"นายน้อยแห่งหุบเขา...ท่านะโลงมาจากตึกสูงขนาดนั้น แต่กลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน หรือท่านยังไม่ปลดผนึกความทรงที่ท่านเ้าหุบเขาผนึกไว้หรือ?"
จ้าวเสี่ยวเยว่ยืนมอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอับจนหนทางกับเฉินเฟิงที่แม้สองขาจะปักอยู่ในพื้นกว่าครึ่ง แต่ก็สูงยังเท่ากับเธอ
เธอถูกเฉินเฟิงคิดว่าเป็แก๊งคอลเซนเตอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมตอนนี้ยังมาพูดว่าเธอกำลังยั่วยวนเขาอีก
เทพธิดาเพลงรักอย่างเธอดูหน้าด้านขนาดนั้นเลยเหรอ?
"เธอเป็ใคร?" เฉินเฟิงอุ้มลูกสาวในอ้อมอก แกล้งทำท่าสับสนมึนงง
"อย่างนี้นะ นายน้อยแห่งหุบเขา ขอฉันแนะนำตัวอย่างเป็ทางการ ฉันมีนามว่า จ้าวเสี่ยวเยว่ ตัวตนที่เปิดเผยต่อโลกภายนอกคือเทพธิดาเพลงรักแห่งแดนต้าหลง ตัวตนที่แท้จริงของฉันคือศิษย์พี่ร่วมสำนักลำดับเก้าของท่าน ฉันมีความสามารถด้านการแพทย์ระดับชุบชีวิตคนเพิ่งตายได้ ตราบใดที่นายน้อยแห่งหุบเขายอมรับตัวตนของท่าน ฉันก็รักษาโรคลูคีเมียขององค์หญิงน้อยได้ แล้วฉันยังฝึกตนคู่กับท่าน เพื่อช่วยให้ท่านทำลายผนึกที่ท่านอาจารย์ลงไว้ได้ แล้วยังช่วยท่านฟื้นฟูความทรงจำทั้งหมดในอดีตด้วย!" ใบหน้าอันงดงามของจ้าวเสี่ยวเยว่แดงก่ำขึ้นเมื่อพูดถึงตอนท้าย
เอาล่ะ เทพธิดาเพลงรักนี่หน้าหนาจริงด้วย เธอวางแผนยั่วยวนเฉินเฟิงจริงๆ!
“ที่เหลือฉันจำได้หมดแล้ว ภรรยาฉัน เย่ชิงโหรว นักร้องในสังกัดบริษัทเฉียนจินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่เธอก่อตั้งขึ้นด้วยตัวเองสินะ?
เย่ชิงโหรวก่อตั้งบริษัทด้านความบันเทิงมูลค่านับแสนล้านขึ้นมาโดยไม่หยิบยืมความช่วยเหลือจากใคร จนได้ครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดของเย่กรุ๊ป นั่นจึงทำให้เธอแย่งชิงอำนาจจากผู้นำตระกูลเย่ได้สำเร็จ
แน่นอนว่าเื่ทั้งหมดนี้มีบางส่วนเป็ความดีความชอบของฉันในฐานะลูกเขยแต่งเข้าด้วย ไม่เช่นนั้นเธอคงต้องแต่งงานออกไป ไร้ซึ่งโอกาสแย่งชิงอำนาจ!
ส่วนเธอในฐานะเพื่อนสนิทและพนักงานของเย่ชิงโหรว ก็ไม่ควรแตะต้องสามีของเย่ชิงโหรว ยิ่งไปกว่านั้น หัวใจฉันอยู่ที่เย่ชิงโหรวเท่านั้น”
เฉินเฟิงเริ่มตีเนียนไม่ไหว เขารีบโบกมือปัดเื่ไร้สาระทั้งหมด
เขาป่วยเป็โรคชีพจรเก้าหยางั้แ่อายุแปดขวบ ถูกตระกูลเฉินผู้สืบทอดวิชากังฟูในเมืองเจียงเฉิงตรวจพบว่ามีชีวิตอยู่ได้เพียงหนึ่งปี เขาจึงถูกตระกูลขับไล่ไสส่ง โชคดีที่พลัดหลงเข้าไปในหุบเขาหมอยาะ
เมื่ออายุสิบแปดปี ร่ำเรียนทั้งการแพทย์และฝึกฝนวรยุทธ์จนสำเร็จวิชา เดินทางออกจากหุบเขา ก้าวเท้าเข้าสู่สนามรบ และรบราฆ่าฟันถึงสามปีจนได้ซึ่งสมญาเทพาผู้ยิ่งใหญ่
ไม่นานก็ถึงเวลารับบททดสอบจากเ้าหุบเขา รับการผนึกความทรงจำ อายุยี่สิบเอ็ดปีถูกเย่ชิงโหรวตามจีบ
อายุยี่สิบสองปีกลายเป็พ่อคน แต่งเข้าเป็ลูกเขยตระกูลเย่ ทำหน้าที่พ่อบ้านเลี้ยงลูกนานถึงห้าปี
ปีนี้เฉินเฟิงย่างเข้ายี่สิบเจ็ด ในหุบเขาหมอยา เขาเป็ศิษย์เอกเพียงคนเดียวของเซียนแพทย์เทวะ
นอกจากนี้ ก่อนที่เฉินเฟิงจะถูกรับเป็ศิษย์ เซียนแพทย์ยังรับศิษย์หญิงสายนอกไว้อีกเก้าคน
ศิษย์สายนอกเหล่านี้ล้วนอายุมากกว่าเฉินเฟิงหนึ่งปี
สองคนในเก้าไม่สนใจหน้าที่ในสำนัก เซ็นสัญญากับเฉียนจินเอ็นเตอร์เทนเมนต์กรุ๊ปมุ่งเป็ดารา
ราชินีเพลงรัก หรือจ้าวเสี่ยวเยว่คนนี้เป็หนึ่งในนั้น
ในที่สุดจ้าวเสี่ยวเยว่ก็รู้ตัวว่ากำลังโดนเฉินเฟิงแกล้ง เธอรู้แล้วว่าเขาปลดผนึกความทรงจำออกแล้ว
ไม่เช่นนั้น หากตกจากตึกสูงยี่สิบชั้นโดยไม่มีพลังหรือความทรงจำใดๆ ถ้าไม่ตายก็พิการ
ดังนั้นจ้าวเสี่ยวเยว่จึงเปลี่ยนท่าที กลายเป็หญิงสาวท่าทางนอบน้อมถ่อมตน ยื่นมือช่วยประคองเฉินเฟิงขึ้น เพื่อให้เขาที่กำลังอุ้มลูกอยู่สามารถดึงเท้าออกจากหลุมได้ ระหว่างนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงหว่านเสน่ห์
"เย่ชิงโหรวกำลังจะแต่งงานกับคุณชายตระกูลเฉินแห่งเมืองเจียงเฉิงในวันรุ่งขึ้น ด้วยความเป็เพื่อนสนิท ฉันกับศิษย์พี่แปดหลี่ฉินหลวนก็ถูกเชิญเข้าร่วมงานแต่งในฐานะเพื่อนเ้าสาวและดาราในสังกัด ยังไงก็เถอะ ส่วนท่านยังไม่ถือว่าแต่งงาน และงานวิวาห์ที่ว่านี้ก็เป็เพียงเกมชิงอำนาจเท่านั้น
หากท่านคิดว่าตัวฉันยังไม่คู่ควร ยังมีศิษย์พี่หญิงอีกแปดคนให้ท่านเลือก
ท่านเ้าหุบเขาจะเดินทางมาที่เมืองหลวงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อทำพิธีสืบทอดตำแหน่งให้ท่านอย่างเป็ทางการต่อหน้าจักรพรรดิัและเหล่าแม่ทัพแห่งแดนต้าหลงจำนวนนับร้อย
หากท่านยังจำอะไรไม่ได้ ฉันก็ไม่รู้จะชี้แจงกับท่านอาจารย์เช่นไรดี"
เฉินเฟิงที่ฟังจนจบไม่ได้ตอบอะไร แต่เป็เฉินเชียนต่างหากที่ร้องงอแงขึ้นมา
"ปะป๊า หนูไม่สน หนูไม่สน... แม่ของหนูมีแค่เย่ชิงโหรวคนเดียวเท่านั้น!"
เฉินเชียนกลัวว่าจ้าวเสี่ยวเยว่จะเข้ามาแทนที่เย่ชิงโหรว หรือเย่ชิงโหรวจะแต่งงานกับคนอื่น
เธอกลัวว่าตนจะกลับเป็เด็กกำพร้าแม่อีกครั้ง เธอจึงร้องไห้อย่างหนัก
"เชียนเชียนเด็กดี พรุ่งนี้ปะป๊าจะพาลูกไปเมืองเจียงเฉิงเพื่อชิงตัวเ้าสาว
พูดถึงเื่นี้ ปะป๊าก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมตระกูลเฉิน หรือพวกคนไร้หัวใจนั่นตั้งสิบเก้าปีแล้ว..."
เฉินเฟิงถูกพยุงขึ้นโดยจ้าวเสี่ยวเยว่ ในที่สุดเขาก็ดึงเท้าทั้งสองข้างออกจากพื้นได้ เขาก้มลงลูบหัวเฉินเชียนด้วยความรักใคร่เอ็นดู ซึ่งน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น
จากนั้นเฉินเฟิงก็กลับมาแสดงท่าทีอันน่าเกรงขามในฐานะนายน้อยแห่งหุบเขา เขาเผยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ให้จ้าวเสี่ยวเยว่เห็น
"กลับไปทำหน้าที่ของเธอให้ดี พรุ่งนี้เธอและฉินหลวนต้องเป็เพื่อนเ้าสาวที่สวยที่สุด ไม่งั้นในอนาคตพวกเธอคงขายไม่ออก"
ได้ยินดังนั้น จ้าวเสี่ยวเยว่รีบปล่อยมือที่พยุงเฉินเฟิงไว้ แล้วก้มตัวลงคำนับด้วยมือทั้งสองข้าง
"รับบัญชา!"
หลังจากนั้นเฉินเฟิงก็มองไปที่หน้าต่างชั้นยี่สิบ ก่อนจะออกแรงถีบตัวขึ้นจากพื้นอย่างแรง ทั่วทั้งร่างของเขากำลังทะยานสู่ฟ้าราวกับลูกปืนใหญ่
"บึ้มม..."
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังกึกก้องไปทั่ว ดังเสียยิ่งกว่าตอนที่เขาตกลงมาก่อนหน้านี้
พื้นดินซึ่งมีหลุมรอยเท้าอยู่แล้ว คราวนี้เกิดเป็รอยยุบรอบๆ ประมาณสองเมตรและมีความลึกกว่าครึ่งเมตร
ด้วยแรงต้านจากการถีบพื้นที่ทรงพลัง แม้ว่าเฉินเฟิงจะอุ้มลูกสาวไว้ แต่เขาก็พุ่งขึ้นสูงถึงหกสิบเจ็ดสิบเมตรไปเกาะขอบหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
เดิมทีเขาสามารถะโเข้าหน้าต่างไปเลยก็ได้ เพียงแต่หากทำเช่นนั้นจริง มันจะกลายเป็เื่ใหญ่
ดังนั้นเฉินเฟิงจึงสร้างภาพให้ผู้คนคิดว่าเขาะโลงจากตึกเพื่อหนีตายจากลูกปืน แต่ความเป็จริงคือกำลังเกาะขอบหน้าต่างไว้ในขณะที่อีกมืออุ้มลูกสาวด้วยอาการหอบหืดอยู่
ตอนนี้มีคนมามุงดูบนโถงทางเดินชั้นยี่สิบของโรงพยาบาลเป็จำนวนมาก เ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนพยายามช่วยเหลือเย่กังที่หมดสติและตกอยู่ในอาการโคม่าอย่างยากลำบาก
แม้ว่าอวัยวะสำคัญของเย่กังจะถูกเจาะทะลุ แต่ก็ต้องรีบส่งไปที่ห้องผ่าตัดศัลยกรรมชั้นเจ็ดเพื่อทำการผ่าตัด
แต่หลังจากรู้ว่าเขาเป็หนึ่งในเ้าของโรงพยาบาลแล้ว เ้าหน้าที่หลายคนยังคงต้องทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นรอไปก่อน
เมื่อหนึ่งในพยาบาลประจำตัวเฉินเชียนเห็นเฉินเฟิงอุ้มเฉินเชียนโผล่ขึ้นจากหน้าต่าง เธอก็เยาะเย้ยเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
"เฉินเฟิง! เมื่อกี้ฉันเห็นแกใช้ถังออกซิเจนทำร้ายคุณชายเย่กับตา นี่แกยังกล้าปีนกลับมาทางหน้าต่างอีกเหรอ?
ะโลงไปตายเลยสิ ตายพร้อมกับลูกสาวใกล้ตายของแกซะ แบบนั้นไม่ดีกว่าหรือไง? จะได้ไม่ต้องมาทนรับความโกรธแค้นจากตระกูลเย่!"
คำพูดของพยาบาลตรงหน้าทำให้เขานึกถึง่เดือนที่ผ่านมา เขาคุกเข่าขอร้องหมอเพื่อให้พวกมันช่วยรักษาลูกสาวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นพวกมันจะยื่นมือช่วยเหลือเขาอย่างทุ่มเทขนาดที่พวกมันช่วยเย่กังอยู่ตอนนี้
เฉินเฟิงสวนกลับด้วยน้ำเสียงเ็าเสียยิ่งกว่า
"ไอ้พวกหมอหน้าเงิน ไม่ต้องเสียเวลาสร้างภาพช่วยเหลือคนไข้หรอก เย่กังถูกถังออกซิเจนแทงทะลุกล่องดวงใจจนกลายเป็ขันทีไปแล้ว ถ้าพวกแกมีใครยอมบริจาคกล่องดวงใจให้มัน ฉันก็พร้อมช่วยต่อมันคืนให้ก็ได้นะ"
ผู้ป่วย ญาติคนไข้ และบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหลายที่มุงดูต่างพากันหันขวับไปมองชายหนุ่มยากจนที่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่าง
"เฉินเฟิง แกใช้ถังออกซิเจนถอนรากถอนโคนลูกหลานของคุณเย่กังจริงดิ? แกเสร็จแน่! เขาเป็ถึงคุณชายสามของตระกูลเย่และยังเป็ผู้บัญชาการสายตรวจ แกเตรียมตัวถูกขังลืมไปได้เลย"
ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อกาวน์สีขาวข่มขู่เฉินเฟิงด้วยน้ำเสียงโมโห ชายคนนี้หาใช่ใครอื่นใด แต่เป็หมอหวังจงหลี่ หมอประจำตัวเฉินเชียนนั่นเอง
"มันก็อายุปาไปห้าสิบกว่าแล้ว ยังจะเรียกว่าคุณชายอีกเหรอ ถึงตระกูลเย่จะเป็เ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่พวกแกในฐานะบุคลากรทางการแพทย์ก็ควรมีจรรยาบรรณสักหน่อยไหม จำเป็ต้องก้มหัวให้พวกมันขนาดนี้เลยเหรอ? ที่พวกแกทำนับเป็การทิ้งอุดมการณ์การช่วยเหลือผู้คน พวกแกต้องไม่หวั่นไหวต่ออำนาจเงินตราของวิชาชีพทางการแพทย์สิ!
ถ้าจะพูดถึงเส้นสาย ฉันก็ยังเป็ถึงสามีของเย่ชิงโหรว ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลเย่ แต่ทำไมฉันไม่เห็นพวกแกจะเสนอหน้ามาช่วยลูกสาวฉันบ้างเลย?!" เฉินเฟิงโต้กลับด้วยรอยยิ้มกวนประสาท แล้วอุ้มลูกสาวลงจากขอบหน้าต่าง ก่อนเดินเข้าไปหาหมอหวังจงหลี่อย่างช้าๆ
"แก... ใครๆ ก็รู้... แกน่ะ... ก็เป็แค่ลูกเขยต้อยต่ำ หมาในตระกูลเย่ยังมีสถานะสูงส่งกว่า..กว่า.... ถึงไขกระดูกลูกคนเล็กของคุณเย่จะตรงกับลูกสาวแก แต่ตอนนี้แกทำคุณเย่าเ็สาหัส เื่จะช่วยลูกสาวแกน่ะ ฝันไปได้เลย! ปล่อยมันเน่าตายไปซะ!" หวังจงหลี่พูดจาอึกอักไปพักหนึ่งเพราะถูกเฉินเฟิงด่าจี้ใจดำ แล้วค่อยเผยรอยยิ้มอำมหิตเมื่อเขาเห็นเฉินเชียนเดินเข้ามา
"เื่นี้ไม่ต้องให้หมอลวงโลกไร้ความสามารถอย่างแกมาวุ่นวาย เซลล์ต้นกำเนิดไขกระดูกของคนตระกูลเย่ ต่อให้ลูกสาวฉันจะตาย ฉันก็จะไม่ขอพวกมันอีกแม้แต่นิด
อีกอย่างแกทำคีโมฉายแสงให้ลูกสาวฉันตั้งนาน ผมเธอร่วงหมดหัว ทรมานก็ทรมานแสนสาหัส เก็บเงินก็แสนแพง ฉันหมดไปเกินครึ่งล้าน!
ทั้งอย่างนั้นลูกสาวฉันกลับเหลือเวลาในชีวิตอีกเพียงไม่กี่วัน... ทั้งที่เธอเพิ่งห้าขวบ!"
เฉินเฟิงดึงเส้นผมที่หวังจงหลี่จัดแต่งอย่างเรียบร้อย และดึงหน้าของเขาให้ประชิดหน้าลูกสาว เฉินเฟิงกำลังพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโมโห
