สายตานับไม่ถ้วนต่างจับจ้องมาที่ร่างของเสวียนเทียนบนเวทีประลอง
ถูกสายตานับพันนับหมื่นคู่จับจ้องทั้งในนั้นยังมีสายตาของยอดฝีมือชั้นเบิกนภาแค่ความกดดันของสายตาก็มหาศาลเหลือประมาณแล้ว
ขนาดเสวียนเทียนยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ไร้ขอบเขตกดดันมาจากสี่ด้านแปดทิศ
จิตใจที่เหมือนกับกระบี่แหลมคมภายในตัวของเสวียนเทียนค่อยๆเก็บเปลือกหุ้มเข้าไป กลิ่นอายประกายคมกริบแผ่ออกมาจากร่างของเสวียนเทียนดั่งกระบี่แหลมคมเล่มหนึ่งกำลังออกจากฝักสลายแรงกดดันจากสายตารอบทิศให้หายไปไร้ร่องรอย
เสวียนเทียนสีหน้าราวกับปกติ อารมณ์เฉยชา ไม่ได้รับอิทธิพลจากสายตารอบด้านแม้แต่น้อย
จิตใจดุจกระบี่ของเขาไม่ได้เปิดเปลือยปลายคมเสียหมดเป็แค่กระบี่คมที่กำลังจะออกจากฝัก ยังคงซ่อนเร้นเช่นเดิม แต่เผยร่องรอยเล็กๆ เส้นหนึ่งปล่อยกลิ่นอายคมกริบออกมา กำจัดอิทธิพลด้านลบให้สิ้นไป
ผู้าุโสำนักนอกประจำเวทีประลองหมายเลขสามมองเสวียนเทียนมาจากที่ไกลๆ ผงกศีรษะน้อยๆ พึงพอใจเป็ที่สุด
หากจิตกระบี่ของเสวียนเทียนเป็ดั่งกระบี่คมที่ออกจากฝักเผยขอบคมออกมาทั้งหมด เช่นนั้นจะเป็การมากเกินไป เหมือนกับจางหลงทั้งร่างไม่ว่าเมื่อไรเวลาใดก็เหมือนกระบี่คมที่ออกจากฝัก ปลายคมเปิดเผยหมดสิ้น
แต่อย่างเสวียนเทียนนั้นยามปกติจิตกระบี่ซ่อนอยู่ภายในร่าง ตอนนี้เผชิญหน้ากับสายตากดดันก็ปล่อยเพียงเสี้ยวหนึ่งออกมาหักล้างอิทธิพลด้านลบ มองไปแล้วเหมือนมีกลิ่นอายคมกริบล้อมรอบอยู่แต่ก็ไม่แสดงออกมาจนหมด คนอื่นดูไปแล้วเหมือนห้วงมหาสมุทร ไม่อาจมองออกว่าเสวียนเทียนบรรลุวิถีกระบี่ได้ลึกซึ้งหรือตื้นเขินขนาดไหนกันแน่
ฝานหงมาถึงด้านล่างของเวทีประลองหมายเลยหนึ่งก้าวขึ้นมาบนเวทีประลองหมายเลขหนึ่งทีละก้าว แม้ว่าเขาจะเป็ลำดับหมายเลขที่ 29 แต่ในหมู่ศิษย์หัวแถวพลังวัตรขั้นสิบนับว่าอยู่ปลายแถวแต่สำหรับศิษย์พลังวัตรขั้นเก้าฝานหงผู้มีพลังวัตรขั้นสิบเป็บุคคลที่น่ากลัวอย่างแน่นอน
ตอนนี้ฝานหงเผชิญหน้ากับเสวียนเทียนที่มีพลังวัตรขั้นแปด ตามเหตุผลแล้วเขาควรจะผ่อนคลายไม่สนใจหรือชายตาแล แต่ความเป็จริงกลับไม่ใช่เช่นนั้น
ฝานหงรู้ดีการต่อสู้ครั้งนี้สำคัญมาก เสวียนเทียนเป็อัจฉริยะที่ล้มคู่ต่อสู้ต่างระดับชั้นได้เพียงคนเดียวในการแข่งขันจัดอันดับครั้งนี้มีศิษย์พลังวัตรขั้นเก้าสองคนแล้วที่พ่ายแพ้อย่างง่ายดายด้วยมือของเสวียนเทียนความสามารถของเสวียนเทียนมีคุณสมบัติพอให้ต่อสู้กับเขาได้อย่างแน่นอน
ขั้นแปดกับขั้นสิบ ถ้าหากฝานหงพ่ายแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เพียงต้องตกรอบอย่างน่าอนาถ ไม่มีวาสนาอยู่ใน 127 อันดับแรกที่สำคัญยิ่งกว่าคือขั้นสิบแพ้ให้ขั้นแปด เสียหน้าหมดสิ้นถ้าหากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นต่อไปเขาก็ไม่ต้องคิดเงยหน้าในกลุ่มศิษย์หัวแถวชั้นพลังวัตรขั้นสิบอีก
ฝานฟงเรียกกำลังใจขึ้นมาทั้งร่างปลดปล่อยกลิ่นอายคมกริบออกมาจนสิ้นบนศีรษะของเขาเหมือนจะมีภาพลวงตาของเงากระบี่เล่มหนึ่ง พุ่งขึ้นไปบนฟ้าเกิดเป็กระแสลมบางเบา เป็หลักฐานว่าฝานหงไม่ได้ดูเบาเสวียนเทียนแม้แต่น้อยทั้งยังแสดงความสามารถอันแข็งแกร่งของฝานหงออกมาพร้อมกัน
ไม่นาน ฝานหงก็เดินขึ้นมาบนเวทีประลอง หยุดยืนอยู่ด้านหน้าเสวียนเทียนห่างไปสิบเมตร
เสวียนเทียนกล่าวขึ้นว่า “ศิษย์น้องหวงเทียนศิษย์พี่ฝานหงโปรดชี้แนะด้วย”
ระหว่างที่พูดเสวียนเทียนก็หยิบกระบี่ที่สะพายไว้บนหลังมาไว้ในมือ
นี่เป็ครั้งแรกในการแข่งขันจัดอันดับที่เสวียนเทียนขยับกระบี่
บรรดาศิษย์นอกไม่มีใครรู้สึกแปลกใจหากต่อหน้าศิษย์หัวแถวพลังวัตรขั้นสิบ แล้วเสวียนเทียนยังคงไม่ใช้กระบี่นี่สิ ถึงจะทำให้คนประหลาดใจคงเป็เื่ที่น่าตะลึง
ฝานหงตอบ “ศิษย์น้องหวงเทียน เชิญ!”
จบคำ เสียงชิ้งก็ดังขึ้น ฝานหงชักกระบี่ออกมา
กระบี่กว้างสองจื่อ1ครึ่ง ยาวสามฉื่อ2สองชุ่นยังไม่ได้ถ่ายเทพลังภายในลงไปตัวกระบี่ก็ส่องแสงเรืองๆ เปล่งประกายนี่เป็กระบี่ดีเล่มหนึ่งเป็กระบี่มีชื่อที่สูงกว่าอาวุธชั้นทองขั้นสูงอยู่หนึ่งระดับเช่นเดียวกับกระบี่หิมะเหมันต์ของเสวียนเทียน ในตัวกระบี่ผสมโลหะพิเศษเข้าไป
ฝานหงถือศักดิ์ศรีของฐานะศิษย์พี่กระบี่แม้ออกจากฝักแล้วแต่ก็ไม่เข้าโจมตีตัวเขาเป็ศิษย์ชั้นหัวแถวพลังวัตรขั้นสิบเมื่อต่อสู้กับเสวียนเทียนที่พลังวัตรต่ำกว่าตนสองขั้นท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จับจ้อง ย่อมไม่ลงมือก่อนให้เป็ขี้ปากผู้คนเสวียนเทียนจึงกล่าวขึ้นว่า “ศิษย์พี่ฝานหงรับมือ”
พูดจบร่างของเสวียนเทียนก็ถลามาข้างหน้าดั่งเสือชีตาห์กระโจนเข้าโจมตีพริบตาร่างกายเปลี่ยนจากนิ่งเป็ขยับ กระบี่หิมะเหมันต์ในมือยังคงไม่ออกจากฝักฝักยังเชื่อมติดกับด้ามกระบี่ จากล่างขึ้นบน หนึ่งกระบี่แทงออกไป
“อะไรกัน? สู้กับศิษย์พี่ฝานหงผู้มีพลังวัตรขั้นสิบหวงเทียนกลับไม่ชักกระบี่ออกจากฝัก?”
ศิษย์พลังวัตรขั้นเก้าคนหนึ่งร้องเสียงแหลมขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
เสวียนเทียนเหนือล้ำความคาดคิดของบรรดาศิษย์ไปมาก
เดิมคิดว่าเมื่อถือกระบี่ขึ้นมาในมือเสวียนเทียนย่อมใช้กระบี่แน่ ปรากฏว่าเสวียนเทียนใช้กระบี่จริงๆแต่กระบี่กลับไม่ออกจากฝัก ฝักยังเชื่อมติดกับด้ามก็โจมตีเข้าไปหาฝานหงเสียแล้ว
กระบี่มีพลังโจมตีแข็งแกร่งก็เพราะขอบปลายแหลมของตัวกระบี่กระบี่ที่ไม่ชักออกจากฝักเล่มหนึ่ง ต่อให้ระดับชั้นสูงเพียงไร เป็อาวุธวิเศษชั้นนิลก็ไม่มีประโยชน์อันใดกระบี่ในฝักถือไว้ในมือก็ไม่ต่างจากไม้ท่อนหนึ่ง จากอาวุธมีคมกลายเป็อาวุธทื่อๆ
เมื่อเป็เช่นนี้ พลังความสามารถสิบส่วนก็ใช้ออกมาได้เพียงหกเจ็ดส่วนเท่านั้น
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้เสวียนเทียนประลองกับฝานหงแทบจะใช้ความสามารถเพียงครึ่งเดียว
ฝานหงเป็ถึงศิษย์ชั้นหัวแถวที่มีพลังวัตรขั้นสิบเสวียนเทียนเพิ่งมีพลังวัตรขั้นแปดกลับไม่ใช้ความสามารถสุดกำลังเข้าสู้บรรดาศิษย์นอกในใจจะไม่ตื่นตะลึงได้อย่างไร
“หวงเทียนบ้าเกินไปแล้วขนาดศิษย์พี่ฝานยังกล้าดูถูก เดี๋ยวต้องล้มโครมโดนสั่งสอนแน่”
“ใช่แล้ว ศิษย์หัวแถวพลังวัตรขั้นสิบแต่ละคนมีความสามารถแข็งแกร่งนัก หวงเทียนลำพองเกินไปแล้ว ไม่สิ นี่คือความโง่เขลาเขาจะต้องชดใช้ให้แก่ความโง่เขลานั่น!”
“หวงเทียนไม่ชักกระบี่จากฝัก เ้าคิดว่าเขาจะรับกระบี่ของศิษย์พี่ฝานได้กี่กระบี่ถึงจะพ่ายแพ้?”
“ไม่ชักกระบี่ออกมาเลย สิบกระบี่ก็คงแพ้ถ้าหากชักกระบี่ออกมา อาจจะต้านได้สักระยะหนึ่ง แต่ก็ยากจะต้านได้ถึงร้อยกระบวนท่า”
“เ้ามองหวงเทียนสูงไปหน่อยแล้วเขาดูถูกคู่ต่อสู้แบบนี้ ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ หากกระบี่ไม่ชักออกจากฝัก อย่างมากห้ากระบี่ก็ต้องแพ้ให้แก่ศิษย์พี่ฝานถ้ากระบี่ชักออกมาก็คงยื้อไปได้ไม่ถึงห้าสิบกระบวนท่ากระมัง”
......
......
คนที่วิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่เป็ศิษย์ชั้นสูงพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดหรือขั้นเก้าศิษย์นอกขั้นแปดลงไปได้แต่ตะลึงงัน พวกเขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะวิจารณ์
จากที่ไกลๆหัวแถวของศิษย์ชั้นสูงผู้มีพลังวัตรขั้นสิบอย่างเช่นไป๋จั่นเฮ่อ จางหลงหยางติ่งจวิน เป็ต้น แต่ละคนขมวดคิ้วแม้ว่าพวกเขาจะมองเสวียนเทียนสูงกว่าศิษย์ชั้นสูงพลังวัตรขั้นเก้าแต่ในใจของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรเสวียนเทียนก็ไม่อาจเป็บุคคลที่จะเทียบชั้นกับพวกเขาได้ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับฝานหง เสวียนเทียนกลับไม่ยอมชักกระบี่ออกจากฝักความสามารถเพิ่งใช้ออกมาได้ประมาณครึ่งเดียวความสามารถเช่นนี้แทบจะสามารถแย่งตำแหน่งสิบอันดับแรกได้มีคุณสมบัติที่จะประลองสูงต่ำกับศิษย์ชั้นหัวแถวคนใดก็ได้แล้ว
สิ่งนี้ทำให้ศิษย์ชั้นหัวแถวแต่ละคนในใจยากจะยอมรับ
“ฝานหง เ้าฮึดสู้หน่อยเถอะสามกระบี่ อย่างมากก็สามกระบี่ ทำให้หวงเทียนแพ้เสีย ไม่อย่างนั้นพวกเราศิษย์พลังวัตรขั้นสิบคงต้องโดนเ้าทำเสียหน้าสิ้นแล้ว”
ศิษย์ชั้นหัวแถวไม่น้อย ในใจคิดอยู่เงียบๆ
.....
ในใจของฝานหงก็มีความคิดเช่นเดียวกับศิษย์ทั้งหลายเห็นเสวียนเทียนไม่ชักกระบี่จากฝักก็พุ่งเข้ามา ชั่ววูบเขาโกรธจัด ในใจคิดข้ามองเ้าเป็คู่ต่อสู้ ทุ่มสุดกำลัง ไม่คิดเลยว่า เ้ากล้าดูถูกข้า? ขนาดกระบี่ยังไม่ชักออกจากฝักก็คิดจะแข่งขันกับข้าจะโอหังเกินไปแล้ว ไม่ให้เ้าเห็นความร้ายกาจเสียบ้าง ฟ้าคงพลิกคว่ำแล้ว
แต่ความโกรธในใจของฝานหง ฉับพลันก็สลายหายไปหมดในใจมีความตะลึงงันผุดขึ้นมา กระบี่ที่เสวียนเทียนแทงมานี้ ดูแล้วคล้ายกับท่าเริ่มต้นของเพลงกระบี่ถลาลมกระบี่ดุจสายลมไหว
แต่กระบวนท่านี้สูงส่งกว่าท่ากระบี่ดุจสายลมไหวอยู่หลายเท่าตัวเห็นเพียงกระบี่นี้แทงมา อากาศแหวกเป็สองทางเกิดเป็กระแสลมสองสายกระบี่นั่นแม้ว่าจะไม่ออกจากฝัก แต่ฝักกระบี่กลับเหมือนกระบี่เล่มหนึ่งขยับพลิ้วไปมาระหว่างกระแสลมทั้งสองสายฝานหงมองไปไม่อาจแยกได้ว่ากระบี่นี้ของเสวียนเทียนจะแทงมาจากทางไหน?
ไม่รู้ว่าแทงมาจากไหน แล้วจะป้องกันได้อย่างไร?
ถ้าเกิดป้องกันผิดตำแหน่งกระบี่ของอีกฝ่ายก็จะแทงเข้ามาที่ร่างของฝานหงแม้ว่ากระบี่ของเสวียนเทียนจะไม่ได้ชักออกจากฝัก แต่ถูกเสวียนเทียนแทงโดนคนที่ดูอยู่ไม่ได้โง่ ย่อมต้องรู้ว่าฝานหงเป็ฝ่ายแพ้
เพราะเสวียนเทียนเพียง้าโจมตีให้ฝานหงแพ้ไม่ใช่โจมตีสังหารฝานหง ดังนั้นกระบี่ในมือจึงไม่จำเป็ต้องออกจากฝักฝานหงพลันกระจ่างแจ้งขึ้นมาในสมอง ที่แท้เสวียนเทียนไม่ได้ดูถูกเขาแต่เพราะมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ต่อหน้าฝักกระบี่ที่แทงเข้ามาของเสวียนเทียนฝานหงทำเื่เหนือความคาดคิดของผู้คน ร่างถอยไปข้างหลัง ก้าวถอยไปสองก้าวกระบี่ในมือแทงออกไปข้างหน้า ข้อมือขยับโบกสะบัดปลายกระบี่สะบัดเร็วจนเกิดเป็บุปผาเก้าดอก
เคร้ง เคร้ง เสียงสูงใสดังขึ้นสองเสียงสองกระบี่โจมตีถูกฝักกระบี่ของเสวียนเทียน ทำให้ท่ากระบี่ของเสวียนเทียนถูกขวางไว้ทั้งเพลงกระบี่เจ็ดบุปผาก็สะบัดเข้าหาเสวียนเทียนไปในเวลาเดียวกันเหมือนมีเจ็ดกระบี่แทงเข้ามาพร้อมกัน
การโต้กลับของฝานหงกระบี่นี้คุมสถานการณ์ได้ดีมาก แต่บรรดาศิษย์นอกแต่ละคนกลับตกตะลึง ตาแทบจะถลนออกมา
ไม่ผิด กระบี่ที่หนึ่งฝานหงกลับถูกกระบี่ของเสวียนเทียนบีบให้ถอยไปสองก้าวแล้วถึงโจมตีกลับ
ถ้าหากไม่ถอยหลัง ไม่แน่ว่าฝานหงจะทำลายกระบี่ที่ดูเหมือนธรรมดาไร้ลูกเล่นกระบี่นั้นของเสวียนเทียนได้!
ทุกคนต่างเบิกตากว้างสายตาจับจ้องมองการต่อสู้บนเวทีประลองตอนนี้ในใจของศิษย์ทั้งหลายเริ่มเปลี่ยนความคิดไป เพียงแค่ชั่วกระบี่เดียวนี้ก็ไม่มีใครรู้สึกว่าเสวียนเทียนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ดูถูกฝานหงอีกแล้วแต่มีความสามารถที่เหนือธรรมดาจริงๆ
เผชิญหน้ากับบุปผากระบี่ทั้งเจ็ดของฝานหงที่แทงมาเสวียนเทียนไม่หลีกไม่หลบ ฝักกระบี่ชักกลับแล้วฟันกวาดออกไปประดุจวายุคลั่งพัดกวาดผืนดิน
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง
เจ็ดเสียงดังขึ้นต่อเนื่องเจ็ดกระบี่ที่ฝานหงแทงออกมาล้วนถูกเสวียนเทียนต้านกลับไปฝานหงรู้สึกได้ถึงความชาที่ส่งผ่านมาจากกระบี่ ในใจตกตะลึงพลังภายในของอีกฝ่ายล้ำลึก ไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย!
เสวียนเทียนก้าวไปข้างหน้าสองก้าวตามท่วงท่ากระบี่ที่ยังคงอยู่ในฝัก แทงออกมาอีกครั้ง ท่าเมื่อครู่นั้นอีกแล้วท่าที่ดูเหมือนท่ากระบี่ดุจสายลมไหวของเพลงกระบี่ถลาลม แต่ก็มีส่วนที่ไม่เหมือนทำให้คนยากจะป้องกันไว้ได้
ฝานหงถูกบีบให้ถอยหลังสองก้าวอีกครั้งแล้วเปิดฉากโต้กลับ กันกระบี่ทั้งสองของเสวียนเทียน แสงกระบี่ของฝานหงตวัดราบฟันปราณกระบี่สายหนึ่งปาดขนานพื้นออกไป ฟันเข้าใส่ลำคอของเสวียนเทียน
เสวียนเทียนทำแบบเดียวกับเมื่อครู่รั้งกระบี่กลับ ฟันกวาดดุจวายุคลั่ง พลังภายในถ่ายทอดเข้าสู่ตัวกระบี่ฝักกระบี่ส่องแสงเจิดจ้า ส่งปราณกระบี่สายหนึ่งออกมาป้องกันปราณกระบี่ที่ฟันปาดมาของฝานหงจนหมดสิ้น
ต่อจากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแทงกระบี่ออกมาอีกครั้ง
ฝานหงถูกบีบให้ถอยสองก้าวอีกครั้ง ในใจตื่นตะลึง
เสวียนเทียนแทงออกมาเช่นนี้สิบกระบี่ทุกครั้งที่แทงกระบี่จะก้าวออกมาข้างหน้าสองก้าว เหมือนกับลมพัดมาข้างหน้าบีบบังคับไม่อาจต้าน ไม่ว่าฝานหงจะโจมตีกลับไปอย่างไรเสวียนเทียนก็รั้งกระบี่กลับตวัดฟันออกมาทีหนึ่งดุจวายุคลั่งพัดกวาดแดนดินสลายทุกการโจมตี จากนั้นก็แทงกระบี่ออกมาหนึ่งกระบี่อีก
หลังสิบกว่ากระบี่ผ่านไปในที่สุดฝานหงก็ถูกบีบมาจนถึงขอบเวที ไม่มีที่ให้ถอยแล้ว
เสวียนเทียนแทงกระบี่ออกมาอีกครั้งฝานหงไม่มีที่ให้ถอยฉับพลันก็กวาดฟันออกมาหนึ่งกระบี่เหมือนกับที่เสวียนเทียนสลายการโจมตีของเขา
กระบวนท่าเหมือนกันแต่ให้ผลลัพธ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง
หน้าอกของฝานหงเจ็บแปลบฝักกระบี่ของเสวียนเทียนทะลุผ่านแสงกระบี่ของเขาโจมตีตรงเข้ามาที่ตำแหน่งของหัวใจของเขา
สีหน้าของฝานหงพลันหม่นหมองพูดขึ้นมาอย่างหดหู่ว่า “ข้า...แพ้แล้ว”
รอบที่สี่เสวียนเทียนเอาชนะฝานหงศิษย์หัวแถวชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบ เข้ารอบไปสู่รอบที่ห้า
----------
1. จื่อ(指) หน่วยความยาวของจีน เท่ากับความกว้างของหนึ่งนิ้วมือ
2. ฉื่อ(尺) หน่วยความยาวของจีนสามฉื่อเท่ากับหนึ่งเมตร หนึ่งฉื่อเท่ากับสิบชุ่น (寸)