หลังจากฉีกตำราหนังสัตว์อย่างโกรธเกรี้ยว ฉินอวี่ก็นั่งลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล ผลึกน้ำก็คลอขึ้นมาเต็มดวงตา มองดูตัวอักษรบนตำราหนังสัตว์ที่ฉีกขาดด้วยความโกรธแค้น ราวกับถูกมีดปักแทงหัวใจเล่มแล้วเล่มเล่า จนหัวใจถูกกรีดจนเ็ป
ฉินอวี่เป็เด็กกำพร้าคนหนึ่งที่ถูกผู้าุโเก้าแห่งสำนักเทียนฉีเลี้ยงดูมาั้แ่ยังเป็เด็ก ในหัวใจของฉินอวี่ สำนักเทียนฉีคือบ้านของเขา ผู้าุโเก้าเป็เหมือนพ่อบังเกิดเกล้าของเขา
แม้ว่าจะมีเส้นลมปราณพิการแต่กำเนิด แต่ผู้าุโเก้าก็ไม่ทอดทิ้งฉินอวี่ด้วยเหตุผลเช่นนี้ แต่กลับดูแลเขาอย่างใส่ใจ จนทำให้เกิดฉินอวี่ที่น่าอัศจรรย์ในภายหลังขึ้นมาได้
เนื่องจากการเก็บตัวบำเพ็ญพรตอันยาวนานของผู้าุโเก้า หลังจากที่ฉินอวี่อายุได้สิบสามปี เขาจึงเติบโตมาพร้อมกับศิษย์พี่คนหนึ่งนามว่าหลินอวี่ หลินอวี่เป็ผู้มีความสามารถพิเศษมากมาย จนได้รับขนานนามเป็ชายหนุ่มอันดับหนึ่งแห่งสำนักเทียนฉี
ฉินอวี่ผู้มีประสบการณ์น้อย จึงได้มองว่าศิษย์พี่หลินอวี่คือบุคคลใกล้ชิดที่สุดอีกคนหนึ่งนอกจากผู้าุโเก้า แม้ว่าหลินอวี่จะเอาป้ายหยกแขวนเอวที่ติดตัวเขามาตลอดไป ฉินอวี่ก็ไม่ถือสา
แต่เมื่อฉินอวี่อายุสิบสี่ปี การกระทำของหลินอวี่ก็เริ่มแปลกไปเล็กน้อย โดยเขาจะได้รับเืจากร่างกายของฉินอวี่หนึ่งหยด เกือบทุกๆ สองวัน เป็ระยะเวลาตลอดหนึ่งปีเต็ม
แม้ว่าจะน่าแปลกใจ แต่ฉินอวี่ก็ไม่ได้สนใจอะไร และยังมอบวิชาลับแรกที่สร้างขึ้น อย่างวิชาพลังอสูรเทวะให้กับหลินอวี่
แต่การเปลี่ยนแปลงที่ตามมา ทำให้ฉินอวี่ไม่ทันระวัง และคาดไม่ถึงว่าศิษย์พี่อย่างหลินอวี่จะทรยศสำนักเทียนฉี นับั้แ่เวลานั้นเป็ต้นมา ฉินอวี่จึงพบว่าร่างกายของตนเองเริ่มแก่ลงเรื่อยๆ ซึ่งปรมาจารย์เทียนฉีได้วินิจฉัยไว้ว่า เขาถูกพิษยมโลกคืนชีพ ซึ่งเป็พิษร้ายแรงอันดับหนึ่งของแดนเซียนอู่!
ฉินอวี่ที่ถูกพิษร้ายแรง ยืนหยัดเช่นนั้นมาได้หกปี จากชายหนุ่มที่กระฉับกระเฉง ในระยะเวลาอันสั้นเพียงหกปี กลับกลายเป็ชายชราที่ใกล้ฝั่งถึงแก่ความตาย
ในหกปีนั้น ฉินอวี่ได้ใช้ชีวิตข้ามผ่าน่เวลาที่แสนมืดมนที่สุด เขานำทุกสิ่งทุกอย่างมาครุ่นคิดเชื่อมโยงกัน จนในที่สุด จึงสามารถสรุปได้ว่าที่หลินอวี่ทำเช่นนี้ อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับป้ายหยกสีดำชิ้นนั้น
ป้ายหยกสีดำชิ้นนั้นอยู่ติดตัวมาั้แ่วันแรกที่ผู้าุโเก้าพาตัวเขามา ซึ่งเป็ไปได้มากว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับที่มาที่ไปของตนเอง ฉินอวี่จำได้ดีว่าป้ายหยกชิ้นนั้นมีรูปร่างเหมือนไข่มุก มีการแกะสลักไว้อย่างหนาแน่น เป็รูปหงส์รำัเหิน และท้ายที่สุด รูปภาพเหล่านี้ได้กลายเป็ลักษณะเงาร่างที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
เื่ราวในอดีตหลั่งไหลออกมาจากความทรงจำของฉินอวี่ราวกับกระแสน้ำ ฉินอวี่จ้องไปยังผืนหนังสัตว์ที่ฉีกขาดอย่างเหม่อลอย น้ำตาก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย ราวกับหัวใจที่เ็ปราวถูกมีดกรีดของเขาเต็มไปด้วยความแค้นและความอำมหิตที่ไม่รู้จบสิ้น
“ข้าได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว แต่ทุกอย่างได้หายไปแล้ว สำนักเทียนฉีถูกทำลายแล้ว เกรงว่า... ท่านปู่เก้าอาจจะถูกหลินอวี่ทำร้ายอย่างไร้ความปรานี!”
ฉินอวี่รู้สึกท้อแท้ใจ แต่เมื่อดวงตาของเขาได้จดจ่อไปยังตัวอักษร “เสี่ยตี้” ที่อยู่บนหนังสัตว์ที่ฉีกขาดนั้น ม่านตาของฉินอวี่ก็หดเล็กลงทันที เขารีบนำหนังสัตว์มาประกอบต่อกันอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อเขาได้เห็นถ้อยความทั้งหมดนั้น ฉินอวี่ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที
“เสี่ยตี้ใช้พลังเวทระดับสูงสุดรวบรวมแดนเซียนอู่ที่แตกสลาย สร้างป้ายศิลาขนาดใหญ่ไว้ที่สำนักเทียนฉี สลักเป็ผืนดวงดาราอันกว้างใหญ่ เผยแพร่วิชาแห่งนิรันดร สถาปนาสำนักโบราณซิงเฉิน เมื่อถึง่เวลานี้ แดนเซียนอู่จึงเปลี่ยนชื่อเป็แดนซิงเฉิน!”
“เสี่ยเอ๋อนี่เอง!” ฉินอวี่หัวเราะเสียงดัง น้ำตาของเขาไหลริน เขานึกถึงเสียงร้องไห้ที่กำลังหวาดกลัวของเสี่ยเอ๋อที่ดังขึ้นก่อนที่เขาจะตาย
เสี่ยเอ๋อ... ได้กลายเป็เสี่ยตี้!
เสี่ยเอ๋อที่กำลังหวาดกลัวคนนั้นจะต้องผ่านความยากลำบากและความผิดหวังกี่ครั้ง กว่าที่เขาจะได้ก้าวเดินขึ้นสู่การเป็เสี่ยตี้?
ฉินอวี่ตื่นเต้นขึ้นทันที แต่ในใจก็ยังรู้สึกเศร้าอยู่เล็กน้อย
เสี่ยวเถาที่อยู่ด้านข้างกำลังมองดูฉินอวี่ที่ร้องไห้พลางหัวเราะด้วยน้ำตาคลอเบ้า และมองดูฉินอวี่ด้วยความหวาดกลัวแต่ก็รู้สึกสงสารอยู่ในใจ ในสมองก็ครุ่นคิดปนเปกันเป็ชามโจ๊ก หากคุณชายสามเสียสติไปแล้ว เช่นนั้นตนเองและเสี่ยวฮวาจะเป็อย่างไรต่อไป?
ฉินอวี่ลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนแรง และเดินออกจากหอตำราอย่างโซเซ เสี่ยเอ๋อไม่ตาย นับว่าเป็เื่ที่ดีมาก
“หลินอวี่ ข้าจะให้เ้าต้องชดใช้ด้วยเื!”
เมื่อกลับถึงที่พำนัก ฉินอวี่ก็นั่งลงขัดสมาธิ และค่อยๆ รื้อฟื้นความทรงจำในร่างก่อนอยู่อย่างเงียบๆ แต่ในขณะนี้ ประตูห้องก็ถูกผลักออก พร้อมเสียงตำหนิที่ดังขึ้นมา
“ท่านพี่ แค่ท่านเห็นฉินเฟิงก็ถอยหนีเก้าสิบลี้แล้ว ท่านไม่ยอมฟังกันเลย บอกว่าไม่ให้ท่านไปแอบดูองค์หญิงสิบสาม ท่านก็ไม่เชื่อฟัง บอกให้ท่านฝึกให้หนัก ท่านก็ไม่ฟัง หากท่านยังเป็แบบนี้ ต่อไปเสวี่ยเอ๋อจะไม่สนใจท่านอีกแล้ว ท่านอายุสิบห้าปีแล้ว ท่านพ่อเคยบอกแล้วว่าก่อนจะอายุสิบหกปี หากท่านยังไม่สามารถได้ขั้นยุทธ์ใดๆ ชั่วชีวิตนี้ท่านจะไม่ได้ออกจากจวนตระกูลฉินอีกเลย”
ฉินอวี่จ้องไปยังเด็กหญิงใบหน้าขาวที่วิ่งเข้ามาด้วยความตกตะลึง ดวงตาของเขาหยุดนิ่ง
เสี่ยเอ๋อ? เสวี่ยเอ๋อ?
แม้ว่าความทรงจำในร่างก่อนจะบอกฉินอวี่ ว่านี่เป็เพียงน้องสาวของร่างก่อนที่ชื่อฉินเสวี่ย แต่เมื่อมองไปยังฉินเสวี่ยที่ผอมบาง ฉินอวี่ก็มีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกเกิดขึ้นมาในใจ
ฉินเสวี่ยมองฉินอวี่ที่ตกตะลึง และกำลังจ้องมองกลับมาที่ตนเอง ฉินเสวี่ยเริ่มเม้มปาก อยากจะตำหนิออกไปแต่กลับทนตำหนิเขาไม่ไหว จึงได้แต่พูดออกไป “หากท่านไม่ชอบการฝึกยุทธ์ก็ช่างเถอะ อย่างนั้นท่านก็ท่องตำราเอาไว้มากๆ ศึกษาหนทางทำการค้า ต่อไปท่านจะได้มีตำแหน่งในตระกูลกับเขาบ้าง จะได้ไม่ถูกคนอื่นรังแก แต่ท่านก็ดันไปแอบดูองค์หญิงสิบสาม องค์หญิงสิบสามเป็ดั่งหงส์บนต้นอู๋ถง ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถปีนขึ้นไปได้นะ”
“เื่ของเมื่อวาน เสี่ยวฮวาบอกข้าหมดแล้ว ท่านถูกฉินเฟิงบังคับให้ต้องคุกเข่า แม้ว่าเสวี่ยเอ๋อจะโกรธมาก แต่เสวี่ยเอ๋อก็ไม่คิดจะไปแก้แค้นให้ท่านหรอกนะ นี่ก็เพราะ้าให้ท่านจดจำเอาไว้ ไม่เช่นนั้นละก็ ต่อไปท่านจะทำอย่างไร...” ฉินเสวี่ยพูดออกไปพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา ตรงเข้าไปโอบกอดฉินอวี่พร้อมร้องไห้โฮออกมาทันที “ท่านแม่ก็จากไปแล้ว นอกจากท่านพ่อ ท่านคือญาติคนเดียวของข้า หากท่านต้องตายไปอีกคน เสวี่ยเอ๋อจะทำอย่างไรล่ะ? ท่านคือพี่ของข้า อย่างไรท่านต้องดูแลเสวี่ยเอ๋อให้ดีนะ แต่ท่านทำไมจึงไม่รู้เื่อะไรเลยเช่นนี้ ยังชอบทำตัวให้เสวี่ยเอ๋อต้องเป็ห่วง เสวี่ยเอ๋อต้องยอมฝึกฝนอย่างน่าเบื่อนี้อยู่ทุกวัน เป็เพราะอะไรล่ะ? ก็เพื่อจะปกป้องท่านไม่ใช่หรือ... ฮือๆ...”
คุณสมบัติและความสามารถของฉินเสวี่ยน่าทึ่งมาก อายุเพียงแปดขวบก็สามารถเข้าถึงขั้นยุทธ์ระดับหนึ่งได้แล้ว เข้าสู่จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์ระดับสามได้ตอนอายุสิบปี และสำเร็จจุดสูงสุดของขั้นยุทธ์ระดับหกเมื่ออายุสิบสามปี
ภายใต้พร์อันฉายแววนั้น ฉินเสวี่ยก็ยังเป็เพียงแค่เด็กคนหนึ่ง
หลังจากร้องไห้อย่างขมขื่น ฉินเสวี่ยก็รีบปาดน้ำตาของนาง ก่อนจะลุกขึ้นและหันหลังเดินออกไป แต่เมื่อเดินไปถึงประตู นางก็หยุดลงอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้น “พี่ชาย เสวี่ยเอ๋อไปฝึกต่อแล้วนะ อีกสักสองสามวันจะมาหาท่านใหม่ ท่านลองไตร่ตรองดูให้ดี อย่าให้เสวี่ยเอ๋อต้องกังวลใจกับท่านอีกเลย ได้ยินไหม?” เมื่อเห็นว่าฉินอวี่ยังคงจ้องมองตนเองอย่างงุนงง นางก็กัดฟันและเดินออกไปทันที
ฉินอวี่จ้องไปยังแผ่นหลังอันผอมบางของฉินเสวี่ย จิตใจของเขาก็เริ่มกระวนกระวาย คำพูดแต่ละคำของฉินเสวี่ยกระแทกใส่จิตใจของเขาอย่างหนักหน่วง
เสี่ยเอ๋อในชาติก่อน กับเสวี่ยเอ๋อในชาตินี้?
ชาติก่อนดูแลเสี่ยเอ๋อได้ไม่ดี ในชาตินี้ ข้าฉินอวี่จะต้องดูแลเสวี่ยเอ๋อให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้เสวี่ยเอ๋อต้องทนทุกข์เช่นเดียวกับเสี่ยเอ๋ออีก
“แต่ก่อนอื่น ข้าจำเป็จะต้องเข้าถึงขั้นยุทธ์ให้ได้เสียก่อน! จึงจะมีสิทธิ์ที่จะออกจากตระกูลฉิน” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง และลุกขึ้นไปปิดประตูห้อง
จากนั้นฉินอวี่ก็สงบจิตใจรวบความคิดทุกอย่างเอาไว้ และเริ่มสำรวจสภาพของร่างกายนี้ทันที สิ่งที่ทำให้เขาต้องจนใจคือร่างกายนี้มีสภาพที่ย่ำแย่จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงรากฐานในระดับธรรมดา เส้นลมปราณในร่างกายยังเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก หากเป็เช่นนี้ต่อไป สักวันหนึ่งก็จะต้องหมดหนทางในการฝึกฝนตนเองเช่นเดียวกับร่างในอดีต
ฉินอวี่ค่อยๆ หลับตาลง และเริ่มปรับความรู้สึกให้เข้าสู่ความว่างของจิติญญา และดูเหมือนว่าตัวอักษรโบราณจำนวนนับไม่ถ้วนของตำราโบราณในหอตำราสำนักเทียนฉีจะลอยวนเวียนอยู่ในความคิดของเขา เมื่อลองพิจารณาดูแล้วก็เลือกกลวิชาที่ไม่สมบูรณ์มาเล่มหนึ่ง และทักษะการต่อสู้ระดับเซียนอีกเล่มหนึ่งออกมาจากทะเลตำรา
แม้ว่าตำราทั้งสองเล่มจะไม่สมบูรณ์ แต่ฉินอวี่ก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถทำให้เป็กระบวนวิชาที่สมบูรณ์ได้ในอนาคต ตำราทั้งสองเล่มนั้นได้แก่ วิชาเซียนมรรคา์ และวิชาปีศาจคลั่งหกปริวรรต
วิชาเซียนมรรคา์เป็วิชาฝึกฝนกำลังภายในที่เก่าแก่มากวิชาหนึ่ง แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่อาจปกปิดความแข็งแกร่งของมันได้ หากสามารถฝึกถึงขั้นสูงสุด ก็จะอยู่บนมรรคาแห่ง์ เข้าสู่ขั้นเซียนได้!
“ข้าจะใช้วิชาเซียนมรรคา์เข้าสู่ขั้นยุทธ์ในระยะเวลาอันสั้น! ส่วนปีศาจคลั่งหกปริวรรต การเปลี่ยนแปลงลำดับที่หนึ่งคือเืลม และขั้นยุทธ์ระดับหกจะสามารถควบรวมเืลมได้ แต่ก็เป็ระยะเวลาเพียงสั้นๆ”
“ขั้นยุทธ์เก้าระดับ ต้องฝึกฝนเน้นความแข็งแกร่งของร่างกาย ว่ากันว่า ในขั้นเริ่มต้นจะต้องเสริมสร้างร่างกายที่แข็งแกร่ง หลังจากมีร่างกายที่แข็งแกร่งแล้วก็จะสามารถแสดงพลังปราณออกมาได้ เมื่อก้าวเข้าสู่ขั้นพลังปราณแล้ว ขั้นยุทธ์ชั้นที่หนึ่ง เส้นลมปราณ และเส้นลมปราณหลักในร่างกายก็จะถูกเปิดออก!”
ฉินอวี่มีความเข้าใจที่ชัดเจน จากนั้นจึงหลับตาลง และเริ่มใช้วิชาเซียนมรรคา์
ในอดีต ฉินอวี่มีเส้นลมปราณที่พิการมาแต่กำเนิด แม้ว่าเขาจะดึงดูดพลังิญญาของฟ้าดินได้ แต่พลังิญญาของฟ้าดินก็ไม่อาจจะอยู่ในร่างกายได้และกลับคืนสู่ฟ้าดินในที่สุด ในตอนนี้ แม้ว่าจะมีรากฐานที่ธรรมดา แต่เส้นลมปราณกลับสมบูรณ์ และรวมเข้ากับพลังิญญาของฟ้าดินได้
เพียงแต่ การจะทำความสะอาดเส้นลมปราณให้หมดจดจะต้องใช้เวลาสามวัน
ในวันที่ห้า ฉินอวี่ก็ได้สำเร็จเข้าสู่ขั้นยุทธ์ระดับหนึ่ง และทำการกรุยเปิดเส้นลมปราณทั่วทั้งร่างกาย
ต้องบอกเลยว่า วิชาเซียนมรรคา์นี้มีความทรงพลังเหนือความคาดหมายยิ่งนัก พลังิญญาฟ้าดินที่ดูดซับมานั้นมีความดุร้ายมากกว่าวิชาวิเศษชนิดอื่นยิ่งนัก หากเป็วิชาวิเศษชนิดอื่น เกรงว่าคงต้องใช้เวลากว่าครึ่งเดือนจึงจะสามารถกรุยทางเปิดเส้นลมปราณทั่วทั้งร่างได้สำเร็จ
เมื่อรู้สึกว่ามีสิ่งสกปรกสีดำสนิทที่เหนียวและมีกลิ่นเหม็นอยู่ทั่วร่างกาย ฉินอวี่ก็เมินเฉย และมองจ้องลงไปยังจุดตันเถียนที่ช่องท้องของตนเอง เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งออกมาจากจุดตันเถียน เขาฉีกเสื้อผ้าของตนเองออก และลูบหน้าท้องของตนเอง ฉินอวี่มองเห็นรอยพิมพ์ที่มีลักษณะเป็วงรีคล้ายเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งอยู่ต่ำกว่าช่องท้องลงไปสามนิ้วอย่างไม่ชัดเจน
เมล็ดสีดำนี้มีลักษณะที่แปลกมาก มันมีสีดำสนิทเป็ส่วนใหญ่ และมีเส้นสีขาวอยู่้าเส้นหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเป็เส้นลมปราณสีขาวเส้นหนึ่ง
“นี่คือ...” ฉินอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาอ่านตำราโบราณเล่มนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่ก้าวเข้าสู่ขั้นยุทธ์ชั้นที่หนึ่ง แล้วจะมีรอยรูปเมล็ดเช่นนี้ปรากฏอยู่บนจุดตันเถียน
“ไม่สิ ข้าเพิ่งได้รับการเกิดใหม่ไม่น่าจะมีสัญลักษณ์ที่แปลกเช่นนี้อยู่ หรือจะเป็สิ่งที่มีติดตัวมาอยู่แล้ว? เป็ไปไม่ได้ หากมีอยู่จริง ตอนอยู่ในร่างเดิมคงจะต้องเข้าสู่หนทางของขั้นยุทธ์ได้ั้แ่อายุสิบห้าปีแล้ว”
“เดี๋ยวนะ!”
“หรือว่า... จะเป็เพราะพิษยมโลกคืนชีพ?”
“หากเป็เช่นนี้ละก็ เมล็ดพันธุ์นี้อาจจะเป็... เมล็ดพันธุ์ของยมโลกคืนชีพ?” ฉินอวี่มีสีหน้าที่แปลกไปทันที
หลังจากถูกพิษยมโลกคืนชีพ ฉินอวี่ได้ค้นพบบันทึกที่เกี่ยวข้องกับพิษยมโลกคืนชีพในตำราโบราณ
แม้ว่าจะมีบันทึกเกี่ยวกับพิษชนิดนี้อยู่เพียงเล็กน้อย แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็เพียงการคาดเดา พิษยมโลกคืนชีพนี้เกือบจะจัดว่าเป็หนึ่งในพิษที่มีฤทธิ์ร้ายแรงในตำนาน และเคยได้ยินเพียงคนถูกพิษนี้เท่านั้น แต่กลับไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของมันเลย
แต่!
ฉินอวี่เคยอ่านประโยคหนึ่งในตำราโบราณ “ในฟ้าดินมีเมล็ดพันธุ์ที่แปลกประหลาดชนิดหนึ่ง ชื่อว่าเมล็ดพันธุ์แห่งการคืนชีพ เมื่อสะสมพลังของฟ้าดิน เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ก็จะแตกต่างชนิดกัน ร่ำลือกันว่า พิษยมโลกคืนชีพก็กำเนิดมาจากเมล็ดพันธุ์คืนชีพที่แตกต่างชนิดกันเหล่านี้ และยังมีบอกไว้อีกว่า เมื่อเมล็ดพันธุ์ต่างชนิดมารวมกันหกชนิดผสานพลังสูงสุดของฟ้าดิน เมล็ดคืนชีพนี้ก็จะกลายเป็โอสถวิเศษของฟ้าดิน ซึ่งยาชนิดนี้มีชื่อว่า โอสถะ!”
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า เมื่อวันเวลาผ่านไป ร่างกายของฉินอวี่จะเป็ส่วนบ่มเพาะโอสถเป็พิษในร่างกายของเขา และมีโอกาสมากที่โอสถชนิดนี้จะกลายเป็โอสถทิพย์ะในตำนาน!
“หลินอวี่ ตอนที่เ้าวางยาพิษชนิดนี้ เคยคิดบ้างหรือไม่? เ้ากำลังมอบโอกาสให้กับข้า! ได้ยิ่งใหญ่! ได้โชคดี! ได้เปลี่ยนแปลง!”