หลังจากนั้นซิ่วหนิงก็ให้คนปล่อยข่าวของหวังฮูหยิน ว่านางติดพนันอย่างหนักและเป็หนี้กองโต ทำให้ฮูหยินถูกใต้เท้าหวังไล่ออกจากจวนตัดขาดความเป็สามีภรรยา สกุลหวังถึงกับบ้านแตก บิดามารดาไปคนละทิศละทาง ไม่นานนักซิ่วหนิงก็ได้ข่าว ว่าแม่นางเซียนยู่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ที่บ่อน้ำภายในจวน ส่วนใต้เท้าหวังก็ลาออกจากราชการไปใช้ชีวิตต่างเมือง ตำแหน่งเสนาบดีกรมยุติธรรมคนใหม่จึงกลายเป็ของใต้เท้าเซิ่น ที่เป็คนของชินอ๋อง คอยช่วยเหลือเขาอีกแรงเพื่อก่อฏ
“คุณหนูเ้าคะ เหม่ออันใดเ้าคะ จะออกไปพบแม่นางหวังเซียนยู่หรือไม่” คำถามของอิงอิงทำให้ซิ่วหนิงได้สติกลับมา
“บอกให้นางเข้ามารอในจวน เดี๋ยวข้าจะออกไปพบ”
“เ้าค่ะ” ว่าแล้วซิ่วหนิงก็หันไปยังกล่องเก็บทรัพย์สินของตัวเอง รื้อหาของมีค่าแล้วหยิบใส่ห่อผ้าไว้จำนวนหนึ่ง พร้อมความคิด
“ในอดีตข้าทำให้จวนสกุลหวังพังพินาศ บิดามารดาแยกไปคนละทาง เป็ต้นเหตุให้เ้าต้องฆ่าตัวตาย ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำร้ายเ้าอีก หวังว่าทรัพย์สินเท่านี้ ก็น่าจะเพียงพอช่วยแม่ของเ้าได้” หยางซิ่วหนิงคิดได้ดังนั้น จึงเดินออกจากห้องไปพบหวังเซียนยู่ ขณะที่นางนั่งน้ำตาซึมอยู่ เมื่อเห็นร่างของคุณหนูใหญ่สกุลหยาง ก็รีบลุกขึ้นก้มตัวลงเล็กน้อย
“เ้าไม่ต้องเคารพข้าหรอก ฐานะของเ้าไม่ต่ำกว่าข้าเท่าใดนัก บิดาของเ้าเป็ถึงเสนาบดีกรมยุติธรรม” ซิ่วหนิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนเซียนยู่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมีความหมาย
“ที่ข้ามาหาท่าน เพราะมีเื่อยากให้ท่านช่วย ตอนนี้มารดาของข้าทำผิดพลาดเล่นพนันจนหมดตัว ซ้ำยังเป็หนี้เถ้าแก่ฉินอีก หากท่านพ่อรู้เข้าต้องเอาเื่ท่านแม่ ข้าคิดเื่นี้มาหลายวัน ไม่อาจหาทางออกได้ จนกระทั่งนึกถึงท่าน ข้าอยากจะ...” ยังไม่ทันที่หญิงสาวพูดจบ ซิ่วหนิงก็เลื่อนห่อผ้าที่ถือติดมาให้ พร้อมสายตาของอิงอิงจะเบิกกว้างเล็กน้อย
“ของในห่อนี้เป็ทรัพย์สินส่วนหนึ่งของข้า ก็ไม่ได้มากมายเท่าใดนัก เ้าเอาไปคืนเถ้าแก่ฉินซะ!” คำพูดราบเรียบของซิ่วหนิง ทำให้เซียนยู่น้ำตาเอ่อขึ้นมาทันที มือเล็กค่อย ๆ เอื้อมไปจับห่อผ้า แล้วค่อย ๆ เปิดดูก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เหตุใดจึง...” ยังไม่ทันที่นางถามจบ หยางซิ่วหนิงก็เอ่ยขึ้น
“ปัญหาของแม่เ้า อย่างไรก็แก้ไม่ได้หากไม่มีเงินไปคืนเถ้าแก่ฉิน เอาทรัพย์สินของข้าไปคืนเถ้าแก่ฉิน แล้วเื่ของแม่เ้าก็จะจบลงโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เถ้าแก่ฉินไม่ใช่คนปากมาก เพียงแค่ได้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย ทุกอย่างก็จบ” แม่นางเซียนยู่ได้ยินดังนั้นจึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นในทันที แล้วคำนับซิ่วหนิงซ้ำ ๆ พร้อมน้ำตาหลั่งไหลออกมาด้วยความซาบซึ้งใจอย่างถึงที่สุด
“ข้าขอบใจคุณหนูใหญ่มากเ้าค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ”
“ไม่ต้องทำถึงเพียงนั้น การช่วยเหลือเ้าครั้งนี้ข้ามิได้ลำบากอันใด” ซิ่วหนิงค่อย ๆ เข้าไปจับกายอีกฝ่ายลุกขึ้นยืน พร้อมสังเกตเห็นแววตาของเซียนยู่ จับจ้องมองมาด้วยความซาบซึ้งใจ
“ข้าไม่คิดว่าท่านจะมีเมตตาช่วยข้าถึงเพียงนี้ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะพยายามหาเงินมาคืนท่านโดยเร็วที่สุด ความเมตตาของท่านข้าจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด” รอยยิ้มของเซียนยู่ทำให้หยางซิ่วหนิงชะงักนิ่ง เป็ครั้งแรกที่รู้สึกดีกับการช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ พร้อมมองเข้าไปั์ตาอีกฝ่าย ที่มองนางด้วยความซาบซึ้งใจอย่างถึงที่สุด
“การทำความดี มีความรู้สึกเช่นนี้หรอกเหรอ” นางหวนคิดอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะยิ้มให้กับอีกฝ่าย ทว่ารอยยิ้มของหยางซิ่วหนิง เป็รอยยิ้มที่ปราศจากเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ทำให้อิงอิงที่ยืนอยู่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างจากเ้านาย
“เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเ้าคะ ข้าจะรีบเอาของพวกนี้ไปให้เถ้าแก่ฉิน” ซิ่วหนิงพยักหน้ายิ้มรับ ก่อนเซียนยู่จะจ้ำอ้าวเดินออกไปก่อนจะหันกลับมาเป็ครั้งสุดท้าย
“หากท่านมีเื่ใดให้ข้าช่วยเหลือ บอกข้าทันที อะไรที่ข้าช่วยเหลือท่านได้ ข้ายินดีตอบแทน” ในอดีตซิ่วหนิงเคยดูถูกความช่วยเหลือของเซียนยู่ แต่ครั้งนี้นางจะเปลี่ยนแปลงอดีต
“เช่นนั้น หากภายหน้าข้ามีเื่ให้เ้าช่วยเหลือ ข้าจะรีบไปที่จวนสกุลหวังทันที” หวังเซียนยู่ยิ้มรับ แล้วเบี่ยงตัวเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มใสสะอาดของซิ่วหนิงจะเผยออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะหันมาพบกับอิงอิงที่ขมวดคิ้วจับผิดอยู่
“เ้ามองอะไร” ซิ่วหนิงหุบยิ้มในทันทีแล้วปั้นหน้านิ่ง ก่อนสองเท้าของอิงอิงจะเดินเข้ามา จับจ้องมองซิ่วหนิงแล้วพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“คุณหนูทำเช่นนี้อีกแล้วนะเ้าคะ” ซิ่วหนิงชะงักเล็กน้อย แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ข้าทำอันใด”
“ก็คุณหนูยังไม่รู้เลยว่า แม่นางเซียนยู่มาพบเื่ใด แต่คุณหนูก็เตรียมของมีค่าไว้ให้นางก่อนแล้ว ราวกับรู้ล่วงหน้าว่านางมาพบเื่ใด” ซิ่วหนิงย่อตัวลงแล้วยกชาขึ้นดื่ม พร้อมสัดส่ายสายตาพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง
“ก็แค่บังเอิญ”
“คราวก่อน ก็เื่เสื้อผ้าของพระชายา มาครั้งนี้ก็เื่ของแม่นางเซียนยู่ คุณหนูทำราวกับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า” ซิ่วหนิงรินชายกขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ใครจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ข้าก็แค่เดาเท่านั้น ข้ากับแม่นางเซียนยู่ไม่เคยพบกัน หากมีเื่เดือดร้อนถึงกับขอความช่วยเหลือ ก็คงไม่พ้นเื่เงิน แต่ไม่คิดว่าจะเดาถูกก็เท่านั้น”
“จริงเหรอเ้าคะ” อิงอิงทำสายตาไม่เชื่อ
“บังอาจ มีสิทธิ์อะไรมาจับผิดข้า” ซิ่วหนิงแสร้งปั้นหน้าขรึม ก่อนอีกฝ่ายจะสลดลงเล็กน้อย
“ไม่สงสัยแล้วก็ได้เ้าค่ะ แต่ข้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เหตุใดคุณหนูจึงยอมช่วยสกุลหวังด้วย หากเป็เมื่อก่อนคุณหนูไม่มีทางช่วยเหลือคนที่ไม่มีผลประโยชน์ต่อคุณหนูแน่ ๆ” คำพูดของอิงอิงสะกิดให้ซิ่วหนิง มองเห็นถึงความชั่วร้ายของตัวเองในอดีต ก่อนจะถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
