สามปีก่อน วังหลวงมีพิธีมงคลยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เป็พิธีแต่งตั้งพระชายาในรัชทายาทจ้าวเฉินลู่ พิธีการนี้ถูกกล่าวถึง ว่าเป็พิธีมงคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เท่าที่วังหลวงเคยจัดขึ้น สร้างความปลาบปลื้มให้กับสกุลไป๋เป็อย่างมาก ไป๋ฟางเหลียน หญิงสาวที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่านางมีวาสนายิ่งนัก ได้เคียงคู่เป็พระชายาของรัชทายาทจ้าวเฉินลู่ ที่จะขึ้นเป็ฮ่องเต้องค์ต่อไป
ทว่าความสุขอยู่ได้ไม่นาน เหมยกุย ภรรยารองของสกุลไป๋ก็ป่วยหนัก เมื่อรู้ว่าอาจอยู่ได้ไม่นาน ก็ได้ฝากฝังลูกสาวเพียงคนเดียวของนางไว้กับฮองเฮา
“หม่อมฉัน ไม่อาจอยู่ดูแลไป๋เยว่ซินต่อไปได้แล้วเพคะ นางมีหม่อมฉันเพียงคนเดียวที่คอยดูแลปกป้อง หากไม่มีหม่อมฉันแล้วนางก็เหมือนตัวคนเดียว ไป๋ฟางเหลียนแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็พี่สาวพ่อเดียวกัน แต่นางก็เกิดจากฮูหยินใหญ่ ซ้ำตอนนี้มีฐานะเป็ถึงพระชายาของรัชทายาท อำนาจมากมายเช่นนั้นหากคิดปกป้องไป๋เยว่ซินบ้าง หม่อมฉันก็คงไม่ต้องห่วงอะไร แต่เพราะรู้ดีว่าไป๋ฟางเหลียนมีนิสัยเช่นไร หม่อมฉันจึงเป็กังวลอยู่ทุกวัน” น้ำเสียงอ่อนแรงของเหมยกุยพูดกับฮองเฮาด้วยความหวัง ก่อนหญิงกลางคนจะเอื้อมไปกุมมือ แล้วเอ่ยถามด้วยสุรเสียงเมตตา
“เ้า้าพูดอะไร”
“ฮองเฮาเพคะ หากหม่อมฉัน้าให้ ไป๋เยว่ซิน ได้เป็พระสนมของรัชทายาทจ้าวเฉินลู่ จะได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉัน้าให้นางมีคนดูแล ในเวลาที่หม่อมฉันหมดลมหายใจไปแล้ว” ฮองเฮาได้ยินดังนั้นจึงชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ด้วยความดีงามของเหมยกุยที่เคยทำไว้ ทำให้ฮองเฮารับปาก หลังจากนั้นเพียงสามวัน เหมยกุยก็สิ้นใจตาย ทิ้งลูกสาวสกุลไป๋ที่เกิดจากภรรยารองไว้หนึ่งคน นั่นคือ ไป๋เยว่ซิน
ด้วยเหตุนี้ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับพระชายาไป๋ฟางเหลียนเป็อย่างมาก ทว่าไม่มีอำนาจคัดค้านอันใดได้ เมื่อฮ่องเต้เห็นดีเห็นงามและรัชทายาทไม่ได้ขัดข้อง การเฉลิมฉลองจึงถูกจัดขึ้นอีกครั้ง ไป๋เยว่ซินถูกแต่งตั้งขึ้นเป็พระสนมในเวลาต่อมา
“จะตายทั้งที ตายดี ๆ ไม่ได้ เหตุใดต้องยกเยว่ซินให้รัชทายาทด้วย นางมารเหมยกุย เ้าเข้ามาทำลายชีวิตรักของท่านแม่กับท่านพ่อไม่พอ เ้ายังส่งลูกสาวของเ้ามาทำลายชีวิตรักของข้ากับรัชทายาทอีก!” พระชายาไป๋ฟางเหลียนกัดฟันพูดกับตัวเองด้วยความคับแค้นใจ พลางกำถ้วยชาไว้แน่นคล้ายกับกำลังจะบีบมันให้แหลกคามือ
นับจากเด็กจนโต ทั้งฟางเหลียนและเยว่ซินแม้อยู่ในสกุลไป๋ในฐานะพี่น้อง ที่บ่าวไพร่ต่างให้ความเคารพ ทว่าสำหรับฟางเหลียนแล้ว นางไม่เคยมองเยว่ซินเป็น้องสาวสายเืเดียวกันแม้แต่น้อย เมื่อใดมีโอกาส นางจะใช้ฐานะ ที่ถือว่าตนเกิดจากฮูหยินใหญ่เข้าข่ม ไม่ว่าจะเป็เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ หรือแม่แต่ห้องส่วนตัว ทุกอย่างจะต้องเหนือกว่าเยว่ซินที่เกิดจากภรรยารองทั้งสิ้น
เสียงดนตรีบรรเลง เสียงเหล่าขุนนางที่เฉลิมฉลองจากด้านนอกได้ยินเข้ามาในตำหนัก ทำให้พระชายาฟางเหลียนต้องปิดประตูหน้าต่างทุกบาน เพื่อไม่ให้เสียงเ่าั้เล็ดลอดเข้ามาให้เป็ที่รำคาญใจ
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันช่วยปิดเพคะ” หลินหยางนางกำนัลคนสนิท ที่เคยเป็อดีตพี่เลี้ยงของฟางเหลียนมาั้แ่เด็ก รีบเข้ามาปิดประตูหน้าต่างทั้งหมดในทันที ก่อนจะหันมาจูงมือพระชายาไปนั่งพักยังเตียงนอน
“ไม่ต้องสนใจนะเพคะ วันนี้เป็วันแต่งตั้งคุณหนูเยว่ซินขึ้นเป็พระสนมของรัชทายาท แต่ก็เป็เพียงแค่พระสนมเท่านั้น อย่างไรฐานะของนางก็ต่ำกว่าพระชายาเป็ไหน ๆ” นางพูดพลางคลุมเสื้อหนา ๆ ให้พระชายาด้วยความเป็ห่วง ทว่าสายตาคับแค้นใจของฟางเหลียนยังคงส่องประกายอึดอัดอยู่
“เ้าลืมไปแล้วเหรอ ว่าเยว่ซินกับรัชทายาทในตอนเด็ก สนิทสนมกันมากเพียงใด เขาเคยมอบพัดพระจำองค์ให้กับเยว่ซินเป็สิ่งแทนใจ เหตุใดข้าจะไม่รู้ว่ารัชทายาทรู้สึกเช่นไรกับนาง ตอนนั้นหากไม่มีท่านพ่อช่วยพูด คนที่จะได้ขึ้นเป็พระชายาก็คงเป็นาง!” ฟางเหลียนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ข้าชังหน้านางยิ่งกว่าสิ่งใด นับจากวันที่เหมยกุยเข้ามาเป็ภรรยาอีกคนของท่านพ่อ สกุลไป๋ก็ไม่เคยมีความสุขอีก ท่านแม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพียงใดที่ต้องอยู่ร่วมชายคากับนาง แต่ โชคก็ยังเข้าข้างนาง ให้ท่านแม่ท่านพ่อของข้าสิ้นไปก่อน ถึงตอนนี้นางมารนั่น ก่อนตายก็ยังยัดเยียดเยว่ซินให้เป็พระสนมของรัชทายาท ให้เป็หนามทิ่มแทงใจข้าอีก” หลินหยางได้ยินดังนั้น จึงก้มหน้าลงแล้วขบคิด
“นั่นเพราะเหมยกุยรู้ ว่ารัชทายาทคิดเช่นไรกับลูกสาวของนาง” พระชายาได้ยินดังนั้นจึงหันขวับ
“เ้าเองก็แจ้งแก่ใจเช่นนี้ แล้วเ้าจะปลอบให้ข้าใจเย็น ได้อย่างไร!” พระชายาหันมองหลินหยางด้วยความเ็ป
ภายในห้องหอ ตบแต่งด้วยผ้าสีแดงผูกเป็ลวดลายสวยงาม บนเตียงนอนสีขาว เต็มไปด้วยดอกเหมยสีแดง เยว่ซินหญิงสาวที่เกิดจากภรรยารองของสกุลไป๋ นั่งรอรัชทายาทบนเตียงด้วยกิริยาสงบ ก่อนเท้าของจ้าวเฉินลู่ในชุดสีแดงจะเดินผ่านประตูเข้ามา นางมองเห็นร่างราง ๆ ของเขาผ่านผ้าคลุมสีแดง พร้อมมือทั้งสองข้างขดเกร็งเล็กน้อย ก่อนรัชทายาทจะเดินมาถึงตัว แล้วเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้าไม่เคยคิด ว่าจะมีวันนี้ วันที่เ้านั่งเป็เ้าสาวของข้า” เยว่ซินไม่ตอบ ก่อนเขาจะค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้างดงามจากอีกฝ่าย ในตอนเด็กว่างดงามแล้ว เวลานี้ยิ่งงดงามหมดจดยิ่งกว่า ก่อนชายหนุ่มจะพูดบางอย่างออกมา
“เ้าอยากเป็พระสนมของข้าบ้างหรือไม่” สายตาสั่นไหวมองมายังหญิงที่เขาปรารถนาเพียงคนเดียว ก่อนนางจะจับจ้องใบหน้ารัชทายาทแน่นิ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
