หลิวเต้าเซียงถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “พวกเขาต่อสู้จริงหรือ?”
“ไม่หรอก ซุนต้าเตากลัวท่านปู่กับท่านพ่อ เมื่อเห็นทั้งสองคนพุ่งมาพร้อมกับเครื่องมือทำสวน มีดผ่าฟืนของเขาสู้ไม่ไหวอยู่แล้ว”
ดังนั้นนี่แหละหนาคือผลลัพธ์ของการทำโดยไม่คิด
ไม่ว่าซุนต้าเตาจะกร่างอย่างไร แต่ก็สู้หลิวต้าฟู่และหลิวซานกุ้ยไม่ไหว
หลิวชิวเซียงถอนหายใจในเวลานี้ “ไม่น่าแปลกใจที่ท่านย่าเอาแต่พูดถึงเื่คลอดลูกชาย เวลาทะเลาะกันขึ้นมา ในบ้านก็ต้องพึ่งท่านปู่กับท่านพ่อ แล้วก็พี่น้อง”
หลิวเต้าเซียงอึ้งไปก่อน จากนั้นก็ยิ้มขมขื่น นางก็เห็นด้วย
ในสังคมกฎหมายสมัยใหม่ไม่มีเื่ราวเหล่านี้ให้เห็น แต่นี่คือยุคโบราณ ยุคสมัยที่ผู้ชายเป็ใหญ่คับฟ้า ครอบครัวที่มีกำลังพลของผู้ชายมากเท่าใด ย่อมสามารถตัดสินสถานะของครอบครัวนั้นในชุมชน อย่างเช่นเื่ต่อสู้วันนี้
เหตุใดซุนต้าเตาถึงกลัว?
เพราะผู้ชายในครอบครัวของหลิวต้าฟู่มีมากกว่าในตระกูลซุน และซุนเถาฮัวมีพี่ชายเพียงคนเดียว
“แล้วซุนต้าเตาล่ะ?” หลิวเต้าเซียงไม่เห็นเขาั้แ่เข้ามา
“หนีไปแล้ว!” ใบหน้าของหลิวชิวเซียงแฝงความดูแคลน
หลิวเต้าเซียงยังไม่เชื่ออยู่บ้าง จึงเอ่ยถามย้ำ “หนีไปแล้วจริงหรือ?”
“อืม!” หลิวชิวเซียงตอบด้วยเสียงหนักแน่น แต่ในใจกลับยังไม่สงบ
สองพี่น้องกำลังพูดคุยเื่ซุนต้าเตาอยู่ในห้อง ขณะที่ในห้องครัวก็มีจางกุ้ยฮัวที่คอยจัดการทุกอย่าง
ส่วนหลิวซุนซื่อก่อไฟอยู่หน้าเตา แก้มด้านซ้ายบวมเป่งเหมือนซาลาเปา หลังจากที่ซุนต้าเตากลับไป หลิวฉีซื่อก็ะเิไฟโทสะไปที่นาง แก้มที่บวมเป่งนี้ก็เป็ฝีมือของหลิวฉีซื่อที่ฟาดใส่นาง
จางกุ้ยหัวเหลือบมองนางด้วยท่าทีคาดเดาได้ยาก จากนั้นก็เทผักกวางตุ้งลงในหม้อ
มีเสียงซู่ซ่าดังขึ้นจากในครัว หลิวต้าฟู่ที่นั่งอยู่ในห้องโถงกลับมีท่าทีครุ่นคิดหนัก ตอนนี้เขาก็อายุมากแล้ว เดิมทีคิดว่าเมื่อลูกๆ เติบโต ขอเพียงลูกชายมีลูกสะใภ้และลูกสาวสามารถแต่งเข้าครอบครัวที่ดี เขาคงมีชีวิตที่สงบสุขชั่วชีวิต
ใครจะรู้ว่า…
หลิวซานกุ้ยนั่งเคียงข้างและดูบิดาจิบสุราหนึ่งจอกภายในสองสามอึก จากนั้นก็ดื่มติดต่อกันหลายจอก สมองเริ่มเบลอ กระทั่งไหสุราก็จับไม่มั่น
เขาเรียกหลิวฉีซื่อให้เข้ามา ขอให้นางช่วยพยุงหลิวต้าฟู่เข้าไปในห้องตะวันออกเพื่อพักผ่อน แล้วบอกให้หลิวเสี่ยวหลันไปตักน้ำเย็นมาหนึ่งกะละมังให้ผู้เป็พ่อได้ล้างหน้า
ทั้งสามคนล้อมรอบกายหลิวต้าฟู่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะจัดการให้เขาอยู่ในสภาพที่สบาย ส่วนฟากจางกุ้ยฮัวก็เรียกให้ทานข้าวแล้ว
“ท่านแม่ ข้าจะดูแลท่านพ่อเอง ท่านแม่ไปทานข้าวเถิด” หลิวซานกุ้ยยังคงเป็ลูกชายที่กตัญญู เพียงแต่ไม่ได้กตัญญูแบบโง่เขลาอีกต่อไป
หลิวฉีซื่อยืนอยู่ข้างหลังเขา นางยกเปลือกตามองเขาอย่างเ็า แน่นอนว่า นางทำเช่นนี้อย่างแยบยล
จากนั้นก็หันไปเรียกหลิวเสี่ยวหลันให้กลับไปทานข้าวที่ห้องโถง
เมื่อทั้งครอบครัวนั่งลง หลิวเต้าเซียงพบว่าใบหน้าของหลิวซุนซื่อถูกตีจนบวม จึงมองนางด้วยความตื่นตะลึงแล้วหันไปมองมารดาของตน
จางกุ้ยหัวเหลือบมองหลิวฉีซื่อที่กําลังกินข้าวอยู่ จึงก้มศีรษะลงและไม่ปริปากแต่อย่างใด
หลิวเต้าเซียงนั้นดูแคลนผู้เป็ย่าอย่างแท้จริง แม้ว่าหลิวซุนซื่อจะเป็สะใภ้ที่ละโมบและชอบพูดโกหก แต่ทุกคนต่างก็เป็ผู้หญิง เหตุใดจึงต้องทรมานผู้หญิงด้วยกัน? หลิวฉีซื่อไม่สมควรตีนางเช่นนี้
ใบหน้าของหลิวฉีซื่อดูไม่ค่อยดีนัก เพียงแต่เอื้อมมือออกไปคีบเนื้อหมูเค็มผัดผักดองให้หลิวเสี่ยวหลัน
ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ตรงหน้าประตูก็มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้น ประตูบ้านบานเก่าถูกกระแทกออกอย่างแรงเข้ากับกำแพงอิฐ กำแพงบ้านนั้นถึงกับสั่นะเืและมีฝุ่นร่วงหล่นลงมา
ถัดจากนั้น ก็มีชายฉกรรจ์สิบกว่าคนถือมีดเชือดหมูกรูกันเข้ามา คนที่นำหน้าก็คือเ้าก้อนเนื้อเดินได้ ซุนต้าเตา
สายตาของเขาที่มองมายังห้องโถงนั้นทั้งดุร้ายและโเี้
ด้านในห้องโถงนั้นมืด จึงไม่เห็นสภาพหัวหมูของหลิวซุนซื่อที่ถูกทุบตี เพียงแต่แยกแยะออกว่าเป็เงาของนาง
“น้องข้า อย่าได้กลัวไป พี่ชายบุกกลับมาแล้ว”
ที่แท้เมื่อเขาเห็นว่าตนเองไม่ใช่ฝั่งที่ได้เปรียบ จึงหนีหางจุกตูดไป แต่ไม่ทันไรก็กลับไปขนพรรคพวกโต้กลับมาราวกับปืนกล
“ท่านลุง!” หลิวจูเอ๋อร์มีความสุขมากที่ได้เห็นซุนต้าเตาพาพวกพ้องกลับมา วันนี้หลังจากที่ลุงของนางกลับไป มารดาของตนถูกทุบตีเช่นนั้น จึงทำให้นางขวัญเสียอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ คราวนี้เมื่อเห็นซุนเต้าเตาจึงรู้สึกสนิทสนมเป็พิเศษ
หลิวฉีซื่อตาไวมือไว ขณะที่หลิวจูเอ๋อร์เพิ่งเอ่ยปากก็ตวาดนางเสียงดัง “จูเอ๋อร์!”
หลิวจูเอ๋อร์ไม่อยากสนใจหลิวฉีซื่อแต่อย่างใด
หลิวฉีซื่อเห็นนางหันหลังให้ถึงกับโมโหจนหน้าเขียวปั๊ด กัดฟันกรอดแล้วเอ่ย “หลิวจูเอ๋อร์ เ้าอย่าลืมว่าเ้าแซ่หลิว หากเ้ากล้าทำการอันใดที่ไม่เป็ผลดีต่อครอบครัวหลิว ก็อย่าได้โทษพ่อกับย่าของเ้าที่ไร้ความปรานี”
ความหมายนั้นค่อนข้างชัดเจน หากหลิวจูเอ๋อร์กล้าทำเื่ไม่ดีต่อครอบครัวของตน นางจะให้หลิวจูเอ๋อร์ห้ามใช้แซ่หลิวอีก
ในสมัยราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ ผู้หญิงที่ไม่มีตระกูล โดยเฉพาะหญิงสาวที่ถูกตระกูลขับไล่ต้องแบกรับการกล่าวโทษไปตลอดชีวิต ยิ่งไม่มีผู้ใดที่้าถกเื่การหมั้นหมาย
หลิวจูเอ๋อร์ชั่งน้ำหนักซ้ำไปมา จึงได้แต่กลืนคำพูดกลับเข้าไป
หลิวซานกุ้ยเห็นว่าซุนต้าเตาผู้มาเยือนนั้นไม่ได้มาดี เขาเลือกไม่ทะเลาะกับชายผู้นั้น เพียงแต่มองไปทางหลิวซุนซื่ออย่างนิ่งเรียบแล้วเอ่ย “พี่สะใภ้รอง้าถูกปลดออกจากครอบครัวนี้หรืออย่างไร?”
หลิวซุนซื่อได้ยินดังนั้นก็พลันโมโห ก่อนหน้านั้นนางถูกหลิวฉีซื่อทุบตี ต่อมาก็ถูกน้องสามใช้คำพูดบีบบังคับ
นางย่อมรู้เื่ครอบครัวของนางเป็อย่างดี พี่ชายของตนเป็พวกอันธพาล หากว่าเขาทำร้ายใครก็ตาม หลิวเหรินกุ้ยเป็คนแรกที่จะไม่ให้อภัยนาง
หลิวซุนซื่อนั้นดวงซวยตลอด่ที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นหลิวเหรินกุ้ยปฏิบัติต่อนางเป็อย่างดี อีกทั้งตนเองยังให้กำเนิดบุตรชายสองและบุตรสาวหนึ่ง หากว่านางถูกปลด ไม่เพียงแต่การแต่งงานของลูกๆ จะทำได้ยาก เกรงว่าตนเองก็คงไม่ได้อยู่ดีไปถึงไหน
หลังจากได้คําตอบเช่นนี้ นางจึงลุกขึ้นเดินไปที่ลานบ้าน ปรากฏว่าหลิวฉีซื่อไอเสียงดัง แล้วมองไปทางแก้มด้านซ้ายของนาง หลิวซุนซื่อจึงรู้ตัว จากนั้นก็กลับมานั่งลงแล้วะโไปทางซุนต้าเตา “ท่านพี่อย่าได้โกรธเคือง หากถึงขั้นเสียชีวิตจะเข้าคุกเอาได้ คนที่น่าสงสารจะเป็พี่สะใภ้กับท่านพ่อและท่านแม่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลานอีกสี่คนต้องดูแลให้เติบใหญ่ ท่านพี่อย่าได้ปล่อยให้ความโกรธครอบงำสติ”
ซุนต้าเตาไม่ได้เฉลียวใจว่าเหตุใดหลิวซุนซื่อจึงไม่ออกมาต้อนรับเขา เมื่อเห็นนางพูดเช่นนี้ ในใจยิ่งเกิดความได้ใจ อย่างน้อยก็เป็น้องสาวของเขาเองจึงแค่เรียกแทนเขาเช่นนี้
“เถาฮัว พี่รู้ว่าเ้าเป็ห่วง แต่ครอบครัวเราไม่อาจทนความอัดอั้นนี้ได้ เื่อันใดต้องมาปล่อยให้นางเฒ่าคนนี้กระทำชำเราเ้า น้องสาวข้านั้นเป็ดั่งแก้วตาดวงใจ”
หลิวซุนซื่ออยากจะบอกว่า นางออกเรือนแล้ว แม่สามีตนเองนั้นร้ายกาจยิ่งนัก หากไม่ทำตามที่หลิวฉีซื่อพูด เกรงว่าหลังจากท่านพี่ไปแล้วตนเองจะถูกทรมานต่อ จึงเอ่ย “ท่านพี่อย่าโมโห เื่นี้รอให้เหรินกุ้ยกลับมาพูดคุยกันดีๆ จะดีกว่า”
ซุนต้าเตาได้ยินแล้ว เมื่อคิดกลับกัน เื่นี้ต้องเรียกให้หลิวเหรินกุ้ยนั่นกลับมาก่อนจริง แล้วสะสางเื่นี้ให้ชัดเจนถึงจะถูก
คนในตระกูลซุนที่ตามมาด้วยก็มีคนที่ไม่้าให้เื่บานปลาย พวกเขาเพียงแค่้ามาเสริมบารมีหนุนหลังให้ซุนต้าเตา หากว่าจะฆ่าฟันกันจริง พวกเขาเองก็กลัวว่าจะเข้าคุก
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของซุนต้าเตาลังเล จึงเดินเข้าไปโน้มน้าวเขาด้วย
อย่างน้อยซุนเถาฮัวก็แต่งเข้าบ้านตระกูลหลิว แล้วให้กำเนิดลูกชายสองลูกสาวหนึ่ง หากไม่เห็นแก่หน้าคนหัวหงอกทั้งสอง ก็ให้เห็นแก่ลูกหลาน ควรรอให้หายโมโหก่อนจากนั้นมานั่งคุยกันดีๆ
หากตระกูลหลิวไม่รู้จะตกลงอย่างไร พวกเขาค่อยมาอาละวาดก็ยังไม่สาย
ซุนต้าเตายังพอฟังคำพูดของคนตระกูลเดียวกันบ้าง ต่อมาก็นึกถึงภรรยาที่เป็กังวลและลูกๆ แรงสังหารในใจก็ลดลงไปหลายระดับ
“เถาฮัว พี่จะฟังเ้า บอกให้คนตระกูลหลิวส่งข่าวไปเรียกหลิวเหรินกุ้ยกลับมา วันนี้เราต้องตกลงเื่นี้กันให้ชัดเจน”
หัวใจของหลิวฉีซื่อแอบรําคาญที่ซุนต้าเตาคนนี้มีสมองกลวง ฮึ คิดว่าหลิวฉีซื่อเกรงกลัวตระกูลซุนของเขามากนักหรือ?
คราวนี้นางตัดสินใจจริงๆ ว่าหลังจากผ่านพ้นเื่นี้ไป นางต้องไปเยือนจวนตระกูลหวงสักครา
เนื่องจากความโง่เขลาของซุนต้าเตา หลิวฉีซื่อจึงเกลียดชังตระกูลซุนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คิดในใจว่า คนตระกูลซุนก็เห็นว่าตนเองคนเยอะไม่ใช่หรือ? ตระกูลของนาง ฉีหรุ่ยเอ๋อร์ร้ายกาจกว่านี้นัก!
เมื่อความคิดเปลี่ยนไป หลิวฉีซื่อจึงเอ่ยกับหลิวจูเอ๋อร์ “ให้ท่านลุงเ้า…”
พูดถึงตรงนี้นางก็หยุดลง ลำพังคำพูดไม่กี่คำนี้นางก็ครุ่นคิดในใจอีกรอบ ไม่อาจปล่อยให้หลิวจูเอ๋อร์ไปอยู่ข้างซุนต้าเตา เกิดนางฟ้องขึ้นมาจะทำอย่างไร?
แต่จะไม่ให้นางออกไปรินน้ำชาให้ซุนต้าเตาก็กลัวว่าเขาจะเกิดความสงสัย จึงเลื่อนสายตาไปแล้วเอ่ยอีก “เต้าเซียง เ้ากับพี่จูเอ๋อร์ไปเอาเก้าอี้ให้ท่านลุงซุนนั่ง แล้วรินน้ำชาเย็นให้พวกเขาทุกคน ชิวเซียง ซานกุ้ย พวกเ้าไปดูที่บ้านหลี่เจิ้ง และเชิญเขามาที่นี่ จากนั้นบอกให้เหล่าหวังนำรถเข็นวัวไปรับตัวเหรินกุ้ยกลับมา แล้วบอกว่าพี่ชายของภรรยาเขามาที่บ้าน”
ขณะพูดเช่นนี้ สายตาของนางก็กวาดตามองชายฉกรรจ์เ่าั้ที่ยังอยู่ในลานบ้าน
หลิวซานกุ้ยพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป ทำมือคำนับไปทางซุนต้าเตา บอกเพียงว่าจะเรียกรถเข็นวัวไปรับพี่รองเขากลับมา
ซุนต้าเตาเป็ผู้ชายที่ทั้งกร่างและไม่ได้มีสมองมากนัก เมื่อเห็นคนในตระกูลหลิวมีมารยาทกับเขา จึงนั่งลงอย่างสงบ
เขาคิดว่า ถึงอย่างไรก็ต้องบีบบังคับให้หลิวเหรินกุ้ยให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าผู้าุโว่า ต่อไปจะไม่ทำให้น้องสาวของตนต้องลำบาก
สถานการณ์ในลานบ้านหยุดนิ่งไป หลิวเต้าเซียงกับหลิวจูเอ๋อร์ช่วยกันยกเก้าอี้กับรินน้ำชา จากนั้นก็เชิญทุกคนนั่งลงอย่างนอบน้อม
นางกลัวมากว่าซุนต้าเตากับพรรคพวกจะใช้มีดเชือดหมูฟาดฟันในลานบ้านตนเอง
กลุ่มคนจากตระกูลซุนนั่งอยู่เต็มลานบ้านของตระกูลหลิว แล้ววางมีดเชือดหมูที่ส่องแสงวาบไว้ข้างเก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจนัก
ตอนนี้ใกล้จะได้เวลาจุดตะเกียง ในบ้านตระกูลหลิวนั้นมืดมิด คนในตระกูลที่นั่งอยู่ในห้องโถงก็ไม่กล้าเดินเหินตามใจ
จางกุ้ยฮัวเนื่องจากต้องไปให้นมหลิวชุนเซียง เมื่อเข้าไปในห้องปีกทิศตะวันตกก็ไม่กล้าออกมาอีกเลย
สันนิษฐานว่าพออุ้มหลิวชุนเซียงก็แอบหลบไปข้างหลังแล้ว
ในเวลานี้หลิวเสี่ยวหลันซุกตัวแน่นอยู่ในอ้อมแขนของหลิวฉีซื่อ แล้วมองไปที่ลานบ้านด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
สองพี่น้องหลิวเต้าเซียงกับหลิวชิวเซียงนั่งแนบติดกัน หลิวจูเอ๋อร์นั่งเกี่ยวตัวหลิวซุนซื่ออยู่ตรงข้าม ไม่รู้ว่าเพราะกลัวมารดาของตนคิดไม่ตกแล้วจะพุ่งออกไปด้วยความวู่วาม หรือว่าหวาดกลัวกับสถานการณ์ตอนนี้จริงๆ อย่างไรก็ตามมือที่เกี่ยวหลิวซุนซื่อไว้นั้นยังกำแน่นไม่คลาย
ในห้องตะวันออก หลิวต้าฟู่กำลังสูบยาสูบอยู่ เขาไม่ใช่คนหูหนวก ด้านนอกทะเลาะกันเสียงดัง แล้วเขาจะหลับลงได้อย่างไร ทั้งที่รู้ว่าซุนต้าเตามาแล้ว แต่ไม่รู้เหตุใดจึงขลุกอยู่แต่ในห้องโดยไม่ส่งเสียง
บรรยากาศในบ้านทั้งหลังอึมครึมมาก อึดอัดเสียจนหายใจยังยากลำบาก
หลังจากรอเป็เวลานาน ซุนต้าเตาก็เริ่มรําคาญเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นการที่เขาปรี่กลับไปยังชุมชนตระกูลซุนแล้วรวมคนมากะทันหัน มีหลายคนกำลังเตรียมจะทานอาหารค่ำ แต่ก็ถูกเขาลากมาที่นี่ด้วย
-----
