บ้านหลังใหญ่ขนาดสามห้อง ห้องทางทิศตะวันออกทำเป็คอกลา ห้องตรงกลางสร้างเป็ห้องวางเตา ส่วนห้องทางทิศตะวันตกกลายเป็ห้องสำหรับเครื่องโม่หิน
เครื่องโม่หินขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งชุ่นครึ่งสองเครื่อง ถูกนำไปติดตั้งเรียบร้อยแล้วใช้พื้นที่ไปไม่น้อย ทั้งยังมีถั่วเหลืองในถุงผ้าป่านหนักหลายพันชั่ง และถุงผ้าป่านอีกหลายถุงที่ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดอยู่ด้านในกองรวมกันไว้ กินพื้นที่ไปหนึ่งในสามของห้อง โชคดีที่หลี่หรูอี้วางแผนล่วงหน้าแล้วจึงสร้างห้องไว้ค่อนข้างกว้าง ทำให้ไม่รู้สึกคับแคบเกินไป
“หรูอี้ เ้าจะเอาไปโม่อะไรหรือ”
“วันนี้โม่ข้าวสารกับข้าวโพดเ้าค่ะ”
“อืม...” หลี่สือมองเครื่องโม่หินประหนึ่งของเล่น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ะโโลดเต้นไปรอบๆ
“ท่านอารอง ท่านมีแรงมาก มาโม่เครื่องนี้เถิด ประเดี๋ยวข้าจะไปจูงลามาช่วยโม่อีกเครื่อง” หลี่หรูอี้กล่าวว่าจะทำก็ทำเลย นางเดินไปที่ห้องด้านข้างแล้วจูงลาตัวผู้เข้ามาผูกกับเชือก จากนั้นให้หลี่สือไปนำข้าวสารสิบชั่งและเมล็ดข้าวโพดอีกห้าสิบชั่งเข้ามา
หลี่สือใช้เพียงมือเดียวก็ยกถุงบรรจุเมล็ดข้าวโพดขึ้นแล้ว “ข้าจะโม่เมล็ดข้าวโพด”
“ได้เ้าค่ะ ท่านโม่เมล็ดข้าวโพดให้กลายเป็แป้งข้าวโพดละเอียดๆ เลยนะเ้าคะ อีกไม่นานพวกเราจะได้ทำโจ๊กจากแป้งข้าวโพดและแป้งย่างจากแป้งข้าวโพดกันแล้ว” ตอนนี้บ้านหลี่มีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ระยะนี้จึงกินแต่อาหารที่ทำจากแป้ง กินอาหารที่ทำจากข้าวโพดน้อยมาก เมล็ดข้าวโพดถุงนี้ก็เพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่ในปีนี้ นางจะนำไปโม่เป็แป้งเอาไว้ทำอาหารกินกัน จะต้องหอมมากแน่นอน
เครื่องโม่หินทั้งสองเครื่องเริ่มทำงานแล้ว หินโม่อันหนักหน่วงบดลงไปบนข้าวสารและเมล็ดข้าวโพด
เพียงไม่นานข้าวสารก็กลายเป็แป้งได้ั้แ่ครั้งแรก กลายเป็แป้งสีขาวนวล เมื่อหลี่หรูอี้เห็นดังนั้น ในสมองก็พลันปรากฏภาพอาหารเลิศรสโอชาหลากหลายเมนู
เมล็ดข้าวโพดใหญ่กว่าเมล็ดข้าวสาร โม่ครั้งแรกจึงกลายเป็เพียงเมล็ดข้าวโพดชิ้นหยาบ จะต้องนำไปโม่อีกครั้ง โม่ซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ถึงห้าครั้ง สุดท้ายจึงจะได้แป้งข้าวโพดที่มีเนื้อละเอียดออกมา
ในตลาดราคาของแป้งข้าวโพดเนื้อละเอียดจะแพงกว่าแป้งข้าวโพดเนื้อหยาบ ที่แพงกว่าเพราะแพงในด้านค่าแรงคนงานโม่แป้งนั่นเอง
หลี่ซานที่กำลังกินสาลี่อยู่ในห้องโถงใหญ่ได้ยินเสียงลาร้องก็รู้สึกสงสารที่ต้องลากหินโม่จึงเดินเข้ามาช่วย แต่กลับถูกหลี่หรูอี้ไล่ออกไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อ อีกสองสามวันท่านก็ต้องทำงานแล้ว ถึงตอนนั้นท่านคงยุ่งจนเท้าแทบไม่ติดพื้น ตอนนี้ท่านก็พักให้สบายก่อนเถิด”
หลี่ซานจึงเดินกลับมาที่ห้องโถง พูดกับจ้าวซื่อว่า “ลูกคนนี้นี่ จ่ายเงินไปมากเพียงนั้นเพื่อทำเครื่องโม่หินขนาดใหญ่ ไม่รู้ว่าจะทำการค้าอะไรอีก”
จ้าวซื่อรู้สึกเซื่องซึมเล็กน้อย นางหาวออกมาครั้งหนึ่งก่อนถามว่า “นางกำลังโม่อะไรหรือ”
“ข้าวโพดกับข้าวสาร”
“นางคงไม่ได้จะคิดทำแป้งข้าวโพดกับแป้งข้าวสารไปขายหรอกกระมัง?”
“ไม่ใช่ ข้าเคยถามนางแล้ว” หลี่ซานนึกไปถึงถั่วเหลืองกองใหญ่ราวูเาที่วางกองอยู่ในห้องโม่หิน “นางบอกว่า จะโม่ถั่วเหลืองด้วย”
“โม่ถั่วเหลืองให้เป็แป้งจะทำอะไรได้” จ้าวซื่อมีสีหน้าสงสัย
เมื่อสองอาหลานโม่ข้าวโพดและข้าวสารเสร็จแล้ว ก็ไปนำถั่วเหลืองสองชั่งมาที่ลานด้านหลัง ใช้บุ้งกี๋คัดถั่วเหลืองไม่ดีออกไปโดยนำบุ้งกี๋ตักถั่วเหลืองแล้วนำไปแช่ไว้ในโอ่งน้ำ
หลี่ซานเดินไปดูจากนั้นจึงกลับมาบอกจ้าวซื่อว่า “หรูอี้เอาถั่วเหลืองไปแช่น้ำ”
“นั่นเ้าทำอะไร” จ้าวซื่อรู้สึกสงสัยยิ่งขึ้น
“โอ้... ข้าลืมแม่พิมพ์ไม้สำหรับทำเต้าหู้ไปเลย” จู่ๆ หลี่หรูอี้ที่อยู่ในห้องครัวก็อุทานออกมาเช่นนี้ จากนั้นก็รีบเดินไปหยิบกระดาษร่างแบบในห้องครัว
ในหมู่บ้านมีช่างไม้หวัง ซึ่งเป็คนสกุลหวังอยู่คนหนึ่ง และช่างไม้จางอีกคนหนึ่ง วันนี้ช่างไม้หวังถูกคนในตระกูลส่งออกไปตามหาหวังซานนิว หากบ้านหลี่้าทำแม่พิมพ์ไม้จะต้องไปหาช่างไม้จาง
การทำแม่พิมพ์ไม้ไม่ต้องใช้ทักษะด้านงานไม้มากมายอะไร อีกทั้งไม่้าไม้ดี ขอเพียงทำงานไม้เป็ก็ทำได้แล้ว
ช่างไม้จางเป็ชายวัยกลางคนมีใบหน้าดำคล้ำ ปกติจะมีสีหน้าเคร่งขรึมไม่ยิ้มแย้ม ทว่าอยากสานสัมพันธ์กับบ้านหลี่มาตลอด เขาคิดราคาเป็ธรรม บ้านหลี่จึงจ่ายเงินมัดจำไปก่อนสิบทองแดง พรุ่งนี้ตอนมารับของค่อยจ่ายส่วนที่เหลือ
ภรรยาของช่างไม้จางรับเงินไป การทำงานครั้งนี้มีมูลค่าถึงสี่สิบทองแดง บนใบหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเป็มิตรว่า “พี่หลี่ ขอบคุณที่ท่านนึกถึงครอบครัวเราเ้าค่ะ”
ถั่วเหลืองถูกแช่อยู่ในโอ่งน้ำหนึ่งคืนจนเมล็ดถั่วเหลืองเริ่มมีขนาดใหญ่และอ่อนนุ่ม หลี่หรูอี้ยื่นมือไปช้อนขึ้นมาดู นี่เป็ถั่วเหลืองบริสุทธิ์จากธรรมชาติที่ไร้สารปนเปื้อน
“ทำน้ำเต้าหู้กับเต้าฮวย เช้าวันนี้จะได้กินน้ำเต้าหู้กับเต้าฮวยแล้ว!”
“น้ำเต้าหู้กับเต้าฮวยคืออะไรหรือ” วันนี้เป็วันหยุดเรียน เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่ไม่ต้องไปสำนักศึกษาจึงลุกขึ้นมาช่วยงานแต่เช้า เมื่อทราบว่าเมล็ดถั่วเหลืองสามารถนำมาโม่ทำเป็น้ำเต้าหู้และเต้าฮวยได้ก็รู้สึกสนใจยิ่งนัก
“อีกประเดี๋ยวพวกท่านได้กินก็รู้เอง”
หลี่หรูอี้มั่นอกมั่นใจในน้ำเต้าหู้และเต้าฮวยที่ได้จากการโม่บดถั่วเหลืองเป็อย่างยิ่ง ในโลกก่อน อาหารทั้งสองชนิดเป็ที่ชื่นชอบของคนทางเหนือเป็อย่างมาก เมืองเยี่ยนในโลกนี้ก็อยู่ทางเหนือเช่นกัน ทั้งสภาพอากาศและวัฒนธรรมไม่แตกต่างอะไรจากภาคเหนือยุคโบราณของโลกก่อน นางเชื่อว่าชาวบ้านจะต้องชอบเป็แน่
เดิมทีวันนี้ถูกกำหนดให้เป็วันหยุดของหลี่สือ แต่เมื่อวานเขารู้ว่าเช้าวันนี้หลี่หรูอี้จะทำอาหารชนิดใหม่จึงไม่ยอมพัก รีบตื่นแต่เช้ามารอที่ลานด้านหลังบ้าน
พวกเขานำลามาผูกกับเครื่องโม่หิน เนื่องจากไม่อยากให้มันเกียจคร้าน จึงนำผ้ามาผูกตามันเพื่อไม่ให้มองเห็นสิ่งรอบข้าง แล้วปล่อยให้มันเดินลากเครื่องโม่เป็วงกลมไปเรื่อยๆ
เมื่อเครื่องโม่บดถั่วเหลืองก็ได้เป็น้ำออกมา ้าเครื่องโม่จะเป็เมล็ดถั่วเหลือง เมื่อโม่ไปหลายๆ รอบก็จะมีน้ำสีขาวไหลออกมา แม้บอกว่าเป็น้ำ แต่ด้านในยังคงมีกากถั่วเหลืองผสมอยู่ด้วย
น้ำของถั่วเหลืองไหลลงไปในถังไม้ที่มีผ้าสีขาวคลุมอยู่้า กากถั่วเหลืองถูกแยกออกให้ติดอยู่บนผ้า ส่วนน้ำของถั่วเหลืองก็ไหลผ่านผ้ากรองลงไปในถังไม้
“สนุกจัง” หลี่สือรู้สึกสนุกสนานยิ่งนัก มองจนนิ่งไปแล้ว
หลี่ฝูคังสูดจมูกฟุดฟิดแล้วกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “กลิ่นถั่วเหลืองเข้มข้นจริงๆ หอมมาก”
“น้ำถั่วเหลืองที่โม่ออกมาตอนนี้เป็น้ำดิบ จะต้องนำไปต้มก่อนจึงจะกินได้ หากกินดิบจะไม่สบาย” วันนี้หลี่หรูอี้วางแผนจะนำถั่วเหลืองที่แช่ค้างคืนไว้มาทำเป็น้ำเต้าหู้และเต้าฮวย โดยจะนำเต้าฮวยที่ได้มาเป็ส่วนแรกไปให้คนในครอบครัวกิน แล้วค่อยสอนวิธีทำให้พวกเขา พรุ่งนี้จึงจะเริ่มนำไปขาย
หลี่เจี้ยนอันกล่าวถามว่า “น้องห้า แล้วกากเต้าหู้กินได้หรือไม่” หากกินไม่ได้เขาคงรู้สึกเสียดายแย่
“กินได้แน่นอนเ้าค่ะ จะนำไปย่างคล้ายแป้งย่าง หรือนำไปทำหมั่นโถวก็อร่อยทั้งนั้น” หลี่หรูอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนี้ไปบ้านเราคงทำอาหารจากถั่วเหลืองกันทุกวัน แต่หากกินอาหารจากถั่วเหลืองมากเกินไปจะทำให้ปัสสาวะเป็กรด “คนกินได้ หรือจะนำไปให้สัตว์เลี้ยงกินก็ได้เ้าค่ะ”
หลี่เจี้ยนอันยิ้ม “หากทั้งไก่ สุนัข ลา กินได้ทั้งหมด เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก”
“เจาไฉกับจิ้นเป่ากินกากเต้าหู้ไม่ได้” หลี่หรูอี้ปรายตามองสุนัขน้อยน่ารักสองตัวที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ ดวงตาของพวกมันส่องประกายอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย
อัตราส่วนของถั่วเหลืองที่แช่จนนุ่มแล้วกับน้ำอยู่ที่หนึ่งต่อแปด หากใส่น้ำมากเกินไป น้ำเต้าหู้ที่ได้ออกมาจะเจือจาง นำไปทำเป็เต้าฮวยไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการนำไปทำเป็เต้าหู้เลย
ถั่วเหลืองแห้งหนึ่งชั่งนำไปแช่น้ำให้อ่อนนุ่ม จากนั้นนำมาบดและเติมน้ำเข้าไปขณะบด สุดท้ายจะได้น้ำเต้าหู้ราวหกถึงเจ็ดชั่งและกากเต้าหู้ราวหกชั่ง
รอบแรกหลี่หรูอี้ใส่ถั่วเหลืองลงในเครื่องโม่หินประมาณสามชั่ง ทำน้ำเต้าหู้ออกมาได้ยี่สิบชั่งและกากเต้าหู้อีกหนึ่งชั่งกว่า
หลี่ฝูคังยกถังไม้ขึ้นมา กะน้ำหนักดูแล้วไม่เบาเลยทีเดียว เขายิ้มจนตาหยีแล้วกล่าวขึ้นว่า “ถั่วเหลืองนี่ดีจริงๆ บดออกมาแล้วได้น้ำกับกากมากเพียงนี้เชียว”
หลี่ิ่หานเป็คนที่มีไหวพริบที่สุด เขานึกไปถึงผลกำไรแล้ว “ถั่วเหลืองหนึ่งชั่งสองทองแดง หากพวกเราขายน้ำเต้าหู้และกากเต้าหู้ชั่งละหนึ่งทองแดง ก็จะขายได้ทั้งหมดเจ็ดทองแดง ได้กำไรห้าทองแดง”
หลี่ิ่หานเอ่ยขึ้นบ้าง “น้องห้า เ้าคิดจะให้ครอบครัวเราขายน้ำเต้าหู้กับกากเต้าหู้หรือ” กล่าวจบก็คิดในใจว่า น้ำเต้าหู้มีน้ำหนักมาก ที่แท้น้องห้าซื้อลามาเพื่อใช้ขนน้ำเต้าหู้นี่เอง
“สินค้าหลักที่ครอบครัวพวกเราจะขายต่อจากนี้ไม่ใช่น้ำเต้าหู้หรือกากเต้าหู้ แต่เป็เต้าหู้เ้าค่ะ ตอนนี้ข้าจะนำน้ำที่ได้จากการโม่ถั่วเหลืองไปทำเต้าฮวยให้พวกท่านชิมก่อน แล้วค่อยนำไปทำเป็เต้าหู้” หลี่หรูอี้ชี้นิ้วควบคุมให้หลี่เจี้ยนอันนำน้ำเต้าหู้ครึ่งถังไปเทลงในกะละมังไม้ใบใหญ่ จากนั้นก็นำมาทำเป็เต้าหู้และเต้าฮวยโดยใช้น้ำเกลือ
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้