น่าหลันหลิงไปแล้ว
ชีวิตของถังชิงหรูกลับมาสู่ความสงบสุข นอกจากตรวจรักษาคนไข้ ก็ปลูกผักปลูกสมุนไพรในสวนเล็กๆ ของตนเอง ยามรู้สึกเหนื่อยล้าก็พาสาวใช้ทั้งสองเข้าครัวทำอะไรกินกัน
คนผู้หนึ่งเดินอาดๆ เข้ามาจากด้านนอก เห็นถังชิงหรูกำลังรดน้ำก็หัวเราะเยาะ "หญิงบ้านนอกอย่างไรก็เป็หญิงบ้านนอกอย่างนั้น แต่ละวันถ้าไม่ใช่ยาก็ต้องเป็ผัก เคยใช้ชีวิตเป็ปรกติเหมือนคนอื่นบ้า’หรือไม่ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เปิ่นหวางจะพาเ้าไปเปิดหูเปิดตา"
ถังชิงหรูได้ยินเสียงเฉินิ แต่กลับยังคงก้มหน้าก้มตารดน้ำผักตรงหน้าต่อไป
เฉินิรออยู่เป็นานสองนาน ถังชิงหรูไม่ยอมแม้แต่จะขยับเท้า พลันรู้สึกหงุดหงิด เขาเก็บพัดจีบในมือ ก่อนถลึงตาใส่เงาร่างของนางพลางเอ่ยว่า "เ้าพูดสักประโยคหนึ่งได้ไหม เปิ่นหวางคุยกับเ้า หากยังไม่ตายร้องฮื่อออกมาสักคำก็ได้"
"ฮื่อ..."ถังชิงหรูเปล่งเสียงอย่างเอ้อระเหย
เฉินิหน้าดำทะมึน สาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามาแย่งกระบวยตักน้ำจากมือของนาง เอ่ยอย่างไม่พอใจ "สตรีเช่นเ้านี่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย เพราะน่าหลันหลิงไปแล้วใช่หรือไม่ ถึงได้ทำหน้าซังกะตายแบบนี้ ไม่รู้ว่าเ้าหนุ่มหน้าขาวนั่นมีอะไรดีนักหนา"
ถังชิงหรูเงยหน้าถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง "ไม่ว่าเขาจะแย่อย่างไรก็น่าเคารพกว่าท่าน อย่างน้อยก็ไม่เคยว่าข้าเป็หญิงบ้านนอก และไม่เคยรังแกข้าเลย สำหรับเขาแล้ว ข้าเป็เสมือนญาติคนหนึ่ง แล้วท่านเล่า เห็นข้าเป็อันใด อ้าปากได้ก็จะให้เป็ชายารอง เชอะ! อย่างกับข้าพิสมัยตำแหน่งชายารองของท่านนักล่ะ ท่านไม่คิดดูบ้างเล่า สตรีที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในเรือนด้านหลังจะมีสักกี่คนที่มีความสุข ข้ายอมเป็หมอธรรมดา มีชีวิตอิสรเสรี ดีกว่าต้องรอสามีกลับมาจากข้างกายหญิงอื่น"
เฉินิมองถังชิงหรูอย่างตะลึงพรึงเพริด นางไม่เคยพูดกับเขาด้วยถ้อยคำเหล่านี้ ไม่สิ น่าจะเคย นางเคยเอ่ยถึง แต่เขาไม่เคยเห็นความสำคัญ สายตาของนางยามนี้บอกเขาว่า นี่คือความคิดที่ออกมาจากส่วนลึกในหัวใจนางอย่างแท้จริง หาก้าได้หัวใจของนาง ก็ต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้
"เอาล่ะๆๆ เขาดีมาก" เฉินิไม่ค่อยพอใจนัก "ตกลงเ้าจะไปไม่ไป หากไม่ไป เปิ่นหวางไปเองก็ได้ ที่นั่นทั้งสนุกและน่าเที่ยว เ้าต้องไม่เคยเห็นแน่นอน"
"ยังมีที่ไหนที่ข้าไม่เคยไปเที่ยวอีกหรือ" ถังชิงหรูมิใส่ใจ
"ชนเผ่าอิงกูอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล ที่นั่นสตรีเป็ใหญ่ วันนี้เป็วันสถาปนาหัวหน้าเผ่าคนใหม่ของพวกเขาพอดี" เฉินิมองนางด้วยแววตามีเลศนัย "ด้วยอุปนิสัยของเ้า คงจะชอบชนเผ่าแบบนี้มากอยู่กระมัง เ้าไม่อยากไปดูจริงๆ หรือ ที่นั่นน่ะน่าสนใจมากเลยนะ"
"ไม่น่าเชื่อว่าบุรุษเช่นท่านทั้งยังเป็ท่านอ๋องของที่นี่ จะยอมรับชนเผ่าเยี่ยงนั้นได้" ถังชิงหรูมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
"เปิ่นหวางมิเห็นว่ามีสิ่งใดไม่ถูกต้องเลยนี่" เฉินิโบกพัดกล่าวต่อไป "ในมุมมองของเปิ่นหวาง ทุกคนต่างก็มีความคิดเป็ของตนเอง แต่ละชนเผ่าก็มีวัฒนธรรมของตน นั่นคือธรรมเนียมที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษ ข้าจะใช้จุดยืนแบบไหนมาต่อต้าน?"
พอได้ยินเขาเอ่ยแบบนี้ ถังชิงหรูกลับต้องมองเขาใหม่ ตามความเข้าใจของนางจาก่เวลาที่ผ่านมา ผู้ชายบนดาวล้าหลังดวงนี้มีความคิดแบบบุรุษเป็ใหญ่ ขอแค่เป็สิ่งที่พวกเขาคิดว่าถูกต้อง สตรีไม่มีสิทธิ์เคลือบแคลงสงสัย ต่อให้ผิด ก็มิอาจโต้แย้งได้ แม้แต่ชาวบ้านสามัญชนทั่วไป สามีภรรยาที่รักใคร่ปรองดองก็มีน้อยนัก
เฉินิมีฐานะเป็ชนชั้นสูงของแว่นแคว้น และยังเป็บุคคลที่มีความโดดเด่นท่ามกลางชนชั้นสูงเ่าั้ แต่กลับมีโลกทัศน์กว้างไกล นับได้ว่าสิ่งนี้เรียกคะแนนเพิ่มให้กับเขาได้ไม่น้อย
"วันนี้ข้าพักผ่อนพอดี ไม่มีคนไข้ จะไปกับท่านก็ได้" ถังชิงหรูเอ่ยพลางปัดๆ ฝุ่นที่มือ
"เฮ้..." เฉินิถอยหลังกรูดออกไปหลายก้าว มองกรงเล็บปิศาจของนางอย่างระแวดระวัง "เ้าไปล้างให้สะอาดก่อนค่อยไป หญิงสาวเผ่าอิงกูแต่ละคนล้วนสะสวย เ้าอย่าทำให้เปิ่นหวางขายหน้า"
ความรู้สึกดีๆ ของถังชิงหรูที่มีต่อเขาหายวับไปในพริบตา นางหันหลังกลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า "เช่นนั้นท่านก็ไปหาแม่นางผู้สวยสดงดงามคนอื่นไปแทนก็แล้วกัน ข้าไม่ไปด้วยแล้ว"
เฉินิได้ยินเช่นนั้นก็ตะลีตะลาน เดินตามหลังไปติดๆ พลางร้องประท้วงเสียงดัง "เมื่อครู่รับปากเสียดิบดี แล้วตอนนี้จะมากลับคำได้อย่างไร"
ถังชิงหรูเดินเข้าไปในห้อง ก่อนหันกลับมาขวางเขาไว้ด้านนอก พูดตอกหน้าไปว่า "บุรุษสง่างามเช่นท่านอ๋องไม่อาจขายหน้าเพราะเด็กสาวบ้านนอกอย่างข้า มิสู้ไปหาคุณหนูลูกผู้ดีบ้านอื่นเถิด แต่ไม่รู้เหมือนกันนะว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงวันพรุ่งนี้หรือไม่"
"เ้าอย่า..." เฉินิรั้งนางไว้ ใช้น้ำเสียงอ่อนลงเจือไปด้วยการพะเน้าพะนออยู่หลายส่วน "เมื่อครู่เปิ่นหวางพลั้งปากไปหน่อย เ้าอย่าถือสาเลยนะ สตรีเผ่าอิงกูหน้าตาสะสวย บุรุษหล่อเหลา สตรีเช่นเ้าคงไม่อยากอับอายต่อหน้าหนุ่มหล่อกระมัง ข้าก็แค่คิดเผื่อเ้าเท่านั้นเอง อีกอย่างถ้าเ้าไม่ไป ข้าจะไปได้อย่างไร รู้อยู่ว่าข้าััผู้หญิงไม่ได้ เมื่อก่อนข้าเคยแต่ได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับชนเผ่านี้ ประกอบกับลูกน้องคนหนึ่งเป็ชาวเผ่าอิงกู ความจริงข้าเองก็ไม่เคยไปที่นั่นเหมือนกัน"
"ท่านไม่กลัวอาการกำเริบหรือไร ด้วยรูปโฉมอย่างท่าน สตรีเ่าั้คงอยากตามพัวพันจนแทบไม่ไหว" ถังชิงหรูสีหน้าผ่อนคลายลง ก่อนแค่นเสียงเยาะ
"ลูกน้องข้าไปกำชับไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าระหว่างที่พวกเราไปเที่ยว ห้ามสตรีทุกคนเข้าใกล้ข้า มีแต่เ้าคนเดียวที่สามารถรั้งอยู่ข้างกาย" เฉินิพลันหน้าแดงซ่าน แววตาวูบไหว ท่าทางเก้อเขิน
ถังชิงหรูเห็นท่าทางเขาแล้วก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ถ้าคนไม่รู้อาจนึกว่าเขาและนางสลับบทบาทกันอยู่ บุรุษคนหนึ่งจะเขินอายอันใดนักหนา
ถังชิงหรูค่อนข้างสนใจเื่ของชนเผ่าอิงกู เมื่อครู่แค่แกล้งหยอกเขาเท่านั้นเอง นางชี้ไปด้านนอกพลางกล่าวว่า "ท่านไปรอตรงนั้นก่อน ข้าจะเปลี่ยนอาภรณ์"
ในสวนมีโต๊ะหินตัวหนึ่ง เฉินิได้ยินคำกล่าวของนาง สีหน้าค่อยผ่อนคลายลงมา เดินไปยังโต๊ะหิน น้ำเสียงกลับมาแข็งห้วนเหมือนเมื่อครู่ "ให้มันเร็วหน่อยเล่า"
ถังชิงหรูไม่ถือสากับเขามากนัก ธรรมชาตินิสัยของเขาก็เป็เช่นนี้เอง ไม่อาจแก้ไขได้ใน่เวลาสั้นๆ เคยชินกับการใช้อำนาจมาั้แ่เล็ก แค่มางอนง้อนางอย่างเมื่อครู่นี้ได้ก็ชวนให้คนคาดไม่ถึงแล้ว
โต๊ะหินในสวนคือสถานที่ที่สาวใช้สองคนของถังชิงหรูชอบมานั่งทำงานเย็บปักถักร้อย ส่วนถังชิงหรูก็ชอบมานั่งดื่มชาที่นั่น ยามค่ำคืนที่แสงจันทร์งดงาม ก็จะทำกับแกล้มสองสามอย่าง พร้อมสุราหนึ่งกา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีชีวิตที่แสนจะสุขสำราญเพียงใด ทว่าน่าเสียดาย ความเงียบเหงาและว้าเหว่ในหัวใจยังคงร่ำร้องออกมา
"ท่านอ๋อง เชิญดื่มชาเ้าค่ะ" จิ่นเอ๋อร์ยกน้ำชาเข้ามา วางเบื้องหน้าของเฉินิ
เฉินิเห็นสตรีก็ตัวเกร็งด้วยสัญชาตญาณ
จิ่นเอ๋อร์ทราบข้อจำกัดของเฉินิ ดังนั้นยามที่ยกน้ำชาจึงใช้ผ้าแพรพันมือไว้ เพื่อมิให้ฝากรอยนิ้วมือไว้บนถ้วยชา ด้วยเกรงว่าเพียงแค่น้ำชาถ้วยหนึ่งก็อาจทำให้ท่านอ๋องผู้นี้ไม่สบายได้
เฉินิเห็นนางพิถีพิถันขนาดนี้ ก็ปรายตามองแวบหนึ่ง ก่อนจิบน้ำชาเข้าไปหนึ่งคำ ทันใดนั้นดวงตาพลันสว่างวาบ "ไม่เลว"
"นี่คือใบชาที่แม่นางทำขึ้นเอง เห็นบอกว่าหากดื่มบ่อยๆ จะช่วยบำรุงผิวและขับล้างพิษ" จิ่นเอ๋อร์รีบเอ่ยถึงความดีงามของถังชิงหรู
"อื้ม ออกไปเถิด" เฉินิหัวเราะเบาๆ พลางยกมือขึ้นโบก
เสียงประตูเปิดดังเอี๊ยด ถังชิงหรูก้าวออกมา เสียงเท้าของนางใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เฉินิกำลังดื่มชา แต่พอเงยหน้าขึ้น น้ำชาก็ไหลพรืดออกมาทางมุมปากจนเปียกชุ่มคอเสื้อ มองสตรีตรงหน้าอย่างตะลึงพรึงเพริด
หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน ใช้แถบผ้าสีเดียวกันพันรอบเอวจนคอดกิ่ว เนินอกอิ่มล้นฟูขับเสริมให้เรือนร่างแลดูเย้ายวนเป็พิเศษ นางผัดแป้งแต่งหน้าอ่อนๆ คิ้วโค้งเรียวดังใบหลิวรับกับดวงตาสุกใส ริมฝีปากอิ่มแดงสดแลดูคล้ายผลอิงเถา[1]กระจุ๋มกระจิ๋มที่กำลังสุกงอมได้ที่
"ตาทึ่มเอ๊ย" พอเห็นท่าทางของเขา ถังชิงหรูค่อยรู้สึกเบาใจ นางไม่เคยสวมชุดโบราณมาก่อน นับั้แ่มาอยู่ร่างนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกชอบกล ด้วยเหตุนี้ จึงมักแต่งกายเป็บุรุษอยู่เป็นิจ นางรู้สึกว่าเสื้อผ้าของผู้ชายแลดูคล่องตัวกว่า ทำอะไรสะดวก และนี่ก็เป็ครั้งแรกของนางที่แต่งชุดกระโปรงสตรีที่มีความซับซ้อนมากขนาดนี้ ส่วนกระโปรงที่นางมักสวมใส่ก่อนหน้านี้ก็มักจะเป็แบบกลางๆ ที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก
"เ้าก็เป็สตรีของแท้สมราคาเหมือนกันนี่" เฉินิกล่าววาจายียวนออกมาหนึ่งประโยค "ปรกติเห็นเ้าผอมๆ ไฉนเมื่อสวมอาภรณ์สตรีแล้วถึงได้..."
"สดใสเอิบอิ่มใช่ไหมเล่า? รูปร่างของแม่นางเยี่ยงข้าดูดีมากเลยล่ะสิ" ถังชิงหรูยืดอกอย่างภาคภูมิใจ "เรียบร้อย ไปกันเถอะ"
รถม้าของเฉินิรออยู่ด้านนอก ถังชิงหรูเดินนำหน้าไปก่อน เฉินิรีบวางถ้วยชาแล้วตามนางออกไปอย่างใกล้ชิด
ถ้อยคำของนางเขาฟังแล้วก็หน้าแดงเถือก บ่นเสียงดัง "มีใครเขาชมตัวเองกันบ้าง ต่อให้งามแค่ไหน ก็ควรให้ผู้อื่นเป็คนเอ่ยปาก เล่นชมตนเองแบบนี้ไม่รู้สึกอายบ้างเลยหรือไร"
ถังชิงหรูเข้าไปในรถม้า หมุนตัวกลับมาชูกำปั้นใส่หน้าเฉินิ พลางกล่าวอย่างหงุดหงิด "หากยังพูดไร้สาระอีกล่ะก็ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทุบท่านแน่"
เฉินิปัดมือของนางออก พลางเบียดเข้าไปในรถม้าแล้วนั่งลงข้างกายนาง
"ท่านไปนั่งฝั่งตรงข้ามสิ" ถังชิงหรูขยับหลบไปด้านข้าง "เบียดอยู่ได้"
"เื่อะไรเปิ่นหวางต้องสละที่นั่งให้" เฉินิพูดพลางเลิกม่านขึ้น" ตรงนี้เห็นทิวทัศน์ด้านนอก เปิ่นหวางไม่ได้ออกมาเที่ยวตลาดนานแล้ว แน่นอนว่าต้องชมให้เต็มตาสักหน่อย"
ถังชิงหรูกลอกตา ย้ายไปนั่งฝั่งตรงข้าม นางเลิกม่านของอีกด้านหนึ่ง มองไปบนท้องถนนอันคึกคัก "ปรกติท่านออกจากจวนไม่ได้ แล้วงานต่างๆ ในเมืองผู้ใดเป็คนจัดการ ท่านพ่อบ้านหรือ? เมืองชิ่งค่อนข้างเฟื่องฟู เื่รังแกบุรุษฉุดคร่าสตรีก็แทบไม่มีให้เห็น"
"ข้าออกจากจวนไม่ได้ แล้วจัดการงานราชการในจวนมิได้หรือไร เ้านึกว่าเปิ่นหวางเอาแต่นั่งรอความตายกระนั้นหรือ" เฉินินึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง
"ที่แท้ท่านก็ไม่ใช่กระสอบหญ้าฟาง[2] เช่นนั้นก็นับว่าข้าไม่เสียแรงเปล่า การช่วยชีวิตท่านเท่ากับเป็การทำคุณประโยชน์ให้แก่ประชาชนเมืองชิ่ง นับได้ว่าเป็ผลงานอย่างหนึ่ง" ถังชิงหรูแขวะเฉินิสองสามประโยค แต่ในใจกลับคิดว่า มิน่าเล่าการช่วยเหลือเฉิงิจึงได้รับจิตพิสัยจรรยาแพทย์มากมายขนาดนี้ ที่แท้เพราะเขามีความสำคัญต่อแคว้นชิ่ง ต่อไปหากช่วยคนใหญ่คนโตที่มีความสำคัญอีกสักคน แต้มที่ได้รับก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดูท่าข้าไม่ควรจำกัดขอบเขตอยู่แต่ในแคว้นชิ่ง แต่ควรไปที่อื่นดูบ้าง ทว่าอุปสรรคก็คือนางมิอาจไปไหนได้ดั่งใจคิด เอาเป็ว่าเดินหนึ่งก้าวดูหนึ่งก้าว[3]ก็แล้วกัน
"สารถี ข้าอยากกินซาลาเปาร้านนั้น" ถังชิงหรูะโออกไปข้างนอก "ไปซื้อมาให้ข้าสักสี่ห้าลูก เอาติดรถไปด้วย"
"อาหารที่เ้าทำอร่อยมากอยู่แล้ว ไฉนต้องไปซื้อของรสชาติไม่ได้เื่พรรค์นั้นด้วย" เฉินิเป็คนรักความสะอาด ไม่มีทางยอมแตะต้องของจากข้างถนน แม้ว่าบางครั้งก็จำเป็ต้องกินด้วยสถานการณ์บังคับ แต่ก็จะพานหงุดหงิดไปอีกหลายวัน จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาก็แทบไม่กินของจากข้างนอก คราวก่อนที่ถังชิงหรูเอาเนื้อย่างยัดใส่ปาก ก็ทำเอาท้องเสียไปสองวัน
"ของที่ทำเองจะอร่อยอย่างไร นานไปก็เอียนได้เหมือนกัน อีกอย่าง ท่านไม่กิน แต่ข้ายังต้องกินอยู่นะ" ถังชิงหรูเห็นคนบังคับรถซื้อซาลาเปามาสิบกว่าลูก ก็รับมาด้วยความดีใจ นางยัดลูกหนึ่งใส่ปากของเฉินิ ก่อนยักคิ้วอย่างลำพองใจเอ่ยว่า "เป็อย่างไร รสชาติของร้านนี้ไม่เลวใช่หรือไม่ ข้าเป็คนช่างเลือก แต่ก็ยังชอบซาลาเปาของร้านนี้อยู่ดี ในโลกนี้ยังมีอาหารเลิศรสอีกมากมายนัก ท่านอย่าเหมาว่ามันไม่ดีไปเสียหมด จึงไม่เปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ ไม่แน่ว่าอีกสักประเดี๋ยวท่านอาจพบของที่ถูกใจก็ได้"
"เ้าพูดไม่ผิด รสชาติพอใช้ได้ แต่ก็ยังสู้รสมือที่เ้าทำมิได้อยู่ดี" เฉินิมองสตรีที่อยู่ตรงข้าม ใบหน้าหล่อเหลาลดความแข็งกระด้างลง เพิ่มความอบอุ่นอ่อนโยนมากขึ้นอีกหลายส่วน "สารถี ไปซื้อมาเพิ่มอีกหน่อย เอามาแค่นี้ยังไม่พอเปิ่นหวางกินคนเดียวเลย"
--------------------------------------------------------------------------------
[1] อิงเถา หมายถึงผลเชอร์รี
[2] กระสอบหญ้าฟาง เป็คำด่าหมายถึงคนโง่ไม่มีสมอง
[3] เดินหนึ่งก้าวดูหนึ่งก้าว หมายถึงการอยู่กับปัจจุบัน ทำตรงหน้าให้ดีที่สุด ค่อยๆ ดำเนินชีวิตและแก้ไขไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้