อนุญาตให้เข้าร่วมการสอบระดับอำเภอกับแต่งตั้งให้เฉิงชิงเป็บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
คุณวุฒินี้ของเฉิงชิงจะสามารถรักษาไว้ได้หรือไม่?
บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอที่ตนแต่งตั้ง อาจจะเป็ผู้ที่เขาต้องถอดถอนด้วยมือตนเองก็เป็ได้ นายอำเภอหลี่รู้สึกต่อต้านยิ่งนัก
เฮ้อ ไม่รู้ว่าราชสำนักจะส่งหนังสือตัดสินลงมายามใด แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร ทุกอย่างก็จะถูกคลี่ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เขาคิดหลีกเลี่ยงไม่อยากให้ตนเองไปพัวพันด้วย หากเฉิงชิงไม่เข้าร่วมการสอบระดับอำเภอในปีนี้ก็ดีไปแล้ว เร็วกว่าหนึ่งปีหรือช้ากว่านี้ไปหนึ่งปี เขายินดีที่จะมอบตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’ ให้แก่เฉิงชิง… เด็กหนุ่มที่มีความสามารถเช่นนี้ ตัวเขาเองชื่นชมยิ่งนัก!
ทว่าดันเป็ปีนี้
กับสถานการณ์ที่ยังไม่กระจ่างเช่นนี้
เฉิงจือหย่วนนะเฉิงจือหย่วน เ้าเป็คนตายไปแล้ว กลับส่งต่อความลำบากให้บุตรชายของตนเอง บุตรชายที่ดีเช่นนี้เ้าไม่ดูแล ผู้อื่นกลับอิจฉายิ่งนัก
นายอำเภอหลี่ถอนหายใจไม่หยุดภายในที่ว่าการอำเภอ ไม่รู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไรดี
หากราชสำนักตัดสินว่าเฉิงจือหย่วนมีความผิด แต่เขาแต่งตั้งเฉิงชิงเป็บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอไปแล้ว จะมองหน้าอีกฝ่ายติดได้อย่างไร?
แต่หากไม่แต่งตั้งเฉิงชิงเป็บัณฑิตอั้นโส่ว ก็จะเป็การผิดต่อมโนธรรมของตนเองอีก
เฮ้อ ช่างทำให้คนกังวลเสียจริง!
การพัวพันของนายอำเภอหลี่มีคนไม่น้อยที่สามารถเดาได้ อย่างเช่นนายท่านห้าเฉิงและบ้านรองตระกูลเฉิง
เฉิงชิงสอบได้อันดับที่หนึ่งสี่สนามติดต่อกัน ฮูหยินผู้เฒ่าจูไม่ยินดีอย่างยิ่ง ลอบด่าเ้าเดรัจฉานน้อยหลายคำอยู่ในที่ส่วนตัว ทั้งยังบ่นกับแม่นมโจว “ไม่รู้ว่าราชสำนักคิดอย่างไร คดีผ่านไปตั้งนานแล้วยังไม่ตัดสินเสียที!”
ถ้าเร่งส่งหนังสือตัดสินลงมานานแล้ว เ้าเดรัจฉานน้อยเฉิงชิงนั่นก็คงตัดใจจากการสอบเข้ารับราชการไปแล้ว
แม่นมโจวรู้ถึงความคิดของฮูหยินผู้เฒ่า นางไม่ยินดีที่จะเห็นเฉิงชิงสอบได้ดีกว่านายน้อยเฉิงกุย
นายน้อยกุยอายุสิบห้าปีก็สอบได้คุณวุฒิซิ่วไฉแล้ว เป็ความภาคภูมิใจของฮูหยินผู้เฒ่า
แต่หากยังคงปล่อยให้เฉิงชิงสอบต่อ ไม่ใช่ว่าอายุสิบสี่ก็จะสอบได้คุณวุฒิซิ่วไฉหรอกนะ?
แม้สุดท้ายอาจจะถูกถอดถอนคุณวุฒิ ถึงอย่างไรพร์ที่แสดงออกมาก็ยอดเยี่ยมกว่านายน้อยกุย การสอบระดับอำเภอปีนั้นนายน้อยกุยไม่ได้สอบได้ถึงอันดับที่หนึ่ง——ผู้อื่นเหนือกว่านายน้อยกุยยังไม่เป็ไร มีเพียงคนเดียวที่ไม่อาจทำได้คือเฉิงชิง นี่คือโรคทางใจของฮูหยินผู้เฒ่า!
แม่นมโจวเองก็ไม่คิดว่าเฉิงชิงจะมีอนาคตที่ดี
ทุกครั้งที่เฉิงชิงก้าวหน้า แม่นมโจวก็จะร้อนตัวด้วยกลัวว่าเฉิงชิงจะรู้ว่าเดิมทีผู้ที่หาคนมาสร้างเื่ทุจริตก็คือบุตรชายของนาง
ร้อนตัวนานแล้ว ความเห็นใจเล็กน้อยนั้นก็เปลี่ยนเป็ความโเี้ แม่นมโจวถึงขนาดชิงเสนอความคิดให้ฮูหยินผู้เฒ่าจู
“บ่าวรู้สึกว่าพวกนายอำเภอหลี่และเ้าเมืองอวี๋เองก็ไม่้าเห็นเฉิงชิงได้รับตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอเช่นกันเ้าค่ะ หากเฉิงชิงสอบได้อันดับหนึ่งอีก ใต้เท้าหลี่จะไม่เลือกเขาเป็บัณฑิตอั้นโส่วก็ไม่ได้ นอกจากมีคนที่ช่วยเหลือนายอำเภอหลี่ ไม่ให้เฉิงชิงไปเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอสนามที่ห้า นายอำเภอหลี่ก็จะได้มีข้ออ้าง... ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ บ่าวเพียงพูดไปเรื่อยเปื่อย ยังต้องให้ท่านตัดสินใจเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าจูได้ฟังแล้วก็ใจเต้น
ไม่ให้เฉิงชิงเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอสนามสุดท้าย?
เื่นี้กลับไม่ยาก
เพียงต้องสร้างเหตุการณ์ไม่คาดฝันเสียหน่อย
หากกล่าวว่าวันก่อนฮูหยินผู้เฒ่าจูกลัวจะถูกนายท่านห้าเฉิงจับได้และถูกตำหนิต่อว่า การที่เฉิงจือซวี่กลับบ้านเกิดมาเยี่ยมครอบครัวก็มอบความมั่นใจอย่างมากให้แก่หญิงชราอย่างเห็นได้ชัด มีบุตรชายสนับสนุน นางไม่กลัวถูกไอ้แก่บ้านห้าหาเื่แล้ว
ไอ้แก่นั่นเองก็พึ่งพานายท่านหกซึ่งเป็ขุนนางอยู่ที่เมืองหลวง
นายท่านหกก็เป็ขุนนางใหญ่ขั้นสองแน่แท้ น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ได้[1] บัดนี้คนในตระกูลที่อยู่ที่อำเภอหนานอี๋ยังถือว่าตำแหน่งขุนนางของจือซวี่นั้นใหญ่กว่า
ฮูหยินผู้เฒ่าจูค่อยๆ พยักหน้า
“เื่นี้หากเ้าทำพลาดอีก ข้าก็ไม่อาจให้เ้าอยู่ข้างกายได้แล้ว เดิมข้าคิดจะให้ทั้งครอบครัวนั้นล่มจมไปด้วยตัวเอง เ้าเดรัจฉานน้อยนั่นไม่ควรพยายามกดหัวกุยเกอ!”
สองนายบ่าวไล่คนรับใช้อื่นออกไปพลางหารือกันเป็การลับ แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ได้ยินทั้งหมดเต็มสองหู
ทั้งบ้านรองมีเพียงเฉิงกุยที่เข้าออกเรือนหลักได้โดยไม่ต้องแจ้ง
เฉิงกุยหน้าซีดราวกับกระดาษ
เขารู้มานานแล้วว่าท่านย่าไม่ชอบเฉิงชิง
ทั้งบ้านรองไม่มีผู้ใดชอบเฉิงชิง
ผู้ใดใช้ให้ท่าทีเช่นนั้นยามเฉิงชิงเชิญดวงิญญากลับบ้านเกิดทำให้บ้านรองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากกันเล่า
ภายในระยะเวลาอันแสนยาวนาน คนของบ้านรองล้วนตกเป็หัวข้อในการพูดคุยภายในอำเภอ
ทุกคนต่างกล่าวว่าการที่โกงกินเป็เื่ที่ไม่จงรักภักดีและไร้คุณธรรม แต่การที่บ้านรองกระทำต่อทั้งครอบครัวแม่ม่ายบุตรกำพร้าของเฉิงชิงนั้นถือว่าไร้เมตตา ที่สถานศึกษา เฉิงกุยเองก็ได้รับคำวิจารณ์ไม่น้อยเพราะมีท่านลุงใหญ่ที่ยักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ
ที่เขาไม่ชอบเฉิงชิงนั้นมีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอ!
ถึงเขายอมรับอย่างเงียบๆ ให้อวี๋ซานสั่งสอนเฉิงชิง แต่ไม่ได้คิดถึงขนาดที่จะตัดอนาคตของอีกฝ่าย ด้วยความก้าวหน้าในด้านการเรียนของเฉิงชิง เฉิงกุยถึงขนาดกระหายที่จะตัดสินว่าใครเหนือกว่าใครในการสอบเข้ารับราชการ บิดากล่าวว่าเฉิงชิงไม่คู่ควรเป็คู่ต่อสู้ของเขา ทำให้เขาเกิดความสับสนไปชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากผ่านการสับสนแล้ว เขาก็แน่วแน่กับความคิดของตนเองใหม่อีกครั้ง
ไม่ว่าหลังจากนี้เขาจะได้พบคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจเพียงใด แต่บัดนี้เฉิงชิงมีความสามารถที่จะแข่งกับเขา เขาไม่ควรประมาทเฉิงชิง
หากเฉิงจือหย่วนได้รับโทษเป็การแน่นอน เขายังแอบหวังว่าการตัดสินของราชสำนักจะมาช้าหน่อย ให้เขาได้มองว่าเฉิงชิงจะไปได้ไกลแค่ไหน!
ที่คิดไม่ถึงก็คือท่านย่ากังวลเื่ที่เฉิงชิงสอบได้อันดับที่หนึ่งสี่สนามติดต่อกันในการสอบระดับอำเภอมากกว่าเขา——ท่านย่าไม่ยอมให้เฉิงชิงกดหัวเขา ไม่้าให้เฉิงชิงได้รับตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ
ยามเฉิงกุยไปจากเรือนหลักฝีเท้าก็พลันอ่อนแรง
พรุ่งนี้ก็เป็การสอบระดับอำเภอวันสุดท้ายแล้ว
เขาต้องพายเรือตามน้ำ[2] แสร้งทำเป็ไม่ได้ยินการวางแผนการของท่านย่าและแม่นมโจวหรือ?
ยังคงเชื่อฟังหัวใจตนเอง ตัดสินแพ้ชนะกับเฉิงชิงอย่างยุติธรรมและมีเกียรติ
“เฉิงกุย เฉิงกุย!”
แขนของเฉิงกุยถูกคว้าเอาไว้ มีคนกำลังเขย่าเขาอย่างสุดกำลัง
ที่แท้เขาก็ออกมาจากจวนแล้วโดยไม่รู้ตัว เดินอย่างไร้จุดหมายบนถนนใหญ่ของอำเภอ
ผู้ที่คว้าเขาไว้คืออวี๋ซาน
เฮอะ อวี๋ซานหนีออกมาจากบ้านอีกแล้ว ตอนนี้เ้าเมืองอวี๋ก็ทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นต่ออวี๋ซาน อวี๋ซานถึงมีโอกาสหนีมาหนานอี๋ได้ตลอด
อวี๋ซานมาเพราะเฉิงชิง พรุ่งนี้คือการสอบสนามสุดท้ายของการสอบระดับอำเภอ
ความสนใจที่อวี๋ซานมีต่อเฉิงชิง มองอย่างไรก็แปลกประหลาด
หากอวี๋ซานรู้ว่าเฉิงชิงจะเสียตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’ ไป จะมีปฏิกิริยาอย่างไรนะ?
“เฉิงกุย เ้าป่วยแล้วหรือ สีหน้าของเ้าย่ำแย่เกินไปแล้ว!”
อวี๋ซานเป็ห่วงสหาย จู่ๆ เฉิงกุยที่หน้าซีดเผือดก็พลิกมือคว้าเขาเอาไว้ “อาเสี่ยน เ้าอยากจะเห็นเฉิงชิงได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอหรือไม่?”
อวี๋ซานร้อนตัวอย่างไร้สาเหตุ เลี่ยงที่จะสบตากับสหายรัก น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ข้าเกลียดเขาจะตายไป จะไปอยากเห็นเขาได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอได้อย่างไร แต่เ้าเด็กเวรเฉิงชิงนั่นก็มีโชคด้านการสอบมากจริงๆ ทั้งอำเภอมีผู้เข้าสอบมากมายถึงเพียงนั้นกลับสู้เฉิงชิงคนเดียวไม่ได้ แปลกเสียจริง!”
อวี๋ซานสงสัยว่าก่อนหน้าที่เมิ่งไหวจิ่นจะไปเมืองหลวงได้ให้กลโกงการสอบเข้ารับราชการอะไรแก่เฉิงชิงหรือไม่
พวกเขาสองคนกำลังเก็บซ่อนความลับใหญ่ที่เปิดเผยไม่ได้สินะ?
ความคิดของอวี๋ซานยิ่งกระจัดกระจายไปไกลขึ้นเรื่อยๆ แต่ได้ยินเฉิงกุยพึมพำกับตนเอง
“หากพรุ่งนี้เฉิงชิงไปสอบสนามสุดท้ายไม่ได้ ก็จะเสียโอกาสที่จะได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอไป…”
อวี๋ซานพลันได้สติกลับคืน
“เหตุใดเฉิงชิงถึงจะไปสอบสนามสุดท้ายไม่ได้?”
เื่ราวผิดปกติ
เฉิงกุยเองก็ผิดปกติ
แววตาของอวี๋ซานพลันเป็ประกายเฉียบคมขึ้นมา
“เ้าลูกชาย วันนี้เป็การสอบระดับอำเภอสนามสุดท้ายแล้ว…”
อันดับที่หนึ่งสี่สนามก็ทำให้นางหลิ่วและพวกพี่สาวทั้งสามตื่นเต้นดีใจหาใดเปรียบแล้ว
นางหลิ่วจากที่ต่อต้านก็กลายมาเป็ยอมรับ ยังคงตื่นเต้นปลาบปลื้มใจถึงบัดนี้
นางหลิ่วกลัวว่าเฉิงชิงจะถูกเปิดโปงเื่สตรีปลอมเป็บุรุษ แต่ก็เห็นเงาของสามีที่เสียชีวิตบนตัวของเฉิงชิง เด็กคนนี้ได้รับสืบทอดพร์ด้านการเล่าเรียนของจือหย่วนมาทั้งหมดจริงๆ
เฉิงชิงจัดเสื้อผ้าให้ดีแล้วก็ฝ่าหมอกยามเช้าออกจากบ้านไป
“ท่านแม่อย่าได้กังวลไป ข้าเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วขอรับ”
ภายในท้องมีความรู้ ถึงหัวข้อจะยากเพียงใดนางก็ไม่หวั่น
ได้อันดับที่หนึ่งสี่สนามติดต่อกัน เฉิงชิงรู้สึกว่าระดับความรู้ของนางมีความเข้าใจที่กระจ่างมากขึ้นแล้ว นางเชื่อมั่นในตนเองอย่างแท้จริง
เหล่าเ้าหน้าที่ควบคุมที่ตามนางไปสอบด้วยก็ทักทายนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ปากก็กล่าวถ้อยคำมงคล ทั้งยังมีคนเปลี่ยนคำเรียกขานนางเป็ ‘เฉิงอั้นโส่ว’ ในทันที เปลี่ยนจากท่าทีโอหังเป็นับถือ ทำให้เฉิงชิงถอนหายใจกับความจริงของทางโลก
“ท่านเ้าหน้าที่ ข้ายังไม่ใช่บัณฑิตอั้นโส่วนะขอรับ…”
เฉิงชิงเอ่ยถึงข้อนี้ขึ้นมา เ้าพนักงานก็เพียงแค่ยิ้ม
เมื่อเทียบกับการสอบระดับอำเภอสนามแรกแล้ว บรรยากาศของวันนี้ผ่อนคลายเป็อย่างมาก จนกระทั่งเฉิงชิงเห็นคนคุ้นเคยผู้หนึ่งที่ปากทางเข้าตรอกหยางหลิ่ว
อวี๋ซานที่อยู่บนหลังม้ายิ้มหยันให้นาง ฉากนี้ดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด เฮอะ ความคิดของนางย้อนกลับไปยังวันนั้นเมื่อปีที่แล้ว วันที่นางไปเข้าร่วมการสอบเข้าศึกษาที่สถานศึกษาหนานอี๋
[1] น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ได้ หมายถึงแม้มีวิธีการหรือคนช่วยที่ดี แต่ไม่สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาตรงหน้าได้
[2] พายเรือตามน้ำ หมายถึงถือโอกาสทำตามสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย
