เล่มที่ 1 บทที่ 24 มารฟ้าสยบเซียน
‘ทว่าตอนนี้กลับไม่เหมือนกัน...’
'ศิษย์พี่หลินกลับมาแล้ว อีกทั้งยังสร้างคุณความดีให้กับสำนักอีก หากเป็เช่นนี้ ท่านเ้าสำนักจะต้องเรียกพบแน่นอน หากเื่ที่ศิษย์พี่หลี่ไม่ได้ออกไปตามหาศิษย์พี่หลิน รู้ถึงหูท่านเ้าสำนักแล้วละก็ เกรงว่าจะต้องเกิดเื่แย่แน่ๆ...'
'หลี่ชิงซานจึงชิงลงมือเพื่อยัดเยียดข้อหาทำลายผนึกให้ศิษย์พี่หลิน จากนั้นก็บีบให้ศิษย์พี่รับผิดแทน เช่นนี้ก็คงไม่มีใครสนใจเื่ที่เขาไม่ได้ไปที่ผาปากเหยี่ยวแล้วล่ะ'
‘ช่างร้ายกาจยิ่งนัก...’
ซูหยวนรู้สึกเย็นวาบในใจขึ้นทันที แววตาก็สั่นคลอนไปด้วยความหวาดกลัว 'โชคร้ายจริงๆ ดันเข้ามาพัวพันกับเื่แบบนี้เสียได้ ด้วยนิสัยของศิษย์พี่หลี่แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะถูกปล่อยไปง่ายๆแน่...'
“เอ๋?” ในขณะที่ซูหยวนกำลังสิ้นหวังอยู่นั้น สายตาของเขาก็พลันเห็นลำแสงกระบี่สีแดงที่กำลังแตกออก...
ลำแสงสีทองสายหนึ่งก็พลันสว่างขึ้น ทันใดนั้นลำแสงกระบี่สีแดงที่แข็งแกร่งก็อ่อนกำลังลง โดยไม่อาจต้านทานลำแสงสีทองนั้นได้อีก เมื่อมองเผินๆก็คล้ายกับมีดที่ถูกเผาจนเป็เหล็กแดงหั่นลงบนเนยสีเหลืองทอง แม้จะเต็มไปด้วยความเงียบสงบไร้ซึ่งเสียงใดๆ แต่ก็สามารถสะบั้นลำแสงสีแดงนั่นออกเป็สองส่วนได้
ไม่นานก็เห็นหลินเฟยเดินมือเปล่าออกมาจากกลุ่มปราณแดงนั้น...
ภาพที่เห็นทำให้ซูหยวนตกตะลึงจนตาค้าง แม้แต่ศิษย์สายตรงที่อยู่อันดับสามของสำนักก็ยังอดที่จะตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้าไม่ได้...
“มิน่า...ถึงได้กล้าคลายผนึก ที่แท้ก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง...” หลังจากชะงักไปชั่วครู่ หลี่ชิงซานก็แค่นหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยวาจาออกมา
“ทางที่ดี เ้าจงยอมแพ้เสียจะดีกว่า เมื่อถึงหุบเขาเทียนสิงแล้ว เดี๋ยวข้าจะช่วยพูดให้เอง แต่หากยังขัดขืนละก็ พลาดพลั้งถูกฆ่าตายขึ้นมา ก็ถือว่าโชคร้ายแล้วกัน...”
หลี่ชิงซานพูดออกมา ขณะกำลังก้าวขาออกจากบ้านหลังน้อยของหลินเฟย ใบหน้าของเขาค่อนข้างซีดเซียว แต่สองตากลับแดงก่ำราวกับปีศาจ ในมือกุมกระบี่ยาวสามฉื่อที่เปล่งปราณสีแดงแสนเลือนรางไว้มั่น ต่อให้อยู่ห่างเป็สิบจ้าง หลินเฟยก็ยังรับรู้ได้ถึงไอปีศาจเข้มข้น ประมาณดูแล้วคงจะเป็ศาสตราวุธขั้นอิงฝูเลยทีเดียว...
ในตอนนี้เองแม้แต่ซูหยวนก็ยังเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่าง 'หลี่ชิงซานคงคิดจะฆ่าปิดปากสินะ...'
ทว่าหลินเฟยกลับไร้ซึ่งความกังวลใดๆ เขายังคงยืนนิ่งเพื่อฟังหลี่ชิงซานพูดให้จบแล้วจึงกล่าวตอบ
“อย่าเอาแต่พูดมากนักเลย เหลือเวลาไม่มากแล้วนะ...”
“ตายเสียเถอะ!” เมื่อสิ้นเสียง ไอปีศาจเข้มข้นก็ะเิออกมา ซูหยวนที่อยู่ข้างๆยังไม่ทันจะออกปากห้ามปราม กระบี่ที่มีปราณแดงรายล้อมก็อบอวลไปด้วยไอปีศาจเสียแล้ว ราวกับว่าปีศาจาได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ทำให้โลกทั้งใบเต็มไปด้วยรังสีอำมหิตอันน่าสะพรึงกลัว
ถือว่าผิดคาดไปมาก หลินเฟยไม่คิดแม้แต่จะหลบหนี หนำซ้ำกลับพุ่งตัวเข้าต้านไว้อีก เขาโคจรเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จนเกิดปราณกระบี่ไท่อี๋ ท่ามกลางละอองหิมะโปรยปรายนั้น กลับเห็นเพียงลำแสงกระบี่ที่ยาวหลายสิบจ้างพุ่งขึ้นต้านเท่านั้น พลังทั้งสองสายปะทะกันจนเกิดเสียงดังกัมปนาท ปราณกระบี่สีแดงที่ปกคลุมเต็มท้องฟ้ากลับแตกสลายในทันทีขณะที่ปราณกระบี่ไท่อี๋สะบั้นลงมา...
หลี่ชิงซานเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์ขั้นย่างหยวนคนนี้ จะตั้งรับการจู่โจมของผู้บำเพ็ญขั้นมิ่งหุนเช่นเขาได้ ปราณกระบี่แสนพิสดารนั่นถึงกับสามารถทำลายลำแสงกระบี่มารฟ้าของเขาได้ถึงสองครั้ง
จากนั้นหลินเฟยก็กระเด็นออกไป เนื่องจากแรงกระแทกของปราณกระบี่สีแดงอันแข็งแกร่ง...
“หึหึ...” หลินเฟยเช็ดคราบเืที่มุมปากออก เขาพยายามฝืนทนต่อความบอบช้ำของอวัยวะภายใน ก่อนจะพยุงตนเองลุกขึ้นมา สองตามองไปที่หลี่ชิงซานอย่างไม่คิดจะยอมแพ้
“เหมือนว่าวันนี้ศิษย์พี่คงไม่อาจพาข้าไปที่หุบเขาเทียนสิงได้เสียแล้ว...”
หลินเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ หลังจากประมือกันถึงสองครั้ง ก็ทำให้เขามั่นใจได้ว่า ปราณกระบี่ไท่อี๋นั้นไม่อาจมีพลังอันแข็งแกร่งได้อย่างที่ผู้บำเพ็ญขั้นย่างหยวนพึงมี สำหรับการต้านรับกระบี่มารฟ้าของผู้บำเพ็ญขั้นมิ่งหุนนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
แต่ว่าปราณกระบี่ไท่อี๋เกิดจากแร่ไท่อี๋ เป็สิ่งวิเศษขั้นเซียนเทียน เดิมทีแร่ไท่อี๋ก็มีความแข็งแรงทนทานมากอยู่แล้ว ฉะนั้นปราณกระบี่ที่เกิดขึ้นมา ก็ยังคงสามารถข่มไอปีศาจทุกชนิดได้อยู่ดี ต่อให้วิชากระบี่มารฟ้าของหลี่ชิงซานจะดูน่ากลัวเพียงใด เมื่อได้ปะทะกับปราณกระบี่ไท่อี๋แล้ว พลังของมันก็จะถูกลดลงเหลือเพียงหกในสิบส่วนเท่านั้น
เพียงอาศัยจุดนี้ หลินเฟยก็จะไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างแน่นอน หากคิดจะเอาชนะแล้วละก็ คงต้องใช้ความแตกต่างของขั้นบำเพ็ญเพียงอย่างเดียวเท่านั้น...
หลี่ชิงชานเองก็ย่อมรู้ดี เมื่อไม่สามารถจัดการหลินเฟยได้ในกระบวนท่าแรก เขาจึงทำได้เพียงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรและโคจรพลังปราณทั้งหมดที่มี จากนั้นภายในอากาศก็เต็มไปด้วยไอปีศาจและลำแสงกระบี่สีหม่นแดงจำนวนมาก บัดนี้หลี่ชิงซานก็ได้สำแดงพลังของกระบี่มารฟ้าออกมาอย่างเต็มพิกัดแล้ว
ชั่วขณะที่ลำแสงกระบี่มหาศาลกำลังปรากฏอยู่นั้น สายตาก็เห็นภาพของปีศาจาที่กำลังอ้าปากขนาดมหึมาเพื่อกลืนกินทุกสิ่งอย่าง ใช่แล้ว...นี่ก็คือมารฟ้าสยบเซียน เป็กระบวนท่าที่ร้ายกาจที่สุดของวิชากระบี่มารฟ้า!
“จงตายเสียเถอะ!” อาจเป็เพราะใช้พลังปราณไปกับกระบี่มารฟ้ามากเกินไป ในตอนนี้ใบหน้าของหลี่ชิงซานนั้นขาวซีดราวกับไร้เืไหลเวียน แต่เมื่อประกอบรวมกับดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้นแล้ว กลับมีสภาพละม้ายปีศาจร้ายตนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ส่วนหลินเฟยที่ไร้ซึ่งอาวุธติดมือ แถมยังต้องปะทะกับกระบี่มารฟ้าแล้ว จึงดูอ่อนแอกว่ามาก ทั้งไอปีศาจเข้มข้น ทั้งลำแสงกระบี่มากมาย ภายใต้กระบวนท่าที่รุนแรงเช่นนี้ ต่อให้มีตะเกียงซานเป่าหลิวหลีอยู่ ก็ไม่อาจเรียกใช้ได้ทันท่วงที สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือโคจรเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ ก่อนจะสะบัดปราณกระบี่ออกไป...
จากนั้น...
เวลาก็ราวกับจะหยุดนิ่งลง
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนหยุดนิ่ง
แม้กระทั่งละอองหิมะที่โปรยปราย ก็เหมือนจะไม่ขยับไปเสียดื้อๆ
มีเพียงสิ่งเดียวที่ได้ยินเท่านั้น นั่นก็คือเสียงหายใจระรัวของซูหยวน...
“ศิษย์...พี่หลิน?” ซูหยวนกล่าวเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนเล็กน้อย เขารู้ดีั้แ่กระบวนท่าแรกของหลี่ชิงซานแล้ว หากหลินเฟยตาย ศพต่อไปก็คงจะเป็เขา...
“ไม่ต้องเรียกหรอก เพราะไม่มีทางที่ผู้บำเพ็ญขั้นย่างหยวนจะรอดชีวิตจากมารฟ้าสยบเซียนนี้ไปได้...” พูดยังไม่ทันขาดคำ หลี่ชิงซานก็มีอาการไอรุนแรงขึ้นมา ก่อนจะกระอักเืแดงฉาน วิชามารฟ้าสยบเซียนทำให้หลี่ชิงซานสูญเสียพลังปราณไปมากกระทั่งบอบช้ำถึงอวัยวะภายใน
แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เมื่อต้องแลกกับการจัดการตัวปัญหาอย่างหลินเฟยได้
ตอนนี้ก็เหลือเพียงศิษย์สายนอกอย่างซูหยวนเท่านั้น...
หลังจากอาการไอสำลักสงบลงแล้ว หลี่ชิงซานก็กวาดตามองไปที่ซูหยวนด้วยั์เนตรดั่งปีศาจร้ายจ้องมองเหยื่อ...
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้