หลายวันหลังจากนั้น ไป๋เหมยเหม่ยก็เริ่มคุ้นชินกับร่างนี้มากขึ้นแล้ว อีกทั้งนางยังนึกถึงความทรงจำของร่างเดิมได้มากขึ้นอีกด้วย
เริ่มแรกก็คือนางเป็บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่รักษาดินแดน ยามนี้อายุได้สิบเจ็ดปีเต็มแล้ว มีพี่ชายหนึ่งคนและน้องชายหนึ่งคน บิดาของนางนับว่ามีอำนาจทางการทหารในมือ อีกทั้งยังเป็กำลังสำคัญที่ผลักดันฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจนขึ้นเป็ฮ่องเต้ได้อย่างราบรื่น และยังเป็ที่ไว้วางใจของฝ่าาอีกด้วย
เวลานี้คือรัชศกเหลียนไห่ปีที่สี่สิบ แคว้นนี้คือแคว้นไท่หยาง เป็แคว้นที่ใหญ่ที่สุดในใต้หล้าและมีอำนาจมากที่สุด
ส่วนหยางเจ๋อหยวนผู้ที่นางแต่งงานด้วยนั้น เป็บุตรชายของจวนราชครู อายุยี่สิบห้าปีเต็ม ท่านปู่ของเขาเป็พระอาจารย์ขององค์ชายหลายพระองค์ เมื่อท่านปู่ตายจากไป บิดาของหยางเจ๋อหยวนก็ใช้ความสามารถของตนจนได้รับตำแหน่งราชครูเฉกเช่นบิดาตน ส่วนหยางเจ๋อหยวนนั้นเมื่อสามปีก่อนในการสอบเค่อจวี่เขาสอบได้อันดับที่หนึ่ง ความสามารถเก่งกาจทั้งตำรา การคัดอักษรและพิณ เป็บุรุษรูปงามมากความสามารถที่สตรีในเมืองหลวงใฝ่ฝัน จนได้เข้ามาเป็อาจารย์สอนที่สำนักศึกษาหลวงกั๋วจื่อเจี้ยน
ยามนั้นไป๋เหมยเหม่ยมีอายุเพียงสิบสี่ปี นางได้เข้าวังไปร่วมคัดเลือกสหายเล่าเรียนขององค์หญิงใหญ่ แต่นางกลับได้พบกับหยางเจ๋อหยวนโดยบังเอิญ เขาเพิ่งออกมาจากตำหนักั์ เมื่อได้พบเขาครั้งแรกนางก็ตกหลุมรักเขา เอาแต่ตามติดเขาแจ จนหมัวหมัวในวังหลวงทนไม่ไหว จึงตัดสิทธิ์การเข้าร่วมเป็สหายเล่าเรียนของนางเสีย เพราะนางทำผิดกฎและยังไม่รู้จักกาลเทศะ แต่ไป๋เหมยเหม่ยหาสนใจไม่ นางใช้เวลาทั้งหมดตามดูความเป็ไปของหยางเจ๋อหยวน จนวันหนึ่งที่นางสบโอกาส งานเลี้ยงวันเกิดไท่ฮูหยินของจวนราชครูในปีนั้น นางก็ลากหยางเจ๋อหยวนลงสระน้ำไปด้วยกัน ก่อนจะกอดรัดเขาแน่นจนผู้คนเห็นเหตุการณ์ ท้ายที่สุดเขาก็จำต้องแต่งนางเข้าจวนมาเป็ภรรยาเอก เพราะทนฟังคำนินทาของผู้คนไม่ไหว
หลังจากนางแต่งเข้ามาก็คิดว่าทุกอย่างคงราบรื่น หยางเจ๋อหยวนนั้นไร้มารดา มารดาเขาล้มตายจากไปตั้งนานแล้ว มีเพียงเหล่าอนุของบิดาที่ไม่กล้ามีปากมีเสียงใดๆ และไท่ฮูหยินท่านย่าของเขา นางจึงได้ขึ้นมาเป็ฮูหยินน้อยในจวนราชครู
แต่ทว่าคืนเข้าหอเขากลับหนีหน้านาง ไม่เข้าหอกับนาง ไม่เคยสนใจ สามวันให้หลังเขาก็แต่งฟ่านกุ้ยอิงเข้ามาเป็ภรรยารอง ไป๋เหมยเหม่ยเดิมทีก็ไม่ยอมผู้ใดอยู่แล้ว นางจึงบุกเข้าไปตบตีฟ่านกุ้ยอิงในเรือนทันที หยางเจ๋อหยวนเกลียดน้ำหน้านางนัก แม้แต่ไท่ฮูหยินก็ยังไม่ชอบนิสัยของนาง
ทุกๆ วันนางต้องทนมองเห็นสายตาเกลียดชังของหยางเจ๋อหยวน ทนฟังเขาด่าทอสารพัด แต่นางรักเขามากเหลือเกิน
ไป๋เหมยเหม่ยส่งเสียงเหอะในลำคอคราหนึ่ง บุรุษเช่นนี้มีอันใดดีกัน ปากก็จัด อีกทั้งยังมีหลายเมียแต่สตรีนางนี้กลับหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้น เพียงเพราะเขาหล่อเหลา ช่างไร้สมองเสียจริง!!!
ให้ตายเถิด!! ย้อนมาแต่งงานแล้วเช่นนี้ คงจะหาสามีใหม่ยากแล้วเป็แน่
ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เฉียวเหลียนที่นั่งอยู่ไม่ไกลจึงเอ่ยขึ้นมา
"ฮูหยินน้อย อยากได้เตาอุ่นหรือไม่เ้าคะ ยามนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว"
ไป๋เหมยเหม่ยหันมามองเฉียวเหลียนคราหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมา นางไม่ได้รู้สึกหนาวถึงเพียงนั้น แต่ไหนแต่ไรนางชื่นชอบอากาศหนาวมากที่สุด
"นี่เฉียวเหลียน ข้าขอถามเ้าเื่หนึ่ง"
"เ้าคะ"
"ข้ากับหยางเจ๋อหยวนไม่เคยหลับนอนด้วยกันจริงหรือ”
เฉียวเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดง ก่อนจะมีท่าทีเขินอายจนไป๋เหมยเหม่ยเริ่มขนลุกขนชัน
"ั้แ่แต่งงานกันมา นายน้อยหยางไม่เคยมาหาฮูหยินน้อยเลยเ้าค่ะ ไม่เคยเลย"
ไป๋เหมยเหม่ยปรายตามองเฉียวเหลียนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"แล้วเ้าเขินอายทำไมกัน"
"เอ่อ สตรีไม่ควรเอ่ยเื่เช่นนี้เ้าค่ะ"
ไป๋เหมยเหม่ยรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ก่อนจะเอ่ย
"เขาไม่เคยมาเลยจริงๆ หรือ"
"เ้าค่ะ ไม่เคยเลย ส่วนมากจะอยู่กับฮูหยินรองเ้าค่ะ"
"ฮูหยินรอง ฟ่านกุ้ยอิงน่ะหรือ"
"เอ ฮูหยินน้อยจำไม่ได้แล้วหรือเ้าคะ"
"อ้อ ข้าจำไม่ค่อยได้น่ะ เ้าก็รู้ว่าศีรษะของข้าเพิ่งฟาดขอบโต๊ะมา"
ไป๋เหมยเหม่ยเอ่ยพลางทำท่าทีปวดหัว เฉียวเหลียนที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นมาทันที
"ฮูหยินรองมีนามว่าฟ่านกุ้ยอิงนั่นแหละเ้าค่ะ นางเป็สตรีที่นายน้อยหยางรักมาก เอ่อ ฮูหยินน้อย บ่าวผิดไปแล้วเ้าค่ะ อย่าตีบ่าวเลย"
ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงเื่ราวในความฝันนั้น
เหมือนว่าร่างเดิมจะเคยเอ่ยถึงชื่อนี้อยู่หลายครั้ง
ช่างเถิด ในเมื่อนางยังไม่ได้ตกเป็ของเขาก็นับว่าเป็เื่ดี ไว้ค่อยหาโอกาสหย่าขาดจากเขา เท่านี้นางก็ไม่เสียเปรียบแล้ว!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงเอ่ยกับเฉียวเหลียนทันที
"จะกลัวทำไมกัน ข้าไม่ตบตีเ้าหรอก"
"เ้าค่ะ"
"เฉียวเหลียน ข้าอยากออกไปดูหิมะเสียหน่อย เ้าไปกับข้าที"
"ได้เ้าค่ะ"
เฉียวเหลียนรีบมาประคองไป๋เหมยเหม่ยทันที แต่ทว่าไป๋เหมยเหม่ยกลับเอ่ยขึ้นมา
"ไม่ต้องประคองข้า ข้าเดินเองได้”
"เอ่อ คือว่า..."
"โอ๊ย!! ไม่ต้องพูดมาก บอกให้ทำสิ่งใดก็ทำเถิด"
"เ้าค่ะ"
ไป๋เหมยเหม่ยก้าวเดินออกมาจากเรือนของตน ก่อนจะมองดูหิมะที่ตกโปรยปรายลงมา ทั่วทั้งพื้นหญ้ายามนี้มีหิมะสีขาวปกคลุมไปเกือบครึ่ง แต่ก็นับว่าไม่ได้หนาตามากเท่าใดนัก นางยื่นมือไปรองรับหิมะ ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วจึงก้าวเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับมีเฉียวเหลียนที่คอยกางร่มให้
"แค่กแค่ก"
ไป๋เหมยเหม่ยคล้ายได้ยินเสียงไอแห้งๆ ของสตรีนางหนึ่งเข้า ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้มองเห็นใบหน้าของสตรีนางนั้นชััดๆ ก็พลันนึกถึงเื่ราวเก่าก่อนได้ในทันที
สตรีนางนี้คือฟ่านกุ้ยอิง
"มาคอยดูกัน ว่าระหว่างเ้ากับข้า ท่านพี่หยางเจ๋อหยวนจะรักผู้ใดมากกว่ากัน เ้ามันใช้อำนาจบิดามาผูกมัดเขา แต่ทว่าเขารักข้า นังหน้าโง่!!!"
"ฮือ ท่านพี่ กุ้ยอิงไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินพี่หญิงไป๋เลยนะเ้าคะ"
"ฮือ พี่หญิงไป๋อย่าตบตีข้าเลยเ้าค่ะ"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้มองเห็นภาพต่างๆ ในห้วงความคิดของร่างเดิมแล้ว นางก็พอจะเข้าใจเื่ราวบางอย่างขึ้นมาได้
ไป๋เหมยเหม่ยคนเก่านั้นแม้จะฉลาดและสู้คน แต่ทว่ากลับไร้มารยาที่สตรีควรจะมี เอาแต่ใจตนเองไม่สุขุมรอบคอบ ทำให้พ่ายแพ้แก่ฟ่านกุ้ยอิงอย่างราบคาบ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาอีกครา นางตั้งใจว่าจะเดินผ่านฟ่านกุ้ยอิงไป แต่สตรีตรงหน้ากลับปรายตามองนางอย่างดูแคลน
ฟ่านกุ้ยอิงเชิดหน้าขึ้น ไม่มีท่าทีเคารพนบนอบต่อนางที่เป็ภรรยาเอกเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าไป๋เหมยเหม่ยกลับไม่ใส่ใจ
"พี่หญิงไป๋ วันนี้ผีตนใดผลักท่านให้ออกมานอกเรือนได้หรือ ข้าได้ยินมาว่าท่านไม่ชอบอากาศหนาว วันนี้กลับออกมาได้ หรือว่าสมองไม่ปกติเสียแล้ว"
ไป๋เหมยเหม่ยส่งเสียงเหอะในลำคอคราหนึ่ง นางเองเดิมทีไม่ชอบมีเื่กับใคร แต่ถ้ามีคนไม่ให้เกียรตินางก่อน นางก็ไม่ยอมเช่นกัน
"สมองข้าปกติดี ไม่ต้องให้เ้าลำบากเสนอหน้ามาห่วงใย เช่นนั้นเ้าก็เดินเล่นต่อไปเถิด ข้าไปละ"
ในขณะที่ไป๋เหมยเหม่ยกำลังจะเดินจากไปนั้น ฟ่านกุ้ยอิงก็พลันล้มลงไปกับพื้นที่มีหิมะ ก่อนจะกรีดร้องออกมาสุดเสียง
"พี่หญิงไป๋เ้าคะ ข้าไม่กล้าแล้ว!!!"
ไป๋เหมยเหม่ยพลันใไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นว่าฟ่านกุ้ยอิงล้มลงไปร้องห่มร้องไห้เช่นนั้น
"ไป๋เหมยเหม่ย!!! เ้ารังแกผู้อื่นอีกแล้วหรือ"
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ไป๋เหมยเหม่ยก็ยกมือขึ้นนวดขมับตนทันที
หยางเจ๋อหยวนสามีบัดซบผู้นั้นกลับมาแล้วสินะ!!!