ทุกสิ่งที่นางได้ประสบในอดีตยังคงแจ่มชัดดังปรากฏอยู่ตรงหน้า เซียงจู๋ให้ตู้เจวียนช่วยตนแต่งหน้าทำผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
แม้อายุนางยังน้อย แต่เพราะเดิมทีนางมีพื้นฐานความสวย กอปรกับการช่วยแต่งตัวอย่างตั้งใจจากตู้เจวียน ขณะนี้ ถึงใบหน้าในคันฉ่องติดจะอ่อนเยาว์อวบอิ่มแบบดรุณีแรกแย้ม ทว่าเริ่มเห็นเค้าความงามล่มเมืองแล้ว ไม่จำเป็ต้องแต้มชาดปะแป้งก็ดูงดงามอย่างไร้ผู้ใดเทียบ ผิวหน้าขึ้นสีระเรื่อดุจแสงอรุณสะท้อนบนหิมะขาวทั้งที่ไม่ได้ลงเครื่องประทินโฉม ช่างมีชีวิตชีวา น่ารักจิ้มลิ้มเหลือร้ายยิ่งนัก!
นางเหม่อมองสาวน้อยในคันฉ่อง รูปร่างสะโอดสะองทรงเสน่ห์จับใจ เปี่ยมความสดใสยิ่งกว่าตะวันรุ่งนอกบานหน้าต่าง
มิใช่ไป๋เซียงจู๋ที่อยู่ในคุกใต้ดินวังหลวง โลหิตแดงฉานโทรมกาย บอบช้ำไปทั่วร่าง ถูกไป๋ชิงโหรวกับมู่จื่อรั่วทำร้ายเสียยับเยิน ตัวนางในตอนนี้ก็คือมารร้ายจากนรก นางจะกินหัวใจคนที่ทำร้ายลูกชายของนาง คนที่บีบบังคับมารดาของนางจนต้องตาย และคนที่คร่าชีวิตพี่ชายของนางเรียงตัว!
นางมองดวงหน้าอ่อนหวานสดชื่นของสาวแรกรุ่นในคันฉ่อง ค่อยๆ ลูบไล้อย่างเบามือ ราวกับค้นพบความจริงที่ว่านางได้เกิดใหม่แล้วผ่านััอันอ่อนโยนนี้
นางหวนนึกถึงใบหน้าของมู่จื่อรั่ว เปรียบเทียบใบหน้านั้นกับเงาสะท้อนของตนอยู่นานสองนาน จากนั้นจึงกระตุกรอยยิ้มเย้ยหยันแสนสวยเบาๆ
เหยียนอี้เลี่ย เ้ารอก่อนเถอะ ในเมื่อเ้ารักหญิงงาม เช่นนั้นชาตินี้ข้าก็จะทำให้เ้ารู้จักอสรพิษโฉมงามที่แท้จริง...
“คุณหนูงามเหลือเกิน ไม่ต้องแต่งนักยังงามถึงขนาดนี้” ตู้เจวียนที่อยู่ข้างๆ มองไป๋เซียงจู๋ ยิ้มแย้มเบิกบานเป็ที่สุด คุณหนูไม่ได้แต่งตัวสวยสง่าเช่นนี้มานานมากแล้ว
ด้านนอกของประตูหลังจวนไป๋ รถม้าติดม่านสีชิง [1] คอยอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ไป๋เซียงจู๋ถูกประคองเดินออกมาอย่างอบอุ่นโดยฮูหยินรองอวี๋ซื่อ
“จู๋เอ๋อร์เอาใจใส่ดีจริงเชียว ไม่ต้องกังวล เ้าไปวัดขอพรให้ท่านยายแทนน้าครั้งนี้ หลังกลับมาน้าจะทำของอร่อยให้เ้าเอง ส่วนเรือนของเ้าน่ะ ถึงเวลาที่ควรซื้อข้าวของและเพิ่มบ่าวรับใช้ได้แล้วนะ” อวี๋ซื่อพูดอย่างเอ็นดูพร้อมจับมือไป๋เซียงจู๋ไปด้วย
เซียงจู๋อมยิ้ม ริมฝีปากแดงตอบกลับเบาๆ “ทุกอย่างเห็นสมควรขึ้นอยู่กับท่านน้าแล้ว เพียงแต่ว่า น้องโหรวเอ๋อร์ไปขอพรให้ท่านยายด้วยตนเองไม่ได้ เดิมทีนางเป็คนไปทุกปี ครั้งนี้ให้ข้าไป น้องโหรวเอ๋อร์จะไม่พอใจหรือไม่”
“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไรเล่า น้องเ้าร่างกายอ่อนแอ ครานี้จับไข้อีกแล้ว เ้าไปแทนนางก็เหมือนกันนั่นแล”
ไป๋เซียงจู๋หัวเราะเสียดสีอยู่ในใจ ไป๋ชิงโหรวร่างกายอ่อนแอ? พูดออกไปผู้ใดจะเชื่อ แต่ภายนอกนางยังคงแสร้งพยักหน้าอย่างว่าง่าย ทว่าไม่ได้สนทนาปราศรัยสิ่งใดกับอวี๋ซื่อต่อ
อวี๋ซื่อเห็นนางโอนอ่อนผ่อนตามก็ถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อยแล้วรีบประคองไป๋เซียงจู๋ขึ้นรถม้า
ไป๋เซียงจู๋ปิดม่านลง รถม้าเคลื่อนตัวดังกุบกับ
นางเอนกายบนเบาะนุ่ม มุมปากแฝงรอยยิ้มวิลาส ท่านน้า ข้ามิใช่ไป๋เซียงจู๋คนเก่าที่แค่ท่านให้พุทราหวานก็ซาบซึ้งในบุญคุณจนลืมการกระทำชั่วร้ายที่ผ่านมาอีกแล้ว ในเมื่อท่าน้าทำลายข้า ก็อย่าหาว่าข้าอำมหิตแล้วกัน
ชาตินี้ ผู้ใดที่ทำร้ายข้า ข้าจะไม่ปรานีแม้แต่คนเดียว!
รถม้ามุ่งหน้าสู่วัดต้าโฝอย่างไม่รีบร้อน วัดต้าโฝเป็วัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ว่ากันว่าเ้าอาวาสรูปแรกของวัดต้าโฝเคยช่วยชีวิตฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งอาณาจักรต้าฉี วัดต้าโฝจึงได้รับการสถาปนาเป็วัดฮู่กั๋วต้าโฝในสมัยสร้างต้าฉี และเ้าอาวาสวัดต้าโฝก็ได้รับการแต่งตั้งเป็ราชครู แม้ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงผู้ครองราชบัลลังก์ ตำแหน่งราชครูของเ้าอาวาสวัดต้าโฝก็ถูกยอมรับจากฮ่องเต้ผู้ขึ้นสู่บัลลังก์รุ่นสู่รุ่นไปโดยปริยาย โชคดีที่เ้าอาวาสวัดต้าโฝหลายรุ่นล้วนเป็ต้าซือผู้บรรลุหลักธรรมขั้นสูง ไม่เห็นแก่ชื่อเสียงเงินทองส่วนตน เห็นแก่ประโยชน์ของราชวงศ์เป็หลัก
หากเซียงจู๋จำไม่ผิด ปัจจุบันเ้าอาวาสวัดต้าโฝรุ่นนี้คือเจวี๋ยคงต้าซือ เมื่อเอ่ยถึงเจวี๋ยคงต้าซือรูปนี้ แม้ในชาติที่แล้วเซียงจู๋มีเื่ที่สนใจไม่มากนัก ทว่านางรู้จักเจวี๋ยคงต้าซือผู้นี้อย่างแน่นอน เพราะเจวี๋ยคงต้าซือรูปนี้ไม่เพียงแต่แตกฉานในพระธรรมมากกว่าเ้าอาวาสวัดต้าโฝรุ่นก่อนๆ แต่ยังเป็ที่ร่ำลือกันว่าเจวี๋ยคงต้าซือเชี่ยวชาญศาสตร์ทำนายดวงชะตา ทำนายได้แม่นยำอย่างไม่เคยมีผู้ใดเคยทำได้ ฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบันนับถือเจวี๋ยคงต้าซือรูปนี้มากเช่นกัน
และในชาติก่อน เพราะเหยียนอี้เลี่ยก็พยายามขอความช่วยเหลือจากเจวี๋ยคงต้าซือทุกวิถีทาง เขาถึงได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้องค์ก่อน ล้วนเพื่อฝังเมล็ดพันธุ์อันมั่นคงให้เขาได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ในเวลาต่อมา
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็สิ่งที่เซียงจู๋ไม่สนใจ แต่ทำไมนางถึงตกลงขึ้นเขาขอพรง่ายดายขนาดนี้น่ะหรือ ประการแรกคือเพื่อแสดงความจริงใจของตนต่อท่านยาย ประการที่สองคือเพื่อให้สัญญาณเตือนน้าสะใภ้ของนาง และสิ่งสำคัญที่สุดคือถ้ำหลังเขาวัดต้าโฝอันเป็เป้าหมายที่แท้จริงของไป๋เซียงจู๋ต่างหาก...
ขณะไป๋เซียงจู๋กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเื่พวกนี้ รถม้าค่อยๆ หยุดล้อ บัดนี้นางถึงวัดต้าโฝแล้ว
นางเดินมายังริมรถม้าโดยมีตู้เจวียนคอยประคอง ไป๋เซียงจู๋มองวัดต้าโฝที่ไม่คุ้นเคยตรงหน้า ั์ตากระจ่างสุกใส
เซียงจู๋ก้าวลงจากรถม้า เงยหน้ามองอารามที่โดดเด่นท่ามกลางแมกไม้ กำแพงสีผลซิ่ง [2] สันหลังคาสีเทาหม่น ต้นไม้ใหญ่เก่าแก่สูงตระหง่านเขียวชอุ่ม องค์ประกอบทุกอย่างถูกอาบด้วยรุ่งอรุณสีแดงกุหลาบ
ภายใต้แสงอุษา วัดโบราณแห่งนี้เปรียบเสมือนกระดาษฉลุลายล่องลอยพลิ้วไหวบนกลุ่มเมฆ ให้ความรู้สึกเงียบสงบและจริงจังยิ่งนัก
จู่ๆ ไป๋เซียงจู๋ก็เกิดความคิดอยากจะเปลี่ยนไปสักการะที่วัดอื่น ไป๋เซียงจู๋ลังเล ไม่เดินหน้าเสียที ชาวบ้านที่ตื่นเช้ามาไหว้พระรอบข้างพอเห็นรถม้าของคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ก็อดไม่ได้ที่จะทอดสายตาสงสัยมา อีกทั้งยังมีบัณฑิตที่รีบตื่นเช้ามาเพราะ้าบังเอิญพานพบคุณหนูผู้มั่งคั่งโดยเฉพาะ พวกเขาหวังพึ่งสตรีพลิกสถานะให้ตนเรืองอำนาจเข้าสักวัน บัณฑิตเ่าั้เห็นไป๋เซียงจู๋ที่ลงจากรถม้าก็ครุ่นคิดสองจิตสองใจ แม้สาวน้อยนางนี้อยู่ในชุดกระโปรงผ้าไหมบางสีเหลืองอ่อนแสนเรียบง่าย ผมสีดำขลับยาวสลวยเกล้าไว้ด้วยปิ่นหยกอย่างลวกๆ เท่านั้น แต่เพียงเท่านี้ก็มากพอจะดึงดูดความสนใจจากชาวประชา มีบางคนใจกล้าส่งแววตาคลุมเครือให้ไป๋เซียงจู๋หลายหน ถ้าไม่ติดว่าเห็นบ่าวคุ้มกันเฝ้าอยู่หน้ารถม้า คงหักห้ามใจไม่ไหวเข้ามาทักทายไปนานแล้ว ตู้เจวียนััได้ถึงสายตาของบัณฑิตพวกนั้น นางมองคุณหนูของตนที่ยืนนิ่งอยู่ในภวังค์ นางไม่รีรอรีบเอ่ยปากเรียกสติไป๋เซียงจู๋กลับมา “คุณหนู พวกเราเข้าไปกันเถอะเ้าค่ะ!”
เชิงอรรถ
[1]青色 สีชิง คือ สีเขียวแกมฟ้า
[2]杏黄色 สีผลซิ่ง คือ สีเหลืองอมส้ม เหมือนสีของผลซิ่ง (ผลแอปริคอต)