออกมา
โล่สายฟ้าน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ไฟนั้นน่าพรั่นพรึงมาก มันสามารถยับยั้งิญญาอสูรพฤกษาได้ และเมื่อรวมกับความแข็งแกร่งขั้นสุดยอดของปรมาจารย์เพลิงอัคนี นี่คือการต่อสู้ที่ชนะอย่างไม่ต้องสงสัยใดๆ
ยามนี้หญ้าเขียวกำลังตกอยู่ในอันตรายและไม่มีความหวัง เปลวเพลิงเผาไหม้ร่าง สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ากำราบปราณกระบี่และบีบคั้นให้มันถึงทางตัน
หากไม่สามารถทำลายโล่สายฟ้าได้ หญ้าน้อยก็จะต้องตายอยู่ที่นี่
จิติญญาของหนิงเทียนลุกเป็ไฟ เขาเข้าใจสถานการณ์ได้ทันที
“วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น ข้าอยากจะบ้า!” หนิงเทียนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว หญ้านี้พลังระดับเดียวกับปรมาจารย์เหนือเมฆา และทักษะกระบี่ของมันก็มีอำนาจเหนือกว่ามาก แต่เมื่อเทียบกับวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นแล้ว มันยังมีจุดผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย
ปราณกระบี่แปรเปลี่ยนเป็ลำแสง กระบี่โปร่งใสไม่ทิ้งเงาหรือร่องรอยใด ทั้งยังไม่มีรูกลวงสำหรับการเจาะทะลุ
หญ้าเขียวกำลังต่อสู้ ปราณกระบี่ลอยขึ้นในอากาศ เมื่อต้องเผชิญกับการทิ้งะเิทำลายล้างของปรมาจารย์เพลิงอัคนี หญ้าเขียวก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า มันพยายามฝืนสู้ต่อไปและเลือกที่จะยอมตายในเพลิงโลหิตดีกว่ายอมจำนน
...
การต่อสู้ระหว่างหนิงเทียนและฟั่นลั่วหวาในดินแดนเทียนมู่เป็เื่น่าเศร้าและสิ้นหวัง จากชีวิตไปสู่ความตาย ยามนี้ต้นไม้ั์ยอมแพ้แล้ว แต่หนิงเทียนยังคงสู้ต่อไปจนยิบตา
กายาสุวรรณะนิรันดร์กลับมารวมตัวกันครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าก็แตกสลายไปทุกครา เขาใช้ร่างที่เหี่ยวเฉาต่อกรกับซิงซิวที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไล่ล่ากันจนฟ้ามืด ใต้หล้าดำสนิท และสุริยันจันทราล้วนไร้แสงสว่าง
เมื่อชั้นของลวดลายสีทองปกคลุมพื้นผิวต้นไม้แห้งเหี่ยว แสงดาวก็แผดเผา จิติญญาการต่อสู้ของหนิงเทียนสูงเสียดฟ้า และความโกรธเกรี้ยวของเขาก็รุนแรงยิ่งกว่าคลื่นทะเล
ฟั่นลั่วหวาคำรามอย่างไม่พอใจก่อนจะแสดงทักษะสูงสุดของตน ซึ่งทำให้ดวงดาวบนฟากฟ้าก่อตัวเป็แนวดาราแห่งการทำลายล้าง
หนิงเทียนใช้เลขเก้าหลักผสานกับกายาสุวรรณะนิรันดร์แล้วเข้าสู้อย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ลังเลที่จะเผาทั้งหยกและหิน ในที่สุดก็สามารถทุบกวานของฟั่นลั่วหวาจนแหลกเป็ชิ้นๆ ได้ จากนั้นก็เผาทำลายชุดเกราะของศัตรู
การต่อสู้ครั้งนี้ได้ส่งความรู้สึกไปทั่วทุกทิศทาง ิญญาพฤกษานับไม่ถ้วนต่างส่งเสียงโห่ร้องยินดี แม้ในท้ายที่สุดพวกมันจะถูกซิงซิวสังหาร แต่อย่างน้อยยามนี้ก็ยังพอมองเห็นความหวังอันริบหรี่
...
ในดินแดนชิงหยวน หญ้าเขียวพัฒนาวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นจนสามารถทะลุผ่านสายอัสนีเจาะโล่เพลิง ทั้งยังทำลายจิติญญาแห่งการต่อสู้ของศัตรูอีกหลายครา
“เพลิงสายฟ้าสังหารขั้นสุด!” เสียงะโก้องสั่นะเืนภา ภายในบรรจุพลังแห่งการทำลายล้าง ยามนี้ความโกรธแค้นที่มีต่อปรมาจารย์เพลิงอัคนีมาถึงจุดที่เขายอมแลกได้ทุกอย่างแล้ว
หนิงเทียนแผดเผาทุกจิติญญาอย่างถึงที่สุด จิติญญาการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้น และความตั้งใจของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นยังคงรวบรวมและพัฒนาต่อไป มันค่อยๆ ซ้อนทับกันทีละคู่จนกลายเป็กระบี่ซึ่งหยุดอยู่ใน่เวลาอันเป็นิรันดร์ และยามนี้ก็เกือบจะถึงเวลาแล้ว
ฟ้าร้องและสายฟ้าได้ทำลายแสงสว่างของทุกสรรพสิ่ง แต่ก่อนที่หญ้าเขียวจะแตกสลาย เวลากลับหยุดลง และปราณกระบี่ที่ไม่ต่างจากเด็กน้อยหลงทางก็เข้าะเิร่างของปรมาจารย์เพลิงอัคนี
กระบี่นี้ทรงพลังมากจนไม่มีสิ่งใดกีดขวางได้ ทั้งยังลึกลับอย่างยิ่งจนไม่อาจหลบซ่อน และสามารถพรางตัวจนไม่สามารถป้องกันได้ทันเวลา
หญ้าเขียวะเิเผาไหม้ในกองไฟก่อนจะกลายเป็แสงสว่าง และแสงนั้นก็เหมือนกับฝุ่นที่ไร้ตัวตน
ปรมาจารย์เพลิงอัคนีคำรามโหยหวน ิญญาสลายไปกับการะเิ และเขาก็เสียชีวิตลงในสนามรบ
...
หนิงเทียนกลับมายังวังผ่านภาโดยมีภาพสองชุดในใจ ความทรงจำสองเหตุการณ์แล่นเข้ามาในหัวของเขาพร้อมๆ กัน
ปรมาจารย์เพลิงอัคนีสิ้นลมในการต่อสู้ ฟั่นลั่วหวาพ่ายแพ้ แต่หนิงเทียนกลับรู้สึกหนักอึ้งและเศร้าใจ
หญ้าต้นน้อยและต้นไม้แห้งเหี่ยวเปล่งแสงประหลาดออกมานอกร่าง ซึ่งเชื่อมโยงกับอาวุธิญญาที่คล้ายกันสองชิ้น
เมื่อดวงตาของหนิงเทียนจ้องมองพวกมัน อาวุธิญญาจื๋อซิวสองชิ้นที่ดูเหมือนต้นหญ้าและต้นไม้แห้งเหี่ยวก็ยิ่งปล่อยแสงเจิดจ้าออกมา วังผ่านภาทั้งชั้นสั่นะเื และอาวุธิญญาจื๋อซิวอื่นๆ ต่างก็ส่งเสียงราวกับยินดีเสียเต็มประดา
อาวุธิญญาทั้งสองเริ่มสลายตัวและกลายเป็แสงสว่าง แต่ชิงผีซานที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ชมกลับส่งเสียงกรีดร้องอย่างตื่นเต้น
ดวงตาของหนิงเทียนเต็มไปด้วยน้ำตา อาวุธิญญาทั้งสองนี้ได้นำจิตสำนึกของเขาเข้าสู่หลิงฮวง พ้อมต่อสู้กับซิงซิวและหยวนซิวด้วยความโศกเศร้า ความโกรธแค้น และความสิ้นหวัง
ยามนี้ความปรารถนาของพวกมันสำเร็จแล้ว ิญญาจึงกลายเป็เส้นไหมสีเขียวและร่วงลงสู่มือของหนิงเทียนด้วยความอ้างว้าง โดยรวมเข้ากับแผนที่จิติญญาที่สองและสามตามลำดับ
หนิงเทียนรู้สึกเศร้าในใจและมันท่วมท้นมากกว่าที่เคย
เส้นไหมสีเขียวยาวหนึ่งชุ่นนี้หมายถึงสิ่งใด?
เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองอย่างสงสัยของหนิงเทียน ชิงผีซานก็ส่ายหัวโดยไม่ตอบสิ่งใด เพราะเขาก็ไม่รู้เช่นกัน
หนิงเทียนมีความรู้สึกแปลกๆ อีกครา เขาสังเกตเห็นเส้นไหมสีเขียวสามเส้นในแผนที่จิติญญาหลักทั้งสาม พวกมันเหมือนกับิญญาสามดวงที่หยั่งรากอยู่ในแผนที่จิติญญาของตน โดยเป็ตัวแทนของต้นไม้ ต้นหญ้า และดอกไม้ตามลำดับ
แท่นหินสั่นะเืและสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ เถาวัลย์เขียว ลำธารวงแหวน เปลวเพลิง และเนินเขานอกกายสร้างกระแสจิตขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงทางจิติญญาเช่นที่ผ่านมา
