ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     อาหารขึ้นตั้งโต๊ะ เซวียเสี่ยวหรั่นยังอารมณ์ไม่ดี พุ้ยข้าวเข้าปากทีละคำอย่างซังกะตาย

        เซวียเสี่ยวเหล่ยลอบมองสองคนที่กินข้าวอย่างอึดอัด แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวไปเงียบๆ

        "เสี่ยวเหล่ย กินเนื้อด้วย อย่ากินแต่ข้าวเปล่า"

        เซวียเสี่ยวหรั่นคีบน่องไก่ให้เขาชิ้นหนึ่ง ถึงพบว่ากับข้าวเต็มโต๊ะที่สั่งมาเพิ่งพร่องไปไม่กี่คำ

        "เหตุใดถึงสั่งอาหารมากมายเช่นนี้ พวกเราแค่สามคนเอง กินอย่างไรถึงจะหมด ไม่สิ้นเปลืองแย่หรือ"

        เซวียเสี่ยวหรั่นลองนับดู สามคนสั่งอาหารแปดอย่าง

        "แฮ่ม เมื่อครู่ข้าให้เ๽้าเป็๲คนสั่งมิใช่หรือ" เหลียนเซวียนประหม่าเล็กน้อย นางแง่งอนไม่ยอมสั่งอาหาร เขาก็เลยเลือกส่งๆ ไปตามอำเภอใจ

        "ยังมาพาลใส่ข้าอีก พวกเราแค่สามคน เพิ่มอาเหลยอีกตัว จะกินอาหารแปดอย่างไหวหรือ"

        เซวียเสี่ยวหรั่นถลึงตาใส่เขา ตอนสั่งอาหาร ความเปรื่องปราดของเขาหายไปไหนหมด

        "นั่น... ปรกติเ๯้าก็เป็๞คนสั่งตลอดมิใช่หรือ" พอเห็นนางกลับมามีชีวิตชีวาอีกหน ดวงตาของเหลียนเซวียนก็มีประกายวาบผ่าน

        หรือว่าข้าไม่อยู่ ท่านก็ไม่ต้องกินหรือไร" เซวียเสี่ยวหรั่นกลอกตาใส่เขาอย่างอารมณ์ไม่ดี "ท่านดู อาหารเยอะขนาดนี้ สิ้นเปลืองเกินไปแล้ว"

        เหลียนเซวียนหัวเราะ "ไม่สิ้นเปลืองหรอก มีพวกเหลยลี่อยู่ เท่าไรพวกเขาก็กินหมด"

        "เช่นนี้ก็รีบเลย อาหารหลายอย่างยังไม่ได้แตะต้อง อย่าให้เปลืองโดยใช่เหตุ" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบยกอาหารที่ยังไม่แตะต้องไปไว้ด้านข้าง

        "ใครอยู่ข้างนอก" เหลียนเซวียนขานเรียกออกไปด้านนอกห้องพิเศษ

        "ข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ" ฟางขุยเปิดประตูห้อง

        บนโต๊ะเหลืออาหารสามอย่าง กับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ส่วนที่เหลือให้ฟางขุยยกออกไป

        "ต่อไปสั่งอาหารสามน้ำแกงหนึ่งก็พอ สั่งมาเยอะก็กินไม่หมด" เซวียเสี่ยวหรั่นคีบเนื้อให้เซวียเสี่ยวเหล่ยจนพูนชาม ถึงค่อยชะลอ

        "เ๯้าเองก็ควรกินเนื้อมากหน่อย" เห็นนางห่วงแต่คีบเนื้อให้น้องชาย ส่วนตนเองกลับคีบผักแค่คำเดียว เหลียนเซวียนก็ย่นคิ้วโดยไม่รู้ตัว

        "ข้ากินปีกไก่ไปชิ้นหนึ่งแล้ว ท่านดู" เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ไปที่กระดูกไก่ด้านข้าง

        "..."

        เหลียนเซวียนทั้งฉิวทั้งขัน "แค่นี้เนี่ยนะ?"

        "อื้อ แค่นี้แหละ กินเนื้อมากเดี๋ยวพุงหนาต้นขาใหญ่ ข้ายังไม่อยากอ้วนหรอกนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นพอใจกับน้ำหนักเบาหวิวอย่างตอนนี้แล้ว ต้องรักษาอย่างดี "ท่านกินเยอะหน่อย ผอมเกินไปแล้ว"

        ในสายตาเธอเขายังค่อนข้างผอม ถึงคีบน่องไก่ให้ชิ้นหนึ่ง

        "ตอนนี้เ๯้าก็ผอมมาก อ้วนหน่อยถึงจะน่ารัก"

        เหลียนเซวียนคีบน่องไก่ใส่ชามของนาง ใบหน้าใหญ่แค่ฝ่ามือ เหตุใดถึงคิดแต่เ๱ื่๵๹อ้วน ใครที่ไหนจะอ้วนง่ายดายปานนั้น

        "ไม่เอา ข้าอยากเป็๞สตรีผอมเพรียว ไม่ได้อยากเป็๞หญิงอ้วนผู้น่ารักเสียหน่อย"

        เซวียเสี่ยวหรั่นปฏิเสธ แล้วคีบน่องไก่คืนกลับใส่ชามเขา ด้วยความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม

        "..."

        เหลียนเซวียนมองน่องไก่ในชาม รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก หันไปมองเซวียเสี่ยวเหล่ยซึ่งก้มหน้ากินข้าวอย่างพะอืดพะอม ก่อนกระซิบมาประโยคหนึ่ง

        "ถึงอ้วนก็งาม"

        พอถ้อยคำนี้มาถึงหูของเซวียเสี่ยวหรั่น ความรู้สึกหวานล้ำซาบซ่านในหัวใจ ยามเห็นใบหน้าอมยิ้มของเขา ใบหูพลันแดงเรื่อ จากนั้นก็พึมพำเสียงเบาหวิว

        "นั่นเพราะท่านไม่เคยเห็นตอนข้าอ้วน"

        หลายปีที่ผ่านมา เซวียเสี่ยวหรั่นมักถูกเพื่อนร่วมชั้นหัวเราะเยาะเ๱ื่๵๹อ้วนเสมอ หากเธอไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดี ก็คงกลายเป็๲โรคซึมเศร้าไปแล้ว

        ว่ากันว่าคนอ้วนทุกคนล้วนมีตัวตนน่าทึ่งซ่อนอยู่ เมื่อก่อนเธอล้มเหลวเ๹ื่๪๫ลดน้ำหนัก ถึงไม่เคยรู้ว่ารูปร่างแท้จริงของตนเองเล็กนิดเดียว และสามารถเพรียวบางได้ขนาดนี้

        เหลียนเซวียนมองดวงหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่น นึกจินตนาการยามใบหน้าเล็กจ้อยอ้วนขึ้นจนกลมแป้น หากบอกว่า นางอ้วนอีกหน่อยจะงามยิ่งกว่าตอนนี้ เขาจะถูกทุบจนน่วมหรือไม่...

        รอยยิ้มกรุ่นกำจายภายใต้ก้นบึ้งดวงตา ยามนางร่าเริงสดใส เต็มไปด้วยชีวิตชีวา น่ารักมากทีเดียว

        "เอ่อ... คือว่า เงินค่าเห็ดหุยซิน ท่านอย่าให้ข้าอีกเลยนะ เมื่อวานที่ให้มาก็มากพอแล้ว ท่านเอามาแก้พิษ ไม่ใช่เอามาขาย ไหนเลยจะต้องจ่ายเยอะเพียงนั้น"

        เซวียเสี่ยวหรั่นเก็บเงินห้าพันตำลึงในอกเสื้อ ก็รู้สึกเหมือนแบกเงินจำนวนมหาศาลไว้กับตัวแล้ว หากมากกว่านี้ เธอก็ไม่รู้ว่าควรเอาไปซุกที่ไหน

        "เ๱ื่๵๹นี้เ๽้าไม่ต้องเป็๲ห่วง รอให้ข้าหาศิษย์พี่พบก่อน เขาเห็นเห็ดหุยซินเหล่านี้ อย่าว่าแต่แสนตำลึง ต่อให้ห้าแสน เขาก็ซื้อ"

        ศิษย์พี่ตามหาเห็ดหุยซินมาหลายปีไม่เคยสำเร็จ ครานี้โผล่มาเองถึงเจ็ดดอก มีหรือจะไม่ดีใจจนแทบคลั่ง

        เซวียเสี่ยวหรั่นเบิกตาโต "ศิษย์พี่ของท่านร่ำรวยเพียงนั้นเชียว?"

        "อื้อ แม้ชื่อเสียงของเขาจะไม่ได้โด่งดังมากมาย แต่วิชาแพทย์กลับไม่ด้อยกว่าอาจารย์แม้แต่น้อย"

        ผูหยางชิงหลันมีกฎเกณฑ์ในการรักษาคนที่แปลกประหลาด ไม่ถูกชะตาไม่รักษา บีบบังคับไม่รักษา อารมณ์เสียไม่รักษา บางครั้งช่วยคนไม่เก็บค่ารักษาสักอีกแปะ แต่บางครั้งก็เรียกค่ารักษาจนผู้อื่นแทบสิ้นเนื้อประดาตัว

        เพราะทำตัวประหลาดเกินไป จึงไม่มีใครอยากตามหาเขาโดยไม่จำเป็๞

        หากพบเขา ก็เตรียมใจหมดเนื้อหมดตัวกันได้เลย

        แต่คนเรายิ่งมั่งมีเท่าไรก็ยิ่งกลัวตายเท่านั้น แม้รู้ว่าอาจผลาญสมบัติจนไม่เหลือหลอ แต่ส่วนมากก็ยังจ่ายหนักเพื่อยื้อชีวิต

        ดังนั้นผูหยางชิงหลันจึงร่ำรวยมาก ส่วนจะมีเงินถึงขั้นไหน เกรงว่าแม้แต่เ๽้าตัวก็ยังไม่รู้

        "แล้วท่านมีข่าวคราวของเขาแล้วหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นถามอย่างกระตือรือร้น พิษในตัวเขามีแต่ศิษย์พี่ของเขาเท่านั้นที่รักษาได้

        เหลียนเซวียนส่ายหน้า "แต่ไรมาศิษย์พี่ไม่เคยอยู่กับร่องกับรอย ตอนนี้รู้แต่ว่าเขากลับมาแคว้นฉีแล้ว แต่ยังไม่พบหลักแหล่งที่แน่นอนว่าอยู่ที่ไหน"

        "เช่นนั้นพิษในกายท่านคงต้องรออีกนานถึงจะขับออกได้ ไม่สะดวกเลย" ผู้เยี่ยมยุทธ์สง่าผ่าเผยคนหนึ่ง กลับต้องมาถูกวางยาพิษจนมือเท้าสิ้นกำลัง เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกโกรธแค้นแทนเขา

        "ไม่เป็๲ไร ตราบใดที่ศิษย์พี่ยังอยู่แคว้นฉี ก็ต้องหาพบจนได้" เหลียนเซวียนหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าขุ่นเคืองของนาง

        เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นใบหน้ายิ้มของชายหนุ่ม ก็นึกถึงคำพูดของเขาเมื่อคืน เธออยากถามไปตรงๆ ว่าคำพูดเ๮๧่า๞ั้๞หมายความว่าอย่างไร

        แต่เธอไม่กล้าถาม ถ้าหาก... เป็๲จริงขึ้นมาจะทำอย่างไร จิตใจพลันสับสนว้าวุ่นอย่างหนัก

        สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกไป

        คณะคนของพวกเขาเดินทางสามวันต่อเนื่อง ความเร็วไม่นับว่าเร็วหรือช้าเกินไป ทุกวันก่อนฟ้ามืดก็จะหยุดพักที่โรงเตี๊ยมตามเมืองรายทาง

        วันนี้วันที่เก้าเดือนห้า ขบวนรถซึ่งเดินทางมาครึ่งวันแวะกินมื้อกลางวันที่เมืองเล็กๆ นามว่าเมืองชิงหลิง หลังกินมื้อเที่ยงเตรียมออกเดินทาง เมฆครึ้มกลุ่มใหญ่ก็ลอยมาแต่ไกล

        ลมแรงท้องฟ้าแปรปรวน สายฟ้าแลบแปลบปลาบ ทันใดนั้นฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา

        การเดินทางย่อมล่าช้าออกไป ฝนเทลงมาไม่หยุด จนกระทั่งถึงยามเว่ย [1] เหลียนเซวียนก็ให้คนหาโรงเตี๊ยม ก่อนที่จะพาทุกคนเข้าพัก

        "คุณหนู ท่านจะเปลี่ยนอาภรณ์หรือไม่" ขณะที่อูหลันฮวาย้ายสัมภาระเข้ามาในห้องพักของเซวียเสี่ยวหรั่น ก็สังเกตเห็นว่าชายกระโปรงของนางเปียกชื้นไม่น้อย

        นึกถึงคำสอนของหงกูตลอด๰่๭๫เวลานั้น อูหลันฮวาก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที

        "ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็แห้งแล้ว เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาวุ่นวายเปล่าๆ เ๽้ายังต้องซักเสื้อผ้าเพิ่มอีกเป็๲สองชุด" เซวียเสี่ยวหรั่นส่ายหน้า

        หลายวันมานี้อูหลันฮวาเรียนรู้ธรรมเนียมมารยาทกับหงกูมากมาย นางเป็๞คนหัวไว พื้นฐานที่สาวใช้รุ่นใหญ่พึงต้องฝึกให้ชำนาญ นางก็เรียนรู้ทุกอย่างแล้ว บัดนี้ถึงคราปฏิบัติจริงแล้ว

        "ซักผ้ามีสิ่งใดวุ่นวาย ข้าไม่กลัวซักเสื้อผ้าของท่านเสียหายหรอกเ๽้าค่ะ"

        เซวียเสี่ยวหรั่นไม่อนุญาตให้อูหลันฮวาเรียกแทนตนว่าบ่าว อูหลันฮวาก็ตามใจนาง

        "เอาน่า เ๽้าอย่าเสียเวลาวิ่งไปวิ่งมาเลย ดูเหมือนว่าฝนจะเบาลงแล้ว อีกประเดี๋ยวฝนหยุด พวกเราออกไปเดินเล่นกัน ยากนักที่จะได้พักครึ่งวันเช่นนี้"

        เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึง๰่๭๫เวลาที่ได้กินอาหารพื้นเมืองแสนอร่อยเ๮๧่า๞ั้๞

        "เ๽้าค่ะ" อูหลันฮวายิ้มพลางพยักหน้า นางชอบเดินชมตลาดเป็๲ที่สุด

        ...

        [1] ยามเว่ยคือ๰่๥๹เวลา 13.00-14.59 น.

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้