หานหลินเยว่ตะลึงงันเช่นกัน “เป็ใครกันที่กำลังช่วยพวกเราอยู่ ช่างเป็การลงทุนที่ยิ่งใหญ่โดยแท้!”
เฟิ่งเฉี่ยนก้มลงไปหยิบธนูที่ตกอยู่บนพื้นข้างกายขึ้นมาดอกหนึ่ง นางพิจารณาอย่างละเอียดและพบตราประทับของกองทหารรักษาพระองค์อย่างรวดเร็ว นางเข้าใจทันทีและรู้ว่าใครเป็อัศวินม้าขาวที่ส่งความช่วยเหลือมาให้
เซวียนหยวนเช่อผู้นี้ทุ่มเทไม่เบาเหมือนกัน!
ในเวลาคับขัน เขาเป็ที่พึ่งได้!
ฝนธนูหยุดลงอีกเนิ่นนาน ต่อมาฝูงนกล่าถอย จวนสกุลหานกลับมาเงียบสงบดังเดิมอีกครั้ง
มีเพียงธนูที่ตกอยู่เต็มพื้นบันทึกเื่ราวที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมด!
ช่างเป็เหตุการณ์สะท้านฟ้าะเืดินจริงๆ!
เหลือเชื่อ!
จิตใจของคนทั้งหมดในจวนสกุลหานยากจะสงบลงได้
ยามนี้ ลั่วหยิ่งเดินออกมาเพียงลำพัง เขาประสานมือคารวะเฟิ่งเฉี่ยน “แม่นางเฟิง ความยุ่งยากได้รับการแก้ไขแล้ว คนด้านนอกจวนได้สลายตัวไปแล้วขอรับ!”
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วถามว่า “เป็ฝ่าาที่ส่งให้เ้ามาหรือ”
ลั่วหยิ่งตอบกลับยิ้มๆ “เป็พระบัญชาของฝ่าา ให้ส่งทหารรักษาพระองค์มาคุ้มกันจวนสกุลหาน ไม่มีพระราชโองการจากฝ่าา ไม่ว่าผู้ใดล้วนห้ามเข้าทั้งสิ้นขอรับ!”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า เขาคิดการอย่างรอบคอบ เมื่อเป็เช่นนี้ เกิดเื่อะไรขึ้นในจวนสกุลหาน ขอเพียงคนในจวนสกุลหานไม่พูด คนข้างนอกย่อมไม่มีทางรู้ตลอดกาล!
“ที่นี่ไม่มีเื่อะไรแล้ว เ้ารีบพาคนกลับไปเถิด! ข้ายังต้องรักษาอาการของคุณชายหาน อีกสักพักจึงจะกลับวัง!”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา!” ลั่วหยิ่งก้มศีรษะแล้วหมุนตัวจากไป
หลังจากมองส่งเขาจากไป เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับมา พลันพบว่าคนทั้งหมดมองนางด้วยสายตาที่แปลกไป ราวกับเห็นนางเป็สิ่งประหลาด
เฟิ่งเฉี่ยนลูบใบหน้าของตน “มีอะไรหรือ บนหน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรือไม่”
หานไท่ฟู่เดินรอบๆ กายเฟิ่งเฉี่ยน ปากพูดไม่หยุด “มิน่าเล่า มิน่าเล่า...ชิชะ ดูไม่ออกจริงๆ...เ้าถึงกับเป็คนเยี่ยงนี้!”
เฟิ่งเฉี่ยนถูกสายตาของเขามองจนเกิดโทสะ “ไท่ฟู่ ท่านมองอะไร”
หานไท่ฟู่ชี้ไปที่นางแล้วพูดว่า “ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าเ้าเป็ใคร”
หนังตาเฟิ่งเฉี่ยนกระตุก หรือถูกเขามองออกแล้ว เขารู้แล้วว่านางเป็ฮองเฮา
คิดไม่ถึงว่าหานไท่ฟู่จะหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยวาจาน่าตกตะลึง “เ้าเป็คนรักของฮ่องเต้ ถูกต้องหรือไม่ เพราะเกรงว่าฮองเฮาขี้อิจฉาผู้นั้นจะทำร้ายเ้า ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ตำแหน่งอันใดแก่เ้า! แม้เ้าจะมีฐานะเป็นางกำนัล ทว่ากลับเป็คนในใจของฮ่องเต้ ข้าเดาไม่ผิดกระมัง”
พูดแล้วเขาก็หัวเราะอย่างลำพองใจ คิดว่าตนเองฉลาดเสียเหลือเกินความสัมพันธ์ซับซ้อนเช่นนี้เขายังเดาออกมาได้!
เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ นางหมดคำพูด!
คนรัก? ฮองเฮาขี้อิจฉา?
นาง้าหาสถานที่สงบๆ สักแห่งเพื่อสงบสติอารมณ์
หน้าต่างทุกบานในห้องของหานฉู่ชิวถูกเปิดออกจนหมด เหลือเพียงผ้าม่านด้านหน้าเตียงของเขาที่ยังเหลือเอาไว้เพื่อเป็เกราะกำบังสุดท้ายของเขา
เฟิ่งเฉี่ยนประคองข้าวผัดไข่เข้ามาจานหนึ่ง นางเดินมาถึงด้านหน้าผ้าม่านแล้วพูดกับคนด้านในว่า “คุณชายหาน ยาถอนพิษทำเสร็จแล้ว ขอเพียงเ้ากินให้หมด พิษในร่างกายของเ้าก็จะถูกถอนออกไป”
คนด้านในขยับกายอย่างเห็นได้ชัด ทว่ากลับลังเลที่จะยื่นมือออกมา เขาค่อยๆ แหวกผ้าม่านออกแล้วมองลอดออกมาอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาปนเปด้วยความผิดหวัง “นี่ก็คือยาถอนพิษที่เ้าพูดถึงหรือ แต่ไรมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ากินข้าวแล้วจะถอนพิษได้”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “นี่เป็ข้าวผัดไข่ที่ข้าใช้ธัญพืชสีแดงที่เ้าเพาะปลูก!”
“เ้ามิใช่บอกว่ามันมีพิษหรือ” หานฉู่ชิวสงสัย
เฟิ่งเฉี่ยนอธิบาย “ที่มีพิษคือเปลือกด้านนอกของมัน เมล็ดที่อยู่ด้านในไม่มีพิษ อีกทั้งยังเป็ยาถอนพิษ”
หานฉู่ชิวสับสน “มัน...มันจะรักษาอาการป่วยของข้าได้จริงๆ แน่นะ”
“เชื่อหรือไม่แล้วแต่เ้า!” เฟิ่งเฉี่ยนกล่าว
หานฉู่ชิวเงียบงันไปอึดใจหนึ่ง หลังจากเขาได้ตัดสินใจแน่วแน่จึงพูดว่า “ได้ ข้ากิน!”
เขาเปิดผ้าม่านออกกะทันหัน รับข้าวจากมือของเฟิ่งเฉี่ยนแล้วยกเข้าไปด้านใน
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะขัน เห็นท่าทางจะเป็จะตายของเขา คนที่ไม่รู้อาจเข้าใจว่าเขากำลังกินยาพิษก็ได้!
หานไท่ฟู่และหานหลินเยว่ยืนอยู่ข้างเตียง มองหานฉู่ชิวหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวเข้าปากทีละคำๆ คนทั้งสองตื่นเต้นกว่าเขาเสียอีก
“ช้าก่อน!” หานไท่ฟู่พลันออกปากห้าม “แม่นางเฟิง ข้าวผัดนี้ถอนพิษได้จริงหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยน “อย่างไรก็กินแล้วไม่ตาย! ไม่เชื่อ ข้ากินให้พวกท่านดูก่อนก็ได้”
นางยื่นมือไปดึงจานข้าวกลับมา มือของหานฉู่ชิวหดกลับไปด้านหลัง เขาพูดว่า “อย่างมากก็แค่ตาย!”
เขาส่งข้าวเข้าปากคำโต เคี้ยวแค่สองครั้งก็กลืนลงคอไป ทันใดนั้น เขามีสีหน้าประหลาดใจ
หานฉู่ชิวไม่พูดไม่จา เขาตักข้าวเข้าปากคำแล้วคำเล่า ทางหนึ่งเคี้ยวข้าว ทางหนึ่งมีสีหน้าท่าทางเหลือเชื่อ “นี่ใช้ข้าวที่ข้าปลูกมาทำข้าวผัดจริงหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “ใช่แล้ว รสชาติเป็อย่างไรบ้าง”
ดวงตาทั้งคู่ของหานฉู่ชิวเบิกกว้าง เขาพยักหน้าแรงๆ “อร่อยเหลือเกิน!”
พูดแล้วเขาก็กินข้าวผัดไข่จนเกลี้ยงจาน เขากินข้าวด้วยความรวดเร็วราวกับหิวมาสามวันสามคืนอย่างไรอย่างนั้น
กินหมดไปหนึ่งจาน เขาเงยหน้าขึ้นมองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสายตาละห้อย เขาถามเฟิ่งเฉี่ยนทั้งที่มีข้าวอยู่เต็มปาก “ยังมีอีกหรือไม่ ข้ายังอยากกินอีก!”
หานไท่ฟู่และหานหลินเยว่สบตากัน ปากอ้าตาค้าง
ท่านหมอตกตะลึงเช่นกัน ข้าวผัดถอนพิษได้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน!
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเบาๆ “ยังมีอีกเก้าจาน พอให้เ้ากิน!”
หานฉู่ชิวกินข้าวผัดไข่จานที่สอง
หลังจากแน่ใจว่าข้าวผัดไม่มีปัญหาแน่นอน หานไท่ฟู่จึงคลายความกังวลใจ อย่างไรก็เห็นหลานชายกินอย่างเอร็ดอร่อย เขารู้สึกน้ำลายสออยู่บ้าง เขาถูมือไปมา กล่าวว่า “อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าอย่างนั้นข้าลองชิมสักคำได้หรือไม่”
เขายื่นมือออกไปคิดจะหยิบข้าวผัดจานที่ไม่มีใครกิน มือยังไม่ทันััถูกจาน ข้าวทั้งจานก็ถูกคนยกหนีไปเสียก่อน
เฟิ่งเฉี่ยนถือจานเอาไว้ในมือแล้วพูดกับเขาทั้งยิ้มตาหยี “ขออภัย ไท่ฟู่ ข้าวของข้ามิใช่ใครจะกินก็ได้!”
หานไท่ฟู่ถลึงตาใส่นาง นี่ก็คือการเอาคืนแบบโต้งๆ!
“นางเด็กคนนี้ ไม่น่ารักแม้แต่นิดเดียว!”
เฟิ่งเฉี่ยนทำหน้าผีใส่เขา
ข้าวผัดไข่สิบจานลงท้องไปแล้ว หานฉู่ชิวยังไม่พอใจ เขาเลียเม็ดข้าวบนริมฝีปากแล้วถามว่า “ยังมีอีกหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้า “มีเพียงเท่านี้! ตอนนี้เ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
หานฉู่ชิวนิ่งไปครู่หนึ่ง พลันขมวดคิ้วแน่น เขากุมท้องของตน “ข้า ข้าอยากไปห้องเวจ!”
เฟิ่งเฉี่ยนดวงตาเป็ประกาย “นี่ถูกต้องแล้ว! เ้าปลดหนักอย่างเต็มที่ อย่าได้อดกลั้นเป็อันขาด! ขับพิษและขยะในร่างกายออกไปให้หมด เ้าก็จะไม่เป็ไรแล้ว!”
ใบหน้าคมสันของหานฉู่ชิวแดงก่ำ “ตกลงเ้าเป็สตรีหรือไม่ เหตุใดจึงพูดจาตรงเช่นนี้”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่คิดเช่นนั้น “หรือพวกเ้าปลดเบาไม่เรียกปลดเบา เช่นนั้นควรพูดอย่างไร”
หานไท่ฟู่และหานหลินเยว่มุมปากกระตุก มืดแปดด้าน
หานฉู่ชิวหน้าแดงกว่าเดิมอีก เขาไม่อยากสนทนาเื่นี้กับนางอีกต่อไป จึงรีบเดินไปห้องเวจโดยให้บ่าวรับใช้ประคับประคอง
เฟิ่งเฉี่ยนและคนอื่นๆ รออยู่ในห้องของเขานานมาก ในที่สุดก็เห็นหานฉู่ชิวกลับถูกบ่าวรับใช้ประคองกลับมา
หานฉู่ชิวพูดด้วยสีหน้าท่าทางอ่อนแรง ทันทีที่เขาเห็นเฟิ่งเฉี่ยนก็อดที่จะกล่าวหาไม่ได้ “แม่นางเฟิง เ้าแน่ใจว่าที่ให้ข้ากินเป็ยาถอนพิษ มิใช่ยาระบาย”
พูดจบก็เงยหน้า เขาพบว่าคนทั้งหมดจับจ้องเขาด้วยสายตาแปลกๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหานไท่ฟู่ คนทั้งคนถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยความตื่นเต้น
หานหลินเยว่เองก็เอามือปิดปากของตนเอาไว้ กระบอกตาแดงก่ำ