นางเห็นว่าต้นตี้สือถูกส่งขึ้นรถม้า กลัวว่าผู้ประมูลจะทำของเสียหาย ถึงอย่างไรก็เป็ของที่ใช้รักษาผู้ป่วย ซ้ำยังจ่ายเงินก้อนโตซื้อกลับไป หากไม่ได้ผลที่้า ไม่เท่ากับหลอกลวงผู้อื่นหรือ
ดังนั้นจึงรีบวิ่งลงบันไดโดยไม่คาดคิดว่าจะเจอเื่น่าหงุดหงิดดังกล่าว
“เมื่อเป็เช่นนี้ แม่นางิเองก็มีเจตนาดี มิสู้...” ซ่งอี้้าฉวยโอกาสนี้กู้สถานการณ์ แต่ใครจะรู้ กลับถูกน้ำเสียงฉอเลาะมาขัดคอเสียได้
“นายท่าน กระโปรงของข้าน้อย...” เยี่ยนเอ๋อร์ไม่พอใจอย่างมาก นางบิดตัวไปมาไม่ยอมลดราวาศอก
หวังเฉินขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่อยากปล่อยิเป่าจูไปเช่นนี้ แต่เขาออกปากไปแล้ว บัดนี้จึงไม่อาจย้อนมาตบหน้าตนเองได้
“กระโปรงของเ้าจะราคาสักเท่าใดกัน เงินนี้ข้าชดใช้แทนนางได้” เหยียนเฟิงเคาะพัดจีบในมือสองครั้ง ก่อนจะหันไปกล่าวกับเยี่ยนเอ๋อร์
เงินของสหายหวังเฉินนางไหนเลยจะกล้ารับ เยี่ยนเอ๋อร์ตัวสั่น ชำเลืองมองสีหน้าหวังเฉินอย่างระมัดระวัง
“แค่ผ้าขี้ริ้วขาดๆ ตัวหนึ่ง ต้องให้เ้าออกเงินเสียที่ใด นี่เ้ายังอยากให้ข้าชดใช้ให้อีกหรือ ไสหัวไปซะ! ไม่มีหูมีตาเสียบ้างเลย” หวังเฉินรั้งมือกลับมาจากบั้นเอวของเยี่ยนเอ๋อร์ ครึ่งประโยคแรกพูดกับเหยียนเฟิง ส่วนครึ่งหลังหันมาด่าเยี่ยนเอ๋อร์
พอถูกตำหนิ สีหน้าของเยี่ยนเอ๋อร์ก็เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ไม่กล้าโอ้เอ้ หันมาถลึงตาใส่ิเป่าจูก่อนจะกระทืบเท้าจากไป
“เื่วันนี้ เห็นแก่หน้าสหายของข้า จะละเว้นเ้าสักครั้ง ต่อไปอย่าตกมาอยู่ในมือข้าอีก มิเช่นนั้นเ้าเสร็จแน่”
ด้วยความโกรธที่ยังจุกอกไม่จางหาย หวังเฉินจึงฝากถ้อยคำมาดร้ายทิ้งไว้อีกประโยค ก่อนสะบัดแขนเสื้อจากไป
“ต่อไปเ้าก็พยายามหลบพญายมผู้นี้ให้ดีเล่า” ซ่งอี้เตือนนาง
ิเป่าจูพยักหน้า วันนี้เกิดเื่ขึ้นอย่างฉุกละหุก หาไม่แล้วพวกเขาสองคนคงไม่มีวันเข้ามาเกี่ยวข้องกันได้ในชีวิต
วันนี้นางมีความสุขยิ่ง เื่เล็กน้อยแค่นี้จึงไม่มีผลกระทบต่ออารมณ์
ต้นตี้สือขายได้สำเร็จ ซ้ำยังได้ราคาสูงถึงเจ็บสิบตำลึงอย่างไม่คาดคิด เกินกว่าที่คาดไว้มากมาย เรียกได้ว่าเป็การเก็บเกี่ยวที่คุ้มเกินคุ้ม
“แล้วเงินเล่า เมื่อไรถึงจะให้ข้า” นี่ถึงจะเป็ประเด็นสำคัญ ปัญหาอื่นๆ ไปยืนรอด้านข้างก่อน
“ตอนนี้ยังให้เ้าไม่ได้” เมื่อต้องเผชิญกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความคลางแคลงสงสัยของนาง มุมปากของซ่งอี้ก็โค้งขึ้นแล้วอธิบายให้ฟังอย่างอดทน
ตามกฎของหอหมื่นสมบัติ ไม่ว่าสินค้าจะขายได้ราคาเท่าไร จะต้องหักให้หอประมูลสองส่วน กระบวนการคำนวณเข้าบัญชีตามขั้นตอนใช้เวลาประมาณสองวัน
เช่นนี้คำนวณดูแล้วนางก็จะได้รับเงินห้าสิบหกตำลึง ซึ่งนับว่าดีมากแล้ว
ิเป่าจูเป็คนรู้จักพอ หลังจากเข้าใจกระจ่างก็นัดวันรับเงินกับซ่งอี้ แล้วกลับบ้านก่อน
ฤดูใบไม้ร่วงคือฤดูกาลแห่งความสุขของชาวบ้านทุกคน และเป็เพียงฤดูเดียวของปีที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ทั้งชายหญิงต่างง่วนอยู่กับการทำงานในที่นา
ขณะที่บุรุษหลายคนถือจอบและเคียวเดินผ่านบ้านหลังเล็กแห่งหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะชะลอฝีเท้า หรือหยุดลงชั่วครู่
เสียงหัวเราะอ่อนหวานดังมาจากในห้องเป็ครั้งคราว กระตุ้นให้คนรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ
บุรุษเ่าั้ต่างยิ้มสบตากันเข้าใจความหมายโดยไม่ต้องเอ่ยปาก
ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้กันดีว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเรือนน้อยหลังนี้คือใคร นั่นก็คือจ้าวจินจือที่สามีเสียชีวิตและชอบเื่คาวโลกีย์ยั่วยวนบุรุษไปทั่ว
ตอนนี้ไม่แน่ว่าอาจไปฉกชายดิบเถื่อนคนใดเข้าห้องโดยไม่แยกแยะกลางวันกลางคืนก็ได้
“คนผีทะเล ไม่มาเสียหลายวัน มาถึงก็รีบร้อนถึงเพียงนี้”
แม้ว่าปากของจ้าวจินจือจะตัดพ้อต่อว่า แต่ร่างกายกลับไม่ขัดขืนแม้แต่ส่วนเสี้ยว ปล่อยให้บุรุษกอดรัดฟัดเหวี่ยงบนเตียงตามอำเภอใจ
“คิดถึงข้าแย่แล้วใช่หรือไม่ มาให้ข้ามีความสุขก่อน” คนที่กำลังคร่อมร่างจ้าวจินจือและกำลังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องอยู่เวลานี้หาใช่ใครอื่น เป็ิเถี่ยจู้
ไม่ว่าจ้าวจินจือจะผลักไสอย่างไร เขาก็สนใจแต่ธุระของตนเอง หลังจากนั้นไม่นานเหงื่อก็เปียกชุ่มไปทั้งตัว ใบหน้าอิ่มเอมถึงขีดสุด ก่อนพลิกกายลงนอนหอบอยู่ข้างๆ สตรี
“บุรุษหน้าเหม็น ทุกครั้งก็สนใจแต่ความสุขของตนเอง ข้าติดตามท่านไม่มีชื่อ ไม่มีฐานะ ไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างด้วยซ้ำ”
พูดจบก็เตะไปที่น่องของิเถี่ยจู้
“ข้าดีต่อเ้าก็พอแล้วมิใช่หรือ อีกสองวันจะซื้อปิ่นทองมาให้”
ิเถี่ยจู้รู้ว่าจ้าวจินจือมิได้มีเขาเป็บุรุษเพียงคนเดียว แต่พูดราวกับสงวนตัวดุจหยกเพื่อตนเอง ทว่าเขาก็มิได้เปิดโปงออกไป
นี่คือเื่ที่สองฝ่ายต่างสมยอม กล่าวเช่นนี้ก็เพื่อล่อลวงให้เขามอบผลประโยชน์ให้ เขาย่อมเห็นลูกไม้ของสตรีอย่างชัดเจน
“อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” พอได้ยินว่าปิ่นทอง จ้าวจินจือก็พึงพอใจ หันไปกอดแขนของิเถี่ยจู้อย่างอบอุ่น
หลังจากทั้งสองพักเหนื่อยกันพอแล้ว แน่นอนว่าต้องพลิกเมฆคว่ำฝนกันอีกรอบ
กว่าิเถี่ยจู้จะกลับไปถึงบ้านท้องฟ้าก็มืดแล้ว เช่นเดียวกับสีหน้าของหวังซื่อ ที่ดำทะมึนจนไม่เห็นแสงสว่าง
“ไปตายที่ไหนมาทั้งวัน ปล่อยให้ข้าทำงานอยู่ในที่นาเพียงคนเดียว” ั้แ่ิเถี่ยจู้เข้าประตูมา หวังซื่อก็ด่าไม่หยุด
ิเถี่ยจู้ก็หาแยแสไม่ นึกถึงแต่คำสัญญาที่ให้จ้าวจินจือ จึงเดินตรงไปที่ห้องปีกตะวันออก หยุดอยู่ที่หน้าตู้ใบหนึ่งก่อนจะรื้อค้นไม่หยุด
หวังซื่อไม่รู้ว่าเขาจะทำสิ่งใด รู้แต่ว่ากำลังหาอะไรบางอย่าง ตนเองเป็ผู้เก็บเงินในบ้าน วางไว้ที่ใดนางไหนเลยจะไม่รู้
ทันใดนั้นก็ไม่มีอารมณ์จะด่าทออีกต่อไป ตะลีตะลานตามเข้าไปทันที
“กำลังหาอะไรอยู่” หวังซื่อถามทั้งที่รู้ หัวใจเต้นโครมครามอย่างรุนแรง
ิเถี่ยจู้ค้นหาอยู่นาน เขาล้วงกล่องเหล็กออกมาจากด้านในสุด แล้วเปิดออกนับ ก่อนจะถามหวังซื่อ “เงินเล่า?”
“งะ...เงินก็อยู่ในมือเ้ามิใช่หรือ มาถามข้าทำไม” หวังซื่อร้อนตัวพูดตะกุกตะกัก
“จำนวนไม่ถูกต้อง” เดิมทีในกล่องมียี่สิบตำลึง ตอนนี้เหลืออยู่เพียงสิบกว่าตำลึง เขามิได้แตะต้อง ผู้ใดเอาไปผลลัพธ์ก็เห็นๆ กันอยู่
“ก็... เอาไปซื้อของขวัญตอนวันเกิดครบรอบของบิดาข้าอย่างไรเล่า” หวังซื่อไม่คิดจะพูดความจริง จึงจงใจหลอกลวงเพื่อให้เื่พ้นไป
ตอนวันเกิดของบิดา พวกเขาใช้เงินไปจริงๆ แต่ก็เพียงแค่ตำลึงเดียวเท่านั้น ไหนเลยจะหายไปมากขนาดนี้
“ลับหลังข้าเ้าแอบขโมยเงินไปให้ทางบ้านของเ้าใช่หรือไม่”
ิเถี่ยจู้สงสัยมาถึงเื่นี้ก็เพราะมีสาเหตุ เมื่อก่อนหวังซื่อก็เคยทำเช่นนี้มาก่อน พอถูกตนเองทุบตีครั้งสองครั้งถึงจะสงบเสงี่ยมขึ้นมาบ้าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากลับไปทำนิสัยเดิมๆ อีกแล้ว
“เปล่า ข้าเปล่า”
หวังซื่อรีบปฏิเสธ นางไม่อยากโดนทุบตีเพราะเื่ไม่เป็เื่อีก จึงจำเป็ต้องเล่าความจริง
“่ก่อนหน้านี้...”
“ข้าจะตีสตรีล้างผลาญอย่างเ้าให้ตายไปเสีย” ิเถี่ยจู้ฟังเพียงสองสามคำก็เข้าใจ เงื้อกำปั้นเหวี่ยงเข้าใส่หวังซื่อ ทั้งฝ่ามือ ทั้งหมัด และส้นเท้าประเคนใส่ไม่ยั้ง
ตอนแรกหวังซื่อยังโมโหเลยสู้คืนอยู่บ้าง แต่สตรีจะเป็คู่ต่อสู้กับบุรุษได้อย่างไร เพียงไม่นานก็ถูกตบตีจนร้องเรียกหาบิดามารดา จะเป็จะตายให้ได้
“ข้าอนุญาตให้เ้าตัดสินใจเองได้ เ้าก็เอาเงินไปสองตำลึงโดยไม่รายงานข้าสักคำ อย่างนี้ไม่สู้ข้าหย่าเ้าไปเลยก็สิ้นเื่”
หนนี้ถึงคราิเถี่ยจู้จะเป็คนก่นด่าสาปแช่งบ้าง ด่าแล้วยังไม่สาแก่ใจ ตบหน้านางไปอีกสองที
แก้มของหวังซื่อบวมขึ้นมาทันที ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด
“ฮือ เ้ามันสมควรตายด้วยพันมีด นึกว่าข้ายินดีนักหรือ หากไม่ใช่เพื่อครอบครัวนี้ ทั้งหมดล้วนเป็เพราะหลานสาวตัวดีของท่าน ปีกกล้าขาแข็งแล้ว หลงลืมข้าวแดงแกงร้อนที่ข้าเลี้ยงดูมาตลอดหลายปี เ้ามันโง่เง่า รอให้นางมีอันจะกินก่อนค่อยกลับมาหัวเราะเยาะเ้าเถอะ”
