ย้อนลิขิตชะตา ชายาแพทย์พิษ [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        นางที่เป็๲เช่นนี้จะแบกรับความคาดหวังคนตระกูลหนานกงได้อย่างไร?

        หนานกงฉี่เหลือบมองเหนียนอีหลานด้วยสายตาราบเรียบสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป

        เหนียนอีหลานมองตามแผ่นหลังที่ดูผิดหวัง เหมือนนางจะได้สติขึ้นมาทันใดแววตาสั่นไหว "ท่านแม่ หมอหลวง พวกเราไปหาหมอหลวงกันเถิด..."

        มือของนางจะถูกทำลายไม่ได้ ส่วนเหนียนยวี่...

        นางสูดหายใจลึก เหนียนอีหลานบอกตัวเองว่าวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล...วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล...

        สักวันหนึ่งนางจะต้องจัดการเก็บกวาดเหนียนยวี่ให้ได้ ทำให้ชีวิตของนางเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

        ยามนี้ในตำหนักฉวินฝาง

        ภายในตำหนัก เสียงบรรเลงฉินยังคงเหมือนเดิมดูเหมือนว่าเมื่อขาดเหนียนอีหลาน กลับยิ่งทำให้เสียงบรรเลงฉินสอดประสานขึ้นมาไม่น้อยฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงใบหน้าเงียบสงบ สายตามองเหนียนยวี่ดวงตาคู่นั้นฉายแววฉลาดเฉลียว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

        เมื่อครู่ เป็๲นางหรือ?

        นางจงใจก่อกวนความคิดของอีหลาน บีบคั้นให้นางกังวลบีบคั้นให้ตื่นตระหนก เพื่อให้อีหลานทำสายฉินตัวเองขาด!

        องค์หญิงใหญ่ชิงเหอมองเห็นเ๱ื่๵๹ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หยิบยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างเชื่องช้า ค่อยๆ ยกยิ้มมุมปาก สาวน้อยคนนี้ใช้ประโยชน์จากจิตใจคนได้

        หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนเดิมทีเป็๞คนที่ฉลาด เขาเชี่ยวชาญจังหวะดนตรีเ๹ื่๪๫ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ย่อมหนีไม่พ้นสายตาของเขา จ้าวเยี่ยนจ้องมองเหนียนยวี่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าสตรีผู้นี้ฉลาดกว่าเขามาก แต่คุณค่าของนาง จะทำได้เพียงเป็๞ตัวกลางติดต่อระหว่างเขาและองค์หญิงใหญ่แค่นั้นหรือ?

        จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว ลูบถ้วยชาในมือเบาๆสีหน้าแววตาเคร่งขรึมมากขึ้น

        ไม่มีเหนียนอีหลานแล้วก็ลดคู่แข่งไปได้อีกหนึ่งกล่าวได้ว่าเป็๞สิ่งที่มีประโยชน์สำหรับอวี่เหวินหรูเยียนและฉางหงเยียนอย่างมาก

        ส่วนเหนียนยวี่...

        เริ่มแรกอวี่เหวินหรูเยียนคิดว่าฝีมือบรรเลงฉินของเหนียนยวี่จะตรงไปตรงมา ไม่ได้ยอดเยี่ยมอันใดแต่เมื่อครู่นี้จู่ๆ นางก็เปลี่ยนใจและเปลี่ยนความคิดสามารถแย่งชิงพื้นที่ บรรเลงในทางที่ถนัดคุ้นเคย แม้แต่นางก็ไม่สามารถทำได้

        คู่แข่งคนนี้ นางไม่อาจดูเบาได้แล้ว 

        ดังนั้น แม้ว่าเหนียนอีหลานจะออกไปแล้ว อวี่เหวินหรูเยียนก็ยังต้องระมัดระวังส่วนสตรีชุดแดงที่ร่ายรำบิดตัวตามท่วงทำนองอย่างคล่องแคล่วว่องไวอยู่กลางตำหนักรู้สึกลำพองใจจนลืมท่วงท่า แม้แต่จังหวะเต้นรำก็ยังดูตามใจขึ้นมาก

        เหนียนยวี่สังเกตเห็นสิ่งนี้อวี่เหวินหรูเยียนเองก็สังเกตเห็นด้วยเช่นกัน สำหรับเหนียนยวี่แล้วเป้าหมายที่จะตอบโต้เหนียนอีหลานก็สำเร็จแล้ว การบรรเลงฉินต่อไปเช่นนี้ สำหรับนางก็ดูจะไม่มีความหมายอะไรนักทว่า...

        ความคิดของอวี่เหวินหรูเยียนและองค์หญิงแคว้นหนานเยวี่ยผู้นี้...

        เหนียนยวี่แอบเหลือบมองจ้าวอี้ เห็นเพียงสีหน้าแววตาที่ดูจริงจังจดจ่อของเขาเขาไม่๻้๵๹๠า๱ให้เ๱ื่๵๹การแต่งงานของเขาถูกตัดสินแบบนี้งั้นหรือ?

        ในหัวผุดภาพในอดีตที่มีจ้าวอี้ ๻ั้๫แ๻่ที่ตนได้หวนคืนกลับมาที่นี่และเริ่มต้นใหม่เขาเป็๞หนึ่งในไม่กี่คนที่ปฏิบัติกับตนอย่างจริงใจ หากเขาไม่๻้๪๫๷า๹เช่นนั้นนางก็จะช่วยเขา ถือว่าเป็๞การตอบแทนความใจดีของเขา

        ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อนึกถึงหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนหากองค์หญิงหนานเยวี่ยผู้นี้ได้ตำแหน่งมู่อ๋องเฟยมาละก็ สำหรับนางแล้วเ๱ื่๵๹นี้คงไม่ใช่เ๱ื่๵๹ดีนักฉับพลันนั้นเหนียนยวี่จึงถือโอกาสเพิ่มความเร็ว บรรจงดีดสายฉินในมือเสียเลย...

        ท่วงทำนองเดิมค่อนข้างฮึกเหิมและชั่วขณะหนึ่งราวกับว่าจะก้าวเข้าไปอีกขั้นแล้ว ทว่าเพียงวินาทีหนึ่งนั้น เหนียนยวี่ก็ค้นพบว่าท่วงทำนองดนตรีของอวี่เหวินหรูเยียนก็เร่งจังหวะเร็วโกรธเกรี้ยวขึ้นมาเหนียนยวี่หันมองอวี่เหวินหรูเยียนอย่างไม่รู้ตัวประสานสายตากับอวี่เหวินหรูเยียนที่มองมาพอดี มีแววประหลาดใจในดวงตาของทั้งสองแต่แล้วไม่นาน ก็มองหน้ากันยิ้มๆ ปากไม่พูดจา แต่ก็เข้าใจกันทั้งคู่

        หึ ดูเหมือน พวกนางอยากจะร่วมมือกันแล้ว

        เช่นนั้นไม่ดีหรือ?

        เหนียนยวี่หรี่ตาลงเล็กน้อยคนทั้งสองราวกับว่าเข้าใจกันโดยไม่ต้องเอ่ย พวกนางร่วมเล่นท่วงทำนองที่ฮึกเหิมหลังผลักดันจังหวะก้าวขึ้นไปอีกขั้น...ก้าวขึ้นไปอีกขั้นฉู่ชิงและจ้าวอี้เองก็ร่วมบรรเลงขึ้นมาด้วย

        ด้วยทักษะฝีมือขององค์หญิงหนานเยวี่ย หากเป็๞ยามปกตินางต้องเป็๞ผู้นำแน่ ทว่าความลำพองในใจก่อนหน้านี้ ทำให้นางช้าลงไปทีละนิดๆยิ่งบวกกับท่วงทำนองที่เร็วกว่าเดิมจังหวะร่ายรำของนางก็ยิ่งดูยุ่งเหยิงอย่างเห็นได้ชัด และก็ถึงจุดที่นางพ่ายแพ้

        ในใจองค์หญิงหนานเยวี่ยรู้นางมิได้ดิ้นรนเหมือนเหนียนอีหลาน นางรู้ดีว่าต่อให้ต้องดิ้นรนแต่สุดท้ายนางก็จะดันตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่น่าอับอายเท่านั้น เหนียนอีหลานอับอายขายหน้าเป็๲บทเรียนจากอดีตไปแล้ว และในฐานะองค์หญิงแห่งหนานเยวี่ย นางไม่อาจปล่อยคนผู้นี้ได้!

        ดังนั้น จังหวะร่ายรำของนางจึงหยุดลงนางหันไปคารวะฮ่องเต้หยวนเต๋อและฮองเฮาอวี่เหวิน ความหมายชัดเจนในตัว

        นางยอมแพ้แล้ว!

        เหนียนยวี่เห็นการกระทำของนางในสายตาแอบคิดในใจว่าองค์หญิงแคว้นหนานเยวี่ยผู้นี้ยังเป็๞คนฉลาด

        เพียงแค่ ยามที่องค์หญิงหนานเยวี่ยถอยกลับไปสายตานางกลับหันมองมาที่เหนียนยวี่...

        ดวงตาสองคู่ของคนทั้งสองสบประสานเหนียนยวี่มองนางและค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น องค์หญิงหนานเยวี่ยรู้สึกประหลาดใจเบนย้ายสายตาไปมองอวี่เหวินหรูเยียนจากนั้นรอยยิ้มก็เบ่งบานบนใบหน้างามหยาดเยิ้มพราวเสน่ห์ของนาง

        ตอนนี้เหลือสตรีเพียงสองคนเท่านั้น นั่นคือเหนียนยวี่และอวี่เหวินหรูเยียนฝีมือของพวกนาง แทบจะเรียกว่าเทียบเคียงสูสีกัน ฉางหงเยียนอยากจะชมเสียหน่อยว่าระหว่างพวกนางจะต่อสู้โรมรันกันอย่างไร!

        องค์หญิงหนานเยวี่ยกลับมานั่งที่ของนางผู้คนมากมายที่อยู่ที่นั่นมีความคิดเช่นเดียวกับนาง พวกเขาต่างนั่งฟังเสียงบรรเลงฉินทั้งสี่ตัวในตำหนักอย่างเงียบๆรอคอยผลการแข่งขันของเหนียนยวี่และอวี่เหวินหรูเยียน

        เสียงบรรเลงฉินทั้งสี่ก่อนหน้านี้ฟังดูราวกับเกลียวเชือกที่บิดเข้าหากันเข้าพร้อมออกพร้อม ทว่าเชือกเส้นใหญ่ราวกับว่ากำลังค่อยๆ แยกตัวออกจากกันเครื่องหนึ่งบรรเลงนำโดยเหนียนยวี่ ฉู่ชิงประสานรับเครื่องหนึ่งนำโดยมู่อ๋องจ้าวอี้ อวี่เหวินหรูเยียนไล่ตามอย่างคล่องแคล่วไหลลื่น ทั้งสองเหมือนบทเพลงที่แตกต่างทว่าก็ฟังดูราวกับเป็๲บทเพลงเดียวกัน ความรู้สึกแปลกๆ ที่บรรยายออกมาไม่ถูก ทว่ากลับสอดประสานกลมกลืนกันอย่างมาก

        ฟังเสียงบรรเลงฉินที่เข้ากันของเหนียนยวี่และฉู่ชิงจ้าวอี้ก็อยากจะเข้าไปเล่นด้วยทว่ากลับมักจะรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรกำลังปกป้องเขาอยู่ เขาต้องต่อสู้กับอวี่เหวินหรูเยียนทว่าเสียงบรรเลงฉินของนางกลับบรรเลงดุจดั่งสายน้ำไล่ตามท่วงทำนองของเขาทำให้เขาหาจุดบกพร่องไม่ได้สักนิด

        ทันใดนั้น การแข่งขันบทเพลงครานี้ไม่มีเปลวเพลิงแห่งการต่อสู้แย่งชิงแล้วส่วนเหนียนยวี่และอวี่เหวินหรูเยียนต่างก็ราวกับสื่อสารเข้าใจกันโดยมิต้องเอ่ยไม่ก้าวล้ำแตะต้องเขตแดนของฝั่งตรงข้าม และพวกเขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะประจันหน้าแข่งขันกัน

        นี่แทบจะอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนไม่มีใครเข้าใจสตรีสองนางนี้เลย

         “พอแล้ว พอแล้ว ไม่ดีดแล้ว ไม่เล่นแล้ว" เสียงของจ้าวอี้จู่ๆก็ดังขึ้น ยามที่เอ่ยออกมา มือก็หยุดเล่น ราวกับมีเ๱ื่๵๹ไม่พอใจบางอย่างและเมื่อไม่มีเขาเล่นนำ เสียงบรรเลงฉินของอวี่เหวินหรูเยียนก็ดูเหมือนจะไม่สามารถประคับประคองเล่นต่อไปได้จึงหยุดเล่นบรรเลงเสียเลย

        และนางก็หยุดบรรเลงอีกคนด้วยเช่นกันยังเหลือเหนียนยวี่และฉู่ชิง

        ในตำหนัก เสียงบรรเลงฉินหยุดลงอย่างกะทันหันก็ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากไร้การตอบสนองไปชั่วขณะ

        "นี่..."  ฮองเฮาอวี่เหวินฉีกยิ้ม เหลือบมองอวี่เหวินหรูเยียน "สี่คนหยุดเล่นกันหมดเช่นนั้นจะให้ตัดสินอย่างไร ผู้ใดชนะเล่า?"

        "ฝีมือการบรรเลงฉินของหรูเยียนมิอาจเทียบเคียงท่านอ๋องมู่ได้เพคะหรูเยียนขอคำนับเพคะ"

        ทันทีที่คำพูดของฮองเฮาอวี่เหวินถูกกล่าวออกมาเสียงของอวี่เหวินหรูเยียนก็ดังขึ้น...

        ทุกคนมองไปที่สตรีสวมผ้าคลุมหน้าบางปกปิดใบหน้ารูปร่างเพียบพร้อม มารยาทงดงามละเอียดอ่อน เสียงบรรเลงฉินของนางก็เช่นกันทำให้ใจผู้คนหลงใหลได้ปลื้ม

        นางยอมแพ้แล้วงั้นหรือ?


        มุมปากเหนียนยวี่ยกยิ้มแอบคิดในใจว่าอวี่เหวินหรูเยียนผู้นี้ยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้รู้ได้ทันทีว่ามันมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นนางแค่ยอมรับว่านางพ่ายแพ้ให้มู่อ๋องจ้าวอี้เท่านั้น!

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้