เจียงหงหย่วนเชื่อตามที่หลินหวั่นชิวพูด
ไม่ใช่ว่าหลินหวั่นชิวไม่ให้เขาเข้าร้าน แต่เขาเป็ฝ่ายขอเฝ้าเกวียนอยู่ด้านนอกเอง กลัวรูปลักษณ์ตัวเองจะทำให้ผู้อื่นใ ที่นี่เป็ร้านหนังสือ ภรรยาตัวน้อยเอางานมาส่ง หากส่งผลกระทบกับงานคงเป็ความผิดเขา
“เช่นนั้นพวกเราเข้าอำเภอกัน!” เจียงหงหย่วนประคองหลินหวั่นชิวขึ้นเกวียนเสร็จก็ขี่เกวียนออกไป
พวกเขาเพิ่งจากไป ตู้ซิวจู๋ก็เดินนำเด็กรับใช้เข้ามาในร้าน
ทังหยวนเอ๋อร์แบกตระกร้าหนังสือเข้ามา ตระกร้าใบหนักทำเอาหลังเขางอไปหมด
“ไอ๊หยา…คุณชายตู้ ท่านมาแล้วหรือ…รีบเข้ามาเถิด” เถ้าแก่หลิวยิ้มจนหน้าย่นเป็ดอกเก๊กฮวยเมื่อเห็นตู้ซิวจู๋
ตู้ซิวจู๋หุบพัดยิ้ม “เหล่าหลิว ครั้งก่อนเ้าบอกว่านิยายขายหมดแล้วไม่ใช่หรือ วันนี้เลยนำชุดใหม่มาส่ง”
สีหน้าเขาดูผ่าเผย แต่แท้จริงแล้วในใจค่อนข้างกังวล ไม่รู้ว่าคนที่ซื้อนิยายเขาซื้อกลับไปจุดไฟเพราะเห็นว่าถูกหรือไม่
เถ้าแก่หลิวได้ยินดังนี้ก็รีบวิ่งออกนอกร้าน ตู้ซิวจู๋มองเขาด้วยความสงสัย เห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าแล้วกลับเข้ามา
“หากท่านมาเร็วกว่านี้อีกนิดคงดี มีคนอยากซื้อหนังสือของท่าน คือสะใภ้น้อยตระกูลเจียงที่คัดหนังสือมาขายคราวก่อนนั่นแหละ นางยังชมว่าท่านเขียนหนังสือได้ดี กำชับให้ข้าเก็บไว้ให้นางหากมีอีก จริงๆ เลย ช่างไม่บังเอิญเอาเสียเลย นางเพิ่งไป ท่านก็มาแล้ว”
เถ้าแก่หลิวเสียดายไปด้วย รับตระกร้าหนังสือจากทังหยวนเอ๋อร์ไปด้วย เขานับจำนวนพร้อมกับถามตู้ซิวจู๋ “หนังสือของคุณชายตู้ยังราคาเดิมหรือว่า…”
ตอนนี้ในหัวตู้ซิวจู๋มีใบหน้างดงามของหลินหวั่นชิวปรากฏ คิดไม่ถึงว่าสาวน้อยนางนั้นจะเป็ผู้อ่านของเขา!
เขาตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ก็ผิดหวัง เหตุใดสตรีสาวดีเช่นนี้จึงแต่งงานแล้วเสียได้
หากยังไม่แต่งงาน…
หากนางยังไม่แต่งงานแล้วอย่างไร?
ตู้ซิวจู๋หัวเราะขมขื่น สถานะของเขาไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเื่การแต่งงานของตัวเอง
ไล่ความคิดในหัวออกไป เขาพูดกับเถ้าแก่ว่า “พอดีเลย ข้าไม่คิดจะให้ผู้ใดรู้ว่าข้าเป็คนเขียนหนังสือเช่นกัน เถ้าแก่ ท่านต้องช่วยเก็บความลับให้ข้าต่อไปนะ”
เถ้าแก่หลิวตบหน้าผากทันที ไอ๊หยา หนังสือเื่นี้วางขายมานานแต่ก็ไม่มีผู้ใดถามหา นานจนเขาลืมคำกำชับของคุณชายท่านนี้เสียได้ เกือบทำพลาดครั้งใหญ่
“ท่านวางใจเถิด ข้าจะไม่เผยพิรุธเป็แน่!”
ทังหยวนเอ๋อร์หัวเราะเยาะอยู่ด้านข้าง “ข้าว่าท่านลืมคำกำชับของคุณชายพวกข้าไปหมดเสียมากกว่า!”
เถ้าแก่หลิวรีบขอโทษ ตู้ซิวจู๋ชำเลืองตามองทังหยวนเอ๋อร์แวบหนึ่ง ทังหยวนเอ๋อร์ไม่กล้าว่าเถ้าแก่หลิวอีก
“หากนางเป็คนซื้อก็ราคาเดิม” เขาไม่ได้เขียนหนังสือเพื่อเงิน เพราะหากจะหาเงิน เขาคงเขียนนิยายแนวชายหนุ่มมากความสามารถกับสตรีสาวผู้งดงามไปแล้ว
ความสามารถยิ่งสูง สหายรู้ใจก็ยิ่งน้อย
ยากนักกว่าจะเจอคนที่ชื่นชมผลงานเขา จะกล้าขึ้นราคาจนนางซื้อไม่ไหวได้อย่างไร?
“หากคนซื้อไม่ใช่นางล่ะ?” เถ้าแก่หลิวถามต่อ คนทำการค้าต้องรู้ข้อมูลชัดเจนทุกด้าน
มิหนำซ้ำ ชายตรงหน้าก็ไม่ใช่คนที่เขาจะล่วงเกินได้
ตู้ซิวจู๋ “คนอื่นซื้อขายเล่มละสองตำลึง!”
มุมปากเถ้าแก่หลิวกระตุก เขาแค่ลองถามดู นี่อีกฝ่ายคิดว่านอกจากสะใภ้น้อยตระกูลเจียงผู้นั้นแล้วจะมีผู้ใดซื้อหนังสือของเขาอีกหรือ?
เขามองว่าสะใภ้น้อยตระกูลเจียงผู้นั้นซื้อหนังสือของเขาเพราะเห็นว่าราคาถูกก็เท่านั้น อย่างไรเสียนิยายก็มีไว้ใช้อ่านฆ่าเวลา
“ได้ขอรับ ข้าน้อยจำไว้แล้ว ท่านยังมีสิ่งใดอยากซื้ออีกหรือไม่?”
ตู้ซิวจู๋ตอบ “เอาเหมือนเดิม ส่งไปที่หมู่บ้านก็พอ” พูดจบก็เดินออกไป
แต่เพิ่งก้าวพ้นประตูก็หันกลับมาถามเพิ่มว่า “สะใภ้น้อย…สะใภ้น้อยตระกูลเจียงได้บอกหรือไม่ว่าจะมาอีกเมื่อไร?”
เถ้าแก่หลิวไม่กล้าปิดบังเขา “ต้นเดือนหน้าขอรับ!”
ตู้ซิวจู๋ได้ยินคำตอบก็ไม่พูดสิ่งใด ส่ายพัดเดินออกไป เหล่าขอทานข้างถนนพากันเข้ามารุมตอมเหมือนแมลงวันเจอเนื้อเมื่อเห็นเขา
“พวกเ้าแต่ละคนทำตัวให้มันสะอาดหน่อย สกปรกเช่นนี้อย่าเอาตัวมาใกล้นายน้อยพวกข้า”ทังหยวนเอ๋อร์ปิดจมูกด้วยความรังเกียจ
เหล่าขอทานหัวเราะ “พูดกระไรของท่านน่ะ ถ้าสะอาดจะเป็ขอทานหรือ?”
“นั่นน่ะสิ ถ้าพวกข้าสะอาด เช่นนั้นจะขอของกินอย่างไร”
ตู้ซิวจู๋ไม่ใส่ใจ พูดกับทังหยวนเอ๋อร์ว่า “รีบๆ โปรยเงิน อย่าให้การหาความสุขของข้าล่าช้า!จริงสิ วันนี้มีสตรีสาวที่ขายตัวเองฝังศพพ่อฝังศพแม่ ฝังศพน้องชาย ฝังศพคนทั้งบ้านหรือไม่?”
ขอทานคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาโค้งตัวหน้าตู้ซิวจู๋อย่างกระตือรือร้น “เรียนคุณชาย วันนี้ไม่มีขอรับ ข้าน้อยช่วยท่านจับตาดูไว้อยู่ หากมีจะช่วยท่านรั้งไว้ ไม่ให้ผู้อื่นมาซื้อไป รอให้ท่านมาทำบุญ!”
ตู้ซิวจู๋โยนเม็ดเงินขนาดเท่าถั่วให้เขาหนึ่งเม็ด “ดี! ไม่เสียแรงที่ข้าใจดีกับพวกเ้า! ถือว่านี่เป็รางวัล!”
“ขอบคุณคุณชายตู้ คุณชายตู้เป็คนดีไม่เป็สองรองผู้ใด ไว้วันที่หนึ่งเดือนหน้า พวกข้าจะไปจุดธูปขอพรที่วัดให้ท่าน ขอพรให้ท่านอายุยืนยาว…”
ทังหยวนเอ๋อร์เบะปากอย่างไม่พอใจ ด่าขอทานพวกนี้พึมพำแล้วแยกพวกเขาให้ห่างจากตู้ซิวจู๋ กลัวตู้ซิวจู๋จะถูกหลอกเอาเงินไปอีก
เขาดึงเงินครึ่งพวงที่ห้อยไว้ข้างเอวมาโยนให้ขอทานพวกนี้ เหล่าขอทานแย่งเงินไปด้วย พูดเยินยอประจบไปด้วย เป็ที่พึงพอใจของตู้ซิวจู๋
ทังหยวนจนปัญญา คำพูดของขอทานพวกนี้ออกมาจากใจจริงที่ไหนกัน คุณชายของพวกเขารู้ทั้งรู้แต่ก็ยังจะให้เงินอีก ช่าง…
คุณชายของพวกเขาดีเกินไป
เขาใช่ท่านตู้ผู้เมตตาแบบที่พวกเขาเรียกที่ใดกัน คือท่านตู้จอมโง่เขลาชัดๆ!
เจียงหงหย่วนกับหลินหวั่นชิวมาถึงในอำเภอ เจียงหงหย่วนขับเกวียนตรงไปที่โถงร้อยโอสถ ที่นี่ไม่ใช่โรงหมอที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอแต่มีชื่อเสียงดีมาก
ไม่เหมือนโถงดีงามที่ชื่อเพราะแต่ให้ความสำคัญกับเงินและเอาเปรียบ ชาติก่อนเจียงหงหย่วนเคยโดนโถงดีงามหลอกมาแล้ว
“ท่านทั้งสองมาซื้อยาหรือตรวจไข้?” หลายคนถอยห่างจากเจียงหงหย่วนทันทีที่เขาเข้ามา
ภาพลักษณ์ของเขาเป็ที่น่าหวาดกลัว
แต่พนักงานในโรงหมอกลับไม่กลัวเขา พวกเขาทำงานในโรงหมอ มีคนเช่นใดที่พวกเขาไม่เคยเจอบ้างกัน?
บางคนถูกพามาในสภาพาเ็หนัก ไส้ไหลออกมาด้านนอก
คนที่ทำงานในโรงหมอจึงไม่มีทางเป็คนขวัญอ่อน
“รบกวนเสี่ยวเกอช่วยนำเกวียนไปจอดหน่อยเถิด ข้านำยามาขายให้เถ้าแก่พวกเ้า”
พนักงานมองรูปร่างหน้าตาเจียงหงหย่วนแล้วก็เดาว่าคงเป็นายพรานบนเขา คนประเภทนี้ขึ้นเขาอยู่บ่อยๆ ไม่แน่ว่าอาจโชคดีเจอสมุนไพรดี
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ชักช้า “ได้ ข้าน้อยจะนำเกวียนไปจอดที่ด้านหลังให้เสียก่อน เชิญท่านรอสักครู่ จอดเสร็จแล้วจะไปตามเถ้าแก่มาให้”
ไม่นาน พนักงานก็มาเชิญเจียงหงหย่วนกับหลินหวั่นชิวให้เข้าไปคุยด้านใน
ทั้งคู่ถูกพามาด้านหลังโรงหมอและขึ้นไปบนชั้นสอง เถ้าแกกำลังรออยู่ในห้องโถงเล็กๆ บนชั้นสอง
“ได้ยินว่าพวกเ้ามียามาขายให้ข้า ไม่ทราบว่ายาใด?” เถ้าแก่ยอมออกมาด้วยตัวเองเพราะได้ยินว่าอีกฝ่ายอาจเป็นายพราน เกรงว่าจะมีของดี ปกติเขาไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น หากเป็สมุนไพรธรรมดาก็ไม่ต้องรบกวนให้เขาดูเอง มีแต่จะเสียเวลาอันล้ำค่าเปล่าๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้