หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วก้านธูป!
ที่ห้องโถงใหญ่ของสำนัก เหล่าผู้าุโกำลังเริ่มประชุมปรึกษาหารือกัน!
สมาชิกที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ เ้าสำนักฉินว่านซาน ผู้าุโสูงสุดทั้งสาม ผู้ดูแลยอดเขาแต่ละยอด หม่าหัวอวิ๋นผู้ดูแลสำนักชั้นนอก และเหล่าผู้าุโของสำนักชั้นในที่มีอำนาจตัดสินใจ
“เรียนท่านเ้าสำนัก นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ ถึงได้มีการตัดสินใจเช่นนี้...” ผู้าุโผู้หนึ่งที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นและชรามากเอ่ยถาม!
“ศิษย์พี่ใหญ่ เื่นี้ให้ท่านเป็คนเล่าเองดีกว่า!” ฉินว่านซานหันหน้าไปทางตี๋จั๋วรื่อ
ตี๋จั๋วรื่อค่อยๆ มองไปยังเหล่าแกนนำในสำนักที่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ “เมื่อสามเดือนก่อน ข้าได้ใช้การทำนายดวงชะตา และได้รับนิมิตมาว่าความโกลาหลและวุ่นวายกำลังจะมาเยือน...”
ภายในห้องเงียบสงัดลงทันที!
ผู้ดูแลยอดเขาคนหนึ่งเผยอปากและเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “ท่านผู้าุโตี๋ สถานการณ์ร้ายแรงถึงขนาดนั้นเลยหรือ”
“ทุกท่าน อันที่จริงนิมิตหมายนี้เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ก่อนหน้าที่หรูเยียนเพิ่งจะบรรลุ นางทำให้เกิดนิมิตบนท้องฟ้าที่เป็หงส์เพลิงกู่ร้องก้องฟ้าสามครั้ง ทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ส่องแสงพร้อมกัน สำนักิญญาเมฆามีอัจฉริยะที่สามารถฝ่าหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นได้ด้วยพลังยุทธ์แค่นักยุทธ์ระดับห้า ตระกูลจ้าวมีเด็กสาวที่เข้าถึงเจตจำนงแห่งดาบสายลมั้แ่เยาว์วัย หรือแม้แต่พิธีเปิดเส้นลมปราณิญญาในวันนี้ก็เช่นกัน ทุกท่านคงเห็นแล้วว่ามีอัจฉริยะที่มีพร์อันโดดเด่นเกิดขึ้นตั้งมากมาย ซึ่งมันจะหมายถึงอะไรได้อีก นอกเสียจากเมื่อโกลาหลมาเยือน อัจฉริยะจึงจะถือกำเนิด!
มีเพียงความโกลาหลครั้งใหญ่กำลังจะมาเยือนเท่านั้น ที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราจะมีอัจฉริยะผู้มีพร์อันโดดเด่นมากมายปรากฏ! และมีเพียงเหตุผลเช่นนี้เท่านั้นที่พวกเราถึงจะสามารถต่อกรกับพวกเผ่าปีศาจและศัตรูจากภายนอกได้ในอนาคต เพื่อปกป้องแผ่นดินของเรา และให้เผ่าพันธุ์ของพวกเราสามารถอยู่รอดและดำรงสืบต่อไปได้!
หากไม่ใช่เพราะความโกลาหลกำลังจะมาเยือน มีหรือที่พวกเราเหล่ากระดูกแก่ๆ จะตัดสินใจทำเื่อย่างละทิ้งรากฐานมุ่งหาสุดปลาย ใกล้เกลือกินด่าง และทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาวของสำนัก?
แทนที่จะปล่อยให้ความโกลาหลมาเยือนจนทำลายมรดกและรากฐานของสำนักที่สั่งสมมาหลายพันปีจนย่อยยับ สู้นำออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์โดยเร็วที่สุด เป้าหมายก็เพื่อหวังให้เหล่าศิษย์ของสำนักเรา รวมถึงพวกท่านทั้งหลายสามารถยกระดับพลังยุทธ์และขั้นของตนเองได้เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเอาชีวิตรอดท่ามกลางความโกลาหลที่กำลังจะมาเยือนนี้! ตราบใดที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่รอด สำนักกระบี่ิญญาเมฆาจะไม่สูญสลายไปไหน!” ตี๋จั๋วรื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น!
“ผู้าุโสูงสุดทั้งสามยังคงคิดรอบคอบอยู่เสมอจริงๆ!”
“ดูเหมือนว่าแต้มสำนักที่ข้าสั่งสมเอาไว้ คุ้มค่าที่จะถูกนำออกมาใช้แล้ว ระดับอาวุธวิเศษล้ำลึกของข้าจะต้องถูกยกระดับให้อยู่ในระดับสูงสุดเสียที!”
“ใช่แล้ว ในเมื่อเป็เช่นนี้ อีกสามเดือนนับจากนี้ข้าจะเข้าไปอยู่ในหอเทพมารฟ้าดินเก้าเปลี่ยนชั้นที่เจ็ดเพื่อฝึกวิชาอย่างเต็มที่! มีท่านใดที่ยินดีจะไปกับข้าหรือไม่” ผู้ที่พูดออกมาก็คือผู้ดูแลยอดเขากระบี่ิญญา ซึ่งมีฉายาว่า ‘จ้าวกระบี่เครางาม’ ตงฟางเหลย! เป็ผู้มีพลังระดับบรรพชนิญญาขั้นกลาง
“เ้ามันบ้า หากเป็ชั้นที่หกก็ยังพอว่า แต่ชั้นที่เจ็ดนี่ ข้าไม่อยากกลายเป็คนพิการครึ่งตัวกลับออกมาทุกครั้งนะ!” ผู้ที่พูดสวนกลับมาและต่อว่า คือผู้ดูแลยอดเขารักษาสัตว์อสูร
“ตงฟาง หากเป็ชั้นที่เจ็ด ข้าขอเอาด้วย!” หม่าหัวอวิ๋นกล่าว
“ฮ่าๆๆ หากมีตงฟางและท่านหม่าคอยปกป้องอยู่ข้างหน้า ข้าก็จะไปด้วย!” อูิหัวเราะ
“ดี ข้าก็จะไปด้วยคน!” ผู้นำยอดเขาอีกคนหนึ่งกล่าว
“พวกเ้ามันบ้า!” ผู้ดูแลยอดเขารักษาสัตว์อสูรส่ายหัวอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ “ทุกท่าน พวกเราทุกคนที่เหลือก็มาตั้งกลุ่มออกล่าสัตว์ประหลาดในชั้นที่หกกันบ้างเถอะ!” ซึ่งข้อเสนอนี้มีการตอบรับจากเหล่าผู้าุโหลายคนทันที
“เดี๋ยวก่อนทุกท่าน ท่านเ้าสำนักและผู้าุโสูงสุดทั้งสามเรียกพวกเรามาก็เพื่อปรึกษาและหารือถึงเื่สำคัญ เื่ของหอเทพมารฟ้าดินเก้าเปลี่ยนนั้น เอาไว้ค่อยพูดคุยและนัดหมายกันภายหลังก็ยังไม่สาย หากความโกลาหลกำลังจะมาเยือนจริงๆ การคัดเลือกศิษย์ก้นกุฏิในครั้งนี้จะต้องมีความสำคัญเป็อย่างมากแน่” กงซุนกุยอีผู้ดูแลยอดเขาขี่กระบี่กล่าว!
“สำหรับเก้าคนที่จะได้เข้าไปในเสี่ยวหลิงเจี้ยนนั้น สี่คนแรกได้ถูกกำหนดเอาโดยท่านเ้าสำนักและผู้าุโสูงสุดทั้งสามแล้ว ส่วนอีกห้าคนที่เหลือจะจัดสรรกันเช่นไร จะให้เป็คนของสำนักชั้นในทั้งหมด หรือแบ่งให้สักหนึ่งถึงสองคนให้กับสำนักชั้นนอกบ้าง และจะเลือกโดยตรงตามอันดับบนกระดานั หรือจะพิจารณาโดยประเมินจากอัตราส่วนดี
ทั้งวิธีการและรูปแบบในการประเมินไม่เพียงแต่จะต้องเป็ธรรมเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้ทุกคนยอมรับได้ด้วย ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเองก็ต้องทำให้เหล่าศิษย์คนอื่นๆ ยอมรับได้เช่นกัน ให้เหล่าศิษย์ทั้งหมดเห็นว่าสำนักของเราได้เลือกเฟ้นหาอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างแท้จริง ไม่ใช่อาศัยเพียงแค่เส้นสาย!”
“ข้อเสนอนี้ของกุยอีดีมาก ทุกท่านมีข้อเสนอแนะอย่างอื่นบ้างหรือไม่?” ฉินว่านซานเอ่ยถาม
...
ที่หอยาวิเศษชั้นนอก เซียวหลิงอวิ๋นได้ต้อนรับมิตรที่รู้จักดีคนหนึ่ง นั่นก็คือจ้าวพยัคฆ์ชิวเทียนฉี่!
“ฮ่าๆ หลิงอวิ๋น เ้าสุดยอดมาก สุดยอดจริงๆ!” ชิวเทียนฉี่ชูแม่โป้งขึ้นมาทันทีที่เห็นเซียวหลิงอวิ๋น “ในที่สุดตาเฒ่าจ้าวก็ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองเสียที ทั่วทั้งสำนักชั้นนอก ไม่ว่าจะเป็หัวหน้าบ้านหรือหอไหนๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็ผู้ที่มีพลังในระดับมหาปรมาจารย์ิญญาทั้งนั้น คราวนี้ตาเฒ่าจ้าวได้ทำลายสถิติแล้ว
จุ๊ๆ เป็ถึงหัวหน้าหอยาวิเศษ นอกจากผู้ดูแลสำนักชั้นนอกแล้ว ก็เรียกได้ว่าเป็หนึ่งในสิบสองผู้ยิ่งใหญ่ในสำนักชั้นนอก! หลิงอวิ๋น เมื่อไหร่เ้าจะช่วยข้าบ้าง ไม่ต้องเป็ถึงหัวหน้าบ้านหรือหอก็ได้ ขอแค่เป็ผู้ช่วยก็ยังดี!”
“ท่านอาชิว ลุงจ้าว...”
เซียวหลิงอวิ๋นยังพูดไม่ทันจบ ชิวเทียนฉี่ก็ขัดขึ้น “ท่านอาชิวอะไรกัน หัวหน้าหอจ้าวผู้ยิ่งใหญ่จากปากเ้าก็ยังเป็แค่ลุงจ้าวได้ แล้วทำไมถึงต้องเรียกข้าว่าท่านอาด้วย เรียกข้าแค่ว่าอาชิวก็ได้!”
เซียวหลิงอวิ๋นหัวเราะเบาๆ และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ข้าอยู่ที่นี่กับลุงจ้าวมาได้สิบกว่าวันแล้ว แต่วันนี้ท่านเพิ่งจะโผล่หน้ามา คงไม่ได้มาแค่เพื่อพูดเื่ไร้สาระแค่นี้ใช่หรือไม่? มีอะไรก็ว่ามาเถอะ ท่านอยากให้ข้าช่วยอะไร?”
“ฉลาด สมกับเป็อัจฉริยะหมื่นปีของสำนักเราจริงๆ เื่เป็เช่นนี้ เมื่อวานนี้ท่านเ้าสำนักได้ประกาศว่าสามารถไปเลือกวิชาบำเพ็ญเพียรกับวิชาิญญาได้ใช่หรือไม่ ข้าเองก็สะสมแต้มสำนักมาได้จำนวนหนึ่งพอดี ในเวลานี้ข้าจึงมาหาเ้าเพื่อขอให้เ้าช่วยเป็ที่ปรึกษาของข้าหน่อย ว่าข้าควรเลือกวิชาบำเพ็ญเพียรและวิชาิญญาแบบไหนดี!”
ดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋นเป็ประกายขึ้นมา จริงด้วย แม้อาณาจักรซินโยวแห่งนี้อาจจะเล็กจ้อย แต่สำนักกระบี่ิญญาเมฆาก็เป็สำนักที่สืบทอดมาอย่างยาวนานเกือบหมื่นปี รากฐานจึงไม่น่าจะแย่ขนาดนั้น วิชาบำเพ็ญเพียรและวิชาิญญาในสำนักนี้ อาจจะมีบางอย่างที่เหมาะสมกับตัวเขาก็ได้ ลองไปหาดูสักหน่อยก็ไม่เลว!
...
ชายชราผู้ดูแลหอวิชาบำเพ็ญเพียรและวิชาิญญาของสำนักชั้นนอกก็มองมายังชายสองคนที่เดินขึ้นไปยังห้องทางปีกขวาด้วยความสงสัย ดวงตาเต็มไปด้วยความฉงน: เ้าคนอวดดีสองคนนั้น พลังยุทธ์ของทั้งคู่ก็ไม่สูงแท้ๆ แต่กลับทำเป็อวดเก่งเหลือเกิน! แทนที่จะเลือกแผ่นหยกวิชาที่ใช้บันทึกวิชาและประสบการณ์การฝึกฝนของเหล่าผู้าุโในสำนักเอาไว้อย่างครบถ้วนโดยใช้วิชาลับ แต่พวกเขากลับไม่สนใจ ดันไปเลือกดูตำราม้วนหนังแกะที่เขียนด้วยลายมือแทน สิ่งเ่าั้คนธรรมดาจะสามารถเรียนรู้และเข้าใจในเวลาอันสั้นได้หรือ?
ถึงแม้ราคาจะถูกกว่ามาก แต่เวลาที่ใช้ในการฝึกก็จะมากขึ้นตามไปด้วย สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้ว เวลาและอายุขัยไม่ว่าจะมีเท่าไรก็ไม่เคยพอ! มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะทำเื่อย่างละทิ้งรากฐานมุ่งหาสุดปลายเช่นนี้! ชายชราผู้ดูแลหอวิชาได้ติดป้ายคนโง่ให้กับเซียวหลิงอวิ๋นและชิวเทียนฉี่ไปเรียบร้อยแล้ว!
เซียวหลิงอวิ๋นย่อมรู้ถึงความแตกต่างระหว่างแผ่นหยกและตำราที่เขียนด้วยลายมือเป็อย่างดี แต่แผ่นหยกนั้นมีแค่เพียงคำอธิบายโดยย่อเท่านั้น ไม่สามารถใช้ดูเนื้อหาแท้จริงได้ หลังจากที่แลกมาก็ต้องนำมาแนบไว้ที่ตรงระหว่างคิ้ว ถึงจะได้รับวิชาที่สมบูรณ์ และใช้ได้แค่ครั้งเดียว
ส่วนตำราที่เขียนด้วยลายมือจะต่างออกไป นอกจากจะไม่มีภาพเคลื่อนไหวแล้ว ก็อาจจะไม่มีบันทึกประสบการณ์การฝึกฝนของเหล่าผู้าุโด้วย แต่สิ่งอื่นๆ นั้นจะถูกคัดลอกออกมาอย่างสมบูรณ์!
มีหรือที่วิสัยทัศน์และประสบการณ์ของเซียวหลิงอวิ๋นนั้นจะด้อยกว่าชายชราตัวจ้อยที่มีหน้าที่เฝ้าหอวิชา!
ในเวลานี้นอกจากจะช่วยชิวเทียนฉี่หาวิชาบำเพ็ญเพียรและวิชาิญญาที่เหมาะสมแล้ว เซียวหลิงอวิ๋นก็ยังอยากได้ตำราวิชาิญญาที่น่าจะเหมาะสำหรับผู้ใช้พลังิญญาหรือปรมาจารย์ิญญาบ้างสักเล่ม
ส่วนตำราวิชาบำเพ็ญเพียรและวิชาิญญาที่อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ิญญาขึ้นไปจะอยู่ในหอวิชาของสำนักชั้นใน!
