“ข้ามีน้องชายต่างมารดาที่อยู่นอกวัง เ้าจงไปตามเขามา ราชวงศ์้าทายาทที่เป็บุรุษ จะปล่อยให้สายเืัตกระกำลำบากได้เช่นไร” ฮ่องเต้เล่อหยางตรัสสั่งการเ้ากรมพิธีการ ณ ท้องพระโรง
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมพิธีการ จิ้งเจียงเฉิงกล่าวตอบรับ
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ เขาผู้นั้นก็เป็โอรสของไท่ซ่างหวงตี้เช่นกัน อาจคิดไม่ซื่อต่อราชบัลลังก์ก็เป็ได้” ฮวนต๋ากั๋วกงกล่าว
“มารดาของเขา หนิวหนี่ซื่อ เป็เพียงแค่นางกำนัล ดังนั้นเขาจึงเป็องค์ชายที่มีมารดาฐานะต่ำต้อยไม่อาจก่อคลื่นลมได้ ข้าเห็นว่าชีวิตของน้องชายผู้นี้ช่างแสนลำบาก ข้าอยากให้เขาหวนคืนกลับวังหลวง” ฮ่องเต้ตรัส
“นางหนิว เดิมทีเป็เพียงแค่นางกำนัลเล็กๆ แต่แอบขึ้นเตียงไท่ซ่างหวงตี้ จนให้กำเนิดโอรส ใช้วิธีฉวยโอกาสใน่ที่ไท่ซ่างหวงตี้มึนเมามีความผิดติดตัว เพื่อไว้หน้าไท่ซ่างฮองเฮา นางและบุตรชายจึงถูกเนรเทศไปอยู่นอกวัง” เสนาบดีกรมยุติธรรม ม่อเจียวจิงกล่าว นางเป็ขุนนางหญิง
“เขาเป็บุรุษหากวันหน้าได้มีบุตรทายาทก็สามารถขึ้นเป็ผู้สืบบัลลังก์ได้ ข้าเป็ฮ่องเต้ก็จริงแต่มีหยางพร่องั้แ่กำเนิด ภายภาคหน้าต้องหวังพึ่งเขาแล้ว” ฮ่องเต้ตรัส
ใต้เท้าจิ้งได้รีบออกเดินทางไปยังแคว้นฉวน เขาได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้นำราชโองการไปประกาศ และรับตัวสองคนแม่ลูกกลับวังหลวง
ณ ตำหนักเจียวลู่ ที่อยู่ห่างไกลความวุ่นวาย อยู่ท่ามกลางหุบเขา ลำธาร และอากาศที่แสนบริสุทธิ์ มีชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ชีวิตสุดแสนอาภัพ ไร้ซึ่งบิดาที่คอยปกป้องดูแล มีเพียงมารดาที่ไร้อำนาจเพียงผู้เดียวที่อยู่ด้วยกันในหมู่บ้านชานชวน
ไท่ซ่างหวงตี้ได้ฝากโอรสของพระองค์ไว้กับขุนนางเกษียณเจาลู่เมิ่ง ให้สอนความรู้แก่เสี่ยวตง โดยได้เปิดโรงเรียนเล็กๆ สอนหนังสือเด็กๆ ในหมู่บ้านด้วย
แม้ว่าเสี่ยวตงจะอาศัยอยู่ในตำหนักเจียวลู่ ที่หลังใหญ่กว่าบ้านของชาวบ้านทั่วไป แต่ก็เก่าและทรุดโทรม อีกทั้งยังไม่มีบ่าวรับใช้คอยดูแล พวกเขาอาศัยอยู่อย่างคนธรรมดาทั่วไป โดยพวกชาวบ้านเข้าใจว่าเป็บ้านเล็กของขุนนางผู้เฒ่าที่เกษียณแล้ว และเรียกนางหนิวอย่างให้เกียรติว่า ฮูหยินหนิว
“เสี่ยวตง! ท่านแม่ของเ้าเรียกให้กลับจวน เห็นว่ามีขุนนางจากในวังมาหา” ฝานจวี๋จื่อะโเรียก นางเป็แม่นางวัยสาวที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน
เสี่ยวตงเป็นามรองที่ใช้ปิดบังฐานะองค์ชาย ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร อีกทั้งรูปลักษณ์ของเขาจัดได้ว่าเป็ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง ที่มีร่างกายกำยำแข็งแรง เพราะทำงานหนักั้แ่เด็ก
“ขุนนางในวังหรือ!!!” เสี่ยวตงกล่าวด้วยความใ ในขณะที่เขากำลังจับปลาด้วยหอกไม้ปลายแหลมใช้แทงปลาในลำธารน้ำตื้นที่ใสสะอาด
“ข้าก็ใเช่นกัน พวกเขาเป็ขุนนางจริงๆ มากันหลายคน เหตุไฉนคนในวังต้องมาหาเ้าด้วย” แม่นางฝานจวี๋จื่อกล่าว
เสี่ยวตงคิดว่า ‘ฮ่องเต้บัณเฑาะก์พึ่งครองราชย์ได้ไม่นาน ก็อยากสังหารน้องชายเพื่อขจัดขวากหนามออกจากราชบัลลังก์’
“เ้ามัวคิดอะไรอยู่ เร็ว! รีบกลัวจวน พวกเขารอเ้าอยู่” แม่นางฝานจวี๋จื่อกล่าว
“ยังกลับจวนตอนนี้ไม่ได้ เ้าช่วยข้าเื่หนึ่งได้หรือไม่” เสี่ยวตงกล่าว
“เราเติบโตมาด้วยกัน มีเื่อันใดก็บอกข้ามา ถ้าข้าช่วยได้ ข้าก็จะช่วยเ้า” แม่นางฝานจวี๋จื่อกล่าว
“………………….” เสี่ยวตงกระซิบบอกให้แม่นางฝานไปเตรียมบางสิ่ง
เมื่อเสี่ยวตงกลับมาถึงจวน ใต้เท้าจิ้งเจียงเฉิงถึงกับใเป็อย่างมาก เขานำพาความในี้กลับไปยังเมืองหลวงด้วย โดยนำเสี่ยวตงกับนางหนิวขึ้นรถม้ากลับวังหลวงทันที
“ถวายบังคมฝ่าา ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี” ใต้เท้าจิ้ง และสองแม่ลูกกล่าวพร้อมกัน พร้อมทำการคุกเข่าคำนับ
“เ้า! เ้าคือองค์ชายผู้อยู่นอกวังผู้นั้นใช่หรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความตกพระทัย
“ใช่เพคะ หม่อมฉันคือเสี่ยวตง” เสี่ยวตงกล่าวพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา เขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสตรีชาวบ้าน เป็ชุดของแม่นางฝาน ซึ่งนางเป็สตรีที่มีรูปร่างสูงใหญ่ เสี่ยวตงจึงสามารถใส่ชุดได้พอดี
“ลุกขึ้นได้” ฮ่องเต้ตรัส
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” ทั้งสามคนกล่าวพร้อมกัน
“ข้าตั้งใจว่า จะให้เ้าแต่งงานกับหญิงชนชั้นสูงที่มีฐานะสูงส่ง แล้วให้มีลูก จะได้ให้เด็กคนนั้นสืบบัลลังก์ต่อ แต่เ้ากลับเป็บัณเฑาะก์เหมือนกับข้า” ฮ่องเต้ตรัส
“หม่อมฉันไม่ได้เป็ั้แ่กำเนิด แต่มาค้นพบตัวเองตอนที่โตแล้ว จึงไม่อาจฝืนใจแต่งงานกับสตรีได้เพคะ” เสี่ยวตงกล่าว เขาระแวงว่าฮ่องเต้จะฆ่าพวกเขา จึงแต่งกายเป็หญิงแสร้งเป็คนที่มีหยางไม่บริสุทธิ์เพื่อตบตาฮ่องเต้
“เ้ามีนามว่าอะไร” ฮ่องเต้ตรัสถาม
“หม่อมฉันมีนามว่าตงซี ที่แปลว่า ตะวันออกกับตะวันตก ส่วนทุกคนเรียกหม่อมฉันว่าเสี่ยวตงเพคะ” เสี่ยวตงกล่าว ชื่อของเขาไม่ได้มีในบันทึกเชื้อสายราชวงศ์
“ในเมื่อเ้าเป็เช่นนี้ แต่งตั้งเป็องค์ชายคงไม่เหมาะ ดังนั้นข้าขอแต่งตั้งให้เ้าเป็องค์หญิงตงซี คำว่าซีอีกคำที่แปลว่าแสงตะวันแห่งทิศตะวันออก” ฮ่องเต้ตรัส และให้เขาพักอยู่ในตำหนักเฟิ้งซวี ที่ตั้งแยกออกมาจากตำหนักวังหลัง อยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเขตพระราชฐาน
“ขอบพระทัยฝ่าาเพคะ” องค์หญิงตงซีกล่าว
“ส่วนมารดาของเ้า ข้าจะยกฐานะนางขึ้นเป็ ไท่ซ่างผิน ให้พักอยู่ในตำหนักหนิงโซ่ว” ฮ่องเต้ตรัส
“ขอบพระทัยเพคะ” หนิวไท่ซ่างผินกล่าว
เมื่อฮ่องเต้ได้ประทานฐานันดรศักดิ์ให้ทั้งสองพระองค์แล้ว ราชเลขาไปดำเนินงานร่วมกับเสนาบดีกรมพิธีการ ลงพระนามของทั้งสองพระองค์ในบันทึกเชื้อสายราชวงศ์
ฮ่องเต้ทรงหนักพระทัยเป็อย่างมาก เนื่องจากพระองค์ไม่สามารถมีทายาทได้ สายโลหิตใกล้ชิดที่สุดก็ไม่สามารถมีบุตรได้เช่นกัน ดังนั้นจึงคาดหวังจากน้องสาว ซึ่งเป็พระธิดาของไท่ซ่างหวงตี้กับพระสนมคนอื่นๆ โดยองค์หญิงทั้ง 3 พระองค์ ยังไม่มีทายาท เนื่องจากพวกนางยังไม่ได้อภิเษกสมรส
เป็โอกาสอันดีที่จะหาพระสวามีแต่งเข้าให้เหล่าองค์หญิงเพื่อให้มีเชื้อพระวงศ์สืบราชสันตติวงศ์ต่อไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้