“พี่ใหญ่ พวกเราต้องอยู่กับความเป็จริง ความสามารถเช่นท่าน สอบจอหงวนมิติดหรอกเ้าค่ะ”
“เ้าหมายความว่าอย่างไร เ้าจะบอกว่าข้ามิมีความสามารถหรือ?” ซย่าหลี่จวินพูดขัดซย่าชุนอวิ๋นด้วยเสียงดุดัน “ผู้หญิงยิงเรือเช่นเ้าจะรู้สิ่งใด ถึงแม้ข้าจะสอบจอหงวนมิติด ก็ยังมีปั๋งเหยียน[1] กับทั่นฮวา[2] มิใช่หรือ?ขอเพียงข้าสอบได้สามอันดับแรก ข้าก็มีโอกาสเข้าวังเป็ขุนนาง”
“ท่านพ่อตาโปรดระงับอารมณ์ ท่านอาเล็กมิได้หมายความเช่นนั้นขอรับ” ซ่งจื่อเฉินออกหน้าแทนซย่าชุนอวิ๋น แม้การกระทำของเกาซื่อจะทำให้ทุกคนผิดหวัง แต่ซย่าหลี่จวินคือพี่ชายของซย่าชุนอวิ๋น เมื่อถูกซย่าหลี่จวินบีบบังคับ เขาจึงมิอาจชักสีหน้าใส่ได้
ซย่าหลี่จวินมิอยากพูดจาไร้สาระกับซ่งจื่อเฉินอีก เขาจึงถามซ่งจื่อเฉินอย่างตรงไปตรงมาว่ายินดีจะให้เงินกับเขาหรือไม่
“จื่อเฉินเอ๋ย ลูกเขยมิต่างกับลูกชาย หากข้ามิได้ให้เซวียนเซวียนแต่งงานกับเ้า เ้าก็คงต้องนั่งรถเข็นและให้คนคอยช่วยดูแลอยู่”
พ่อเฮงซวยไร้ยางอายยิ่งนัก หากเขาได้เป็ขุนนางใหญ่ คงจะเป็ขุนนางกินสินบน และหากเป็เช่นนั้นผู้ที่จะต้องลำบากก็คือราษฎร
“เคารพท่านพ่อตาคือหน้าที่ที่ลูกเขยควรทำอย่างสุดความสามารถ แต่บ้านของพวกเราเองก็ลำบากเช่นกันขอรับ” ซ่งจื่อเฉินมิได้รับอนุญาตจากจิ่นเซวียน เขาจึงมิคิดจะให้เงินกับซย่าหลี่จวิน
ลำบากหรือ ข้ออ้างชัดๆ ลูกเขยผู้นี้เนรคุณจริงๆ ถ้าซ่งจื่อเฉินมิได้แต่งงานกับลูกสาวของเขา ก็ยังต้องเป็เพียงคนพิการอยู่แท้ๆ!
“พี่ใหญ่ ท่านเพิ่งได้รับเงินใส่ซองไปมิใช่หรือ?ท่านเก็บเงินในซองไว้เป็ค่าเดินทางได้เ้าค่ะ” ซย่าชุนอวิ๋นมิเชื่อว่าซย่าหลี่จวินจะมิมีเงิน
“ท่านพ่อ สามีของข้าเพิ่งหายดี ในบ้านยังจำเป็ต้องใช้เงิน ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมสอบคัดเลือก่วสันต์ของท่าน ข้าเกรงว่าท่านจะต้องหาทางเอง พวกเรามิอาจช่วยเหลือท่านได้เ้าค่ะ”
“เ้าเอาสินสมรสของเ้ามาให้ข้ายืมก่อน รอให้ข้าสอบได้ตำแหน่งและชื่อเสียงมาเมื่อใด ข้าจะคืนให้เ้าสองเท่า เ้าคือลูกสาวของข้า หากข้าได้เป็ขุนนาง เ้าย่อมมีหน้ามีตาด้วย”
ซย่าหลี่จวินมิยอมแพ้ เขานึกถึงสินสมรสของจิ่นเซวียนมาตลอด
“ท่านพ่อ สินสมรสของข้า ข้าต้องเอาไปทำอย่างอื่น ข้าจะนั่งกินนอนกินจนหมดตัวมิได้หรอกเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนโกรธพ่อเฮงซวยยิ่งนัก ชายชาตรีเช่นเขามิยอมทำงาน ยังจะมาคาดหวังให้นางเลี้ยงอีกหรือ
ตามหลักแล้วนางควรเลี้ยงดูเขา แต่เขากลับมิรู้จักพอ!
“สตรีอย่างเ้าจะมีเงินมากมายเช่นนั้นไปทำสิ่งใด ควักออกมาทำเื่ที่มีความหมายเสียยังดีกว่า” ซย่าหลี่จวินขัดแย้งกับจิ่นเซวียนโดยสิ้นเชิง
เป็สตรีแล้วอย่างไร มิสมควรใช้จ่ายเงินหรือ พ่อเฮงซวยช่างน่าขำยิ่งนัก เขาคอยวางแผนร้ายนั่นนี่ มิเหนื่อยหรือ?
“ท่านพ่อ ข้ายังยืนยันคำเดิมเ้าค่ะ ข้าจะมิให้เงินสินสมรสกับท่าน ท่านเลิกคิดเื่นี้เถิดเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนมิมีอารมณ์จะคุยหาเหตุผลกับพ่อเฮงซวยอีก นางโกรธเขามากจริงๆ ในเมื่อเขาสูงส่งเช่นนั้น ก็หาเงินเอาเอง เขาจะมาคาดหวังสิ่งใดกับนางและท่านอาเล็ก!
“เ้า……มิรู้จักเอาสินสมรสมาใช้ให้เกิดประโยชน์” หากมิได้มีคนนอกอยู่ด้วย ซย่าหลี่จวินคงด่าจิ่นเซวียนไปนานแล้ว
“ท่านพ่อ ตอนที่ข้าแต่งงาน ข้ามิได้ให้สินสอดกับท่านหรือเ้าคะ?” พ่อเฮงซวยยังมิกลัวเสียหน้า เหตุใดนางถึงต้องกลัวด้วยเล่า!
“สินสมรสของเ้ามิใช่เงินหรือ เงินสินสอดส่วนนั้นมิพอซื้อสินสมรสของเ้าด้วยซ้ำ” คำตอบของซย่าหลี่จวินทำให้ทุกคนใ จิ่นเซวียนจัดเตรียมสินสมรสด้วยตนเอง เขากลับกล้าบอกกับทุกคนอย่างมิละอายว่าสินสมรสของจิ่นเซวียนมาจากเขา
“ท่านพ่อ หากท่านอยากพูดเื่นี้กับข้า เช่นนั้นพวกเราก็มาคุยกันดีๆ ท่านพูดได้มิอายปากว่าท่านเป็ผู้เตรียมสินสมรสให้ข้า แต่ข้าละอายที่จะฟัง ั้แ่เกิดจนถึงตอนนี้ ท่านมิเคยให้สิ่งใดกับข้าเลย เงินสักอีแปะเดียวก็มิเคย ข้าเคยบ่นท่านสักคำหรือไม่?”
“ข้าให้ชีวิตเ้ายังมิพออีกหรือ?” ซ่งจื่อเฉินตะลึงกับความไร้ยางอายของซย่าหลี่จวิน การกลับมาเยี่ยมพ่อแม่คือวันมงคล แต่ซย่าหลี่จวินกลับจงใจทำให้ภรรยาตัวน้อยของเขาลำบากใจ แสดงให้เห็นชีวิตความเป็อยู่ของภรรยาตอนที่อยู่บ้านเดิม
“ท่านพ่อตา แม้ท่านจะเป็พ่อของเซวียนเซวียน แต่ท่านมิมีสิทธิ์รังแกนางเช่นนี้ ท่านอยากให้พวกเรามอบของแสดงความกตัญญูกับท่าน ย่อมได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขขอรับ” ซ่งจื่อเฉินเสนอตัวช่วยจิ่นเซวียน ซย่าชุนอวิ๋นกับหูเหยียนซูพอใจยิ่งนัก
“มอบของแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ยังต้องมีเงื่อนไขอีก ข้าอยู่มาหลายสิบปีก็เพิ่งเคยได้ยินเป็หนแรก” ซย่าหลี่จวินปรายตามิพอใจใส่ซ่งจื่อเฉิน “ข้าขอมิมาก พวกเ้าให้ข้ามาสามร้อยตำลึงก็พอ อีกอย่างข้ามิได้จะมิคืนเสียหน่อย”
เงินสามร้อยตำลึงนั่นน้อยหรือ เงินเดือนหนึ่งปีของนายอำเภอสวี่ยังมิมากมายถึงเพียงนี้เลย เพียงเขาอ้าปากก็อยากได้เงินสามร้อยตำลึงแล้ว ข้อเรียกร้องสูงยิ่งนัก
“เ้ามีมือมีเท้า เหตุใดต้องมาคาดหวังให้ผู้อื่นเลี้ยงเ้า” หูเหยียนซูทนมองมิไหว เขาอดที่จะพูดมิได้ ทุกคำที่เขาพูด ทำให้ซย่าหลี่จวินมิพอใจยิ่งนัก
“มือคู่นี้ของข้ามีไว้เขียนหนังสือเท่านั้น” ซย่าหลี่จวินกล่าวค้าน
“ท่านพ่อตากล่าวเช่นนี้มิดีกระมัง ลูกเขยคิดว่าทำงานกับอ่านหนังสือเตรียมสอบ ท่านสามารถทำร่วมกันได้ขอรับ” ซ่งจื่อเฉินเองก็หมดคำจะพูดกับซย่าหลี่จวินเช่นกัน ผู้ใดบอกกันว่าคนเรียนหนังสือทำงานมิได้ ซย่าหลี่จวินพูดเช่นนี้ เพียงเพื่อหาข้ออ้างสำหรับความเกียจคร้านของเขาเท่านั้น
“จื่อเฉินเอ๋ย พื้นฐานของเ้าดี เ้ามิต้องกังวลอยู่แล้ว ข้ามิเหมือนกับเ้า หากข้ามิอ่านหนังสือ จะเอาสิ่งใดไปสอบขุนนางกัน” ซย่าหลี่จวินมิพอใจซ่งจื่อเฉินยิ่งนัก เขารู้สึกว่าซ่งจื่อเฉินมิมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็ลูกเขยของเขา
“ท่านพ่อ ธุระที่บ้านของข้าค่อนข้างมาก พวกเราขอตัวกลับก่อนนะเ้าคะ แล้วจะมาหาท่านวันหลังเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนมิมีอารมณ์ฟังพ่อเฮงซวยพูดไร้สาระ นางจึงหาข้ออ้างมั่วๆ เพื่อไล่เขา
“ท่านอาสะใภ้ห้า พวกเราไปหาหยวนหยวนก่อนดีหรือไม่ขอรับ” ซ่งเฉวียนเองก็มิชอบซย่าหลี่จวินเช่นกัน อย่าว่าแต่คุยกับซย่าหลี่จวินเลย แค่ฟังซย่าหลี่จวินพูด เขาก็หงุดหงิดแล้ว
ไอคนพิการนั่นเกินไปจริงๆ คิดจะสลัดเขาทิ้งหรือ
ซย่าหลี่จวินฉวยโอกาสตอนที่พวกจิ่นเซวียนยังมิไป ยกเื่ค่าเดินทางขึ้นมาอีกหน “จื่อเฉิน เื่ค่าเดินทางของข้า เ้ากับเซวียนเซวียนปรึกษากันเสียหน่อย ว่าจะให้ข้ายืมก่อนสักหนึ่งร้อยตำลึงได้หรือไม่”
“ท่านพ่อ พวกเราทุกคนต่างก็ต้องใช้ชีวิตกันทั้งนั้น หากพวกเราให้เงินท่านจนหมด พวกเราจะกินสิ่งใด หากท่านมิรังเกียจ เมื่อสามีของข้าเข้าเมืองหลวงก็สามารถพาท่านไปด้วยได้ ถึงเวลานั้นพวกเราจะรับผิดชอบอาหารการกิน และที่อยู่ให้ท่านเองเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน นางจึงหาทางประนีประนอมเช่นนี้
“พี่ใหญ่ ความคิดของเซวียนเซวียนมิเลวเลย ท่านอย่าเห็นแก่เงินจนมองข้ามความสุขเลยเ้าค่ะ” ซย่าชุนอวิ๋นเห็นด้วยกับการกระทำของจิ่นเซวียน แทนที่จะมอบเงินให้ซย่าหลี่จวิน พวกเขาจัดหาที่พักและการเดินทางให้เขาดีกว่า
นังเด็กสองคนนี้น้ำหนึ่งใจเดียวกันจริงๆ ไปเมืองหลวงกับไอพิการเขาจะมีอิสระได้อย่างไร
“เซวียนเซวียน หากข้าไปกับจื่อเฉิน ข้าอาจจะรบกวนเวลาอ่านหนังสือของเขา” ซย่าหลี่จวินยัง้าเงินอยู่ เขาจึงระดมสมองเพื่อหาทางขอเงิน
“ท่านพ่อตาคิดมากเกินไปแล้ว ข้ามิกลัวท่านจะรบกวนขอรับ” คำตอบของซ่งจื่อเฉิน ทำให้ซย่าหลี่จวินแทบจะทรุดลง
“จื่อเฉินเอ๋ย เ้ากตัญญูยิ่งนัก” สายตาหลายคู่จ้องมองมาที่ซย่าหลี่จวิน เขาจึงมิมีทางเลือกอื่น นอกจากฝืนใจตอบรับข้อเสนอนี้
“ในฐานะลูกชายลูกสาว พวกเราก็อยากให้ชีวิตวัยชราที่ดีแก่พ่อแม่ แต่ความสามารถของพวกเรามีจำกัดขอรับ” ซ่งจื่อเฉินตอบกลับอย่างสุภาพ หากซย่าหลี่จวินมิใช่พ่อของจิ่นเซวียน เขาคงตบบ้องหูซย่าหลี่จวินไปนานแล้ว ชายวัยสี่สิบกว่าปีผู้หนึ่งพึ่งพาผู้อื่นเพื่อเลี้ยงดูตนเอง เขาอายแทนจริงๆ
เชิงอรรถ
[1] ปั๋งเหยียน หมายถึง ตำแหน่งบัณฑิตที่ได้คะแนนอันดับสอบในการสอบขุนนางของประเทศจีนสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
[2] ทั่นฮวา หมายถึง ตำแหน่งบัณฑิตที่ได้คะแนนอันดับสามในการสอบขุนนางของประเทศจีนสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้