เวลาผ่านไปสองชั่วโมง หลินเยว่ก็เดินสำรวจเครื่องเคลือบทั้งสองข้างทางจนครบแล้ว บนถนนเส้นนี้มีของปลอมเยอะแยะนับไม่ถ้วน แต่ของแท้กลับมีเพียงไม่กี่ชิ้น แถมของแท้บางชิ้นลักษณะภายนอกก็ดูไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไร แต่ทว่าราคาของมันกลับสูงลิบ ซึ่งไม่เหมาะกับการซื้อแล้วนำมาขายต่อเลยสักนิด เพราะแทบไม่เหลือส่วนต่างให้ขึ้นราคาสูงขึ้นได้เลย
เมื่อเดินจนครบแล้ว หลินเยว่ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนต่อดี เขาควรกลับไปหรือว่าเดินชมของต่อไป?
โอกาสที่เขาจะได้ออกมาข้างนอกในแต่ละครั้งมีไม่เยอะ เขาควรดูของต่อไปมากกว่า เพื่อจะได้เปิดหูเปิดตาให้มากขึ้น
อันที่จริงหลินเยว่คิดอยากไปพนันหินหยกอีกครั้ง เพราะตอนนี้เขามีเงินอยู่ทั้งเนื้อทั้งตัวแค่สองแสนหกหมื่นกว่าหยวนเท่านั้น เดือนหน้าเขากับเฮ่อโย่วจ้างจะไปพนันหินหยกด้วยกัน หากเขามีเงินเพียงเท่านี้ย่อมน้อยเกินไป เพราะหินหยกเพียงก้อนเดียวก็อาจจะต้องใช้เงินก้อนนี้ทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น เขาจำเป็ต้องหาเงินเพิ่มอีก แต่ทว่าตอนนี้เวลาเหลือน้อยจนเกินไป เขาไม่มีเวลาออกมาพนันหินหยกเลยสักนิด
แต่ว่าสถานที่แห่งนี้ห่างจากที่สำหรับพนันหินหยกไกลมากพอสมควร อีกทั้งตรงนี้ก็ใกล้จะสุดถนนแล้ว เมื่อหลินเยว่ลองคิดทบทวนอีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจที่จะดูของบนถนนเส้นนี้ให้หมดเสียก่อน
ด้านหน้าก็ยังเป็แหล่งที่ขายวัตถุโบราณ เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่พวกเครื่องเคลือบแล้ว แต่เป็พวกเครื่องทองแดงหรือเครื่องสัมฤทธิ์ แต่ละแผงต่างวางโชว์เครื่องทองแดงชิ้นเล็กชิ้นน้อยไล่ไปจนถึงชิ้นใหญ่ ของแต่ละชิ้นมีสนิมทองแดงเกาะเต็มไปหมด หากมองจากภายนอกก็ดูเหมือนว่ามันเป็ของเก่าแก่มากทีเดียว แต่มันเป็เพียงการ “ดูเหมือน” เท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าอาจเป็เพียงการเอาของไปฝังเมื่อวันก่อน เมื่อวานค่อยขุดขึ้นมา และวันนี้ก็นำออกมาขายก็ได้!
การแบ่งประเภทของเครื่องทองแดงก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเครื่องเคลือบเลยทีเดียว ชิ้นเล็กๆ มีั้แ่ขวดยานัตถุ์ ไปจนกระทั่งชิ้นใหญ่ เช่น กระถางธูปสัมฤทธิ์สามขาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าร้านวัตถุโบราณ มีของแปลกพิสดารมากมาย สามารถยกตัวอย่างได้ไม่จบไม่สิ้น
หลินเยว่ตั้งใจจะเข้าไปชื่นชมเท่านั้น เขาไม่ได้มีความคิดที่จะซื้อเลยสักนิด เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับวัตถุโบราณประเภทอื่นๆ แล้ว เครื่องทองแดงเหล่านี้เหมาะที่จะเป็ของเอาไว้ชื่นชม หรือนำไปวางตั้งโชว์ไว้ในบ้านก็พอแล้ว เหมือนกับพวกดาบสัมฤทธิ์ คุณไม่สามารถซื้อกลับบ้านแล้วแขวนไว้ที่เอวตลอดเวลา เพราะอาจทำให้คุณเหนื่อยจนแย่แน่ๆ เลยก็ได้
หลินเยว่เดินเข้าไปยังแผงร้านหนึ่งโดยบังเอิญ เขาหยิบดาบสัมฤทธิ์ขึ้นมาเล่มหนึ่ง
หนักมาก!!!
นี่เป็ความรู้สึกแรกยามที่ดาบสัมฤทธิ์ได้ััอยู่ในมือ
หลินเยว่มองสนิมทองแดงบนดาบ หลังจากนั้นจึงสำรวจระดับความคบของดาบ ทำให้พบว่าดาบเล่มนี้ไม่มีความคมเลยสักนิด ดูเป็ดาบบริสุทธิ์ เพราะไม่ใช่ดาบคู่ใจของพวกวีรบุรุษที่เอาไว้สังหารศัตรูในสนามรบ หากคนที่ไม่ดูให้ดีก่อนแล้วนำดาบเล่มนี้ไปสังหารคนอื่น สุดท้ายเขาผู้นั้นจะต้องถูกสังหารจนตัวเองต้องตายแทนอย่างแน่นอน
แต่ทว่าหากใช้ดาบเล่มนี้เอาไปฟาดคนอื่นก็เป็วิธีที่ไม่เลวเลยทีเดียว เพราะความหนักของมันสามารถทำให้คนคนนั้นเกือบตายได้เลย
แต่ที่สำคัญคือคุณต้องจับดาบไว้ให้มั่น มิฉะนั้นอาจจะฟาดถูกเท้าของตัวเองก็ได้เช่นกัน
หลินเยว่แอบคิดเงียบๆ อยู่ในใจ เขาหัวเราะอย่างเ้าเล่ห์
เขาวางดาบเล่มนั้นลง และก็เริ่มมองดาบเล่มอื่นๆ สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปสำรวจแผงถัดไป
ผลปรากฏว่าการชมในครั้งนี้หลินเยว่รู้สึกผิดหวังเป็อย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่ออกว่าดาบสัมฤทธิ์และเครื่องสัมฤทธิ์มีมูลค่าเท่าไร แต่เขาก็พอมองออกว่าเครื่องทองแดงหรือเครื่องสัมฤทธิ์เหล่านี้เป็เพียงการทำให้ดูเก่าแก่โบราณเท่านั้นเอง นอกจากรูปลักษณ์จะดูไม่ค่อยดีแล้ว วัสดุที่นำมาทำก็ดูแย่เช่นกัน
ขณะที่หลินเยว่เตรียมจะออกไปจากที่นี่นั้น หางตาของเขาพลันเหลือบเห็นของชิ้นหนึ่ง และก็ทำให้เท้าของเขาต้องหยุดก้าวทันที
หลินเยว่หมุนตัวกลับไปอย่างช้าๆ และก็เดินตรงไปยังแผงนั้นทันที อันที่จริงของชิ้นนั้นแทบจะไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลยสักนิด แต่ทว่ากลับทำให้หลินเยว่รู้สึกแปลกประหลาด ตัวหลินเยว่เองก็บรรยายไม่ถูกว่าเป็ความรู้สึกแบบไหน ราวกับว่าเหมือนถูกไฟช็อตกะทันหัน ณ ชั่วอึดใจนั้นเขารู้สึกราวกับถูกโจมตีถึงจิติญญา
หลินเยว่เดินไปหยุดตรงหน้าแผงนั้นอย่างเงียบๆ เขาหยิบกาเหล้าทองแดงใบหนึ่งขึ้นมาจากแผงร้านนี้อย่างไม่ใส่ใจนัก แต่ในขณะเดียวกันหางตาของเขาก็สังเกตของที่สามารถดึงดูดสายตาของเขาไว้อยู่หมัด
ขอบชิ้นนั้นมีลักษณะเหมือนดาบสั้นเล่มหนึ่ง ภายนอกมีสนิมทองแดงและคราบดินสกปรกเกาะอยู่เป็ชั้นๆ คราบดินเ่าั้ไม่ได้ถูกสนิมทองแดงเกาะจนกลายเป็สีเขียว แต่กลับปรากฏเป็สีม่วงอ่อนแทน ดูแล้วให้ความรู้สึกแปลกๆ ทำให้คนเกิดความรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ ไม่รู้เพราะเหตุใด เ้าของแผงจึงไม่ได้ขจัดคราบดินสกปรกที่เกาะอยู่ด้านนอกออกไปก่อน
หลินเยว่แอบแปลกใจ เขาไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็ของอะไรกันแน่ เพราะเหตุใดจึงทำให้เขาเกิดความรู้สึกเช่นนี้
“เถ้าแก่ กาเหล้าทองแดงใบนี้ราคาเท่าไร?”
หลินเยว่ถามกับเ้าของแผง เขาพยายามแสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกสนใจกาเหล้าทองแดงใบนี้เป็อย่างมาก
เ้าของแผงเห็นเช่นนี้ เขาจึงกลอกลูกตาไปมา และพูดราคาขึ้น “สองหมื่น”
หลินเยว่แกล้งทำเป็ถอนหายใจ สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความผิดหวัง เขาลูบกาใบนี้อีกหลายครั้ง สุดท้ายก็ต้องวางคืนที่เดิมอย่างอาลัยอาวรณ์ เขาทำเป็ “จำใจ” วางแล้วเบนสายตาไปยังดาบสั้นที่อยู่ไม่ห่างนัก
ดูจากสนิมทองแดงที่เกาะอยู่ก็ทำให้รู้ได้ว่านี่คือเครื่องสัมฤทธิ์เล่มหนึ่ง แต่ทว่าหลินเยว่ก็ไม่กล้ายืนยันขนาดนั้น เป็เพราะว่าด้ามจับของดาบสั้นเล่มนั้นกลับปรากฏเป็สีดำ และสีดำนี้ก็คือสีของเหล็กบริสุทธิ์นั่นเอง
หลินเยว่แกล้งทำเป็หยิบดาบสั้นเล่มนี้ขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจนัก ผลปรากฏว่าเขาไม่เห็นถึงความโดดเด่นเป็พิเศษอะไรเลย มันดูเรียบง่ายไม่หรูหรา เวลาััดาบก็ไม่ได้รู้สึกแปลกไปจากดาบธรรมดาเลยสักนิด มีเพียงแค่มันไม่ค่อยมีน้ำหนัก ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้จับอะไรไว้เลย หากไม่ได้รู้สึกว่าตรงมือกำลังจับอะไรอยู่ หลินเยว่คงจะคิดว่าตัวเขาไม่ได้ถือของอะไรเลย
และเป็เพราะจุดเรียบง่ายธรรมดาเช่นนี้ กลับทำให้หลินเยว่รู้สึกว่าดาบสั้นในมือของเขาต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ความจริงก็อาจจะมีความเป็ไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ดาบสั้นเล่มนี้มีเพียงเปลือกนอกเท่านั้น แต่ด้านในกลับกลวง จึงทำให้ดาบเล่มนี้เบามาก
หลินเยว่ไม่กล้าสันนิษฐานว่าเป็กรณีไหนกันแน่ เนื่องจากมีคราบดินสกปรกเกาะอยู่ภายนอกหนามาก เขาจึงไม่สามารถลองเคาะเปลือกนอกแล้วตัดสินว่าภายในดาบสั้นเล่มนี้เป็แบบกรณีไหน
เขาลองเคาะคราบดิน้า พยายามออกแรงแกะออก แต่เป็เพราะมันแข็งมาก จึงไม่สามารถแกะออกได้เลย
ขณะที่เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เขาพลันนึกถึงพลังพิเศษของตัวเองที่เขาไม่ได้ใช้มันมานานแล้ว บางทีพลังพิเศษอาจจะสามารถมองทะลุไปถึงด้านในได้ทั้งหมด
เขาพลันคิดถึงตอนที่เขามองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง พลังพิเศษของเขาสามารถมองทะลุตัวโทรศัพท์ที่ทำด้วยโลหะได้เช่นกัน ดังนั้น เขาจึงยิ่งรู้สึกมั่นใจว่าเขาจะสามารถมองทะลุดาบเล่มนี้ได้อย่างแน่นอน
หลินเยว่มองคนรอบๆ ตัว เขาพบว่าเ้าของแผงกำลังมองเขาอยู่ เขาจึงส่งยิ้มให้กับเ้าของแผงนี้ หลังจากนั้นจึงทำเป็จับดาบสั้นขยับไปมาอย่างไม่ใส่ใจ แต่สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่ตัวดาบ
เ้าของแผงเห็นการกระทำของหลินเยว่เช่นนี้ เขาจึงเข้าใจว่าหลินเยว่เพียงมองไปเรื่อยๆ เท่านั้น แต่ไม่มีความ้าที่จะซื้อ ดังนั้น เขาจึงเบนสายตาออกไปเพื่อไปสังเกตลูกค้าคนอื่นแทน
และเวลานี้เอง!
หลินเยว่จ้องเขม็งไปที่ดาบสั้นในมือของเขา ตาทิพย์พลันเปิดออก
พลังพิเศษของเขาในครั้งนี้ใช้เวลาเริ่มต้นน้อยกว่าแต่ก่อนมากนัก แต่เขาไม่ได้สนใจที่จุดนี้เลย เพราะความสนใจทั้งหมดของเขามุ่งไปที่ดาบสั้นในมือ
สายตาของหลินเยว่จับจ้องนิ่ง สนิมทองแดงและคราบดินที่อยู่ภายนอกค่อยๆ หายไป ราวกับว่าถูกคนค่อยๆ แกะออกทีเดียว มันน้อยลงทุกที สุดท้ายจึงเหลือเพียงชั้นบางๆ เท่านั้น
จังหวะที่ชั้นบางๆ ชั้นสุดท้ายค่อยๆ หายไปนั้น พลันมีแสงแห่งความหนาวเหน็บปรากฏขึ้นต่อหน้าหลินเยว่ มันบาดตาหลินเยว่จนเขารู้สึกเ็ป ความเย็นเฉียบไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาและเริ่มแผ่กระจายไปทั่ว มันกัดกร่อนเข้าสู่กระดูก ทำให้เขาต้องตัวสั่นด้วยความหนาวอย่างควบคุมไม่ได้
หลินเยว่พยายามอดทนต่อความหนาวจัดนี้ แต่หลังจากดวงตาของเขาปรับสภาพกับความเ็ปนี้ได้แล้ว สภาพดาบสั้นทั้งหมดก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าสายตาของเขา
ลักษณะภายนอกดูเหมือนดาบสั้น แต่ความจริงแล้วกลับไม่ใช่ มันกลายสภาพราวกับเป็ของคนละชิ้น ใบมีดมีความคมผิดปกติ เป็ความคมที่เวลาผ่านไปนับพันปีก็ไม่มีวันเปลี่ยนไป ให้ความรู้สึกว่าหากััเพียงเบาๆ ก็สามารถทำให้เืไหลไม่หยุด ส่วนปลายมีดกลับแหลมขึ้นมาอย่างผิดปกติ มีความคล้ายกับมีดแกะสลักที่เขาเคยเห็นในอินเทอร์เน็ต มันเป็มีดสมัยโบราณที่คนนำมาใช้แกะสลักโดยเฉพาะ!
มีดแกะสลัก!
ความคิดนี้ทำให้หลินเยว่เกิดอาการสะดุ้งไปทั้งตัว เขากำลังขาดมีดแกะสลักเล่มหนึ่งอยู่พอดีมิใช่หรือ?
ความรู้สึกนึกคิดของหลินเยว่จึงเปลี่ยนไปทันที เขารู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมาก เขาสำรวจตัวมีดอย่างละเอียด พบว่าความหนาของตัวมีดมีความลงตัวพอดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคมมีดที่ดูคมกริบจนน่ากลัว ถึงแม้ว่าหลินเยว่จะไม่รู้ว่าเป็มีดแกะสลักในยุคสมัยไหน แต่เขารู้สึกว่ามีดแกะสลักเล่มนี้น่าจะยังสามารถใช้งานได้อยู่