"นี่คือตัวอะไร ดูคล้ายเลียงผาที่เคยล่าครั้งก่อน แต่ก็ไม่ทั้งหมด หนังและขนสีออกเหลือง ดูแข็งแรงกว่าเลียงผา แต่เมื่อครู่มันวิ่งเร็วมาก ท่านก็ยิงเข้าเป้าพอดี เก่งกาจยิ่งนัก"
"อาจจะ... เป็กวางซานจาง" ลักษณะคล้ายกับเลียงผา หากไม่ใช่ก็ต้องเป็กวางชะมด ขนของกวางชะมดสีเข้มกว่า เมื่อเป็สีเหลืองอมน้ำตาลก็น่าจะเป็กวางซานจาง เหลียนเซวียนถือไม้เท้าเดินตามอยู่ด้านหลังของนาง
"ก็อาจจะใช่ ดูคล้ายมากอยู่" เซวียเสี่ยวหรั่นกลั้นใจยกขึ้นแล้วเดินไปอีกสองก้าว ก่อนวางลงอีก "โอย... หนักเหลือเกิน เดี๋ยวลองเอามันใส่กระบุงสะพายหลังดูดีกว่า"
นางวางกระบุงลง รื้อเป้สีดำออกมาสะพายด้านหน้า แล้วใส่กวางลงไปแทนที่
กวางซานจางหนักประมาณสี่สิบห้าสิบชั่ง เซวียเสี่ยวหรั่นสะพายจนเจ็บหลัง แต่ก็ช่วยให้เดินเร็วขึ้นกว่าการลาก
"ใช้... กวางซานจางต้อนรับแขก" เหลียนเซวียนเดินไม่เร็วนัก กำลังภายในที่สูญเสียไปต้องใช้เวลาฟื้นฟู
เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งงัน หันกลับไปมอง เขาออกมาล่าสัตว์ทั้งที่ยังขาเจ็บ ไม่ใช่เอาไว้กินเองหรอกหรือ
ที่แท้เขาจำเื่ที่นางพูดกรอกหูตลอดเวลาว่าจะเลี้ยงแขกได้
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว "ได้"
แสงอรุโณทัยสาดแสงลงมาบนใบหน้าของเขา ยามเห็นรอยแผลเป็จางๆ เ่าั้ เซวียเสี่ยวหรั่นกลับรู้สึกดูน่ามองขึ้นหลายส่วน เม้มริมฝีปากอมยิ้มรู้สึกว่าความหนักอึ้งบนหลังเบาขึ้นเป็กอง
ทั้งสองเดินตามกันกลับไปเรือนหลังน้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นวางกระบุงลงด้วยใบหน้าเหยเก เดินมา่หนึ่ง หลังของเธอปวดแสบปวดร้อนเพราะถูกรึงรัดด้วยสายคาดกระบุงบรรทุกกวางซานจางหนักอึ้ง
สูดปากร้องซี้ดๆ ด้วยความเ็ป
"กวางตัวนี้ช่างหนักเหลือเกิน โอย ไหล่ของข้า..."
"หนักมากรึ?" เหลียนเซวียนค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้
"หนักมาก น่าจะหนักสี่สิบถึงห้าสิบชั่งได้ ไหล่ทั้งสองของข้าถูกบาดจนถลอกหมดแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นเบ้ปาก น้ำเสียงตัดพ้อของเธอฉายแววกระเง้ากระงอดอยู่หลายส่วนโดยที่แม้แต่ตนเองก็ยังไม่รู้ตัว
เสียงของเธอไม่ดังกังวาน แต่ก็ไม่เบาเกินไป ปรกติยามพูดจู้จี้จุกจิกน้ำเสียงยังสูงต่ำมีจังหวะจะโคน แต่การตัดพ้อยามนี้กลับออดอ้อนฉอเลาะกว่าที่เคยเป็
เหลียนเซวียนเม้มริมฝีปากกระแอมกระไอ "ทา... น้ำมันกวาง"
"จิ๊ๆ น้ำมันกวางกลายเป็น้ำมันสารพัดนึกไปแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นทอยิ้ม "มันใช้ได้ขนาดนั้นเสียที่ไหน"
เหลียนเซวียนเองก็จนใจ ในมือไม่มีขี้ผึ้งทาแผลที่เหมาะสม ต้องเอาน้ำมันกวางมาใช้แก้ขัดไปก่อน
"เดี๋ยวค่อยทา ข้าไปทำอาหารเช้าก่อน หิวจะตายอยู่แล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นเอาของในกระเป๋าเป้กลับไปวางที่เดิม
อาเหลยเปิดประตูวิ่งออกมายืนร้องเจี๊ยกๆ อยู่ที่ข้างขาของเธอ ราวกับกำลังตัดพ้อต่อว่าเหตุใดพวกเขาไปนานเพิ่งกลับมาป่านนี้
"เอาล่ะๆ เดี๋ยวข้าจะทำเนื้อให้เ้ากินแล้วกันนะ เด็กดี" เซวียเสี่ยวหรั่นประเล้าประโลมอาเหลย
ยามซีมู่เซียงมาถึง เห็นกวางซานจางวางอยู่หน้าห้องครัวก็ตกตะลึง
พอรู้ว่าทั้งสองขึ้นเขาไปล่ามาแต่เช้า ก็พลันรู้สึกเลื่อมใส
"ต้าเหนียงจื่อ หลางจวินของท่านเก่งกาจยิ่ง ดวงตามองไม่เห็นแท้ๆ ยังล่าสัตว์มาได้" ความสามารถสูงส่งเพียงนี้ ก็ไม่ต้องวิตกกังวลเื่ทำมาหากินอีกต่อไป
หา... อะไรหลางจวินของเธอ? เซวียเสี่ยวหรั่นขยับมุมปาก ้าพูดบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจเอ่ยคำใด
"ต้าเหนียงจื่อ สัตว์ใหญ่ขนาดนั้นไม่เอาไปขายหรือเ้าคะ" ซีมู่เซียงเห็นนางหิ้วกวางซานจางเข้าไปในครัว ก็ถามอย่างอดไม่ได้
กวางซานจางเช่นนี้ย่อมไม่ได้ราคาเท่ากับหมีดำ แต่ก็น่าจะมีราคาหลายตำลึงเงิน
"ไม่ขาย เอาไว้เลี้ยงแขก เดี๋ยว่บ่ายจะเชิญพวกบิดาเ้ามากินข้าว พวกเรานัดหมายไว้นานแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จเสียที น่าละอายใจจริงๆ"
ขายแล้วยังต้องไปซื้อเนื้ออีก วุ่นวายเกินไป ไม่สู้ทำเนื้อกระทะผัดเผ็ดให้พวกเขากิน ปริมาณเยอะเพียงพอ เนื้อก็สดใหม่ ทั้งยังประหยัดเวลาไปมาก
ซีมู่เซียงคลี่ยิ้ม
ถึงขนาดเอากวางซานจางทั้งตัวมาทำอาหารเลี้ยงแขก จะลงทุนมือเติบเกินไปหรือไม่
"ตะ... แต่ว่าเนื้อเยอะขนาดนี้คงกินไม่หมดหรอก" แม้อากาศไม่นับว่าร้อนมาก แต่เก็บนานเกินไปไม่ได้ ซีมู่เซียงอดไม่ได้ตามเข้าไปเกลี้ยกล่อมต่อถึงในครัว
"ไม่เป็ไร ถึงเวลาพวกเ้าเอากลับด้วย แค่นี้ก็กินหมดแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นวางกวางซานจางไว้อีกด้าน เริ่มทำอาหารเช้าก่อน
จะได้อย่างไรเล่า เนื้อกวางซานจางล้วนเป็เงินเป็ทองทั้งนั้น
ซีมู่เซียงยับยั้งชั่งใจ สุดท้ายก็กล่าวว่า "ต้าเหนียงจื่อ ข้าจะกลับบ้านไปก่อน อีกประเดี๋ยวค่อยมาใหม่นะเ้าคะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นนางท่าทางลุกลี้ลุกลน ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางจะรีบร้อนไปทำอะไร
แต่ไม่ช้า เธอก็รู้ว่าซีมู่เซียงรีบร้อนไปทำอะไร
ยามซีต้าเฉียงกับซีมู่คุนสองพ่อลูกมาถึง เห็นกวางซานจางยังอยู่ดีที่มุมห้องครัว ก็โล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
"ต้าเหนียงจื่อ ได้ยินมู่เซียงบอกว่า หลางจวินสกุลเหลียนออกไปล่ากวางซานจางแต่เช้าตรู่ เตรียมเอามาเลี้ยงแขกเลยหรือ" ซีต้าเฉียงประสานมือคำนับ
ถึงคราเซวียเสี่ยวหรั่นเป็ฝ่ายอึ้งบ้าง หันไปมองซีมู่เซียงที่ด้านหลังของพวกเขาสองคน ราวกับถามว่าที่นางกลับไปเมื่อครู่ก็เพื่อไปตามซีต้าเฉียงมา
ซีมู่เซียงหน้าแดง หลุบตาลงกึ่งหนึ่ง
นางแค่รู้สึกว่ากวางตัวใหญ่ขนาดนี้มีราคาไม่น้อย เอามากินก็เสียดาย
คนทั้งบ้านซีต้าเฉียงต่างรู้สึกเช่นนี้ ปรกติพวกเขาล่าสัตว์มาส่วนใหญ่ก็เอาไปขาย นอกเสียจากเป็สัตว์ที่ไม่มีราคา ถึงจะเก็บไว้กินเอง ใช้เงินจากที่ขายสัตว์ได้มาซื้อเนื้อกินย่อมคุ้มกว่า
พอนึกถึงว่าต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนจะเอากวางซานจางที่มีราคามาทำอาหารเลี้ยงแขก ซีต้าเฉียงก็นั่งไม่ติด
"กวางซานจางตัวหนึ่งมีราคามากเลยหรือ" ท่าทางของซีต้าเฉียงเหมือนจะบอกว่าพวกท่านฟุ่มเฟือยเกินไป ทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นต้องถามอย่างอดไม่ได้
"ราคากวางซานจางก็สูงอยู่ เพราะพวกมันวิ่งเร็ว ไม่ง่ายที่จะจับได้ กวางซานจางตัวนี้น่าจะได้ราคาสี่ถึงห้าตำลึงเงิน" ซีมู่คุนประเมินราคา
สี่ถึงห้าตำลึง? ดูเหมือนจะมากอยู่ ครั้งก่อนไปซื้อของร้านชำในหมู่บ้านตั้งกองใหญ่ยังใช้เงินไปเพียงตำลึงเดียวเท่านั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นท่าทางลังเล "แต่ต้องเอาไปขายในเมืองมันไกลเกินไป"
ไปกลับครั้งหนึ่งหกชั่วโมง โอ้มารดาเอ๋ย มิหนำซ้ำตอนนี้เธอไม่มีเวลาว่างไปไกลขนาดนั้น
"ไม่เป็ไร หากต้าเหนียงจื่อไว้พวกเราสองพ่อลูก พวกเราจะช่วยเอาไปขายในเมืองให้ท่านเอง"
ซีต้าเฉียงตบอกผาง หากพวกเขากินมื้อเดียวสี่ห้าตำลึง ก็เท่ากับกำลังกินเงินเข้าไป ชาวบ้านธรรมดาไหนเลยจะใช้ชีวิตแบบนี้
เซวียเสี่ยวหรั่นลังเลใจอยู่
เหลียนเซวียนกุมไม้เท้าเดินออกมาจากห้องข้าง
ซีต้าเฉียงสามพ่อลูกรีบเข้ามาทักทาย
ข่าวเื่เหลียนเซวียนพูดได้แล้ว พวกเขารู้มาจากปากของซีมู่เซียงแล้วจึงไม่ใเกินไป
"ไม่ต้องวุ่นวายหรอก" เหลียนเซวียนเข้าใจความหมายของพวกเขา
"ไม่วุ่นวาย ไม่วุ่นวายเลย ไม่วุ่นวายแม้แต่น้อย ยามนี้หลางจวินยังไม่หายดี ต่อไปทั้งหาหมอซื้อสมุนไพรรักษายังต้องใช้เงินอีกไม่น้อย ไยต้องนำสัตว์มีราคาเช่นนี้มาสิ้นเปลืองกับคนหยาบกระด้างอย่างพวกเราด้วย"
ซีต้าเฉียงจำได้ว่าค่ายาของหลางจวินสกุลเหลียนครั้งก่อนสูงถึงแปดตำลึง หาใช่ถูกๆ
พอคำพูดนี้กล่าวออกมา เซวียเสี่ยวหรั่นพลันตระหนักได้
จริงด้วยสิ โรคของเหลียนเซวียนน่าจะต้องจ่าค่ารักษาอีกมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นต่อไปยังต้องเดินทางไกลกลับแคว้นฉี เสื้อผ้าอาหารระหว่างทางล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น เงินเพียงเล็กน้อยที่มีอยู่ต้องไม่พออยู่แล้ว
เหลียนเซวียนมองซีต้าเฉียง แต่ไรมาเขาไม่เคยยี่หระกับการใช้จ่ายเงินทอง การคิดอ่านจึงไม่รอบคอบนัก
ซีต้าเฉียงกล่าวเช่นนี้ กลับแสดงให้เห็นว่าพวกเขาใช้ชีวิตไม่เป็
