บทที่ 21 ยาชะล้างอวี้จิง
เพื่อให้ตู้เสวียนเฉิงเลิกสงสัย ลู่อวี่จึงกล่าวว่า “อันที่จริง พิษดูดิญญาคล้ายกับเป็สัตว์เทพที่นักพรตเลี้ยงไว้มากกว่า ไม่เพียงแต่จะมีพลังปราณเท่านั้น แต่ยังสามารถบรรลุขั้นไปตามกาลเวลา นานวันเข้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามจำนวนศัตรูที่ถูกสังหาร เช่นเดียวกับการฝึกบำเพ็ญเพียรของนักพรต ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ คนที่ถูกพิษกัดกินจนตายก็จะเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้นและพิษจะยิ่งมีฤทธิ์รุนแรงเท่าทวีคูณ มากไปกว่านั้นพิษประเภทนี้แม้แต่ในสมัยโบราณก็ยังเป็เื่ยากไม่น้อยที่จะปรุงขึ้นมาได้ หรือหากคิดจะเอาชนะพิษชนิดนี้เพื่อนำมาใช้เองคงไม่ต่างกับการเสาะแสวงหาความตาย เช่นนั้นแล้วสิ่งที่ผู้าุโกล่าวว่าให้รวบรวมบางส่วนนำกลับไปใช้ที่สำนักของตนเอง คงกล่าวได้เพียงว่าท่านคงอยากตายจริงๆ”
นับั้แ่ตู้เสวียนเฉิงถูกพิษ ก็เริ่มสืบหาความรู้เกี่ยวกับพิษดูดิญญาไปทั่วทุกสารทิศ แต่ข้อมูลที่เก็บรักษาไว้ั้แ่สมัยโบราณกลับเป็ของล้ำค่าและหาได้ยากยิ่งนัก เวลานี้พลังยุทธ์ที่มีในกายทั้งหมดของเขาถูกใช้ไปเพื่อต่อสู้กับพิษร้ายแล้ว จึงไม่มีแรงเหลือออกไปเสาะแสวงหาข้อมูลจากสำนักใหญ่หรือตระกูลใหญ่ที่มีรากฝังลึกเ่าั้
ยิ่งสหายที่มีระดับพลังยุทธ์เท่าเทียมกันในอดีตก็ยิ่งไม่กล้าไปรบกวน เป็ความจริงที่ว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตมานับพันปีเช่นเขาจะเข้าใจความจริงที่คาดเดาไม่ได้ของจิตใจมนุษย์ จึงไม่มีความกล้าที่จะเอาชีวิตของตนเองไปทดสอบความสามารถในการจดจำผู้คน
ดังนั้นถึงแม้เวลาจะผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว จึงยังหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพิษดูดิญญาได้เพียงน้อยนิด
แต่เวลานี้เมื่อได้ยินที่ลู่อวี่อธิบาย ก็ตระหนักได้ว่ายาพิษที่เขาโดนนั้นรุนแรงและน่ากลัวเพียงใด ยิ่งเห็นว่าลู่อวี่มีความรู้อย่างกว้างขวางก็อดรู้สึกชื่นชมไม่ได้
ความจริงแล้วเื่ราวของพิษดูดิญญาแม้แต่ในบรรดาตระกูลใหญ่อย่างตระกูลลู่ที่สืบสายเืกันมานับพันปีกลับไม่ได้มีบันทึกไว้มาก หากไม่ใช่เพราะพลังยุทธ์และสถานะของลู่อวี่เมื่อชาติก่อนแล้ว อาศัยเพียงฐานะปรมาจารย์ปรุงโอสถก็อาจจะไม่เข้าใจพิษนี้ได้อย่างถ่องแท้
จากนั้น ตู้เสวียนเฉิงดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกอีกครั้ง เขาถอนหายใจและพูดด้วยความเคารพว่า “จริงๆ แล้ว ข้าเคยได้ยินมาว่านอกโลกบำเพ็ญเพียรของเทียนตู มีปรมาจารย์ปรุงโอสถที่หาตัวจับยากซึ่งถูกขนานนามด้วยความเคารพว่า ‘จอมเทพโอสถ’ หากได้พบกันั้แ่เวลานั้น คิดว่าพิษดูดิญญานี้คงจะได้รับการรักษานานแล้ว แต่ไม่รู้ด้วยสาเหตุใดผู้าุโจอมเทพโอสถท่านนั้น กล่าวกันว่าเขาได้หายตัวไปนานหลายสิบปีแล้ว และไม่รู้ว่าตอนนี้ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
ลู่อวี่ได้ยินเช่นนั้นแววตาก็พลันเปี่ยมไปด้วยความแปลกใจและอดถามไม่ได้ว่า “เช่นนั้นจนถึงตอนนี้ผู้าุโท่านนั้นก็น่าจะหายตัวไปได้หลายร้อยปีแล้ว บางทีผู้าุโท่านนั้นอาจจะมีบางอย่างเหนี่ยวรั้งไว้ถึงหายตัวไป ตอนนี้บางทีเขาอาจจะกลับมาแล้ว!”
ตู้เสวียนเฉิงหัวเราะแล้วพูดว่า “จะเป็ไปได้อย่างไร แค่ชื่อเสียงของผู้าุโท่านนั้น หากเขากลับมา แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะอยู่ห่างไกลจากที่ที่เขาอยู่ยิ่งนัก แต่ถึงอย่างไรในบรรดานักพรตชั้นสูงย่อมพากันให้ความสนใจเื่นี้บ้างแล้ว หรืออย่างน้อยข้าก็ต้องได้ข่าวคราวบ้าง!” เขาหยุดคิดไปสักพัก พลางส่ายหน้าและกล่าวต่อว่า “ช่างเถอะ ตอนนั้นข้าคิดว่าผู้าุโจอมเทพโอสถท่านนั้นเห็นท่าจะไม่ได้ความแล้ว หลังจากนั้นข้าจึงไปขอความช่วยเหลือจากาาโอสถที่เขาหนิงชุยเฟิง แต่น่าเสียดายเมื่อเทียบกับจอมเทพโอสถท่านนั้นแล้วไม่ว่าจะเื่ของพลังยุทธ์หรือชื่อเสียงก็เทียบกันไม่ติด เป็ความจริงที่พิสูจน์ได้แล้วว่าก่อนที่ข้าจะไปหาเขา เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีพิษดูดิญญานี้อยู่ ฮ่าๆ!”
ลู่อวี่แอบเบะปากในใจแต่กลับไม่ได้พูดอะไร ระดับความสามารถของคนผู้นั้นจากเขาหนิงชุยเฟิงยังกล้าเรียกตนเองว่าาายาโอสถอีกหรือ นับว่าใจกล้ามากทีเดียว แต่เื่นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ประสบการณ์เมื่อชาติก่อนที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการปรุงยาอายุวัฒนะจนตัวเองะเิตาย ทำให้เขาตระหนักได้ว่า หลังจากได้กลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่มีวันเดินตามเส้นทางนี้อีก แม้ว่าการปรุงยาอายุวัฒนะจะไม่สามารถช่วยให้คนมีอายุยืนยาวได้ แต่ตราบใดที่วิธีการนี้ยังสามารถแก้ไขปัญหามากมายจากการฝึกบำเพ็ญเพียรได้แล้ว เขาก็จะไม่หยุดทำหรือละทิ้งมันไปโดยไม่สนใจ
“เป็เพราะพิษชนิดนี้แก้ยาก ไม่ทราบว่าน้องชายมีวิธีช่วยเหลืออย่างไรได้เล่า? ข้ายังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง หากจำเป็ต้องใช้ยาอะไรขอเพียงน้องชายบอกมา ข้าจะตกรางวัลให้อย่างน่าพอใจแน่นอน” แม้ว่าตู้เสวียนเฉิงยังไม่แน่ใจว่าลู่อวี่จะรักษาเขาได้หายขาดจากอาการหรือไม่ แต่เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจพิษได้ดีเช่นนี้ อย่างน้อยน่าจะรักษาได้สามในสิบส่วน หรือต่อให้รักษาได้ไม่หายขาด แต่หากสามารถยื้อเวลาให้เขาได้มีเวลาค้นหาวิธีรักษาก็นับว่าดีแล้ว
ลู่อวี่ยิ้มอย่างมั่นใจและพูดต่อว่า “วิธีแก้พิษนี้หากว่ายากก็ยากหรือหากว่าง่ายก็แสนง่ายดาย แต่ไม่ทราบว่าผู้าุโตู้เคยได้ยินเื่ ‘ยาชะล้างอวี้จิง’ หรือไม่?”
ตู้เสวียนเฉิงส่งเสียงพึมพำ ‘ยาชะล้างอวี้จิง’? ถือเป็ยาอายุวัฒนะที่ใช้บำรุงร่างกายมาั้แ่สมัยโบราณ สรรพคุณหลักคือขับสารพิษและขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย หรือหากคิดใช้มันล้างพิษในกาย แน่นอนมันย่อมทำลายล้างทุกอย่างตามอำเภอใจ แต่สำหรับพิษดูดิญญาแล้ว พิษร้ายได้รวมเข้ากับลมปราณและพลังยุทธ์ไปแล้ว ยาแก้พิษอื่นๆ ก็ทำได้เพียงขับสิ่งแปลกปลอมและพิษในเส้นลมปราณของร่างกายได้เท่านั้น แต่ไม่มีผลกับลมปราณและพลังเวทในร่างกาย ดังนั้นยาชะล้างอวี้จิงจึงถือเป็ตัวเลือกที่ดีไม่น้อยหาก้านำมันมาชะล้างพิษดูดิญญา
แต่ยาชะล้างอวี้จิงเป็เพียงคำร่ำลือมานานนับพันปี ไม่เคยปรากฏว่ามีผู้ใดเคยใช้มาก่อน หรือว่าสุดยอดยาอายุวัฒนะประเภทนี้จะเป็ตระกูลลู่ที่เก็บไว้ใน? เช่นนั้นแล้วยาวิเศษแสนล้ำค่านี้ย่อมมีค่ามากกว่าสมบัติอื่นใด เขาต้องทุ่มจ่ายเท่าไรถึงจะได้มันมา? หากพลังยุทธ์และพลังเวทของเขายังคงอยู่ อาจหาหนทางอื่นเพื่อมัน เพียงแต่ยามนี้อับจนหนทางแล้วจริงๆ
ทันใดนั้นในหัวของตู้เสวียนเฉิงก็ดังก้องไปด้วยความคิดมากมาย แต่ในท้ายที่สุดแล้วก็ทำได้เพียงถอนหายใจ แล้วเบนสายตาไปมองนายน้อยของตระกูลลู่ผู้นั้นที่อยู่ตรงข้ามและถามว่า “ยาชะล้างอวี้จิงนี้ข้าก็เคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อน แม้ว่าจะไม่รู้แน่ชัดก็ตาม รู้เพียงว่าเป็ยาล้ำค่า เช่นนั้นแล้วข้าต้องจ่ายเท่าไรถึงจะได้มันมา? อีกอย่างประมุขตระกูลลู่จะยอมสละมันให้ข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
“แม้ว่ายานี้จะล้ำค่า แต่ตราบใดที่มีวัตถุดิบไว้ให้ปรุงยาได้อย่างครบถ้วน ย่อมปรุงยาออกมาได้ทุกเมื่อ แล้วเหตุใดถึงต้องรบกวนท่านพ่อของข้าด้วยเล่า?” ลู่อวี่พึมพำออกมาเบาๆ
“อะไรนะ? เ้าสามารถปรุงยา ‘ยาชะล้างอวี้จิง’ ได้หรือ? นี่เ้าเป็ปรมาจารย์ปรุงโอสถขั้นห้าหรือ? เ้าอายุเท่าไรกันแน่?” ตู้เสวียนเฉิงรู้สึกว่าตนเองไม่ได้แสดงอาการใเช่นนี้มานานมากแล้ว
เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์และวิสัยทัศน์ของเขา ชายหนุ่มตรงหน้าน่าจะมีอายุไม่เกินยี่สิบปีอย่างแน่นอน หากเป็ปรมาจารย์ปรุงโอสถขั้นห้าจริงๆ คงจะเป็เื่จริงที่น่าตกตะลึงไม่น้อยหากเื่นี้แพร่งพรายออกไป ย่อมสั่นะเืไปทั่วทั้งโลกบำเพ็ญเพียรของเทียนตู ตระกูลลู่จะกลายเป็ผู้มีอำนาจสำคัญที่สุดของโลกบำเพ็ญเพียรในเทียนตูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เท่าที่เขารู้มา มีนักพรตผู้มีอำนาจนับไม่ถ้วนที่ต้องตายจากฤทธิ์ของพิษ และมีนักพรตชั้นสูงที่มีพลังยุทธ์เพียงพอที่จะจัดการเื่ต่างๆ ได้อยู่หมัดอย่างน้อยเพียงสามคน ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็บุคคลสำคัญของตระกูลและสำนักที่มีชื่อเสียง หากนำยาชะล้างอวี้จิงมาแลกเปลี่ยนวัตถุดิบยาหรือผูกมิตรด้วย เช่นนั้นแล้วคงจะทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลลู่เพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณ นับว่าเป็เื่ที่น่าเหลือเชื่อไม่น้อย
แต่อย่างไรเขาก็เคยอยู่จุดสูงสุดในโลกบำเพ็ญเพียรมาก่อน หลังจากเกิดความปั่นป่วนเล็กน้อยขึ้นในใจก็พลันสงบสติอารมณ์ในไม่ช้า ความคิดต่างๆ ตีรวนขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดออกมาอย่างเด็ดขาด “เอาละ หากเ้าปรุง ‘ยาชะล้างอวี้จิง’ ได้จริง และรักษาอาการาเ็ของข้าให้หายได้ นอกจากชีวิตของข้า ไม่ว่าคำขอใดๆ ข้าจะทำให้เ้าสมปรารถนา!
ลู่อวี่ดีใจขึ้นมาทันที และแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ในที่สุดชายชราก็ยอมเอ่ยปากแล้ว หาก้าเพียงสมบัติล้ำค่าและเคล็ดวิชาลับ ข้าจะชักแม่น้ำทั้งห้าอยู่พูดคุยกับเ้าอย่างนั้นหรือ? ไม่ว่าเ้าจะอยู่ในขั้นตงซวนหรือขั้นเกิดเทพเ้า แต่ในสายตาของข้าก็ไม่นับว่าเ้าเป็คนสำคัญอะไร
“ผู้าุโตู้กล่าวเกินไปแล้ว ข้านั้นร้องขอไม่มาก เพียงหวังว่าจะให้ท่านปกป้องข้าให้นานสักร้อยปี นอกจากภัยอันตรายถึงชีวิตแล้ว คงไม่มีเื่ใดรบกวนท่านอีก เป็เพราะระดับพลังยุทธ์ของข้าช่างต่ำเตี้ย หากเกิดปัญหาขึ้นเพียงเล็กน้อยอาจจะตายและิญญาดับสลายได้ เช่นนั้นแล้วหากกันไว้ดีกว่าแก้คงจะดี”
ตู้เสวียนเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ให้คอยปกป้องปรมาจารย์ปรุงโอสถขั้นห้าสักร้อยปีคนหนึ่งไม่นับว่าลำบากอะไร ทั้งยังเป็เื่ที่อยากทำเพื่อตอบแทนไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าพิษในกายจะถูกกำจัดออกไปหมดแล้วในครั้งนี้ แต่กลับไม่สามารถฟื้นฟูระดับพลังยุทธ์เดิมให้กลับคืนมาใน่เวลาอันสั้นได้ แต่หากได้อยู่ข้างกายปรมาจารย์ปรุงโอสถขั้นห้า คงจะร่นระยะเวลาฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้อย่างแน่นอน
หากตอบตกลงในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่เสียเปรียบ แต่อาจยังได้รับผลประโยชน์อีกด้วย แต่ก็อดรู้สึกละอายแก่ใจไม่ได้จึงกล่าวออกไปว่า “เื่นี้ไม่นับเป็การตอบแทนโดยแท้ สู้น้องชายร้องขออย่างอื่นยังดีเสียกว่า แม้ว่าข้าจะไม่กล้าพูดว่าทรัพย์สมบัติของข้ามีมากน้อยเพียงใด แต่ก็เก็บสะสมของดีๆ ไว้มากมายตลอดพันปีที่ผ่านมา อ้อ ใช่สิ น้องชายผู้นี้เป็ถึงปรมาจารย์ปรุงโอสถขั้นห้า บังเอิญว่าข้ามียาวิเศษอยู่มากทีเดียว ขอยกให้เ้าทั้งหมดเลยดีหรือไม่ ถือเสียว่าเป็ค่าตอบแทน!”
ขณะที่พูดก็หยิบแหวนลับที่ไม่ได้ใช้ออกมาและบรรจุยาวิเศษทั้งหมดที่เขาเก็บสะสมมานานหลายปีลงไป สุดท้ายแม้แต่แหวนลับก็ส่งมอบให้ลู่อวี่ โดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นแหวนลับนี้ ดวงตาของลู่อวี่ก็พลันเปล่งประกายแวววาวขึ้นเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาได้แย่งชิงแหวนลับของเมิ่งเทียนซิงจากตระกูลเมิ่งมา ถึงได้นำไปสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างเขาและเมิ่งเทียนอวิ๋น ดังนั้นของล้ำค่าที่แย่งชิงกันครั้งนั้นคือแหวนลับขั้นต่ำวงหนึ่ง ทั้งพื้นที่จัดเก็บยังมีขนาดเล็กกว่าพื้นที่จัดเก็บถุงลับขั้นต่ำเสียอีก แต่ตอนนี้ตู้เสวียนเฉิงกลับมอบแหวนลับนี้ให้เอง ระดับขั้นของแหวนลับวงนี้ไม่ว่าอย่างไรก็มีระดับสูงกว่าวงที่เขาใช้อยู่ตอนนี้แน่ จึงไม่จำเป็ต้องมองหาของวิเศษอื่นไว้จัดเก็บของอีกต่อไป เพราะในฐานะคนปรุงโอสถ หากไม่มีแหวนลับขนาดใหญ่ไว้เก็บยาวิเศษที่ล้ำค่า ก็นับว่าเป็เื่ที่น่าเศร้าจริงๆ
แต่เดิมทีแหวนลับก็มีค่ามากอยู่แล้ว แม้ว่าจะสามารถหลอมมันขึ้นมาได้ทุกเมื่อ แต่วัสดุในการหลอมแหวนลับขึ้นมาได้นั้นนับว่าหายากไม่น้อยไม่เช่นนั้นลู่อวี่คงไม่ไปชกต่อยกับคุณชายเจ็ดของตระกูลเมิ่งจนปางตายเพียงเพราะแหวนลับวงหนึ่งอีกทั้งยังแย่งชิงสมบัติของเขามาอีกด้วย
ลู่อวี่รับมันไปโดยไม่ลังเล เขาลอบยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อผู้าุโตู้พูดเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วข้าไม่ขอเกรงใจอีกต่อไป” โดยเฉพาะยาวิเศษเหล่านี้ ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะหาซื้อได้ทั่วไป อย่างน้อยต้องมีโชคช่วย หรือหากต้องรอรวบรวมวัตถุดิบยาเตรียมนำมาปรุง ก็ไม่รู้ต้องรอนานเพียงใด นั่นจึงเป็เหตุผลที่เขาเลือกซื้อวัตถุดิบยาขั้นต่ำทุกชนิดและวัสดุปรุงยาอื่นๆ จากแผงขายของของนักพรตสันโดษเมื่อครู่นี้ ไม่ว่าจะเป็สิ่งใดขอเพียงมีความเป็ไปได้ที่จะใช้มันในภายภาคหน้า ย่อมกวาดซื้อมาโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
อันที่จริง เขาก็อยากรู้เกี่ยวกับของสะสมของสัตว์ประหลาดเฒ่าพันปีอย่างตู้เสวียนเฉิงไม่น้อย แต่มันคงจะไม่เหมาะสมหากต้องมานั่งพินิจมันต่อหน้าเ้าของ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยกลับไปดูในภายหลัง
เมื่อตู้เสวียนเฉิงเห็นลู่อวี่รับไปถือมันไว้ในมือโดยไม่เสแสร้ง ก็พยักหน้าเงียบๆ เขาพลันเชื่อมั่นในตัวลู่อวี่มากขึ้น หากไม่มีความมั่นใจแล้ว จู่ๆ ได้รับของล้ำค่าเ่าั้มา อย่างน้อยจะต้องรู้สึกกลัวอย่างแน่นอน
หลังจากนั้น ทั้งสองก็เริ่มพูดคุยถึงตัวยาที่จำเป็ต่อการปรุง 'ยาชะล้างอวี้จิง' เพราะยานี้ถือเป็ยาอายุวัฒนะขั้นห้า ดังนั้นจึงจำเป็ต้องใช้ตัวยาที่มีค่า แต่ก็หาได้ไม่ยากเกินไป แค่ยอมจ่ายเซียนหยก ใช้เวลาเพียงไม่นานย่อมรวบรวมวัตถุดิบยาได้ครบทั้งหมด แต่สูตรปรุงยาสูญหายไปนานหลายพันปี จึงทำให้มันล้ำค่ายิ่งนัก แต่ต่อให้ลู่อวี่จะมีสูตรยา แต่ก็เป็เื่ยากที่จะรวบรวมวัตถุดิบยาทั้งหมดจากทรัพย์สินที่มีติดตัวของเขา
“เมื่อนึกถึงยาวิเศษเ่าั้ที่ตู้เสวียนเฉิงมอบให้เขาเมื่อครู่นี้ จึงรีบหยิบออกมาตรวจดูทันที มีดอกไม้หยินหยาง หญ้าดำตะวันออกพันปี หญ้าน้ำลายั และแม้แต่เืเฟิ่งหวงสามหยดก็มี? นี่ถือเป็วัตถุดิบพิเศษที่ฝืนชะตา์สำหรับใช้ฝึกฝนพลังเวทไฟ ส่วนนั่นคือหวายหยกดำอย่างนั้นหรือ? มันผ่านความร้อนมานานนับพันปีแล้ว ทั้งยังต้องลงไปยังดินแดนปรภพที่อยู่ใต้พิภพหลายร้อยจั้งเท่านั้นถึงจะสามารถไปรวบรวมมาได้ แม้แต่ปรมาจารย์ขั้นตงซวน หากเข้าไปถึงที่นั่นย่อมต้องฝ่าอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด!” ลู่อวี่พูดพึมพำคนเดียวด้วยความตื่นเต้นดีใจ หลังจากนั่งท่องจำยาวิเศษในวงแหวนลับทีละอันได้ก็พอใจไม่น้อย แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือในบรรดายาวิเศษล้ำค่ามีเพียง ‘หญ้าเฝินจิงสามใบ’ เท่านั้นที่เป็หนึ่งในวัตถุดิบหลักที่จำเป็ต่อการปรุง ‘ยาชะล้างอวี้จิง’ ได้ ส่วนวัตถุดิบพิเศษที่เหลืออีกสองสามชนิดไม่มี
ท้ายที่สุด ลู่อวี่ทำได้เพียงเขียนตัววัตถุดิบยาทั้งหมดที่จำเป็ต่อการปรุง ‘ยาชะล้างอวี้จิง’ ให้ตู้เสวียนเฉิงช่วยเสาะหา อย่างไรหากช่วยกันย่อมตามหาวัตถุดิบทั้งหลายได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะตู้เสวียนเฉิงถูกพิษมานานมากแล้ว ดูท่าคงจะยื้อเวลาชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน จากประสบการณ์แล้วอย่างมากสุดก็คงอีกสักปี หลังจากนั้นพิษดูดิญญาในกายของตู้เสวียนเฉิงก็จะกำเริบหนักจนทำให้เขาต้องตาย
แต่ลู่อวี่ยังคงติดนิสัยเก็บของบางอย่างไว้ใช้ส่วนตัว ไม่ใช่เพราะเขามีนิสัยชอบเอารัดเอาเปรียบ แต่เป็ความเคยชินของคนปรุงโอสถทุกคน ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือมันเป็หนทางเก็บรักษาความลับ ไม่ว่าจะทางใดสูตรยาทั้งหลายย่อมเป็ทรัพยากรล้ำค่า ในฐานะคนปรุงโอสถที่มีคุณสมบัติครบถ้วนผู้หนึ่ง ย่อมไม่มีทางเปิดเผยสูตรยาของตนเองให้ผู้อื่นรับรู้โดยง่าย และไม่มีทางไม่เก็บสูตรยาเอาไว้กับตัว
และแม้ว่าพลังยุทธ์ในตอนนี้ของตู้เสวียนเฉิงจะถูกจำกัดทั้งยังไม่ใช่ผู้โดดเด่น แต่เมื่อพูดถึงเื่ความคุ้นเคยกับเมืองเทียนตูเซียนแล้ว เขาที่อาศัยอยู่ที่นี่มาร้อยกว่าปี ย่อมเข้าใจทุกความเป็ไปของผู้คนที่นี่ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ลู่อวี่จะเทียบเคียงได้ แต่หากพูดถึงเื่ทรัพย์สมบัติก็นับว่าเขายิ่งทิ้งห่างออกไปชนิดไม่เห็นฝุ่น แน่นอนว่าลู่อวี่คงไม่นิ่งเฉยโดยไม่ทำอะไร เขาเองก็จะใช้อำนาจของตระกูลลู่ช่วยตามหาเช่นเดียวกัน เพราะอย่างไรเสียหากยิ่งรักษาตู้เสวียนเฉิงให้หายรวดเร็วเพียงใด ก็ยิ่งได้รับประกันความปลอดภัยในชีวิตเร็วขึ้นเท่านั้น
หลังจากถูกพิษดูดิญญาทรมานกายมานานหลายร้อยปี ในที่สุดก็เห็นประกายความหวังในการชำระล้างพิษแล้ว ริ้วรอยบนใบหน้าของตู้เสวียนเฉิงดูเหมือนจะลดลงไปด้วย และดูเหมือนเขาจะกลับมามีชีวิตชีวาและมีเรี่ยวแรงมากขึ้น!
หลังจากได้รับการยืนยันแล้ว ตู้เสวียนเฉิงก็ไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป รีบไปหาวัตถุดิบยาทันที เมื่อลู่อวี่เห็นเช่นนั้นจึงได้นัดหมายกับเขาไว้ก่อนจากนั้นจึงขอตัว
หลังจากออกจากบ้านพักของตู้เสวียนเฉิง ลู่อวี่ก็มุ่งหน้ากลับเกาะคงิทันที เกาะสี่ส่วนเป็หนึ่งในเก้าเกาะที่อยู่รอบนอก นอกจากแผงของนักพรตสันโดษเ่าั้แล้ว ยังมีร้านค้าขนาดเล็กและเ้าของกิจการผู้มีอำนาจและอิทธิพลเล็กๆ โดยรอบเกาะทั้งเก้า พวกเขาต่างตั้งร้านค้ากลางเกาะคงิ และย้ายที่พักไปไว้รอบนอกของเกาะ เช่นเดียวกับที่พักและร้านค้าที่เชื่อมต่อกัน ทว่าร้านค้าของตระกูลลู่กลับมีไม่มากนัก
ในเวลานี้หากเป็โลกภายนอกน่าจะเข้าสู่ยามจื่อแล้ว แต่ในเมืองเทียนตูเซียนยังคงสว่างเหมือนกับยามอู่สำหรับนักพรตแล้วเวลากลางวันกลางคืนไม่นับว่ามีผลกระทบใดต่อพวกเขา ดังนั้นการค้าขายจึงยังราบรื่นดี
รอบนอกตลาดการค้าในพื้นที่ใจกลางของเกาะคงิเป็ที่ตั้งทำเลทองทั้งหมด และมีผู้คนหนาแน่นที่สุด ถูกโดยเ้าของกิจการที่มีอำนาจและอิทธิพลต่างๆ ทั้งหมด ลู่อวี่เดินมาหยุดอยู่หน้าอาคารสูงหลังสีขาว ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
“หอการค้าเป่ยเสวีย?” หอการค้าแห่งนี้พอจะมีอยู่ในความทรงจำของลู่อวี่อยู่บ้าง พิจารณาจากขนาดของกิจการและความยิ่งใหญ่ก็ถือว่าไม่เลว
ไม่ว่าครั้งนี้จะมาเพื่อเก็บรวบรวมวัตถุดิบยาสำหรับนำไปปรุงยาอายุวัฒนะให้กับตู้เสวียนเฉิงหรือว่าเก็บรวบรวมไว้เพื่อตนเอง ย่อมต้องมองหาพ่อค้าที่มีคุณสมบัติและชื่อเสียงมากพอ รวมถึงยังมองหาร้านค้าที่น่าจะพอมีความสามารถเก็บรวบรวมวัตถุดิบยาได้เพียงพออีกด้วย
ตระกูลลู่มีกิจการเป็ของตนเอง และดำเนินกิจการร้านค้าต่างๆ เป็หลัก รวมถึงยังมีการเก็บค่าธรรมเนียมจากการดูแลกิจการในเมืองหลิวอวิ๋นเซียน ซึ่งเป็หนึ่งในเมืองจิ่วต้าเซียนในโลกบำเพ็ญเพียรของเทียนตู แต่กระนั้นแล้วแม้ว่าตระกูลลู่จะเป็เ้าของกิจการร้านค้าหลายแห่ง แต่กลับไม่มีกิจการหลักที่โดดเด่นเป็ของตนเอง
“นายน้อย หอการค้าเป่ยเสวีย เป็กิจการของตระกูลอวิ๋น ชื่อเสียงและความใหญ่โตก็นับว่าอยู่ในระดับแถวหน้า เลื่องลือเื่ยาอายุวัฒนะ อาวุธวิเศษ และวัตถุดิบยากต่างๆ อย่างน้ำแข็งคุณภาพสูง!” ลู่หงพูดแทรกมาจากทางด้านหลัง
“อ้อ? เช่นนั้นเราเข้าไปดูกันดีหรือไม่ แม้ว่าจะพบเห็นน้ำแข็งได้จนชินตา แต่ว่ากันตามตรงแล้วมันมีราคาสูงกว่ายาที่มีสรรพคุณทางยาอื่นๆ เป็เพราะสภาพแวดล้อมการเติบโตของยาอายุวัฒนะประเภทน้ำแข็งนั้นทรหดกว่า อีกทั้งส่วนใหญ่จะเติบโตอย่างโดดเดี่ยว ไม่ค่อยจะเก็บเกี่ยวเป็กลุ่มก้อนได้!”
ลู่อวี่พูดพลางเดินไปทางประตูใหญ่
ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง “ปัง” เคล้าคลอมากับเสียงครวญครางอย่างเ็ป จากนั้นก็มีเงาสีดำลอยตัวออกมาจากด้านใน พุ่งเข้ามาชนลู่อวี่และองครักษ์ทั้งหลายพอดี ขณะเดียวกันนั้นก็ตามมาด้วยเสียงติดจะเ็า คล้ายกับดูทระนงองอาจ แต่เสียงนั้นกลับฟังดูคุ้นหูพิกล
“ไสหัวออกไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คนต่ำต้อยเช่นเ้าจะเข้ามาได้?”
“เหอะ!” ลู่เสียงและลู่หนานที่อยู่ด้านหลังของลู่อวี่ส่งเสียงประชดประชันในเวลาเดียวกัน เขาสะบัดมือออกและกำลังจะพุ่งเข้าใส่เ้าของเงาดำนั้น
“อย่าทำให้ผู้ใดาเ็!” ลู่อวี่กำชับ ลู่เสียงตอบรับก่อนจะตอบโต้ด้วยการปล่อยพลังเวทออกมาทีละครั้งเพื่อกำจัดพลังที่ซ่อนอยู่ เงาดำนั้นถูกพลังเวทปะทะตัวจนถอยร่นไปอีกทาง แต่กลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ
เงาดำนั้นเป็ของบุรุษร่างผอมอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี สวมชุดคลุมสีเทาบางๆ สังเกตจากพลังปราณที่เขาปล่อยออกมาน่าจะเป็นักพรตที่เพิ่งเข้าขั้นพลังจิต ดูท่าแล้วคงจะเป็นักพรตสันโดษตกอับผู้หนึ่ง
ชายหนุ่มผู้มีหน้าตาธรรมดา แต่ดวงตากลับฉายแววความหัวรั้นและดื้อรั้นอย่างอธิบายไม่ถูก เวลานี้กำลังจ้องมองใครบางคนที่กำลังเดินออกมาจากด้านในอย่างเ็า
“เฮ้ย? ใครมันกล้ามายุ่งเื่ของข้า?” น้ำเสียงติดจะหยิ่งผยองเมื่อครู่นี้ดังขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาช้าๆ
คนผู้นั้นน่าจะมีอายุยี่สิบปีรูปร่างผอมเพรียว ใบหน้าขาวราวกับหยกดูทะนงตน เมื่อเห็นลู่อวี่และคนอื่นๆ ยืนอยู่นอกประตูในเวลานี้ ก็พลันสะดุ้งใเล็กน้อย ตามมาด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยผุดขึ้นที่มุมปาก แววตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและเหยียดหยาม
“ข้าก็ว่าใครที่กล้ามายุ่งเื่ของคนจากเขาหนิงชุยเฟิง? ที่แท้เป็ศิษย์น้องนี่เอง”
ภาพของผู้ติดตามอีกสามคนตกอยู่ในสายตาของลู่อวี่เช่นกัน แต่เขากลับรู้จักเพียงสองในสามคนนั้น อีกคนนับว่าดูแปลกหน้าแปลกตาไม่น้อย
“ศิษย์น้องอะไรกัน? ศิษย์พี่จาง ท่านน่ะใจดีเกินไปแล้ว กับคนไร้ค่าที่ถูกขับไล่จากสำนักผู้หนึ่ง ศิษย์พี่ไม่จำเป็ต้องกล่าวอย่างสุภาพกับเขาแล้ว”
ในบรรดาสี่คนที่เดินออกมา ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าสุดและชายหนุ่มอีกคนตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อย ชายหนุ่มคนแรกมีผิวค่อนข้างคล้ำ ลู่อวี่รู้จักทั้งคู่ พวกเขาเป็ลูกศิษย์ของาาโอสถแห่งเขาหนิงชุยเฟิง คนด้านหน้าชื่อว่า จางอวี้หลางและอีกคนชื่อว่า เกาจวิ้นเจี๋ย พวกเขาเป็ลูกหลานของตระกูลชนชั้นสูงที่ร่วมคำนับเข้าเป็ลูกศิษย์ของเขาหนิงชุยเฟิงพร้อมกับลู่อวี่ แต่สองคนนี้เป็เพียงทายาทที่มาจากตระกูลเล็กๆ และมีสถานะต่ำกว่าพี่ใหญ่อย่างลู่อวี่อยู่ขั้นหนึ่ง
แต่พร์และคุณสมบัติของสองคนนี้ก็นับว่าแข็งแกร่งกว่าลู่อวี่คนเดิมมากจริงๆ เพราะได้รับการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอยู่ที่เขาหนิงชุยเฟิงมากว่าสามปี ก็พอจะมีชื่อเสียงและมีระดับความสามารถในขั้นคนปรุงโอสถขั้นเก้า แม้ว่าในหมู่คนปรุงโอสถยังถือว่าอยู่ในระดับขั้นปลายแถวที่ไม่เข้าชั้นอยู่ แต่ในหมู่นักพรตกลับมีสถานะสูงส่ง อีกทั้งยังอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้นจึงนับว่ามีศักยภาพสูง ดังนั้นผู้มีอำนาจแต่ละคนจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผูกมิตรด้วย นานวันเข้าจึงทำให้พวกเขามีนิสัยหยิ่งผยองและชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา อันที่จริงลูกศิษย์ของเขาหนิงชุยเฟิงส่วนใหญ่แล้วล้วนมีนิสัยหยิ่งยโส เพียงแต่ต่างระดับกันไปเท่านั้น
“เฮ้ย! คำพูดของศิษย์น้องเกาช่างไร้เยื่อใยยิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไรศิษย์น้องลู่ก็เป็ถึงนายน้อยตระกูลลู่ แม้ว่าคุณสมบัติของเขาจะต้อยต่ำเพียงใด แต่ก็ใช่ว่าคนสถานะต่ำต้อยเช่นข้าจะเทียบได้? อีกอย่างไม่ว่าอย่างไร ลูกศิษย์ของเขาหนิงชุยเฟิงอย่างเราจะเสียมารยาทไม่ได้ ใช่หรือไม่!”
เกาจวิ้นเจี๋ยได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าเยาะเย้ยมองลู่อวี่อย่างหยอกล้อ พลันหัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า “ใช่แล้ว ศิษย์น้องลู่ แม้ว่าจะไร้ซึ่งคุณสมบัติ แต่ระดับความหน้าด้านนั้นย่อมไม่ธรรมดา ร่ำเรียนสิ่งใดก็ไม่เข้าหัวแต่ยังหน้าด้านหน้าทนอยู่ที่เขาหนิงชุยเฟิงได้ตั้งสามปี ช่างเป็แบบอย่างของข้าจริงๆ!”
ลู่เสียงและคนอื่นๆ นึกโกรธไม่น้อยในยามนี้ พลังปราณในกายโหมกระหน่ำ ขอเพียงนายน้อยออกปากสั่งเพียงครึ่งคำ เ้าคนสารเลวทั้งสองนี้ได้ตายทั้งเป็โดยแน่แท้ นายน้อยเป็ถึงปรมาจารย์ปรุงโอสถขั้นห้า อยู่ในระดับเดียวกันกับาายาโอสถและเป็ถึงนายน้อยของตระกูลลู่ผู้สูงศักดิ์ ใช่หรือที่คนชั้นต่ำในตระกูลเล็กๆ แสนต่ำต้อยเหล่านี้จะมาดูถูกได้?
ลู่อวี่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งนี้มากนัก ในสายตาของเขาสองคนนี้ก็เป็เพียงมดตัวเล็กๆ เท่านั้น ไม่นับว่าคุ้มค่าให้ต้องโกรธเคืองกัน ดังนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “ไปกันเถอะ ไม่จำเป็ต้องสนใจพวกคนต่ำต้อยเช่นนี้!” พร้อมกับโยนคำพูดที่จางอวี้หลาง พูดเมื่อครู่กลับคืนเขาไป พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินวนรอบๆ ตัวของจางอวี้หลาง ก่อนจะพาคนอื่นๆ เดินเข้าไปด้านในหอการค้าเป่ยเสวีย
ทว่าลู่เสียงกลับไม่สนใจคำทัดทาน ขณะที่กำลังเดินผ่านจางอวี้หลางและคนอื่นๆ ก็ลดเสียงลงและพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “วันนี้นายน้อยอารมณ์ดี มิเช่นนั้นพวกเ้าได้ตายทั้งเป็ไปแล้ว!”
สำหรับคนที่เขาช่วยชีวิตไว้เมื่อครู่นี้ก็ไม่รู้ว่าหายตัวไปเมื่อไร แต่ที่ลู่อวี่และคนอื่นๆ ช่วยเขาไว้ก็เป็เพียงเื่บังเอิญเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่เก็บเอามาใส่ใจ
“ช้าก่อน! ศิษย์พี่จางกำลังพูดกับเ้าอยู่ ไม่ได้ยินหรือ? เหตุใดถึงกล้าเสียมารยาทเช่นนี้!” เกาจวิ้นเจี๋ยโกรธยิ่งนักเมื่อเห็นว่าลู่อวี่เดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะปรายตามองพวกเขา เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา จึงรู้สึกโกรธขึ้นมาทันควันและรีบวิ่งไปหยุดขวางหน้าลู่อวี่กับคนอื่นๆ แน่นอนว่าคำเตือนของลู่เสียงนั้น เขากลับไม่ได้ใส่ใจมัน เพราะในฐานะลูกศิษย์ของเขาหนิงชุยเฟิง จะมีอำนาจใดกล้าทำให้ขุ่นเคืองใจได้ ดังนั้นจึงไม่เห็นองครักษ์ตัวเล็กๆ อยู่ในสายตา
ใบหน้าของจางอวี้หลางบึ้งตึงราวกับสายน้ำนิ่ง เ้ามันเป็เพียงคนไร้ค่า ข้าพูดกับเ้าเช่นนี้ก็นับว่าไว้หน้าเ้ามากแล้ว ต่อให้เ้าจะเป็นายน้อยของตระกูลลู่แล้วอย่างไร?ตระกูลลู่กล้าทำให้คนจากเขาหนิงชุยเฟิงขุ่นเคืองใจเช่นนั้นหรือ? ดูเหมือนว่ากลับไปครั้งนี้จะต้องแจ้งให้บรรดาท่านผู้เฒ่าที่รับหน้าที่แจกจ่ายยาอายุวัฒนะรับรู้เสียแล้ว เพื่อฝากบทเรียนไว้ให้คนตระกูลลู่!
“ไสหัวไปให้พ้น เป็หมาป่ามาจากที่ใดถึงได้กล้ามาเห่าหอนอยู่ที่นี่?” ดวงตาของลู่เสียงมืดครึ้ม ก้าวเข้าไปผลักเกาจวิ้นเจี๋ยออกไปให้พ้นทาง ก่อนเอ่ยกลับอย่างเหยียดหยาม
เวลานี้เมื่ออวิ๋นอันเหรินผู้ดูแลต้อนรับของหอการค้าเป่ยเสวีย รู้ตัวตนของผู้มาเยือนแล้ว จึงไม่มีทางปล่อยให้ทั้งสองกลุ่มเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงในพื้นที่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตระกูลอวิ๋นเพิ่งได้รับสารด่วนเมื่อครู่นี้ว่านายน้อยของตระกูลลู่อาจเป็ถึงปรมาจารย์ปรุงโอสถขั้นหก! นับว่าเป็เื่ใหญ่ที่สามารถสั่นะเืทั่วทั้งโลกบำเพ็ญเพียรได้ทีเดียว ดังนั้นจึงไม่มีทางปล่อยให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจในร้านของเขาอย่างแน่นอน
“ยินดีต้อนรับคุณชายลู่ขอรับ ร้านเล็กๆ ของข้าน้อยได้รับเกียรติอย่างยิ่งที่มีแขกผู้สูงศักดิ์มาเยือน เรียนเชิญเข้ามาด้านในก่อน หาก้าสิ่งใด โปรดบอกข้าน้อยได้ทันทีขอรับ รับรองว่าคุณชายต้องพอใจอย่างแน่นอน” ขณะที่พูดก็ขยิบตาเป็สัญญาณลับให้กับจางอวี้หลางและลูกศิษย์ของเขาหนิงชุยเฟิงอีกสองคนที่มาด้วยกันไปด้วย
“ได้ยินว่าร้านค้าของตระกูลอวิ๋นมีวัตถุดิบประเภทน้ำแข็งครบครัน นายน้อยของข้าอยากจะซื้อเสียหน่อย ขอให้เ้าโปรดนำรายการมาเสนอขาย นายน้อยของข้าจะเป็ผู้เลือกเองกับมือเ้าจะได้ไม่เสียเวลา” ลู่เสียงหันไปมองลู่อวี่ครู่หนึ่ง แล้วบอกกล่าวจุดประสงค์ทันที