เมื่อเดินเข้าไปในหอสมุดราชวงศ์ ปรากฏให้เห็นห้องโถงอันโอ่อ่าที่ตกแต่งและประดับด้วยสีทองทั้งสิ้น รอบๆเต็มไปด้วยฝูงชนกว่าหลายพันคน ณ ที่แห่งนี้
หอสมุดราชวงศ์มีข้อมูลหรือความรู้ทุกอย่างที่หาได้ในอาณาจักรเซวียน ั้แ่หมวดหมู่การเริ่มเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะ หมวดหมู่สัตว์อสูร หมวดหมู่สมุนไพร หมวดหมู่ยาพิษ หมวดหมู่ประวัติศาสตร์ หมวดหมู่ปรัชญา หมวดหมู่สังคมและยังมีหมวดหมู่ข้าราชการ ฯลฯ
ไม่เว้นแม้แต่การเริ่มต้นในสาขาอาชีพต่างๆ
หอสมุดราชวงศ์ยังจัดสัดส่วนเป็หมวดหมู่เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นหา
ชั้นแรกถึงชั้นที่สี่นั้นมีไว้สำหรับปุถุชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้โดยไม่จำเป็ต้องมีตราราชวงศ์หรือบัตรผ่านใดๆ
ส่วนั้แ่ชั้นที่ห้าถึงชั้นที่เจ็ดจำเป็ต้องมีตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์โดยจำแนกตามสีโดยมีสีทองแดง สีเงินและสีทองตามลำดับ
หลี่ชิงหยุนกวาดสายตาเพื่อค้นหาหมวดหมู่เกี่ยวกับอักษรรูน แต่เมื่อผ่านไปนานเขาก็ยังไม่พบสิ่งที่้า หากเขาต้องค้นหาด้วยตัวเองเช่นนี้เกรงว่าจะเสียเวลาไปไม่น้อย
ดังนั้นหลี่ชิงหยุนตัดสินใจเดินตรงไปที่ใจกลางของหอสมุดและพบกับบรรณารักษ์สาวผู้หนึ่งประจำการอยู่ที่โต๊ะแถวขนาดใหญ่ พร้อมทักทายนางอย่างเป็มิตร "แม่นาง ข้า้าเยี่ยมชมการเขียนอักษรรูนขั้นพื้นฐาน แม่นางพอจะบอกได้หรือไม่ว่าข้าต้องไปที่ชั้นไหน?"
บรรณารักษ์สาวที่กำลังนั่งวุ่นกับบางสิ่งอยู่ก็รีบตอบกลับอย่างอ่อนน้อม "นายน้อยท่านนี้ หาก้าเข้าเยี่ยมชมหมวดอักษรรูนจำเป็ต้องมีตราราชวงศ์ระดับสีเงินขึ้นไป"
หลี่ชิงหยุนพยักหน้าและส่งตราสัญลักษณ์ให้กับบรรณารักษ์สาว เมื่อบรรณารักษ์สาวเห็นตราสีทอง นางก็อุทานเบาๆด้วยความประหลาดใจ "ข้าขออภัยนายน้อยท่านนี้ หมวดหมู่อักษรรูนอยู่บนชั้นที่หก ให้ข้านำทางท่านไป"
จากนั้นบรรณารักษ์สาวนำทางหลี่ชิงหยุนไปจนถึงชั้นที่หกพร้อมบอกตำแหน่งหมวดหมู่สำหรับอักษรรูน
"นายน้อย เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน" เมื่อนำทางหลี่ชิงหยุนจนถึงที่หมาย บรรณารักษ์สาวขอตัวกลับไปทำงานตามเดิม
"ขอบคุณแม่นางมาก" หลี่ชิงหยุนประสานมืออย่างสุภาพ
"นายน้อยสุภาพเกินไป" บรรณารักษ์สาวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน นางอดไม่ได้ที่จะหลงอยู่ในรอยยิ้มที่อ่อนโยนของหลี่ชิงหยุน
ไม่นานนางก็หน้าแดงและวิ่งหนีกลับลงไปชั้นแรกด้วยความเขินอาย
หลี่ชิงหยุนเกาหัวและยิ้มแหยๆ...
จากนั้นเขาเดินไปที่หมวดหมู่ของ【อักษรรูน】ที่อยู่ส่วนลึกของชั้นที่หก
ชั้นที่หกแห่งนี้มีไว้สำหรับผู้ฝึกฝนระดับลมปราณฟ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ นั่นเป็เพราะความรู้ของชั้นนี้มีไว้สำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงเท่านั้น แต่ด้วยตราสีทองที่หลี่ชิงหยุนมี เขาจึงได้รับสิทธิพิเศษที่เหนือกว่าคนทั่วไป
หลี่ชิงหยุนใช้เวลาไม่นานในการเลือกหยิบตำราแต่ละเล่มขึ้นมาอ่าน เขาจำเป็ต้องจดจำเนื้อหาและขั้นตอนการใช้อักษรรูนเกือบทั้งหมดด้วยเวลาที่จำกัด
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หลี่ชิงหยุนจดจำพื้นฐานอักษรรูนได้มากกว่าหนึ่งร้อยตัวอักษร แน่นอนว่านี้เป็แค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่เมื่อเขาลองแปรเปลี่ยนพลังิญญาให้กลายเป็อักษรรูนสีทอง เขากลับพบว่าสิ่งนี้ง่ายเกินไปอย่างไม่น่าเชื่อ!
อักษรรูนคืออักษรพิเศษซึ่งเกิดมาพร้อมกับพลังธรรมชาติั้แ่จุดเริ่มต้นของจักรวาล โดยเรียกสิ่งนี้ว่าความลึกลับแห่งธรรมชาติ การที่เขาสามารถประสบความสำเร็จในเขียนอักษรรูนได้ในครั้งแรกเช่นนี้ บ่งบอกว่าเขามีความเข้าใจเต๋าในระดับที่สูงมาก
หลี่ชิงหยุนใช้เวลาทดลองเขียนอักษรรูนต่างๆกว่าอีกหนึ่งชั่วยาม
แม้ว่าระดับพลังิญญาของเขาเกือบจะเทียบเท่าระดับลมปราณฟ้า แต่ความเชี่ยวชาญด้านอักษรรูนของเขานั้นสูงเกินกว่าผู้ที่ฝึกหัดครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง
โดยส่วนใหญ่ผู้เขียนอักษรรูนจำเป็ต้องเป็ผู้ที่ควบคุมพลังิญญาที่ละเอียดอ่อนและแม่นยำ อีกทั้งการเขียนอักษรรูนหนึ่งตัวจำเป็ต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายวันถึงจะเขียนออกมาได้อย่างปราณีตและสมบูรณ์
แต่ด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านพลังิญญาจากทักษะจักรพรรดิเก้าดารา การเขียนอักษรรูนกลับกลายเป็เื่ขี้ประติ๋วสำหรับหลี่ชิงหยุนไปเสียแล้ว
หลังจากนั้นหลี่ชิงหยุนใช้เวลาเก็บตัวอยู่ในห้องส่วนตัวที่เช่าจากหอสมุด เพื่อใช้สำหรับฝึกฝนการเขียนอักษรรูนให้ชำนาญและรวดเร็ว
แต่แน่นอนว่าเขาเช่าห้องส่วนตัวเพื่อหลบซ่อนเท่านั้น เขาไม่สามารถลองเขียนอักษรรูนในห้องสมุดได้ มันอาจจะก่อให้เกิดการรบกวนผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงเลือกตำราพื้นฐานอักษรรูนเข้าสู่เจดีย์ปฐมกาล
ด้วยพื้นที่ส่วนตัวของเขาไม่มีใครสามารถเข้ามารบกวนเขาในขณะที่กำลังเรียนรู้ได้
หลี่ชิงหยุนเลือกทักษะการร่ายข้อจำกัดบางเล่มจากเจดีย์ปฐมกาลเพื่อทดสอบเพิ่มเติม
ทักษะที่หลี่ชิงหยุนเลือกมาคือ 【ข้อจำกัดภาพลวงตาัมายาสามหัว】เป็ที่ทราบกันว่าข้อจำกัดประเภทภาพลวงตาหรือมายานั้นเป็ข้อจำกัดที่แก้ไขและทำลายได้ยากที่สุด เนื่องจากต้องใช้การคาดเดาตัวตั้งต้นของอักษรรูนตัวแรก และอักษรรูนตัวต่อไปจนกว่าจะครบจนอักษรรูนตัวสุดท้ายจึงจะสามารถทำลายภาพมายาได้
แต่มีกรณีพิเศษเช่นเดียวกับที่หงเจี้ยนเจี้ยนจากตระกูลหงเคยใช้ผ่านข้อจำกัดของตระกูลหลี่ก่อนหน้านี้ นั่นคือหนึ่งตัวอักษรสามารถสร้างช่องว่างของข้อจำกัดได้เล็กน้อย
แต่แน่นอนว่าวิธีการเช่นนี้เป็แค่ทางลัดและยังมีเวลาที่จำกัดแค่น้อยนิด
ตำราอีกเล่มที่หลี่ชิงหยุนเลือกมาคือข้อจำกัดสิ่งกีดขวางที่ใช้สำหรับการสร้างอาณาเขตป้องกันการโจมตีและการบุกรุก
อักษรรูนไม่เพียงแค่ใช้ได้กับการร่ายข้อจำกัดเท่านั้น มันยังรวมถึงการจารึกพลังคุณสมบัติธาตุลงในม้วนคัมภีร์เพื่อใช้ในการต่อสู้และสามารถพลิกแพลงได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็จารึกเกราะ จารึกดาบ สิ่งนี้ทำหน้าที่คล้ายกับการใช้ทักษะการโจมตีโดยที่ไม่ต้องใช้พลังฉี แค่อาศัยพลังิญญาเพียงเล็กน้อยในการเปิดใช้งานเท่านั้น ตัวอย่างเช่นหยกเคลื่อนย้ายหรือหยกหลบหนีของราชวงศ์และของตระกูลขุนนางที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย หยกพิเศษเหล่านี้ก็เกิดจากการเขียนอักษรรูนเช่นกัน
หลี่ชิงหยุนหลับตานั่งสมาธิในเจดีย์ปฐมกาลเพื่อซึมซับและจดจำทักษะข้อจำกัดทั้งสองในไว้สมอง
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเขาลืมตาขึ้นมา มือขวาเรียวยาวของเขายกขึ้นปลายนิ้วชี้ตวัดวาดอักษรรูนกลางอากาศด้วยความคล่องแคล่วและรวดเร็ว พร้อมกับส่งพลังิญญาครอบคลุมอักษรรูนทั้งยี่สิบตัว
พลังิญญาที่กดขี่ข่มเหงไหลออกมาจากปลายนิ้วเกิดเป็ตัวอักษรสีทองที่งดงาม
ในเวลาต่อมาอักษรรูนทั้งยี่สิบตัวกำลังผสานเข้าหากันจนก่อให้เกิดแสงสีขาวกลายเป็อาณาเขตรูปสี่เหลี่ยมที่มีความกว้างสิบเมตรเท่ากันในทุกด้าน!
แน่นอนว่าอาณาเขตสิบเมตรรอบตัวของเขาเป็พื้นที่ขนาดเล็กเท่านั้น และยังไม่สามารถทำให้ครอบคลุมที่พักหรืออาคารทั้งหลังอย่างผู้เฒ่าเทียนจิได้
หลังจากผ่านไปแค่ห้านาทีอาณาเขตข้อจำกัดที่หลี่ชิงหยุนร่ายไว้ก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆเลือนลับและสูญสลายไป
หลี่ชิงหยุนปาดเหงื่อเย็นเยียบพลันถอนหายใจอย่างโล่งอก ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อยจากการสูญเสียพลังิญญาสำหรับการร่ายข้อจำกัด
แม้ว่าการเขียนอักษรรูนจะไม่ยากนักสำหรับเขา แต่การจะเขียนอักษรรูนให้ได้ยี่สิบตัวอักษรภายในสามลมหายใจนั้นกลับทำให้เขาสูญเสียพลังิญญาไปมากพอสมควร
หลี่ชิงหยุนหอบเบาๆและพึมพำกับตัวเอง "การร่ายข้อจำกัดแค่ครั้งเดียวกลับทำให้ข้าสูญเสียพลังิญญาไปมากถึงสามส่วน หากไม่จำเป็จริงๆข้าต้องใช้สิ่งนี้ให้น้อยที่สุด"
หลี่ชิงหยุนดูไม่พอใจกับผลงานของตัวเองมากนัก ระดับพลังิญญาของเขายังอ่อนแอเกินไปที่จะประวิงเวลาของอาณาเขตไว้ให้ได้นาน
ด้วยข้อจำกัดที่คงอยู่ได้แค่ห้านาที สิ่งนี้ยังไม่นับว่าเป็ข้อจำกัดที่สมบูรณ์แบบ
ผู้ที่ร่ำเรียนอักษรรูนในครั้งแรกส่วนใหญ่นั้นสามารถวาดอักษรรูนได้มากที่สุดแค่สองตัวเท่านั้น
แต่ภายในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วยามหลี่ชิงหยุนสามารถเขียนอักษรรูนได้ถึงยี่สิบตัวอักษร แถมยังร่ายข้อจำกัดในเวลาเดียวกันได้อีกด้วย!
หากผู้ใดรับรู้ว่าหลี่ชิงหยุนสามารถเรียนอักษรรูนและร่ายข้อจำกัดได้ภายในเวลาเพียงแค่สองชั่วยาม คนผู้นั้นอาจจะต้องซื้อเต้าหู้มาแขวนคอฆ่าตัวตายในทันที
แม้แต่ปรมาจารย์ระดับลมปราณลึกซึ้งก็ยังไม่สามารถตามทันความเข้าใจและพร์ในการเรียนรู้ของหลี่ชิงหยุนได้
หลี่ชิงหยุนนั่งสมาธิเพื่อใช้เวลาพักฟื้นพลังิญญาชั่วครู่ จากนั้นเขาเริ่มทดสอบวาดอักษรรูนและร่ายข้อจำกัดอีกครั้ง
สิ่งที่หลี่ชิงหยุนทำนั้นคล้ายกับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ หากทำซ้ำๆหลายครั้งก็จะเริ่มมีความชำนาญและเชี่ยวชาญมากขึ้น หลี่ชิงหยุนจึงใช้เวลาครึ่งวันไปกับการร่ายข้อจำกัดในห้องส่วนตัวโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด
. . .
~ ชั้นแรกหอสมุดราชวงศ์ ~
หน้าประตูทางเข้าขนาดใหญ่มีชายชราในชุดสีเทาเดินเข้ามาด้านในอย่างช้าๆ คนผู้นี้แต่งกายอย่างเรียบง่ายด้วยชุดลำลองยาวและไม่มีเครื่องประดับใดๆตกแต่ง ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มจางๆ ดูเหมือนคนผู้นี้จะอารมณ์ดีจากบางสิ่งบางอย่าง
บรรณารักษ์สาวที่กำลังจัดหมวดหมู่ตำรา เมื่อเห็นชายชราผู้นี้เข้ามา นางหยุดการกระทำทันทีพร้อมกับลุกขึ้นโค้งคำนับอย่างสุภาพ "ท่านผู้นำ"
ชายชราชุดสีเทาโบกมือเบาๆ เขาเหลือบมองไปทั่วบริเวณชั้นที่หนึ่งราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง
จากนั้นเขาหันไปถามบรรณารักษ์สาวตรงหน้าเขา "ชิงชิง เ้าเคยเห็นชายหนุ่มในชุดสีขาวที่หน้าตาดูคล้ายกับหญิงสาวผ่านมาที่นี่บ้างหรือไม่?"
รูปลักษณ์ที่ชายชรากำลังอธิบายนั้นเป็ใครไปไม่ได้นอกจากหลี่ชิงหยุน
บรรณารักษ์สาวที่ชื่อชิงชิงประหลาดใจเล็กน้อยที่ท่านผู้นำซึ่งเป็คนที่ไม่เคยแยแสต่อสิ่งใด แต่ตอนนี้เขากลับถามหาชายหนุ่มอายุน้อยผู้หนึ่งอย่างหลี่ชิงหยุน
นางพยักหน้าตอบกลับทันที "นายน้อยท่านนั้นอยู่ที่ชั้นที่หก ดูเหมือนว่าเขากำลังจะเรียนรู้อักษรรูนอยู่"
"โอ้?" ชายชราชุดสีเทาลูบคางอย่างอย่างครุ่นคิด "คาดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มที่อยู่เพียงแค่ระดับลมปราณโลกกลับมีความสนใจในอักษรรูนถึงเพียงนี้"
"หากเป็คนปกติทั่วไป พวกเขาอาจจะเริ่มเรียนรู้เมื่อเข้าสู่ระดับลมปราณฟ้า แต่ชายหนุ่มผู้นี้... ฮ่าๆๆๆ เ้าหนูแซ่หลี่น่าสนใจอย่างที่นางบอกไว้จริงๆ" ทันใดนั้นชายชราชุดสีเทาก็หัวเราะดังลั่นขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล พร้อมกับพึมพำในใจ
'ตอนแรกข้าก็สงสัยว่าเหตุใดผู้าุโหลิวจึงบอกให้ข้าจับตาดูทุกการกระทำของชายหนุ่มตระกูลหลี่ผู้นี้... แต่ตอนนี้ข้าพอจะเข้าใจเล็กน้อย'
'ชายหนุ่มผู้นี้ควรค่าแก่การดึงเขามาเข้าร่วมกับนิกายของเราจริงๆ'
'จากข้อมูลชายหนุ่มตระกูลหลี่เป็ชายประเภทที่ไม่ยอมเป็หนี้บุญคุณผู้ใด การเชิญชวนแบบปกติคงไม่สามารถดึงเขาให้เข้าร่วมกับพวกเราได้'
'แต่ถ้าหากพวกเราสามารถทำให้เขาเป็หนี้บุญคุณเราได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อนาคตของนิกายอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงหายนะได้อย่างแน่นอน'
ชิงชิงมองไปที่ชายชราอย่างสงสัยทันทีที่เขาหัวเราะอย่างไม่มีเหตุผล พร้อมดุเบาๆอย่างไม่พอใจ "ท่านผู้นำ นี่คือหอสมุดขอให้ท่านงดใช้เสียงด้วย"
ชายชราที่เพิ่งรู้สึกตัวก็หุบปากอย่างฉับพลัน เขาลืมไปเสียสนิทว่าหอสมุดราชวงศ์ห้ามมิให้มีเสียงรบกวนใดๆ
เขากระแอมเบาๆอย่างเขินอาย "อะแฮ่มๆ เอาล่ะ เ้ากลับไปทำงานของเ้าต่อเถิด"
เมื่อชายชราหันหลังกำลังจะจากไป เขาได้พูดทิ้งท้ายไว้กับชิงชิง "ชิงชิง หากชายหนุ่มผู้นั้น้านำสิ่งใดออกไป ไม่จำเป็ต้องเก็บค่าบริการ ให้เขานำอะไรก็ได้ออกไปตามที่้า"
"และอีกอย่าง หากชายหนุ่มผู้นั้นออกมาช่วยเชิญเขาเข้ามาพบข้าที่ห้องส่วนตัวของข้าด้วย บอกเขาว่าข้าจะรออยู่ที่นั่น" เมื่อพูดจบชายชราในชุดสีเทาเดินออกจากหอสมุดราชวงศ์ทันที