ด้านนอกหอคอยขัดเกลา
ท่านปู่ของถังอีิก็คือถังจ้ง ผู้นำศิษย์รุ่นสามของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง เขาก็มีสีหน้ามีเคร่งขรึมมากเช่นกัน
ข้างกายของเขา มีผู้แข็งแกร่งสำนักยุทธ์ว่านจ้งอยู่สิบแปดคน สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องใคือ คนกลุ่มนี้ต่างเป็ผู้อยู่ในระดับเขตแดนเต๋าทั้งสิ้น ซึ่งเลี่ยเอ๋าก็เป็หนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน
ต้องบอกว่าการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของฉือเซียว ถังอีิ ฉู่เยว่ฉาน ฉู่สยง และคนอื่นๆ สร้างความโกลาหลให้กับสำนักยุทธ์ว่านจ้งเป็อย่างมาก ถังจ้งเป็กังวลเื่ถังอีิมาก จึงไม่ลังเลที่จะเชิญให้หวังถูผู้นำรุ่นสองออกจากการบำเพ็ญยุทธ์ที่กระทำมานานหลายปี
เมื่อกวาดสายตาไปยังผู้แข็งแกร่งเผ่าหยาจื้อที่อยู่ไม่ไกล หัวใจของถังจ้งก็เหมือนตกลงสู่ก้นเหว เผ่าหยาจื้อแข็งแกร่งกว่าที่จินตนาการไว้ยิ่งนัก เพียงแค่ที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็มีผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเต๋าอยู่กว่าห้าสิบคนแล้ว อีกทั้งยังมีพวกคนหนุ่มสาวที่ดุร้ายเหมือนเสือเหมือนหมาป่าอยู่อีกเต็มไปหมด การที่ถังอีิได้หายไปในหอคอยขัดเกลาเช่นนี้จะยังมีโอกาสรอดชีวิตอยู่อีกหรือไม่?
ถังอีิคือทายาทของถังจ้ง เขาคือคนที่ถังจ้ง้าให้เป็ผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลมาั้แ่กำเนิด หากถังอีิตายไป นั่นก็เท่ากับวงศ์ตระกูลต้องขาดตอนเสียแล้ว เช่นนั้นแล้วถังจ้งจะสามารถพบหน้าบรรพชนที่ล่วงลับไปได้อย่างไร?
ถังจ้งมีความกังวลเป็อย่างยิ่ง และจ้องไปยังผู้นำของเผ่าหยาจื้อกลุ่มนี้ ระงับความโกรธในใจเอาไว้ พร้อมพูดขึ้นทันที “ผู้นำของอันดับหนึ่ง สรุปว่าต้องรออีกนานแค่ไหน?”
“เข้าไปยังหอคอยขัดเกลา แม้ว่าศิษย์ในเผ่าของพวกข้าจะมีชะตากรรมเป็ของตนเอง แต่ศิษย์สำนักเ้าล่ะ? อีกอย่าง พวกเขาเป็คนบุกรุกเข้าไปในเขตของเผ่าหยาจื้อ เป็การขัดขืนต่อสัญญาไท่กู่” มีผู้แข็งแกร่งของเผ่าหยาจื้อคนหนึ่งพูดขึ้น พลางจ้องไปทางหยางจ้ง
ในครั้งนี้ สำนักยุทธ์ว่านจ้งได้แห่กันมายังเผ่าหยาจื้ออย่างโกลาหล ซึ่งเป็การกระทำที่เผ่าหยาจื้อโกรธมาก หากไม่ใช่เพราะสัญญาไท่กู่ เผ่าหยาจื้อคงสังหารผู้แข็งแกร่งสำนักยุทธ์ว่านจ้งไปนานแล้ว
“ถังจ้ง หุบปากเถอะ” ผู้าุโชุดม่วงคนนี้ะโขึ้นมา ผู้าุโคนนี้สูงเพียงหกฉื่อ ผอมแห้งดูอ่อนแอ แต่คิ้วของเขาเรียวเหมือนกระบี่ พลังปราณที่ปรากฏขึ้นจากทั่วทั้งร่างแข็งแกร่งดั่งเสาหิน มองดูแล้วยากจะเข้าถึง
ผู้าุโชุดม่วงคนนี้คือผู้นำรุ่นสองของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง นามว่า หวังถู
เป็เพราะตอนนี้เ้าสำนักยังคงท่องยุทธภพอยู่ อีกทั้งผู้าุโคนอื่นๆ ต่างไม่สนใจเื่กิจการภายในสำนักมานานแล้ว ทั่วทั้งสำนักยุทธ์ว่านจ้ง จึงมีผู้เดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะควบคุมสำนัก นั่นก็คือหวังถูผู้นำรุ่นสอง!
หวังถูจ้องมองถังจ้งด้วยสายตาที่เ็า จากนั้นจึงหันศีรษะกลับไปมองหัวหน้าฝ่ายที่หนึ่ง ก่อนจะระงับความแปลกใจเอาไว้ และพูดอย่างอ่อนโยน “ขอผู้นำโปรดอภัย ศิษย์หลานของข้าคงเป็กังวลเื่สำนักมากไป ไม่เจตนาจะล่วงเกินท่าน!”
แม้ว่าจะมีสัญญาไท่กู่ แต่ด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่งของเผ่าหยาจื้อ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเป็ฝ่ายรุกล้ำเข้าไปในแดนของเผ่าหยาจื้อก่อน นั่นนับว่าเป็ฝ่ายกระทำผิดก่อน หากก่อเื่ซ้ำขึ้นมาอีก ก็เท่ากับยั่วโมโหเผ่าหยาจื้อ เื่ทุกอย่างก็จะยิ่งหนักไปกว่าเดิม!
ผู้นำของอันดับหนึ่งเป็ผู้าุโท่าทางง่อนแง่นคนหนึ่ง เส้นผมของเขามีสีขาวโพลน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น มองดูเหมือนคนชราที่มีอายุมากยิ่ง แต่เมื่อเขายืนอยู่ตรงนั้น กลับรู้สึกถึงพลังแข็งแกร่งดั่งฟ้าดินที่แผ่ออกจากร่างกาย คนผู้นี้ก็คือปู่ของอันดับหนึ่ง ผู้นำฝ่ายหยาจื้อ นามว่าเอ๋าเหิ่น
“ไม่เป็ไร นี่เป็เื่ปกติของมนุษย์ หากศิษย์อัจฉริยะในเผ่าข้าตกอยู่ในอันตราย เกรงว่าข้าคงทำอะไรรุนแรงกว่านี้เสียอีก เพียงแต่ คนหนุ่มสาวรุ่นนี้ของพวกเ้าไม่เลวเลยทีเดียว” เอ๋าเหิ่นกล่าว และเผยรอยยิ้มที่สงบนิ่งออกมา
หวังถูนิ่งไปในทันที การมาถึงเผ่าหยาจื้อในครั้งนี้ เขาได้สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างแล้ว เพียงแต่เขายังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ และในตอนนี้ คำพูดของเอ๋าเหิ่นก็ทำให้หวังถูรู้สึกได้ว่าเอ๋าเหิ่นกำลังบ่งบอกนัยบางอย่างเอาไว้ วัยหนุ่มสาวรุ่นนี้ไม่เลวเลย? หรือว่า จะมีหนึ่งในคนของสำนักสังหารศิษย์อัจฉริยะของเผ่าหยาจื้อ?
เป็ไปได้อย่างไร?
หวังถูรู้จักพละกำลังของเหล่าคนรุ่นเยาว์เป็อย่างดี แต่เผาหยาจื้อจัดเป็เผ่าที่แข็งแกร่งเผ่าหนึ่ง มีสายเือันเป็พร์ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้ และยากที่จะหาคนเอาชนะได้ในระดับเดียวกัน
หวังถูชำเลืองมองบรรดาผู้แข็งแกร่งของเผ่าหยาจื้อ และเริ่มสังเกตเห็นใบหน้าที่มืดมนผิดปกติจากใบหน้าของพวกเขา จึงสงสัยขึ้นอย่างมากภายในใจ หรือว่า จะมีศิษย์ของสำนักสังหารคนสำคัญของเผ่าหยาจื้อจริงๆ?
เมื่อหวังถูเริ่มรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงรีบส่งเสียงไปยังเลี่ยเอ๋า “เลี่ยเอ๋า ศิษย์อัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ชื่อฉือเซียวเป็ศิษย์ของเ้าใช่หรือไม่?”
เลี่ยเอ๋าที่กำลังเฝ้าระวังเผ่าหยาจื้อมาโดยตลอดได้ส่งเสียงกลับไป “ใช่ มีอะไรหรือ?”
“พละกำลังของฉือเซียวเป็อย่างไรบ้าง? หากเผชิญหน้ากับอัจฉริยะของเผ่าหยาจื้อจะมีโอกาสมากเพียงใดที่จะชนะ?” หวังถูพูดอย่างจริงจัง
แม้ว่าเลี่ยเอ๋าจะมีบุคลิกที่สุดโต่ง และขี้หงุดหงิด แต่เขาก็ไม่ใช่คนไม่มีสมอง และเข้าใจความหมายของหวังถูได้ทันที เขาพูดขึ้นมา “พละกำลังของฉือเซียวนับว่ายอดเยี่ยมมาก หากต่อสู้กันตัวต่อตัว นอกจากจะเป็อัจฉริยะระดับแนวหน้าของเผ่าหยาจื้อ นอกนั้นสามารถเอาชนะได้ทั้งสิ้น”
เมื่อหวังถูได้ยินดังนั้น เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่า เื่ราวจะเป็ไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เอ๋าเหิ่นจะแสดงความไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา ั้แ่แรกจนถึงตอนนี้ และคงกำลังรอ เมื่อพวกเขาออกมาก็จะยิ่งลำบากมากขึ้น
ในขณะที่หวังถูกำลังคิดหาวิธีจัดการกับมัน ค่ายกลนำส่งของหอคอยขัดเกลาก็เปล่งแสงสว่างขึ้นอย่างกะทันหัน เงาร่างจำนวนหนึ่งก็ออกมาจากหอคอยขัดเกลา
พวกผู้แข็งแกร่งที่รอคอยอยู่ภายนอกหอคอยขัดเกลาต่างมองไปทางเงาร่างกลุ่มนั้นที่ปรากฏขึ้น
“นั่นอันดับหนึ่งและอันดับสอง!” ผู้แข็งแกร่งเผ่าหยาจื้อส่งเสียงขึ้นมา
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าหยาจื้อต้องประหลาดใจคือ อันดับหนึ่งและอันดับสองออกมาด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเซียว วิ่งออกมาจากค่ายกลนำส่งอย่างหอบเหนื่อย และทุลักทุเลเป็อย่างยิ่ง
หัวหน้าฝ่ายหยาจื้อเอ๋าเหิ่นขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่า ความลนลานของอันดับหนึ่งทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาพยายามฝึกฝนอันดับหนึ่งไว้ให้เป็ผู้นำในอนาคต และอันดับหนึ่งก็ทำให้เขาพึงพอใจในทุกๆ ด้าน แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้อันดับหนึ่งจะทำให้ต้องผิดหวังเช่นนี้
ในขณะที่ผู้นำฝ่ายหยาจื้อกำลังพ่นลมหายใจอันเยือกเย็นออกมานั้น ค่ายกลนำส่งก็เปล่งแสงสว่างขึ้นมา จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกมาจากค่ายกลนำส่ง ทันทีที่คนกลุ่มนี้ปรากฏตัวขึ้นมา แต่ละคนต่างวิ่งกรูกันออกมาอย่างรวดเร็ว ตรงไปทางเหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าหยาจื้อทันที
ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งของเผ่าหยาจื้อและสำนักยุทธ์ว่านจ้งกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ผู้คนก็เริ่มออกมาจากค่ายกลนำส่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“หยุดก่อน!” เอ๋าเหิ่นส่งเสียงะโอย่างดุดัน ด้วยเสียงที่กดดันพื้นที่นั้นไปทั้งหมด
เหล่าศิษย์หนุ่มสาวของเผ่าหยาจื้อต่างรู้สึกเหมือนกระแทกเข้ากับขุนเขา ทั้งหมดต่างกระอักเืออกมาทันที แม้แต่อันดับหนึ่งก็ไม่เว้น เห็นได้ว่าตอนนี้เอ๋าเหิ่นกำลังโกรธจัด
“ท่านปู่ ช่วยข้าด้วย!” ในตอนนี้ เสียงกึกก้องอันทุกข์ใจสุดเวทนาก็ดังออกมาจากฝูงชน เงาร่างร่างหนึ่งเดินฝ่าฝูงชนออกมา เข้าไปทางผู้นำศิษย์รุ่นสามถังจ้ง
สองปีแล้ว เป็เวลาสองปีแล้ว กระบี่ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะทำให้ถังอีิวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา ในสองปีมานี้ หนึ่งวันของเขาเปรียบเหมือนหนึ่งปี และในครั้งนี้ การวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตของอันดับหนึ่งทำให้ถังอีิใแทบตาย และคิดว่าตนเองอาจต้องตายอยู่ในหอคอยขัดเกลาเสียแล้ว และในตอนนี้ ทันทีที่ได้พบกับถังจ้งผู้เป็ปู่ ถังอีิก็เหมือนได้ระบายความคับข้องใจที่อัดอั้นอยู่ในใจมาตลอดสองปีออกไปในทันที
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้โฮของถังอีิ ถังจ้งก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว เขาตบไหล่ถังอีิเบาๆ พลางพูดขึ้น “ไม่เป็ไรแล้ว ไว้กลับสำนักแล้วค่อยคุยกัน”
เอ๋าเหิ่นหรี่ตาลงมองถังอีิอย่างเ็า จากนั้นจึงหันไปมองอันดับหนึ่ง และพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้า้าคำอธิบาย!”
และบรรดาศิษย์หนุ่มของเผ่าหยาจื้อต่างมองไปยังอันดับหนึ่งอย่างกระสับกระส่ายอีกครั้ง ราวกับว่ากำลังรอคำอธิบายจากอันดับหนึ่ง พวกเขาทั้งหมดต่างอยู่ในอาการงุนงง เพราะไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น?
ภายใต้สายตาของทุกคน อันดับหนึ่งที่เพิ่งหายจากความตื่นตระหนก เมื่อมองเห็นสายตาอันเฉียบคมของเอ๋าเหิ่น หัวใจก็เต้นแรงทันที เขาเช็ดเืที่มุมปากของตนเองด้วยสีหน้าที่ดูกระอักกระอ่วน
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนแรก อันดับหนึ่งรู้สึกดีใจมากที่ได้ัักับบรรพชนหยาจื้อ ในขณะที่กำลังดูดซับเืของบรรพชนนั้น ก็บังเอิญได้รับจิติญญาที่หลงเหลือของบรรพชนมาด้วย
แม้ว่าอันดับหนึ่งจะเป็ผู้โดดเด่นที่สุด ในเหล่าศิษย์วัยหนุ่มของเผ่าหยาจื้อ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิติญญาที่หลงเหลือของบรรพชน อันดับหนึ่งก็รู้สึกกลัวเกรง แต่จิติญญาที่เหลืออยู่ของบรรพชนดูจะอ่อนแอเป็พิเศษ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จึงนิ่งสงบไปทันที
นับั้แ่ได้รับเืของหยาจื้อจากศพของบรรพชน อันดับหนึ่งก็ประสบความสำเร็จในการยกระดับสายเืของตนเองอยู่เสมอ สิ่งนี้ทำให้อันดับหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมาก แต่นึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะขึ้นขี่คอเขา ซึ่งทำให้อันดับหนึ่งอึดอัด ราวกับมีคำพูดมากมายที่ติดอยู่ในลำคอ เป็ที่ไม่น่าพอใจอย่างยิ่ง
แต่เมื่ออันดับหนึ่งได้ตามหาฉินอวี่จนพบและคิดจะสังหารฉินอวี่ จิติญญาที่หลงเหลือของบรรพชนก็เอ่ยปากขึ้นทันที แค่คำพูดเพียงคำเดียวนั้น กลับทำให้อันดับหนึ่งหวาดกลัวเป็อย่างยิ่ง
“หนี!”
หลังจากอันดับหนึ่งตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาก็รีบหันหลังกลับและวิ่งหนีไปอย่างไม่ลังเล แม้จะยังไม่รู้ว่าฉินอวี่ไปได้ของดีอะไรมากันแน่ แต่หัวใจของเขาถูกแทรกซึมลงไปด้วยจิติญญาที่เหลือของบรรพชน แม้แต่บรรพชนยัง้าจะหลบหนี แล้วเขาเป็ใครกัน? ด้วยความตื่นตระหนก อันดับหนึ่งจึงวิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต
และนี่คือสาเหตุของภาพเหตุการณ์ที่ได้เห็นกันก่อนหน้านี้
ในขณะที่อันดับหนึ่งพยายามหาคำอธิบาย ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดที่เย่อหยิ่งดังขึ้น “หนีหรือ? อันดับหนึ่งในรายนามระดับสามัญแห่งเผ่าหยาจื้อผู้สง่างาม คิดจะหนีโดยไม่สู้หรือ แบบนี้ไม่ทำให้เผาหยาจื้อต้องขายหน้าหรอกหรือ”
