นางที่เป็เช่นนี้จะแบกรับความคาดหวังคนตระกูลหนานกงได้อย่างไร?
หนานกงฉี่เหลือบมองเหนียนอีหลานด้วยสายตาราบเรียบสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป
เหนียนอีหลานมองตามแผ่นหลังที่ดูผิดหวัง เหมือนนางจะได้สติขึ้นมาทันใดแววตาสั่นไหว "ท่านแม่ หมอหลวง พวกเราไปหาหมอหลวงกันเถิด..."
มือของนางจะถูกทำลายไม่ได้ ส่วนเหนียนยวี่...
นางสูดหายใจลึก เหนียนอีหลานบอกตัวเองว่าวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล...วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล...
สักวันหนึ่งนางจะต้องจัดการเก็บกวาดเหนียนยวี่ให้ได้ ทำให้ชีวิตของนางเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
ยามนี้ในตำหนักฉวินฝาง
ภายในตำหนัก เสียงบรรเลงฉินยังคงเหมือนเดิมดูเหมือนว่าเมื่อขาดเหนียนอีหลาน กลับยิ่งทำให้เสียงบรรเลงฉินสอดประสานขึ้นมาไม่น้อยฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงใบหน้าเงียบสงบ สายตามองเหนียนยวี่ดวงตาคู่นั้นฉายแววฉลาดเฉลียว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อครู่ เป็นางหรือ?
นางจงใจก่อกวนความคิดของอีหลาน บีบคั้นให้นางกังวลบีบคั้นให้ตื่นตระหนก เพื่อให้อีหลานทำสายฉินตัวเองขาด!
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอมองเห็นเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หยิบยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างเชื่องช้า ค่อยๆ ยกยิ้มมุมปาก สาวน้อยคนนี้ใช้ประโยชน์จากจิตใจคนได้
หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนเดิมทีเป็คนที่ฉลาด เขาเชี่ยวชาญจังหวะดนตรีเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ย่อมหนีไม่พ้นสายตาของเขา จ้าวเยี่ยนจ้องมองเหนียนยวี่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าสตรีผู้นี้ฉลาดกว่าเขามาก แต่คุณค่าของนาง จะทำได้เพียงเป็ตัวกลางติดต่อระหว่างเขาและองค์หญิงใหญ่แค่นั้นหรือ?
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว ลูบถ้วยชาในมือเบาๆสีหน้าแววตาเคร่งขรึมมากขึ้น
ไม่มีเหนียนอีหลานแล้วก็ลดคู่แข่งไปได้อีกหนึ่งกล่าวได้ว่าเป็สิ่งที่มีประโยชน์สำหรับอวี่เหวินหรูเยียนและฉางหงเยียนอย่างมาก
ส่วนเหนียนยวี่...
เริ่มแรกอวี่เหวินหรูเยียนคิดว่าฝีมือบรรเลงฉินของเหนียนยวี่จะตรงไปตรงมา ไม่ได้ยอดเยี่ยมอันใดแต่เมื่อครู่นี้จู่ๆ นางก็เปลี่ยนใจและเปลี่ยนความคิดสามารถแย่งชิงพื้นที่ บรรเลงในทางที่ถนัดคุ้นเคย แม้แต่นางก็ไม่สามารถทำได้
คู่แข่งคนนี้ นางไม่อาจดูเบาได้แล้ว
ดังนั้น แม้ว่าเหนียนอีหลานจะออกไปแล้ว อวี่เหวินหรูเยียนก็ยังต้องระมัดระวังส่วนสตรีชุดแดงที่ร่ายรำบิดตัวตามท่วงทำนองอย่างคล่องแคล่วว่องไวอยู่กลางตำหนักรู้สึกลำพองใจจนลืมท่วงท่า แม้แต่จังหวะเต้นรำก็ยังดูตามใจขึ้นมาก
เหนียนยวี่สังเกตเห็นสิ่งนี้อวี่เหวินหรูเยียนเองก็สังเกตเห็นด้วยเช่นกัน สำหรับเหนียนยวี่แล้วเป้าหมายที่จะตอบโต้เหนียนอีหลานก็สำเร็จแล้ว การบรรเลงฉินต่อไปเช่นนี้ สำหรับนางก็ดูจะไม่มีความหมายอะไรนักทว่า...
ความคิดของอวี่เหวินหรูเยียนและองค์หญิงแคว้นหนานเยวี่ยผู้นี้...
เหนียนยวี่แอบเหลือบมองจ้าวอี้ เห็นเพียงสีหน้าแววตาที่ดูจริงจังจดจ่อของเขาเขาไม่้าให้เื่การแต่งงานของเขาถูกตัดสินแบบนี้งั้นหรือ?
ในหัวผุดภาพในอดีตที่มีจ้าวอี้ ั้แ่ที่ตนได้หวนคืนกลับมาที่นี่และเริ่มต้นใหม่เขาเป็หนึ่งในไม่กี่คนที่ปฏิบัติกับตนอย่างจริงใจ หากเขาไม่้าเช่นนั้นนางก็จะช่วยเขา ถือว่าเป็การตอบแทนความใจดีของเขา
ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อนึกถึงหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนหากองค์หญิงหนานเยวี่ยผู้นี้ได้ตำแหน่งมู่อ๋องเฟยมาละก็ สำหรับนางแล้วเื่นี้คงไม่ใช่เื่ดีนักฉับพลันนั้นเหนียนยวี่จึงถือโอกาสเพิ่มความเร็ว บรรจงดีดสายฉินในมือเสียเลย...
ท่วงทำนองเดิมค่อนข้างฮึกเหิมและชั่วขณะหนึ่งราวกับว่าจะก้าวเข้าไปอีกขั้นแล้ว ทว่าเพียงวินาทีหนึ่งนั้น เหนียนยวี่ก็ค้นพบว่าท่วงทำนองดนตรีของอวี่เหวินหรูเยียนก็เร่งจังหวะเร็วโกรธเกรี้ยวขึ้นมาเหนียนยวี่หันมองอวี่เหวินหรูเยียนอย่างไม่รู้ตัวประสานสายตากับอวี่เหวินหรูเยียนที่มองมาพอดี มีแววประหลาดใจในดวงตาของทั้งสองแต่แล้วไม่นาน ก็มองหน้ากันยิ้มๆ ปากไม่พูดจา แต่ก็เข้าใจกันทั้งคู่
หึ ดูเหมือน พวกนางอยากจะร่วมมือกันแล้ว
เช่นนั้นไม่ดีหรือ?
เหนียนยวี่หรี่ตาลงเล็กน้อยคนทั้งสองราวกับว่าเข้าใจกันโดยไม่ต้องเอ่ย พวกนางร่วมเล่นท่วงทำนองที่ฮึกเหิมหลังผลักดันจังหวะก้าวขึ้นไปอีกขั้น...ก้าวขึ้นไปอีกขั้นฉู่ชิงและจ้าวอี้เองก็ร่วมบรรเลงขึ้นมาด้วย
ด้วยทักษะฝีมือขององค์หญิงหนานเยวี่ย หากเป็ยามปกตินางต้องเป็ผู้นำแน่ ทว่าความลำพองในใจก่อนหน้านี้ ทำให้นางช้าลงไปทีละนิดๆยิ่งบวกกับท่วงทำนองที่เร็วกว่าเดิมจังหวะร่ายรำของนางก็ยิ่งดูยุ่งเหยิงอย่างเห็นได้ชัด และก็ถึงจุดที่นางพ่ายแพ้
ในใจองค์หญิงหนานเยวี่ยรู้นางมิได้ดิ้นรนเหมือนเหนียนอีหลาน นางรู้ดีว่าต่อให้ต้องดิ้นรนแต่สุดท้ายนางก็จะดันตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่น่าอับอายเท่านั้น เหนียนอีหลานอับอายขายหน้าเป็บทเรียนจากอดีตไปแล้ว และในฐานะองค์หญิงแห่งหนานเยวี่ย นางไม่อาจปล่อยคนผู้นี้ได้!
ดังนั้น จังหวะร่ายรำของนางจึงหยุดลงนางหันไปคารวะฮ่องเต้หยวนเต๋อและฮองเฮาอวี่เหวิน ความหมายชัดเจนในตัว
นางยอมแพ้แล้ว!
เหนียนยวี่เห็นการกระทำของนางในสายตาแอบคิดในใจว่าองค์หญิงแคว้นหนานเยวี่ยผู้นี้ยังเป็คนฉลาด
เพียงแค่ ยามที่องค์หญิงหนานเยวี่ยถอยกลับไปสายตานางกลับหันมองมาที่เหนียนยวี่...
ดวงตาสองคู่ของคนทั้งสองสบประสานเหนียนยวี่มองนางและค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น องค์หญิงหนานเยวี่ยรู้สึกประหลาดใจเบนย้ายสายตาไปมองอวี่เหวินหรูเยียนจากนั้นรอยยิ้มก็เบ่งบานบนใบหน้างามหยาดเยิ้มพราวเสน่ห์ของนาง
ตอนนี้เหลือสตรีเพียงสองคนเท่านั้น นั่นคือเหนียนยวี่และอวี่เหวินหรูเยียนฝีมือของพวกนาง แทบจะเรียกว่าเทียบเคียงสูสีกัน ฉางหงเยียนอยากจะชมเสียหน่อยว่าระหว่างพวกนางจะต่อสู้โรมรันกันอย่างไร!
องค์หญิงหนานเยวี่ยกลับมานั่งที่ของนางผู้คนมากมายที่อยู่ที่นั่นมีความคิดเช่นเดียวกับนาง พวกเขาต่างนั่งฟังเสียงบรรเลงฉินทั้งสี่ตัวในตำหนักอย่างเงียบๆรอคอยผลการแข่งขันของเหนียนยวี่และอวี่เหวินหรูเยียน
เสียงบรรเลงฉินทั้งสี่ก่อนหน้านี้ฟังดูราวกับเกลียวเชือกที่บิดเข้าหากันเข้าพร้อมออกพร้อม ทว่าเชือกเส้นใหญ่ราวกับว่ากำลังค่อยๆ แยกตัวออกจากกันเครื่องหนึ่งบรรเลงนำโดยเหนียนยวี่ ฉู่ชิงประสานรับเครื่องหนึ่งนำโดยมู่อ๋องจ้าวอี้ อวี่เหวินหรูเยียนไล่ตามอย่างคล่องแคล่วไหลลื่น ทั้งสองเหมือนบทเพลงที่แตกต่างทว่าก็ฟังดูราวกับเป็บทเพลงเดียวกัน ความรู้สึกแปลกๆ ที่บรรยายออกมาไม่ถูก ทว่ากลับสอดประสานกลมกลืนกันอย่างมาก
ฟังเสียงบรรเลงฉินที่เข้ากันของเหนียนยวี่และฉู่ชิงจ้าวอี้ก็อยากจะเข้าไปเล่นด้วยทว่ากลับมักจะรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรกำลังปกป้องเขาอยู่ เขาต้องต่อสู้กับอวี่เหวินหรูเยียนทว่าเสียงบรรเลงฉินของนางกลับบรรเลงดุจดั่งสายน้ำไล่ตามท่วงทำนองของเขาทำให้เขาหาจุดบกพร่องไม่ได้สักนิด
ทันใดนั้น การแข่งขันบทเพลงครานี้ไม่มีเปลวเพลิงแห่งการต่อสู้แย่งชิงแล้วส่วนเหนียนยวี่และอวี่เหวินหรูเยียนต่างก็ราวกับสื่อสารเข้าใจกันโดยมิต้องเอ่ยไม่ก้าวล้ำแตะต้องเขตแดนของฝั่งตรงข้าม และพวกเขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะประจันหน้าแข่งขันกัน
นี่แทบจะอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนไม่มีใครเข้าใจสตรีสองนางนี้เลย
“พอแล้ว พอแล้ว ไม่ดีดแล้ว ไม่เล่นแล้ว" เสียงของจ้าวอี้จู่ๆก็ดังขึ้น ยามที่เอ่ยออกมา มือก็หยุดเล่น ราวกับมีเื่ไม่พอใจบางอย่างและเมื่อไม่มีเขาเล่นนำ เสียงบรรเลงฉินของอวี่เหวินหรูเยียนก็ดูเหมือนจะไม่สามารถประคับประคองเล่นต่อไปได้จึงหยุดเล่นบรรเลงเสียเลย
และนางก็หยุดบรรเลงอีกคนด้วยเช่นกันยังเหลือเหนียนยวี่และฉู่ชิง
ในตำหนัก เสียงบรรเลงฉินหยุดลงอย่างกะทันหันก็ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากไร้การตอบสนองไปชั่วขณะ
"นี่..." ฮองเฮาอวี่เหวินฉีกยิ้ม เหลือบมองอวี่เหวินหรูเยียน "สี่คนหยุดเล่นกันหมดเช่นนั้นจะให้ตัดสินอย่างไร ผู้ใดชนะเล่า?"
"ฝีมือการบรรเลงฉินของหรูเยียนมิอาจเทียบเคียงท่านอ๋องมู่ได้เพคะหรูเยียนขอคำนับเพคะ"
ทันทีที่คำพูดของฮองเฮาอวี่เหวินถูกกล่าวออกมาเสียงของอวี่เหวินหรูเยียนก็ดังขึ้น...
ทุกคนมองไปที่สตรีสวมผ้าคลุมหน้าบางปกปิดใบหน้ารูปร่างเพียบพร้อม มารยาทงดงามละเอียดอ่อน เสียงบรรเลงฉินของนางก็เช่นกันทำให้ใจผู้คนหลงใหลได้ปลื้ม
นางยอมแพ้แล้วงั้นหรือ?
มุมปากเหนียนยวี่ยกยิ้มแอบคิดในใจว่าอวี่เหวินหรูเยียนผู้นี้ยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้รู้ได้ทันทีว่ามันมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นนางแค่ยอมรับว่านางพ่ายแพ้ให้มู่อ๋องจ้าวอี้เท่านั้น!