ถึงแม้ฉินหว่านจะร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสาร น่าเสียดายที่ม่อหลิงหานไม่ชายตาแลนางสักนิด เขายังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะเช่นเดิม ในมือกำลังถือตำราพิชัยยุทธ์ สายตาจดจ่ออยู่ที่ตัวอักษรนับพัน เขาเพียงก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างตั้งใจ
เมื่อฉินหว่านเห็นว่าม่อหลิงหานไม่มีทีท่าจะสนใจนาง ก็รีบร้อนเดินเข้าไปใกล้แล้วจับชายเสื้อของม่อหลิงหานไว้
นางเปิดปากกล่าวต่อไปพร้อมๆ กับน้ำตาที่ร่วงหล่นเป็สายราวกับบุปผาต้องฝน “ท่านอ๋อง พระองค์ต้องไปลงโทษพระชายาที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำผู้นี้นะเพคะ จับนางโยนเข้าตำหนักเย็นไปเลย ให้นางได้สำนึกผิดอยู่ในนั้น และในแต่ละวันก็ให้นางกินแค่น้ำซาวข้าวกับผักแห้งๆ ”
ม่อหลิงหานขมวดคิ้วน้อยๆ
เหตุที่เขาเริ่มขุ่นเคืองหน่อยๆ ไม่ใช่เพราะฉินหว่านหวังให้เขาปลดเยว่เฟิงเกอ แต่เป็เพราะฉินหว่านกำลังจับชายเสื้อของเขาอยู่
เขากล่าวอย่างโมโหด้วยสีหน้าน่ากลัว “เอามือของเ้าออกไป อย่าทำให้อาภรณ์ของเปิ่นหวางต้องสกปรก”
ฉินหว่านใจึงรีบปล่อยมือทันที เหตุใดนางถึงได้ใจร้อนจนลืมเื่นี้ไปได้นะ ท่านอ๋องทรงรักความสะอาดขั้นรุนแรง ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องพระองค์
เมื่อก่อนเคยมีนางกำนัลไม่ระวังทำน้ำแกงหกเลอะอาภรณ์ของม่อหลิงหาน สุดท้ายนางกำนัลคนนั้นก็ถูกโยนออกไปจากจวนจั้นอ๋อง
เมื่อวานฉินหว่านเองก็เผลอจับชายเสื้อของม่อหลิงหานเช่นกัน เมื่อนางกลับไปถึงเรือนหว่านหนิง ก็ได้ยินบรรดาคนรับใช้พูดว่า เมื่อท่านอ๋องเสด็จกลับไปก็ฉีกชุดนั้นจนขาดวิ่นแล้วโยนทิ้งด้วยความโมโห
หากไม่ใช่เพราะตำแหน่งชายารอง ทั้งยังเป็ถึงบุตรสาวสายตรงของเสนาบดีในราชสำนัก ม่อหลิงหานคงไม่ปล่อยนางไปเช่นนี้ ป่านนี้จุดจบของนางคงไม่ต่างอะไรกับนางกำนัลคนนั้นเป็แน่
ฉินหว่านคิดอย่างเคียดแค้น หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของสตรีผู้นั้น ที่นี่จะเกิดเื่อะไรมากมายขึ้นมาได้อย่างไร
อีกทั้ง ตัวนางเองก็คงไม่ลืมเลือนเื่สำคัญที่ว่าม่อหลิงหานมีนิสัยรักความสะอาดขั้นรุนแรงเพียงเพราะความโกรธที่สุมอยู่ในใจเป็แน่
คิดถึงตรงนี้ ฉินหว่านก็ยิ่งแค้นเยว่เฟิงเกอมากขึ้น
ทว่า ในตอนที่ฉินหว่านกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่นั้น จู่ๆ ม่อหลิงหานก็กล่าวขึ้น “ยังจะมัวยืนอยู่ข้างนอกทำอันใด ปัญหาที่เ้าก่อขึ้น คิดจะให้เปิ่นหวางจัดการให้เ้าอย่างนั้นหรือ? ”
ยามที่เอ่ยวาจา สายตาของม่อหลิงหานยังคงไม่เคลื่อนคล้อยไปที่ใด เขายังคงมีท่าทีตั้งอกตั้งใจพลิกอ่านตำราพิชัยยุทธ์อยู่เช่นเดิม
ขณะเดียวกัน เมื่อฉินหว่านได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองนอกประตู และเห็นว่าเยว่เฟิงเกอกำลังยืนอยู่พร้อมส่งรอยยิ้มเกียจคร้านมาให้นาง
ตอนนี้ฉินหว่านแทบอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกหนังหน้าของเยว่เฟิงเกอจริงๆ
เยว่เฟิงเกอน่าตายผู้นี้ คนมีสิทธิ์อะไรถึงได้เกิดมางดงามกว่านาง ทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องแต่เพียงผู้เดียว
หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของอีกฝ่าย ท่านอ๋องจะไม่สนใจไยดีนางได้อย่างไร
เยว่เฟิงเกอที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่ได้รู้เลยว่าฉินหว่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่หากนางได้รู้ คงต้องกลอกตาใส่ฉินหว่านเป็แน่
ม่อหลิงหานเคยโปรดปรานนางั้แ่เมื่อใด?
หากการที่ม่อหลิงหานเพียงพบหน้านางก็พุ่งเข้าบีบคอเช่นนี้เรียกว่ารักแล้วละก็ เช่นนั้นวิธีการแสดงความรักเช่นนี้ก็ดูจะพิเศษเกินไปหน่อย
เยว่เฟิงเกออมยิ้มที่มุมปาก เดินก้าวยาวๆ เข้าไปในเรือนอิ่งเซวียน
ทว่า ชิงจื่อเป็เพียงสาวใช้จึงไม่มีสิทธิ์เข้าไปในเรือนอิ่งเซวียนแห่งนี้ นางทำได้แค่รออยู่ด้านนอกอย่างไม่สบายใจ
เมื่อเยว่เฟิงเกอเดินเข้าไปในเรือนอิ่งเซวียนแล้ว นางถึงได้ปิดประตูที่อยู่เื้ัลงเสียงดัง “ปัง”
เยว่เฟิงเกอไม่อยากให้ฉินหว่านหนีออกไปได้ ดังนั้น เมื่อนางเดินเข้ามาแล้วจึงใช้เท้าดันประตูให้ปิดสนิท
ตอนนี้เองม่อหลิงหานถึงได้เงยหน้าขึ้นปรายตามองผู้มาใหม่
เยว่เฟิงเกอเดินมาถึงตรงหน้าฉินหว่าน ส่งยิ้มหวานให้ “น้องหญิงฉินหว่าน เมื่อครู่นี้เ้าบอกให้ท่านอ๋องลงโทษเปิ่นกง ทั้งยังบอกว่าให้โยนเปิ่นกงเข้าตำหนักเย็นอีก สถานที่แห่งนั้นเป็ที่ที่มีแต่สนมชายาที่ถูกปลดแล้วเท่านั้นถึงจะถูกส่งตัวไป น้องหญิงฉินหว่าน้าให้ท่านอ๋องปลดเปิ่นกง จากนั้นก็ให้เ้าขึ้นมาแทนที่อย่างนั้นหรือ? ”
“ถูกต้อง ข้า้าเช่นนี้” ฉินหว่านอาศัยโอกาสที่ม่อหลิงหานเองก็อยู่ที่นี่ นางเชื่อว่าเยว่เฟิงเกอไม่กล้าทำอันใดนางแน่ จึงยอมรับโดยไม่อิดออด
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าฉินหว่านยอมรับแล้ว จึงยิ่งฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม
ถึงแม้ใบหน้านางจะกำลังยิ้มอยู่ แต่ในสายตากลับมีความเย็นเยียบวาบผ่านไป
ฉินหว่านถูกประกายเ็านี้ทำเอาใ นางรีบไปหลบอยู่หลังม่อหลิงหาน ชี้นิ้วไปที่เยว่เฟิงเกอ กล่าวว่า “เ้าอย่าเข้ามานะ มิฉะนั้นท่านอ๋องไม่ไว้ชีวิตเ้าแน่”
“อ้อ ท่านอ๋อง สิ่งที่นางพูดเป็เื่จริงหรือเพคะ? ” เยว่เฟิงเกอพูดพลางมองไปทางม่อหลิงหาน
ม่อหลิงหานมองใบหน้างดงามของเยว่เฟิงเกอ ยามที่ใบหน้านี้แย้มยิ้มช่างยิ่งงดงามดึงดูดใจคน
ทั้งยังมีอยู่เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ม่อหลิงหานเหมือนจะถูกเยว่เฟิงเกอดึงดูดเข้าจริงๆ
เพียงแต่เขาสังเกตเห็นประกายเ็าในสายตานางอย่างรวดเร็ว จึงสามารถดึงสติกลับมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เขาแค่นเสียงเ็า กล่าวกับเยว่เฟิงเกอว่า “เื่ระหว่างสตรีของพวกเ้า เปิ่นหวางคร้านจะสนใจ”
เยว่เฟิงเกอเดาได้นานแล้วว่าม่อหลิงหานไม่มีทางมาสนใจเื่ของพวกนาง
ั้แ่ที่นางได้กลับมามีชีวิตใหม่ในร่างนี้ นางก็นับว่ามองม่อหลิงหานผู้นี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
“น้องหญิงฉินหว่าน เ้าคงได้ยินแล้วกระมัง ท่านอ๋องมิได้อยากจะสนใจเ้าเลยสักนิด” เยว่เฟิงเกอพูดพร้อมยื่นมือออกไป นางจับข้อมือของฉินหว่านไว้เต็มแรง
ฉินหว่านรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือ ทั้งยังคล้ายจะได้ยินเสียงกระดูกแตกหักอย่างรุนแรงอยู่ข้างหูเสียจนเนื้อตัวขนลุกชัน
“อ๊า เจ็บ เ้ารีบปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้” ครั้งนี้เรียกได้ว่าฉินหว่านร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ
เพราะความเ็ปที่ข้อมือมีมากเกินไป ทำให้น้ำตานางไหลออกมาไม่หยุด
เยว่เฟิงเกอดึงฉินหว่านออกมาจากเื้ัของม่อหลิงหาน มือหนึ่งยังคงจับข้อมือของอีกฝ่ายไว้ อีกมือหนึ่งกำลังบีบคอ
“หากคิดจะฟ้อง ก็ช่วยคิดคำพูดล่วงหน้าให้ดีก่อน สิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด เ้าควรกลั่นกรองผ่านสมองเสียก่อน หากเปิ่นกงได้ยินเ้าบอกให้ท่านอ๋องปลดเปิ่นกงอีกครา เปิ่นกงไม่ปล่อยเ้าไปง่ายๆ เช่นในวันนี้แน่” เยว่เฟิงเกอพูดจบถึงได้ปล่อยมือ
ฉินหว่านไอออกมาอย่างรุนแรง เกรงว่าแขนของนางคงจะหักเพราะเยว่เฟิงเกอแล้ว เนื่องจากเมื่อครู่ที่นางคิดจะเคลื่อนไหว กลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บที่โลดขึ้นมาอย่างชัดเจน
ทางด้านม่อหลิงหาน เขายังคงนั่งอ่านตำราอยู่อีกด้านอย่างไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเพียงเพราะเยว่เฟิงเกอบีบคอฉินหว่าน ทั้งยังไม่มีความคิดจะช่วยนางด้วย
“พวกเ้าออกไปเถอะ เปิ่นหวางจะอ่านตำรา” ม่อหลิงหานออกปากส่งแขกด้วยเสียงเ็า
เยว่เฟิงเกอไม่มองฉินหว่านแม้เพียงนิดก็เดินไปเปิดประตูแล้วออกไปจากเรือนอิ่งเซวียน
ฉินหว่านยังคิดจะฟ้องต่อ แต่ม่อหลิงหานกลับมีสีหน้าเรียบเฉยเ็ายิ่ง
ต่อให้ยามนี้นางจะโง่สักแค่ไหนก็ดูออกว่าม่อหลิงหานคงไม่สนเื่นางอีก
ความเจ็บทั้งหมดที่นางต้องเจอมาในวันนี้นับว่าเปล่าประโยชน์ยิ่ง
ฉินหว่านใช้มือข้างหนึ่งกุมข้อมือที่เจ็บไว้แล้วออกไปจากเรือนอิ่งเซวียนด้วยสีหน้าทนทุกข์
เมื่อนางออกมาถึงด้านนอกก็ะโเรียกสาวใช้นางหนึ่งให้ไปตามหมอประจำจวนมาตรวจอาการให้
ฉินหว่านจ้องมองเงาหลังที่กำลังเดินจากไปของเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาดุร้าย ในใจเริ่มโทษเฉี่ยวอวี้ขึ้นมาอีกครั้ง “นังสาวใช้น่าตายมัวไปหมุดหัวอยู่ที่ใดกันแน่ รอให้กลับมาก่อนเถอะ ข้าไม่ปล่อยนางไว้แน่”
เมื่อสตรีทั้งสองไปจากเรือนอิ่งเซวียนแล้ว ม่อหลิงหานถึงได้วางตำราในมือลง
เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแล้วฉีกเป็ชิ้นๆ ก่อนจะโยนออกไป
อาภรณ์ที่เคยถูกผู้อื่นััแล้ว เขาจะไม่สวมมันอีกเป็ครั้งที่สอง
ม่อหลิงหานมองเงาหลังที่จากไปไกลลิบของเยว่เฟิงเกอ หรี่ตาน้อยๆ
ในตอนนี้เองถานอี้ก็เดินเข้ามา
เขาเล่าเื่ที่คนในจวนวิพากษ์วิจารณ์กันในระหว่างที่เยว่เฟิงเกอเดินเล่นชมจวนให้ม่อหลิงหานฟังอย่างไม่มีตกหล่น
เพียงแต่ไม่ได้เล่าเื่ที่คนในจวนแอบวิจารณ์กันว่าส่วนนั้นของม่อหลิงหานใช้การไม่ได้ออกมา
ม่อหลิงหานได้ยินแล้วก็สั่งการกับถานอี้ว่า “เฝ้าดูพระชายาอย่างลับๆ ต่อไป”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง” ถานอี้รับบัญชาแล้วจากไป
ส่วนม่อหลิงหานยามนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านตำราอีก ไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่าเยว่เฟิงเกอในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตอนที่นางเพิ่งแต่งเข้ามามาก
อีกทั้งใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางของนางก็ช่างงดงามราวกับไม่ใช่คนจริงๆ
เพียงแต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของนางนี้ ทำให้ม่อหลิงหานอดระแวดระวังไม่ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้