เมื่อเผชิญกับความเข้มงวดของมารดาตนเอง หานรั่วเสวี่ยก็สั่นกลัวและรีบตอบกลับว่า “มู่หลิวเยวี่ยบอกว่าหานอวิ๋นซีไม่ได้รักษาแม่ทัพใหญ่ แค่ล้างพิษเท่านั้น!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา กำปั้นของหลี่ซื่อก็กำแน่นทันที ทว่านางก็ไม่ได้พูดอะไร
“แม่ทัพใหญ่ถูกโจมตีโดยมือสังหาร บนดาบของเขามียาพิษอยู่ หานอวิ๋นซีแค่บังเอิญล้างพิษได้และช่วยชีวิตแม่ทัพใหญ่ไว้ แต่ใครจะไปรู้ว่าแม่ทัพใหญ่ยังมีพิษเรื้อรังอยู่ด้วย แล้วมันก็บังเอิญถูกค้นพบโดยหานอวิ๋นซีและรักษามัน” หานรั่วเสวี่ยพูด
ทันทีที่พูดจบ กำปั้นของหลี่ซื่อก็คลายออก เห็นเพียงนางอ้าปากค้าง ตามองตรงและเต็มไปด้วยความตกตะลึง
หานรั่วเสวี่ยใและรีบไปช่วยพยุงนาง “ท่านแม่ ท่านเป็อะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
หลี่ซื่อที่เพิ่งจะได้สติกลับคืนมา ทว่าสีหน้ายังคงอึ้งอยู่เล็กน้อย นางส่ายหัว “มะ...ไม่เป็อะไร เ้าไปรินน้ำร้อนมาให้แม่สักถ้วยสิ”
หานรั่วเสวี่ยรีบเดินไปด้านข้างเพื่อเทน้ำ หลี่ซื่อถอนหายใจยาวเพื่อสงบสติอารมณ์ นางมองไปที่ด้านหลังของหานรั่วเสวี่ยด้วยแววตามืดมนและขุ่นมัว หลังจากนั้นไม่นานก็พูดขึ้นมาว่า “หานอวิ๋นซีรู้ได้อย่างไรว่ายังมีพิษเรื้อรัง?”
“มู่หลิวเยวี่ยไม่ได้พูดรายละเอียดอะไร ข้าเลยไม่ได้ถามต่อ” หานรั่วเสวี่ยตอบ
“แม่ทัพใหญ่จะไปโดนพิษเรื้อรังได้อย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรพิษเรื้อรังนี้ต้องได้รับมาอย่างต่อเนื่องไม่ใช่หรือ” หลี่ซื่อถามอีกครั้ง
หานรั่วเสวี่ยหันกลับมา “ท่านแม่ ในตอนนั้นข้าเองก็คิดเช่นนี้ ในจวนแม่ทัพต้องมีคนที่้าฆ่าแม่ทัพใหญ่อย่างแน่นอน เื่นี้ข้าเองถามไปก็คงไม่ดี”
หลี่ซื่อพยักหน้า จิบน้ำช้าๆ แล้วถามอย่างสบายๆ ว่า “เสวี่ยเอ๋อร์ วันนี้ข้าสั่งให้เ้าเอาชาฤดูใบไม้ผลิให้คุณหนูใหญ่มู่ เ้าได้ให้นางไปแล้วใช่หรือไม่?”
เช่นนี้หานรั่วเสวี่ยจึงจะนีกเื่นี้ขึ้นมาได้ นางก้มศีรษะลง “ขะ...ข้ารีบกลับมา เลยลืมไปแล้ว”
หลี่ซื่อรู้สึกผ่อนคลายลง และถามอีกครั้งว่า “ใบชานั้นไม่ใช่ถูกๆ เ้าวางมันไว้ที่ไหน?”
“วางไว้ข้างร้านน้ำชา เช่นนั้นข้าสั่งให้คนไปเอามันมา แล้วส่งไปที่จวนแม่ทัพเลยดีหรือไม่?” หานรั่วเสวี่ยถาม
“ไม่ต้อง” หลี่ซื่อปฏิเสธทันที “ช่างมันเถอะ ถือว่าให้กับคนที่เจอมันก็แล้วกัน”
หานรั่วเสวี่ยรู้สึกเศร้า ด้วยเพราะทำผิดเลยไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก
“ข้าเหนื่อยแล้ว อยากจะงีบสักหน่อย เ้าออกไปเถอะ” หลี่ซื่อพูดเบาๆ แล้วเอนตัวลงนอนบนหมอนสูงอย่างเกียจคร้าน
“ท่านแม่ ข้าขอััชีพจรของท่านได้หรือไม่?” หานรั่วเสวี่ยที่เป็ห่วงอย่างมาก แต่หลี่ซื่อทำเพียงแค่โบกมือ สั่งให้นางออกไป
ั้แ่เด็ก แม่ของนางเข้มงวดมาก บางครั้งก็ถึงขั้นเ็าเฉยเมย หานรั่วเสวี่ยเองก็คุ้นเคยกับมันมานานแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นท่านพักผ่อนให้เต็มที่เถิด” นางรินน้ำอีกถ้วยแล้ววางลงข้างๆ ก่อนจะออกไป
ทันทีที่หานรั่วเสวี่ยออกไป หลี่ซื่อก็ลุกขึ้นนั่งทันที ใบหน้าที่นิ่งเงียบแต่เดิมของนางเปลี่ยนไป มันมืดมนราวกับท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆดำ แม้แต่การจ้องมองอย่างสงบตามปกติของนางก็ดุร้ายขึ้นมา
“เข้ามา!” นางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ทันทีที่พูดจบ สาวใช้ชุดดำคนหนึ่งก็ออกมาจากด้านหลังฉากกั้น
“ไปที่สวนชาเทียนเซียงและค้นหาของสิ่งนั้น เอามันกลับมา กำจัดพิษงูทั้งหมดในกระท่อมให้หมดด้วย!” หลี่ซื่อพูดอย่างจริงจัง
“เ้าค่ะ! ข้าเข้าใจแล้ว!” สาวใช้ในชุดดำรับคำสั่งและจากไปทันที
หลี่ซื่อนั่งอยู่เป็เวลานาน ดวงตาเฉี่ยวคมของนางหรี่ลงช้าๆ “หานอวิ๋นซีนะหานอวิ๋นซี ข้าประเมินเ้าต่ำไปจริงๆ เ้ากล้าดีอย่างไรมาทำลายเื่ดีๆ ของข้า! เ้านี่มันเก่งจริงๆ ข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไว้อย่างแน่นอน!”
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านมาสามวันแล้ว เหลือเวลาอีกสิบห้าวันจึงจะครบหนึ่งเดือน
ถึงจะมอบเื่ทุกอย่างให้มู่ชิงอู่จัดการ แต่ทางฝั่งหานอวิ๋นซีก็ไม่ได้นิ่งเฉย
หลายวันมานี้นางไม่ได้ออกไปข้างนอกแต่อย่างใด เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องตำราของตำหนักหยุนเซี่ยนเพื่อศึกษาพิษงูหมื่นตัว
ในมือนางไม่มีพิษงูทั้งสิบชนิด แต่ก่อนหน้านี้เมื่อสุ่มตัวอย่างและทดสอบ นางใส่ตัวอย่างเืของมู่ชิงอู่ที่มีพิษงูหนึ่งหมื่นตัวเข้าไปในระบบล้างพิษ
ใน่สองสามวันที่ผ่านมา หานอวิ๋นซีคิดเกี่ยวกับวิธีการวางยาพิษ
วิธีการวางยาพิษจะกำหนดข้อจำกัดของผู้วางยาพิษเป็ส่วนใหญ่ เช่น ยาพิษบางชนิดทำปฏิกิริยากับสิ่งอื่นได้ง่าย ทำให้พิษอ่อนลงหรือเปลี่ยนสีและกลิ่นได้ ดังนั้นต้องเทลงไปในน้ำสะอาดเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม มีพิษบางชนิดที่ไม่สามารถอยู่ในน้ำสะอาดได้ มิฉะนั้นอาจจะสังเกตเห็นได้ง่าย
หานอวิ๋นซีหมกมุ่นอยู่กับการครุ่นคิด มันไม่ง่ายเลยที่จะวางยาพิษในน้ำดื่มของมู่ชิงอู่ได้บ่อยๆ ไหนจะห้องน้ำ ห้องครัว แล้วก็คนรับใช้ที่รับใช้มู่ชิงอู่ก็ต่างได้รับสอบปากคำทั้งหมดแล้ว ทว่าก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลย
เป็ไปได้หรือไม่ว่านางพลาดอะไรไป พิษงูหมื่นตัวอาจจะไม่ได้ถูกเทลงในน้ำดื่ม?
ตามบันทึกในระบบการล้างพิษ พิษงูหมื่นตัวสามารถอยู่ในน้ำสะอาดได้เท่านั้น และเมื่อปรุงขึ้นมาแล้ว ต้องใช้ให้หมดทุกวัน มิฉะนั้นสีและรสชาติจะเปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าระบบการล้างพิษนี้จะฉลาดเพียงใด มนุษย์ก็ยังทำการวิจัยกันอยู่ ในยุคปัจจุบันไม่มีพิษงูหมื่นตัว และบันทึกของระบบการล้างพิษเองก็รวบรวมข้อมูลมาจากตำราโบราณและเขียนออกมา
ต้องบอกว่าระบบล้างพิษมีจุดแข็งในการตรวจหาพิษและกำหนดยาแก้พิษ ไม่ว่าสมองอัจฉริยะจะเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่สามารถแทนที่ได้ อย่างไรก็ตามในแง่ของการปรุงยา ระบบล้างพิษยังอ่อนแอมาก
หรือบางทีอาจจะมีวิธีเพิ่มพิษงูหมื่นตัวลงในสารละลายอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อความเป็พิษ ทั้งยังไม่เปลี่ยนสีและกลิ่น?
หรือบางทีผู้วางยาพิษอาจใช้เล่ห์เหลี่ยมบางอย่างในการปรุงยาพิษ เปลี่ยนคุณสมบัติบางอย่างของพิษงูหมื่นตัวโดยไม่เปลี่ยนความเป็พิษของพิษงูหมื่นตัว ดังนั้นเลยทำให้วิธีวางยาพิษเปลี่ยนไปด้วย?
แม้ว่าความเป็ไปได้นี้จะต่ำมาก ด้วยเพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะปรับเปลี่ยนพิษงูหมื่นตัวด้วยตัวเอง ยิ่งการเพิ่มประสิทธิภาพพิษงูหมื่นตัวนั้นยากยิ่งกว่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจสอบเป็เวลานานแล้วไม่พบเบาะแสใดๆ หานอวิ๋นซีจึงต้องพิจารณาความเป็ไปได้นี้อย่างรอบคอบ
หากไม่ใช่น้ำดื่มก็ควรอยู่ในมื้ออาหารปกติของมู่ชิงอู่ นอกจากอาหารสามมื้อต่อวันแล้ว หานอวิ๋นซีก็คิดถึงสิ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว นั่นคือชา!
ผู้คนในเทียนหนิงชอบดื่มชา โดยเฉพาะผู้ที่มาจากเมืองหลวง ทุกๆ ครัวเรือนจะเตรียมชาและไม่สามารถทำได้หากไม่มีชาั้แ่เช้าจรดค่ำ
“อาจเป็ชาก็ได้?” หานอวิ๋นซีพึมพำกับตัวเอง เมื่อกำลังจะเรียกเสี่ยวเฉินเซียง จู่ๆ นางก็นึกขึ้นได้ว่าเสี่ยวเฉินเซียงถูกนางปล่อยให้อยู่ที่ตระกูลหานเพื่อปกป้องอี๋เหนียงเจ็ด
นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกจากลานดอกบัว และหาคนรับใช้เพื่อช่วยนางหาชาทุกชนิด
แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่กลับมาที่ลานบ้านหลังจากสั่งคนรับใช้แล้ว ก็เห็นร่างที่คุ้นเคยไกลๆ เดินผ่านทางเดินมา
ร่างนั้นสูงและหยิ่งยโสอย่างมาก เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ท่าทางการเดินนั้นสง่างาม สูงส่ง ถึงแม้ร่างของเขาจะอยู่ไกล ทว่ากลับทำให้ทุกสิ่งรอบตัวมืดสลัว ทำให้ผู้คนไม่สามารถเพิกเฉยเขาได้
ในทางเดินที่เงียบสงบในตอนบ่าย ชายรูปงามผู้เคร่งขรึมผู้นี้เดินอย่างสง่าผ่าเผยเพียงลำพัง หากพูดว่าความงามที่ไร้เสียงคือภาพวาด เช่นนั้นชายผู้สง่างามคนนี้คงเป็เทพบุตรในภาพวาด
เขาคือ... หลงเฟยเยี่ย
หานอวิ๋นซีมองออกไป ก็เหม่อลอยไปโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น เทพบุตรในภาพวาดก็หายไป ไม่สิ...หลงเฟยเยี่ยต่างหากที่จู่ๆ ก็หายตัวไป!
หานอวิ๋นซีเรียกสติกลับคืนมา ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขาไปไหนแล้วล่ะ?
นางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว มองไปรอบๆ ทว่ากลับไม่เห็นใคร
หานอวิ๋นที่ได้สติกลับคืนมา รู้สึกเพียงว่านางไม่ได้เจอชายผู้นี้มานาน ครั้งสุดท้ายที่เห็นเขาน่าจะเป็ที่โรงน้ำชา นางเห็นเขา แต่เขาไม่ได้เห็นนาง
นางเป็กังวลมาตลอด ด้วยเพราะครั้งล่าสุดที่รักษาไท่จื่อ นางได้เปิดใช้งานระบบล้างพิษและขณะที่ซ่อนยาที่ตกค้างไว้ก็ถูกเขาแอบดู เพียงแต่เขายังไม่ได้มาถามถึงเื่นี้ เดาว่าคงไม่ได้เห็นอะไรกระมัง
ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายเอง ทำไมชายผู้นี้กลับมาเร็วจังล่ะ
ความจริงแล้ว เขาจะกลับมาเมื่อไร กลับมาตอนไหน วันไหนบ้างที่ไม่กลับมา หานอวิ๋นซีรู้ทั้งหมด ใครสั่งให้นางไปยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องใต้หลังคาเพื่อดูแสงไฟในห้องนอนของเขาล่ะ?
ชายผู้นี้เวลาที่ไม่กลับจวน เขาไปค้างคืนที่ไหนกันนะ? แล้วทำไมวันนี้ถึงกลับเร็วจัง กลับมาทำอะไรหรือไม่?
“แปลก…”
นางพึมพำกับตัวเอง ในขณะเดียวกันก็เก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ ชายผู้นั้นทำตัวลึกลับมาตลอด จู่ๆ จะหายไปก็ไม่สำคัญอะไรหรอก
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หานอวิ๋นซีกำลังจะเดินต่อ ก็มีเสียงทุ้มที่เ็าของใครบางคนดังขึ้นมาจากด้านหลัง “หานอวิ๋นซี เ้าตามหาข้า มีเื่อะไรหรือไม่?”
หานอวิ๋นซีใ หันกลับมาอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเมื่อครู่ ตอนนี้กลับยืนอยู่ข้างหลังนาง ร่างสูงสง่าราวกับูเาที่ขวางกั้นด้านหลังของนาง ทำให้นางรู้สึกเหมือนโดนูเาทับลงมา
หานอวิ๋นซีก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว รักษาระยะห่างจากเขาเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แน่นอนว่านางรู้สึกงงเล็กน้อย “ท่านอ๋อง ข้าไม่ได้ตามหาท่านเสียหน่อย”
“เช่นนั้นเ้ามายืนมองอะไรที่นี่ล่ะ?” หลงเฟยเยี่ยถาม
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หานอวิ๋นซีก็รู้สึกอายทันที ถูกเขาจับได้อย่างนั้นหรือ?
นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเงยหน้าขึ้นมอง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นกลับพบกับสายตาดูถูกเหยียดหยามและหงุดหงิดของหลงเฟยเยี่ย “มีเื่อะไร?”
ผู้ชายคนนี้นี่มัน!
มองเขาแค่นิดเดียว เขาคิดว่าตัวเองเป็จุดสนใจจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
เอาเถอะ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็จุดสนใจจริงๆ แต่หานอวิ๋นซีก็ไม่้าที่จะยอมรับในตอนนี้
ทำไมถึงเอาแต่มองนางด้วยสายตาแบบนั้นบ่อยๆ กัน เป็ไปได้หรือไม่ว่าการที่นางพยายามมากขนาดนั้น มันก็ยังน่าอึดอัดในสายตาของเขาขนาดนั้นเลยหรือ?
หานอวิ๋นซี ผู้ซึ่งมักที่จะถูกคนอื่นดูถูกเหยียดหยามและพยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองให้ผู้อื่นเห็นอยู่เสมอ นางไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่น ทว่าตอนนี้กลับไม่รู้ตัวว่าตนเองสนใจสายตาของชายผู้นี้มากแค่ไหน นางรู้สึกเพียงว่ามันเป็การดูถูก
ยิ่งโกรธมากเท่าไร รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ยิ่งสดใสมากขึ้นเท่านั้น
นางยิ้มอย่างภูมิใจ “ไม่มีอะไรหรอก ข้าคิดว่าท่านอ๋องคงเข้าใจผิด ข้ากำลังมองหาผู้อื่น ไม่ใช่ท่านเสียหน่อย”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ดวงตาที่เ็าอยู่แล้วของหลงเฟยเยี่ยก็เ็ามากกว่าเดิม ทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลงหลายองศา
ฮึ่ย ยังจะมาทำตัวอวดดีอีก
หานอวิ๋นซีเพิกเฉยต่อความเ็าในดวงตาของเขาและพูดว่า “ถ้าท่านอ๋องไม่มีอะไรจะพูด ข้าขอตัวก่อน”
ขณะที่พูด ก็เชิดคางแล้วหันหลังกลับอย่างสง่างามเพื่อจะเดินออกไป แต่ใครจะรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยกลับพูดอย่างเ็าว่า “ช้าก่อน ข้ายังมีอีกเื่”
หานอวิ๋นซีหยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน หันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ไม่รู้ว่าท่านอ๋องมีเื่อันใดอย่างนั้นหรือ?”
“เข้ามาคุยกันในห้อง” หลงเฟยเยี่ยไม่แม้แต่จะมองนาง หันหลังกลับและเดินออกไปหลังจากพูดจบ
หานอวิ๋นซีคิดว่าเขาจะไปที่ห้องนอน แต่ใครจะรู้ว่าชายผู้นั้นจะเดินไปทางตำหนักหยุนเซี่ยน
“มีเื่อะไรจริงๆ อย่างนั้นหรือ?” หานอวิ๋นซีสงสัยและรีบตามไป
หลงเฟยเยี่ยได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ทันทีที่เข้าประตู แม้ว่าเขาจะไม่เคยเข้าไปในห้องของสตรีเลย แต่เขาก็รู้ว่าห้องของสตรีน่าจะสะอาด
เขาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เดินตามกลิ่นเข้าไปข้างใน เมื่อมาถึงห้องตำราของหานอวิ๋นซีก็เห็นชามใส่ของเหลวที่ปล่อยควันดำออกมาหลายใบวางอยู่บนโต๊ะขนาดใหญ่ พร้อมกับกลิ่นเหม็นที่โชยออกมาจากของเหลวเหล่านี้
หลงเฟยเยี่ยมองไปรอบๆ ห้องตำรา ทุกสิ่งที่เขาเห็นล้วนสกปรก ยุ่งเหยิงและรก เขาเป็คนรักสะอาดและเกลียดความสกปรกแบบนี้สุดๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขากลับไม่ได้รีบออกไปแต่อย่างใด
หานอวิ๋นซีเดินตามเข้ามา ไม่คาดคิดว่าชายผู้นี้จะมาที่ห้องตำรา