หมี่หลันเยว่ ยกกระดาษสองแผ่นในมือขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเป็ประกายประหลาดใจเล็กๆ "คุณลุงหนิวคะ สั่งของเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะเนี่ย เื่สัญญายังมีรายละเอียดอีกเยอะเลยนะคะ ที่ฉันต้องคุยกับคุณลุงให้ละเอียดกว่านี้"
เห็นสาวน้อยทำหน้าจริงจังราวกับผู้ใหญ่ หนิวต้าลี่ก็อดขำไม่ได้ "หลันเยว่ ต้องบอกว่าลูกน้องเก่ง เ้านายก็ต้องเก่งตามไปด้วย ลูกน้องเธอแต่ละคนนี่เปิดหูเปิดตาให้ฉันจริงๆ เก่งกันคนละด้าน สมกับที่เธอพูดตอนเที่ยงวันเลยว่า คนเก่งมักมาจากคนหนุ่มสาว"
หนิวต้าลี่ยกนิ้วโป้งให้หมี่หลันเยว่เป็การชมเชยอย่างมาก "เมื่อบ่ายนี้ ผู้จัดการหลิวตัวเล็กๆ คนนี้ อธิบายรายละเอียดการออกแบบเสื้อผ้าแต่ละชุดให้พวกเราฟังหมดเลย ทั้งแิ วัสดุที่ใช้ การจับคู่สี ความรู้เฉพาะทางนี่ทำเอาฉันอึ้งไปเลย"
"ถึงฉันจะทำธุรกิจเสื้อผ้าเหมือนกัน แต่ความรู้เื่เสื้อผ้านี่สู้ผู้จัดการหลิวคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ หลังจากเขาอธิบายไปทีละชุด พวกเราก็ชอบไปหมดทุกชุด เลยต้องแย่งกันจด จดไปคนละชุดสองชุด ก็ได้มาเยอะขนาดนี้แหละ"
หนิวต้าลี่ส่ายหน้าให้กับตัวเองเล็กน้อย ตอนไปเลือกซื้อของที่กว่างโจว เสื้อผ้าเยอะแยะมากมายก็ไม่ทำให้เขาตาลายได้ขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่าเด็กสาวเด็กหนุ่มพวกนี้ จะทำให้เขาพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
"คุณลุงหนิวคะ ในเมื่อคุณลุงเลือกแบบที่ชอบได้แล้ว ฉันคงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วล่ะค่ะ ตอนแรกฉันว่าจะกลับจากโรงเรียนแล้วค่อยมาคุยเื่สินค้าฤดูใบไม้ร่วงให้คุณลุงฟัง แต่ดูจากจำนวนสินค้าในรายการที่คุณลุงสั่งมาเยอะแล้ว ฉันคงไม่ต้องแนะนำอะไรแล้ว แค่ฉันไม่นึกเลยว่าคุณลุงจะเลือกแต่เสื้อผ้าฤดูหนาวที่เป็ผ้าฝ้ายบางและเสื้อแจ็กเก็ตหนาๆ" หมี่หลันเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจมากนัก เหมือนกับว่าเธอพอใจกับจำนวนการสั่งซื้อนี้แล้ว หรือไม่ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงรับได้แค่นี้ แนะนำไปมากกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์ สู้คว้าเท่าที่มีไว้ก่อน
แต่หนิวต้าลี่กลับรู้สึกสงสัย สาวน้อยอยากคุยเื่เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงกับเขา แต่ดูจากสภาพอากาศที่ใกล้เข้าเดือนพฤศจิกายนแล้ว เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะหมดความนิยม ตามหลักการแล้วไม่จำเป็ต้องเอาเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงมาวางขายอีกแล้ว แต่สายตาที่เฉียบแหลมของสาวน้อย ทำให้หนิวต้าลี่ไม่กล้าประมาท
"หลันเยว่ แล้วเธอช่วยบอกฉันหน่อยสิว่า เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงยังมีมูลค่าที่จะเอามาวางขายอีกเหรอ อากาศมันไม่คอยใครนะ เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงใส่ได้เต็มที่ก็แค่เดือนเดียว" หนิวต้าลี่ไม่อยากพลาดโอกาสในการทำเงิน อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างจากสาวน้อยคนนี้ก็ได้
"คุณลุงหนิว เสื้อผ้าในร้านของพวกเรา คุณลุงก็เห็นหมดแล้ว เสื้อผ้าของพวกเราส่วนใหญ่สามารถจับคู่กันได้ตามใจชอบค่ะ แค่จับคู่ให้ดี ทุกชุดที่เราจับคู่ก็เป็สินค้าคุณภาพทั้งนั้น และเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาวต้องมีการเปลี่ยนผ่าน การปรับเปลี่ยนระหว่างสองฤดูกาลนี้ขึ้นอยู่กับสายตาของพวกเราเองค่ะ"
"คุณลุงดูสิ เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงในร้านของพวกเรา เป็แบบที่ออกแบบมาสำหรับ่ปลายฤดูใบไม้ร่วงโดยเฉพาะ การจับคู่เสื้อผ้าสามชิ้น เสื้อตัวในและกางเกงขายาวด้านนอก ล้วนแต่เลือกผ้าที่ค่อนข้างหนา ส่วนชุดฤดูหนาวส่วนใหญ่จะเป็ผ้าฝ้ายและผ้าสำลีหนาๆ ค่ะ"
"แล้วจะทำยังไงกับการเปลี่ยนฤดูกาลจากฤดูใบไม้ร่วงไปฤดูหนาวล่ะคะ เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วง่ปลายฤดูของพวกเราคือการจับคู่ที่ลงตัวที่สุดค่ะ ไม่ต้องพูดถึงว่าเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงของพวกเราสวยขนาดไหน ในหนึ่งเดือนอาจจะไม่พอให้คุณลุงขายด้วยซ้ำ ถ้าสามารถเก็บเป็คลังสินค้าไว้ได้บ้าง จะเป็สินค้าที่ดีที่สุดใน่เปลี่ยนฤดูกาลค่ะ"
"คุณลุงดูสิ เสื้อแจ็กเก็ตฤดูใบไม้ร่วงของพวกเราที่ค่อนข้างหนา ถ้าใส่กับเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้าย หรือเสื้อแขนยาวผ้าสำลีหนาๆ จะเหมาะกับอากาศ่ต้นฤดูหนาวมาก หรือจะใส่เสื้อแจ็กเก็ตผ้าฝ้ายฤดูหนาว แล้วใส่เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วง่ปลายฤดูที่ค่อนข้างหนาของพวกเราด้านใน ก็เป็การออกแบบที่เหมาะกับ่ต้นฤดูหนาวที่สุดค่ะ"
ขณะที่หมี่หลันเยว่อธิบาย เธอก็หยิบดินสอมาวาดภาพการจับคู่เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวแบบผสมผสานอย่างง่ายๆ ลงบนสมุดเปล่า แม้จะเป็เพียงเส้นดินสอ และไม่มีสีสัน แต่เสื้อผ้าที่วาดออกมา ก็ทำให้เขาเห็นถึงความประณีตและความสวยงามได้อย่างง่ายดาย
"เธอมีเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงเหลืออยู่เท่าไหร่?" หนิวต้าลี่ไม่ได้ลังเลเลยสักนิด รีบถามถึงจำนวนสินค้าคงคลังของหมี่หลันเยว่ ในเมื่อหมี่หลันเยว่สามารถพูดกับเขาได้แบบนี้ แสดงว่าเธอต้องมีสินค้าอยู่ในมือแน่นอน
ไม่อย่างนั้น ในเมื่อเริ่มออกแบบเสื้อผ้าฤดูหนาวแล้ว เธอคงไม่พูดถึงเื่เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงกับเขาหรอก ถึงจะรู้ว่าหมี่หลันเยว่เตรียมการมาแล้ว อยากให้เขาซื้อเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงเพิ่มอีก แต่เสน่ห์ของการออกแบบที่หมี่หลันเยว่วาดออกมา และจินตนาการที่สวยงามที่เธอพรั่งพรูออกมาจากปาก เขาก็ไม่อาจต้านทานได้จริงๆ
"พูดตามตรงนะคะคุณลุงหนิว สินค้าคงคลังของฉันเหลือไม่มากแล้วค่ะ ที่ฉันอยากจะแนะนำเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงให้คุณลุง ก็เพราะว่านี่เป็การร่วมมือกันครั้งแรกของพวกเรา ฉันหวังว่ามันจะเป็ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด การมีเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วง่ปลายฤดู จะทำให้เสื้อผ้าฤดูหนาวที่คุณลุงขาย ขายดีขึ้นด้วยค่ะ"
"ถ้าคุณลุงยอมรับคำแนะนำของฉัน อยากจะซื้อเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงบ้าง ฉันคงไม่สามารถจัดหาให้ได้มากนัก คุณลุงก็รู้ว่าโรงงานของฉันเริ่มผลิตเสื้อผ้าฤดูหนาวแล้ว เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงที่เหลืออยู่ พวกเราก็จะเก็บไว้ขายปลีกด้วยค่ะ"
หนิวต้าลี่ยิ้ม สาวน้อยคนนี้เล่นกลยุทธ์ถอยเพื่อรุกได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เขาไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้าวงการ ครั้งนี้จำนวนการสั่งซื้อเยอะมาก ความ้าของเขา เธอก็จะต้องทำให้เต็มที่ เว้นแต่ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผล แต่เขามาเพื่อร่วมมือกัน จะยื่นข้อเสนอที่ไม่สมเหตุสมผลไปได้อย่างไร มากสุดก็แค่เรียกร้องมากหน่อยเท่านั้น
"ในเมื่อเธอให้คำแนะนำฉัน เธอก็ต้องตอบสนองความ้าของฉันด้วยสิ อย่างที่เธอพูด ถ้าฉันเอาไปแค่ไม่กี่ชิ้น เดือนเดียวยังขายไม่พอเลย แล้วการจับคู่เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงฤดูหนาวที่เธอเล่านั่น จะเอามาจากไหน ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะมีสินค้าคงคลังเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เสื้อผ้าชิ้นเดียว เสื้อผ้าที่เป็ชุดั้แ่สองชิ้นขึ้นไป ฉันเอาหมด"
หนิวต้าลี่ก็รู้ว่าตัวเองโหดไปหน่อย แต่ในโลกธุรกิจ การมาเซ็นสัญญา สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็อันดับแรก ก็คือผลประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง ส่วนจะสร้างปัญหาให้กับร้านของหมี่หลันเยว่หรือไม่ ก็ต้องดูความสามารถของสาวน้อยแล้ว
"คุณลุงจะรับทั้งหมดจริงๆ เหรอคะ?" ดวงตาใสแจ๋วของหมี่หลันเยว่มองหนิวต้าลี่อย่างเปิดเผย "คุณลุงคะ ที่ฉันพูดแบบนี้ ไม่ได้ดูถูกความสามารถของคุณลุงนะคะ แค่จำนวนการสั่งซื้อของคุณลุงมันเยอะมาก"
"ที่ฉันพูดกับคุณลุงแบบนี้ ก็เพราะว่าเงินมัดจำในการสั่งซื้อของพวกเรา ต้องวางสูงมาก และเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงเป็สินค้าคงคลัง คุณลุงจะต้องจ่ายเงินทั้งหมด คิดแล้วมันจะเป็เงินจำนวนมาก ฉันคิดว่าถ้าคุณลุงใช้เงินทุนมากเกินไป มันจะไม่เป็ผลดีต่อการดำเนินงานของร้านคุณลุง สู้ให้ฉันเก็บเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงไว้บ้างดีกว่าค่ะ"
หมี่หลันเยว่พูดด้วยความจริงใจ ทำให้หนิวต้าลี่รู้สึกว่า การคาดเดาของเขาเมื่อกี้ อาจจะรุนแรงเกินไปก็ได้ บางทีสาวน้อยคนนี้ อาจจะคิดถึงธุรกิจของเขาจริงๆ ก็ได้ พอคิดแบบนี้ ความรู้สึกดีๆ ที่เขามีต่อหมี่หลันเยว่ ก็เพิ่มขึ้นไปอีกหลายระดับ
"เื่เงินทุนไม่ต้องห่วง ลุงไม่ขาดแน่นอน แค่เธอช่วยบอกหน่อยว่า จะวางเงินมัดจำเป็ยังไง ตอนที่พวกเราไปเอาของที่ทางใต้ จะจ่ายเงินทิ้งไว้แค่ไม่กี่พันไม่กี่หมื่นหยวน แล้วรอให้เขามาส่งของก็แค่นั้น"
อ้าว? ดวงตาของหมี่หลันเยว่เบิกกว้างขึ้นทันที หรือว่าการสั่งซื้อของ จะต้องจ่ายเงินทั้งหมดเลยเหรอ?
"คุณลุงคะ ตอนที่คุณลุงไปเอาของที่กว่างโจว ไม่ว่าคุณลุงจะสั่งเสื้อผ้าเยอะแค่ไหน ก็จ่ายเงินทั้งหมดครั้งเดียว แล้วรอให้เขามาส่งของเหรอคะ? มันปลอดภัยเหรอคะ? ถ้าเกิดเขาหนีไป จะทำยังไงคะ?"
เห็นท่าทางใสซื่อและไร้เดียงสาของหมี่หลันเยว่ หนิวต้าลี่ก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปตบไหล่สาวน้อยเบาๆ "จะจ่ายให้เขาหมดได้ยังไง แค่จ่ายเงินส่วนหนึ่งทิ้งไว้ที่นั่น รอจนกว่าจะได้รับสินค้าแล้วค่อยจ่ายเงินที่เหลือ แต่ไม่มีอัตราส่วนที่แน่นอน บอกว่าจะเอาของเท่าไหร่ ก็ต้องจ่ายเงินเท่านั้น ความเสี่ยงเป็ของทั้งสองฝ่าย ความเสี่ยงใน่แรกพวกเรารับไป ความเสี่ยงใน่หลังพวกเขารับไป"
พอหนิวต้าลี่พูดแบบนี้ หมี่หลันเยว่ถึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนนี้ยังเป็แค่่ต้นยุค 80 การดำเนินงานแบบส่วนตัวแบบนี้ ยังมีอะไรที่ไม่เป็ระบบอีกเยอะ แต่ก็เพราะว่ามันไม่เป็ระบบ โอกาสในการเกิดอาชญากรรมก็มีมากเหมือนกัน อย่างการหนีหนี้ที่เธอเพิ่งพูดไป ไม่ใช่แค่กรณีเดียวสองกรณี
"คุณลุงคะ คุณลุงระวังหน่อยก็ดีนะคะ พวกเขาอยู่ห่างจากพวกเรามาก ถ้า่เวลาใด่เวลาหนึ่ง พวกเขาได้รับเงินมัดจำเยอะเกินไป การทิ้งงานแล้วหนีก็ไม่ใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้ ระยะทางระหว่างทางเหนือกับทางใต้ มันไกลขนาดนั้น ถ้าคุณลุงอยากจะได้เงินคืน มันก็ไม่ใช่เื่ง่ายค่ะ"
ไม่นึกเลยว่าสาวน้อยคนนี้ จะระวังตัวสูงขนาดนี้ แค่เธอเตือนเขาได้ขนาดนี้ เขาก็ไม่สามารถละเลยเธอได้แล้ว
"หลันเยว่ ลุงขอบคุณที่เตือนนะ ต่อไปตอนไปเอาของ จะระวังให้มากขึ้น ตอนนี้ มาคุยเื่เงื่อนไขระหว่างพวกเรากันเถอะ"
หมี่หลันเยว่ก็เอาข้อกำหนดที่เธอออกแบบไว้ทั้งหมดออกมา เช่น เงินมัดจำต้องสูงถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป สินค้าที่มีอยู่แล้วจะต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน สินค้าที่สั่งทำ ถ้าไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนดเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ไม่ต้องชดเชยค่ามัดจำ แต่ต้องทำตามคำสั่งซื้อให้เสร็จ และราคาขายปลีก จะต้องเป็ราคาเดียวกันกับที่นี่ และ...
เมื่อหนิวต้าลี่เห็นข้อตกลงทั้งหมดสองแผ่นเต็มๆ ก็รู้สึกประหลาดใจมาก ข้อกำหนดข้างต้น ไม่ได้เน้นย้ำแค่สิทธิ์ของ ‘ห้องเสื้อหลันเยว่’ เท่านั้น แต่ยังระบุถึงภาระหน้าที่ของพวกเขาด้วย สิทธิ์ของฝ่ายตัวเอง ก็ได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสมเช่นกัน นี่เป็การเปิดหูเปิดตาให้เขาอีกครั้งจริงๆ
ตอนไปเอาของที่ทางใต้ จะจ่ายเงินให้พวกเขาเป็ปึกๆ พวกเขาจะเขียนแค่ใบเสร็จออกมาแผ่นเดียว ส่วนจะทำตามสัญญาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความซื่อสัตย์เท่านั้น ไม่มีหลักประกันอะไรเลย ตอนนี้พอได้เห็นข้อตกลงในสัญญาที่เป็ทางการแบบนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ถ้าไม่ร่วมมือกับโรงงานแบบนี้ แล้วเขาจะร่วมมือกับใครได้ล่ะ
"ตกลง หลันเยว่ ฉันเห็นด้วยกับข้อกำหนดทุกข้อ พวกเรามาเซ็นสัญญากันเถอะ" หมี่หลันเยว่เบิกตากว้าง มองหนิวต้าลี่อีกครั้ง คุณลุงคนนี้พูดง่ายเกินไปแล้ว
"คุณลุงคะ คุณลุงลองดูอีกทีก่อน ถ้าคุณลุงไม่พอใจอะไร พวกเราสามารถเจรจาต่อรองกันได้อีกนะคะ"
"ไม่ต้องเจรจาต่อรองแล้ว ฉันดูหมดแล้ว พอใจมาก"
หมี่หลันเยว่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วให้หลิวเสี่ยวหว่านเอาบัญชีสินค้าคงคลังในโกดังออกมา ตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วคำนวณยอดเงินออกมา
"คุณลุงคะ นี่คือยอดเงินที่คุณลุงต้องจ่าย และนี่คือสินค้าที่เราต้องส่งให้คุณลุง คุณลุงตรวจสอบดูนะคะ ส่วนสินค้าฤดูหนาวที่คุณลุงสั่งทำ พวกเราจะผลิตรอบแรกให้ภายในครึ่งเดือน และจะผลิตให้เสร็จทั้งหมดภายในหนึ่งเดือน พวกเราจะแจ้งให้คุณลุงทราบตอนที่ผลิตเสร็จ คุณลุงต้องมารับสินค้าเองนะคะ"
หนิวต้าลี่พยักหน้า "เข้าใจแล้ว ฉันจะมารับของเมื่อได้รับแจ้งจากพวกเธอ หลันเยว่น้อย การร่วมมือกันครั้งนี้ ทำให้ฉันมีความคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับคนหนุ่มสาว พวกเธอทำให้ฉันได้เห็นแล้วว่า 'เหนือคนยังมีคน' คำนี้นั้นมีอยู่จริง"
